ตอนที่ 183 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 0
พรึ่บ!
แสงได้สว่างวาบ และทันใดนั้น ก็มีคนสองคนปรากฏตัวภายในห้อง พวกเขาสองคนเดินทางผ่านมิติโดยการใช้วงเวทย์ที่เวโรนิก้าได้ใช้ก่อนหน้านี้ แต่ทว่า ธีโอดอร์ได้เปิดประตูด้วยมือของเขาเองในครั้งนี้ จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆราวกับมีอาหารชั้นเลิศหลายจานวางอยู่ตรงหน้าเขา
‘มันผ่านมานานแล้ว แต่ฉันไม่เห็นถึงความแตกต่างเลย’
ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ที่อาศัยอยู่ได้ประมาณ100ปี หอสมุดแห่งชาติเป็นสถานที่ที่มีประวัติมานานเกือบ500ปี ดังนั้นมันจึงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปภายในเวลาเพียง1หรือ2ปี อย่างไรก็ตาม ความคิดของพาราแกรนัมนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย “โอ้ว จำนวนของหนังสือได้เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ที่ฉันมาที่นี่ครั้งสุดท้าย มัน300หรือ400ปีแล้วนะ?โอ้ว นี่เป็นชุดหนังสือที่ดี”
“300ปี.....ในระหว่างนั้น คุณไม่ได้มาที่นี่เลย?”
“แน่นอนว่าไม่ สำหรับฉันความรู้พวกนี้นั้นไม่มีค่าอะไร”
แน่นอน ธีโอดอร์จำได้ว่าไม่มีหนังสือใดที่เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุภายในหอสมุดนี้ อย่างไรก็ตาม จอมเวทย์ส่วนใหญ่มักจะมีความสนใจในเวทมนต์ที่พิเศษ แม้ว่ามันจะไม่ใช่สายของพวกเขาก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์โบราณนั้นยังมีวิธีฝึกและทฤษฏีที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ เช่นนั้น มันจึงมีหนังสือหายากมากมายในหอสมุดแห่งชาติ
ผู้นำYellow Tower สามารถเข้าหอสมุดนี้ได้อย่างอิสระ แต่เธอไม่เคยก้าวเข้ามาที่นี่นานกว่า300ปี อันที่จริงแล้วนี่เป็นหนังสือเวทย์โบราณที่มีความคิดแตกต่างไปจากมนุษย์
ขณะที่ธีโอดอร์คิดเช่นนั้น เขาก็ได้เดินตามหลังพาราแกรนัมที่เดินนำหน้าและมองไปรอบๆ เมื่อเขาได้เดินลึกเข้าไปในหอสมุดแห่งชาติ ความหายากของหนังสือก็ได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่เดินผ่านหนังสือใกล้ประตูทางเข้า พวกเขาก็ได้มาถึงบริเวณที่ธีโอดอร์เคยเห็นมาก่อน
“…อา” ธีโอดอร์เหยียดมือออกไปเมื่อเขาเห็นหนังสือสีแดงที่คุ้นเคย
[เพลิงนรก]
[-หนังสือเล่มนี้มีวิธีการอัญเชิญเปลวเพลิงจากโลกปีศาจ เปลวเพลิงที่จะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเพลิงนรกได้ถูกเรียกใช้ มันจะไม่สามารถดับได้ด้วยวิธีปกติ การอัญเชิญจะสิ้นสุดลงเมื่อพลังของผู้ใช้หมดลงหรือพลังชีวิตของเขาถูกตัดออก การเผาไหม้จากเวทมนต์นี้เป็นเรื่องยากที่จะรักษาได้ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้ปกปิดตัวตนของเขาเอาไว้]
*หนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับ’สมบัติ’
*เงื่อนไขการใช้งาน : วงกลม7วง ความสัมพันธุ์กับเวทย์ธาตุไฟ
