บทที่ 9 : ผู้อาวุโสกล่าวว่า! นี่คือสุดยอดอัจฉริยะที่หาได้มิได้อีกแล้วในรอบหมื่นปี !!
"ตำหนักลงทะเบียนอัจฉริยะ"
หลินฟ่านยืนเอ๋ออยู่ด้านหน้าตำหนักลงทะเบียนอยู่ครู่หนึ่ง
เขาได้แต่คิดว่า "โห...ตั้งชื่อซะ...... "
เวอร์ได้อีก
มันแสดงให้เห็นว่า อัจฉริยะจะได้รับการดูแลอย่างพิเศษขนาดไหน
"มาเถอะ ศิษย์น้อง" หนี่หมิงหยางกล่าวกับหลินฟ่านอย่างเป็นมิตร น้ำเสียงเขาไม่ได้เร่งเร้าอะไรหลินฟ่าน
หนี่หมิงหยางไม่กล้าจะทำอะไรไม่สุภาพกับหลินฟ่าน ไข่ทั้งสองใบของเขายังระบมอยู่ ความเจ็บปวดยังไม่จางหายไปไหน
‘การโจมตีของศิษย์น้องมันน่ากลัวมาก ถึงจะไร้ยางอายไปสักหน่อยก็เถิด ...มิได้การ!! ข้าต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ศิษย์พี่เมิ่งรับรู้ไว้ด้วย’ หนี่หมิงหยางยืนคิดในขณะที่รอหลินฟ่าน
"อ่า ไปกันเถอะ .... " หลินฟ่านพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินตามหนี่หมิงหยางเข้าไป
ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ก็อดนับถือนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ได้ แค่ปริมาณพื้นที่ของนิกายที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ก็บอกให้รู้แล้วว่านิกายนี้รวยขนาดไหน
"ข้าศิษย์สายนอกหนี่หมิงหยาง นำอัจฉริยะมาลงทะเบียน ขอความกรุณาท่านอาวุโสหลี่ตรวจสอบด้วย "หนี่หมิงหยางยืนกล่าวหน้าประตูด้วยความเคารพ
"ข้า..มา..แล้ว.... " ในขณะนั้นเองเสียงที่น่าสะพรึงก็ดังออกมาจากหน้าตำหนัก เสียงนี้มันสยดสยองเขย่าขวัญจิตใจผู้ฟังเป็นอย่างมาก
แม้แต่หลินฟ่านผู้ไม่เกรงกลัวฟ้าดินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เขาถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นๆออกมา
"ศิษย์พี่หนี่ ทำไมเสียงของอาวุโสหลี่น่าสะพรึงขนาดนี้ล่ะ?" หลิหลินฟ่านกระซิบถามออกมา
“ชู่วว ! ดูเจ้าพูดเข้าสิศิษย์น้อง! เอาล่ะ ศิษย์น้องเมื่อเจ้าเห็นอาวุโสหลี่เจ้าอย่าได้ตกใจหรือหวาดกลัว เข้าใจหรือไม่? หนี่หมิงหยางรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้บอกอะไรแก่หลินฟ่านก่อนหน้านี้ เขาลืมบอกจนกระทั่งมาถึงหน้าตำหนัก
“กลัว? มันจะน่ากลัวยังไงหว่า”หลินฟ่านรู้สึกงงและไม่เข้าใจ เขาได้แต่คิดไปว่า ‘หรืออาวุโสหลี่อะไรนี่จะเป็นพวกกินเนื้อมนุษย์อะไรแบบนั้น?’
ถึงจะเป็นแบบนั้นหลินฟ่านก็ยังไม่กลัว เต็มที่เขาก็จะใช้วิชา ลิงขโมยลูกท้อ สวนออกไป
"เจ้าอยู่นิ่งๆก้มหน้าเอาไว้ ท่านผู้อาวุโสหลี่มาถึงแล้ว" ท่าทางของหนี่หมิงหยางเปลี่ยนไป เขาดูสุภาพมากขึ้น
หลินฟ่านแอบเงยหน้ามองผู้ชายที่กำลังเดินออกมาจากมุมมืด
ผู้ชายคนนั้นดูท่าทางแข็งแกร่ง เขาสวมชุดคลุมสีดำ...
“เฮ่ย ......”
ในขณะที่ใบหน้าของอาวุโสหลี่ถูกแสงตกกระทบ ท่าทางของหลินฟ่านก็เปลี่ยนไปในพริบตา มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก
เฮ่ย ...... ได้ไงวะ ......
หน้าคนเราจะเป็นแบบนี้ได้ไงวะเฮ้ย!?
ครึ่งหน้าของเขายังเป็นคนปกติ แต่ใบหน้าอีกครึ่งเป็นหัวกะโหลก หากมองผ่านเบ้าตาที่กลวงโบ๋เข้าไป จะเห็นสมองเละๆเต้นตุบๆอยู่
โคตรสยอง!
เมื่อนึกถึงคำพูดของหนี่หมิงหยางหลินฟ่านรีบก้มหน้าและไม่มองอาวุโสหลี่อีก
แม้หลินฟ่านจะผ่านอะไรมามากแต่ก็ไม่เคยเห็นคนอะไรมีลักษณะแบบนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะหนี่หมิงหยางบอกไว้ก่อนว่าอย่าหวาดกลัว ป่านนี้เขาคงตะโกนออกมาแล้วว่า "ผีหลอกกก!"
"อาวุโสหลี่ นี่คือหลินฟ่าน วิชากายปีศาจอมตะ ของเขา บรรลุถึงขั้นสูงยิ่ง การโจมตีสุดกำลังของข้ามิอาจทำอันใดแก่เขาได้ "หนี่หมิงหยาง กล่าวอธิบายออกมา
'ตำหนักลงทะเบียนอัจฉริยะ' เป็นรากฐานสำคัญของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ สาวกอัจฉริยะจำนวนมากต้องมาลงทะเบียนที่นี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะได้รับทรัพยากรมากมายเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ
แต่นานมาแล้วที่ 'ตำหนักลงทะเบียนอัจฉริยะ' ของนิกายได้ก่อตั้งขึ้น อัจฉริยะก็มากขึ้นตามกาลเวลา ดังนั้นทรัพยากรจาก 'ตำหนักลงทะเบียนอัจฉริยะ ก็ไม่ได้มากมายเท่าเดิมเหมือนในอดีต นิกายจะไปสรรหาทรัพยากรมากมายจากที่ไหนมาประเคนได้ทัน...
“โอ้เช่นนั้นรึ ข้าจักลองตรวจสอบดู”เมื่อได้ฟังคำพูดของหนี่หมิงหยาง อาวุโสหลี่ก็กล่าวออกมาด้วยความสนใจ
หลินฟ่านสะดุ้งขึ้นมาในทันที เขาได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา
‘ไม่นะ สวรรค์’
‘หวังว่าคงไม่ทำแบบนั้นอีกนะ ไม่เอาแล้ว’
เมื่อหลินฟ่านค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าโครงกระดูกของอาวุโสหลี่ก็อยู่ตรงหน้าของเขาในระยะประชิด แสงสีเขียวๆในเบ้าตากลวงโบ๋ของอาวุโสหลี่ห่างจากหน้าของหลินฟ่านไม่ถึงคืบ
"เจ้าหวาดกลัวใบหน