*เมื่อกินแล้ว ‘เพลิงนรก’จะถูกเรียนรู้
*เมื่อกินแล้วความสามารถในเวทย์ธาตุไฟของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
*นี่คือหนังสือต้นฉบับที่เขียนโดยผู้เขียนโดยตรง มีโอกาสที่จะดูดซับความสามารถบางอย่างของผู้เขียนได้]
มันเป็นเวทย์ที่ธีโอดอร์ไม่สามารถเรียนรู้ได้ในอดีต แต่ตอนนี้ธีโอดอร์มีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้เพลิงนรก
ด้วยการที่ต้องมีวงกลม7วง และความสัมพันธ์กับธาตุไฟ เว้นแต่เวโรนิก้าที่สืบทอดเลือดมังกรแดง ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเรียนรู้เวทมนต์นี้
‘อืม มันเป็นเวทมนต์ที่ฉันสามารถใช้ได้แล้วในตอนนี้’
ธีโอดอร์มีเวทย์ไฟขั้น7 Infernoซึ่งมีการโจมตีในวงกว้างและสามารถโจมตีศัตรูได้หลายคน อย่างไรก็ตาม มันมีขัดจำกัดในการต่อกรกับบุคคลที่แข็งแกร่ง
หากปรมาจารย์ดาบเป็นศัตรูกับเขา มันจะไม่มีความหมายหากเวทมนต์ของเขาไม่รุนแรงพอ มันจะแตกต่างไปหากเวทมนต์ถูกบีบอัดในรูปแบบบางอย่าง เช่นเดียวกับเวโรนิก้า แต่นั่นเป็นขอบเขตของ’ศาสตร์เวทย์’
อย่างไรก็ตาม เพลิงนรกนั้นมีพลังมากพอด้วยตัวของมันเอง แม้กระทั่งอัตตาในขั้น4 ยังไม่สามารถทนทานต่อเพลิงนรกได้ ตามบันทึกจากสงครามครั้งสุดท้าย เพลิงนรกเป็นเวทย์ที่ได้ฆ่าปรมาจารย์ดาบไป
Abraxas ไม่สามารถใช้งานได้เสมอไป ดังนั้นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดี
‘มันเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ฉันจะพิจารณา’
มีหนังสือเวทมนต์อยูหลายเล่ม ธีโอดอร์จนบันทึกเพลิงนรกเอาไว้และมองไปยังหนังสือเล่มอื่นๆ แม้ว่าเขาจะได้เลือกเพลิงนรกไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรผิดหากมองหนังสือเล่มอื่นๆให้ถี่ถ้วน นี่น่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาจะสามารถมาเอาหนังสือจากหอสมุดแห่งชาติได้
หลังจากที่มองดู พาร่าก็ได้พยักหน้าขณะที่ธีโอดอร์หยิบหนังสืออีกสองเล่มขึ้นมา
ซึ่งสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมามีดังนี้ :
[ย้อนเงา]
[-หนังสือเล่มนี้จะอธิบายถึงมิติเชิงลบซึ่งอยู่ติดกับโลกวัตถุ ตลอดจนถึงมิติเวทมนต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงา เงาไม่ได้เป็นเพียงช่องว่างที่ปรากฏอยู่อีกด้านหนึ่งของแสงเท่านั้น มันเป็นกระจกที่สะท้อนโลกที่สสารไม่มีอยู่ จอมเวทย์ที่เรียนรู้เวทมนต์นี้จะสามารถเปลี่ยนการดำรงอยู่ที่เป็นความจริงและภาพลวงตาได้ ทำให้มันเป็นไปได้โดยการใช้เงาของตัวเอง
*หนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับ ‘ล้ำค่า’
*เงื่อนไขการใช้งาน : วงกลม7วง จำเป็นต้องเข้าถึงมิติเชิงลบ
*เมื่อกินแล้ว ความเชี่ยวชาญของเวทย์ความคงทนจะเพิ่มขึ้น
*เมื่อกินแล้ว ความเข้าใจเกี่ยวกับมิติทั้งสองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
*นี่คือหนังสือต้นฉบับที่เขียนโดยผู้เขียนโดยตรง มีโอกาสที่จะดูดซับความสามารถบางอย่างของผู้เขียนได้น้อยมาก]
[อัลติม่า]
[หนังสือเล่มนี้จะอธิบายถึงเวทย์แช่แข็งที่สามารถหยุดปรากฏการณ์ทั้งหมดของโลกวัตถุได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่อัลติม่า จากโลกโบราณ ‘อัลติเมท’ ได้กลายเป็นเวทมนต์นี้ ในอดีต มีบางคนได้กล่าวว่า จอมเวทย์ได้ใช้เวทย์อัลติม่า ในการแช่แข็งมังกร จนกระทั่งมันตายด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าการที่จะใช้เวทมนต์นี้ให้สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องมีวงกลม8วง
*หนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับ ‘ล้ำค่า’
*เงื่อนไขการใช้งาน : วงกลม7วง ความสัมพันธ์กับเวทย์ธาตุน้ำ(สูง)
*เมื่อกินแล้ว อัลติม่าจะถูกเรียนรู้
*เมื่อกินแล้ว ความสามารถเกี่ยวกับเวทย์น้ำแข็งของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
*นี่คือหนังสือต้นฉบับที่เขียนโดยผู้เขียนโดยตรง มีโอกาสที่จะดูดซับความสามารถบางอย่างของผู้เขียนน้อยมาก ระดับอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับของผู้ใช้]
เมื่อรวมกับเพลิงนรกแล้ว มีหนังสือทั้งหมดสามเล่ม ธีโอดอร์เป็นทุกข์อยู่ชั่วขณะเมื่อเขาสับสนว่าควรเลือกอะไร
‘ไฟ น้ำแข็ง หรือเงา.....ความสามารถของพวกมันนั้นแตกต่างกันมากจนยากที่จะได้มาตรฐานที่ชัดเจน’
พวกมันมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง เพลิงนรกมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เวทย์ขั้น7 เวทย์ที่ใช้ควบคุมเงา และเวทย์น้ำแข็งที่ฆ่ามังกรได้.....แม้ว่าความปราถนาของธีโอดอร์จะเป็นหนังสือทั้งสามเล่มก็ตาม เขาก็ต้องเลือก เขาสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้งและตัดสินอย่างใจเย็น
อย่างแรก ย้อนเงา
‘การควบคุมเงาได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี....แต่ฉันไม่รู้วิธีการผสมผสานกับเวทย์ธาตุอื่นๆ นอกจากนี้มันยังมีความคลุมเครือเนื่องจากระดับความยากนั้นสูงเกินไป.....อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งปีในการยกระดับความเข้าใจให้อยู่ในระดับสูง’
มันอาจจะเป็นคู่แข่งหรือแม้กระทั่งเลวร้ายยิ่งกว่าเวทย์มิติ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีถึงความยากลำบากของมัน ธีโอดอร์มองไปที่เวทย์ย้อนเงาและวางมันลงด้วยท่าทางเศร้าหมอง
จากนั้นก็ถึงความของอัลติม่า
‘เวทย์น้ำแข็งที่สามารถหยุดปรากฏการณ์ทั้งหมด.....มันค่อนข้างน่าสนใจ แต่วงกลมที่7เป็นเพียงขั้นเบื้องต้นเท่านั้น ในการใช้งานมัน ฉันต้องมีวงกลมอย่างน้อย 8 วง ตอนนี้ฉันแทบจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้’
มันเป็นเวทมนต์ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ธาตุน้ำที่เกือบจะสูงสุด อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์สามารถที่จะเรียนรู้ได้เนื่องจากเลือดของอควาโล่ ปัญหาก็คือการใช้งานจริง ไม่ใช่คุณสมบัติ
อัลติม่าเป็นเวทมนต์ที่สามารถแช่แข็งมังกรได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จอมเวทย์ขั้น7จะสามารถสร้างได้ ต้องใช้จอมเวทย์ธาตุน้ำขั้น8เป็นอย่างน้อย ตามความเข้าใจของธีโอดอร์หลังจากที่อ่านหนังสือ บลันเดลล์เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้อัลติม่าได้ภายในอาณาจักรเมลเทอร์
‘สุดท้าย...เพลิงนรก’
ธีโอดอร์มีเพียงตัวเลือกเดียว เขาวางหนังสือทั้งสองเล่มลงและมองไปยังผู้นำYellow Tower ผู้ซึ่งเข้าใจว่าธีโอดอร์ได้สร้างทางเลือกไว้แล้ว
‘เพลิงนรก’
มันเป็นทางเลือกที่ชัดเจนสำหรับจอมเวทย์จากRed Tower
อย่างๆไรก็ตาม พาร่าได้จ้องมองธีโอดอร์ด้วยท่าทางแปลกๆและถาม “เธอมีเหตุผลในการเลือกหนังสือเล่มนี้ไหม?เพลิงนรกเป็นเวทย์โจมตีที่มีประสิทธิภาพ แต่มันเป็นการยากที่จะควบคุมขนาดของพลังได้ และมันจะไม่มีประสิทธิภาพเมื่อนึกถึงจำนวนพลังเวทย์ที่ต้องใช้งานมัน”
“ผมรู้ แต่มันเป็นความเสี่ยงที่ผมสามารถจ่ายได้”
ปริมาณพลังเวทย์ที่ใช้งานจะลดลงกว่าครึ่งเนื่องจากหยินและหยางเทียม นอกจากนี้ธีโอดอร์ยังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้อเสียของเพลิงนรก เขามีความคาดหวังสูงสำหรับพลังของมันมีพลังอำนาจที่จะสร้างหายนะ
อย่างไรก็ตาม พาร่าไม่ได้หยุดจ้องมาที่เขา ดังนั้นธีโอดอร์จึงให้เหตุผลอีกหนึ่งข้อ
“….ผมมีความสนใจในความจริงที่ว่าทำไมผู้เขียนจึงปกปิดตัวตนของเขา”
“ฉันเข้าใจแล้ว”พาร่าส่งร้อยยิ้มที่ไม่พึงประสงค์ให้ธีโอดอร์ มันน่ากลัวมากสำหรับการดำรงอยู่ของคนที่ไม่ใช่มนุษย์แต่สามารถเลียนแบบมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ พาร่าดูเหมือนจะรู้สึกความไม่ชอบใจของเขาและกล่าวด้วยเสียงเล็กๆ “งั้นเธอจะบอกฉันได้มั้ยก่อนที่จะกินหนังสือเล่มนั้น?”
“อะไรนะ...?”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะงุนงง เวทย์โบราณก็ได้กระซิบ “จอมเวทย์ผู้ที่สร้างเพลิงนรกก็คือ.....”
เสียงของพาร่านั้นเบามากจนไม่สามารถได้ยินได้แม้จะอยู่ใกล้ๆ แต่ทว่า ดวงตาของธีโอดอร์กลับเบิกกว้างกับคำพูดของเธอ
***
ในเวลาเดียวกัน บางคนกำลังนั่งฟังการรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอยู่ด้านท้ายของพระราชวัง
“-ทะเลทรายมิวส์?”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”อัศวิน ผู้ที่สวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้หมอบลงบนพื้นและอธิบาย “นี่คือรายงานจากหมายเลข36และหมายเลข 37 ตามที่นักโบราณคดีผู้ค้นพบโบราณสถานในเขตรอบนอกของทะเลทรายมิวส์ พวกมันได้เชื่อว่าที่แห่งนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของยุคโบราณกาล”
“เจ้าได้เริ่มขุดรึยัง?”
“กระหม่อมพยายาม แต่มันไม่ได้ผล กำแพงด้านนอกและประตูของซากโบราณนั้นแข็งเกินไป อ่า ยังมีโลหะที่กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อน”
“….อืม”
เจ้าชายเฟอร์มุทแห่งจักรวรรดิแอนดราส ซึ่งเป็นเจ้าชายรัชทายาท ได้สัมผัสคางของเขาด้วยความสนใจ (ตอนก่อนหน้าได้กล่าวว่ามันเป็นเจ้าชายลำดับที่3 ไม่รู้ว่าผู้เขียนผิดหรือพี่ชายของเขาได้ตายและเขาได้ขึ้นตำแหน่งรัชทายาทแทน)
หากเมลเทอร์เต็มไปด้วยการค้นคว้าเวทมนต์ จักรวรรดิแอนดราสก็จะอุทิศตนให้กับการศึกษาเพลงดาบและการพัฒนาทางการทหาร แต่นี่เป็นโลหะที่อัศวินของแอนดราสพึ่งเคยเห็น?บางทีนี่อาจจะเป็นการค้นพบโลหะใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกนี้
มูลค่าของซากโบราณได้กระโดดขึ้นไปอีกสองระดับสำหรับเฟอร์มุท วันนี้มีเพียงสิ่งแย่ๆที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้เพียงพอที่จะปลอบปะโลมอารมณ์ของเขา นี่เป็นโลหะที่หน่วยเงาที่มีพลังออร่าอันยอดเยี่ยมไม่สามารถเจาะทะลุผ่านได้.....พลังของมันจะเป็นเช่นไรหากถูกแปลงเป็นเกราะ?
“…ข้าจะมีอาวุธใหม่ในกำมือ”เฟอร์มุทประกาศลั่น
จากนั้นเอง เสียงมุ่งร้ายก็ได้ดังขึ้น “มันจะสามารถเติมเต็มช่องว่างของดาบพระเจ้าได้”
“ลำดับที่7...ของท่าน”
“กระหม่อมขออภัย องค์รัชทายาท ท่านดูเหมือนจะลำบากใจที่กระหม่อมพูดเบาเกินไป” มันคือดาบของจักรวรรดิ ลอยด์ โพลแลน เขายิ้มเหลาะแหละเช่นเคยขณะที่เยาะเย้ยเจ้าชายที่สูญเสียดาบเทพเจ้าไป
ขณะที่ใบหน้าของเฟอร์มุทบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ลอยด์ก็ได้ก้าวถอยหลังและโค้งหัวของเขา “กระหม่อมได้กลับมาแล้ว ฝ่าบาท กระหม่อมได้จัดการมันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นโปรดปล่อยวางความโกรธของท่านไป”
“…เป็นคนที่โอหังเสียจริง”
“นั่นไม่ใช่เสน่ห์ของข้างั้นหรือ?”
คิ้วของเฟอร์มุทกระตุกขึ้นด้วยความฉุนเฉียวหลายครั้ง แต่เขาก็ได้จบเรื่องราว ลอยด์เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเฟอร์มุท ผู้ที่สูญเสียปรมาจารย์ดาบของเขาไป ไฮด์ มันจะน่าเสียดายหากสูญเสียเขาไปเพียงเพราะการโต้เถียง
อย่างไรก็ตาม การตั้งคุณค่าของลอยด์ เฟอร์มุทต้องรักษาศักดิ์ศรีของเขาไว้ เขาได้หันไปทางลอยด์และกล่าวอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นภารกิจใหม่”
“ฝ่าบาท” มันไม่ใช่ว่าลอยด์พึ่งกลับมา?ความหมายของคำพูดที่ไม่ได้พูดนั้นสื่อออกมาอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามเฟอร์มุทได้ให้คำตอบที่แตกต่างกัน
กึก กึก ...!
“อัก!”แรงกดดันได้พวยพุ่งออกมา บังคับให้เข่าของลอยด์ทรุดลงและก้มหัวของเขา
นี่คือพลังที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การแสดงตนเท่านั้น มันเป็นพลังทางกายภาพที่สามารถบีบกระดูกของปรมาจารย์ดาบได้และโค้งมันลง แหล่งที่มาของแรงกดดันนี้ก็คือเฟอร์มุทที่ยื่นมือไปทางลอยด์
เมื่อลอยด์ได้ทรุดตัวลง เฟอร์มุทก็กล่าว “หุบปากซะ เจ้านกสองหัว”
ตอนนี้ แอนดราสได้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือเจ้าชายเฟอร์มุท ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงและองค์จักรพรรดิ ผู้ที่ต้องการรักษาสภาพที่เป็นอยู่
สำหรับเฟอร์มุท เขาต้องการที่จะทำลายเมลเทอร์และรวบรวมทวีปตอนเหนือทั้งหมด ทั้งพ่อของเขาและคนของพ่อเขาไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกขี้ขลาด เฟอร์มุทได้นึกถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เขาเติบโตขึ้น ทำไมจักรวรรดิจึงไม่สู้?หากพวกเขาทรงพลัง ทำไมจึงเห็นด้วยกับการพักรบ?
ดังนั้นเฟอร์มุทจึงพยายามที่จะสุมไฟขึ้น เขาได้โยนเมล็ดพันธ์แห่งสงครามออกไปทั่วทวีปตอนเหนือ อย่างไรก็ตาม งานของเขาในเอลฟ์เฮล์มก็ได้พ่ายแพ้ไป ดาบเทพเจ้า Claimhb Solais เองก็ถูกขโมยไป
ดังนั้นคำพูดที่ไร้สาระของลอยด์ก็เพียงพอที่จะทำลายความอดทนความเฟอร์มุท
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังทำงานให้กับทั้งข้าและพ่อข้า?เจ้ากำลังวิ่งเล่นอยู่ทั้งสองฝ่ายขณะที่เฝ้ามองว่าฝ่ายไหนได้เปรียบมากน้อยเพียงใด”เฟอร์มุทได้พูดขึ้น
“ฝะ-ฝ่าบาท....!”
“ข้าจะไม่อดทนอีกต่อไป นี่คือคำสั่ง”ดวงตาของเฟอร์มุทแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เขาสั่งลอยด์ “ไปยังซากโบราณในทะเลทรายมิวส์ ข้าจะเฝ้าดูหากเจ้ายอมแพ้หรือล้มเหลว”
“นะ-นั่นคืออาณาเขตของอาณาจักรออสเต็น”
“เจ้ากลัวพวกโง่ที่ไม่สามารถเติมท้องของพวกมันได้เพราะภัยแล้ง?”
“กระหม่อมเพียงแค่คิดว่าเราควรเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ”
“ฮ่า!”เฟอร์มิทได้ยกพลังออร่าที่กดทับลอยด์ขึ้น เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และพูดออกมา “คนขี้ขลาดมักจะพยายามปกปิดความกลัวด้วยการพูดอย่างรอบคอบ ข้าเบื่อที่จะได้เห็นสิ่งนั้น ไปที่ซากโบราณ หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะถือว่าเจ้าใช้การไม่ได้”
“…กระหม่อมเข้าใจ ฝ่าบาท”ลอยด์พูดอย่างระมัดระวังก่อนที่จะหายตัวไป มันแตกต่างจากความสามารถในการปกปิดของไฮด์ เจ้าชายเฟอร์มุทรับรู้ถึงการเดินทางของลอยด์และหยิบขวดที่วางไว้ใกล้ๆขึ้นมาซึ่ง1หยดมีค่าเทียบเท่ากับทอง
แกร๊ก
เขาใช้นิ้วชี้ของเขาเปิดขวดและเติมถ้วยของเขา
“มันเป็นเวลา700ปีแล้วนับแต่ก่อตั้งอาณาจักรนี้ขึ้น....และสภาพอากาศในแอนดราสกำลังทรุดโทรม”เฟอร์มุทร้องคร่ำครวญและมองเข้าไปในถ้วย ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเขาไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังและดาบเทพเจ้าที่เขามอบให้ก็ได้หายไป อย่างไรก็ตาม ความใฝ่ฝันของเฟอร์มุทกำลังลุกโชนเพราะความยากลำบากนี้
“ข้าจะต้องมีอำนาจสูงสุด”เขายกถ้วยดื่มและกำมือแน่นขณะที่เขาสัญญากับตัวเอง “ทางเหนือจะต้องรวมเป็นปึกแผ่นในยุคของข้า”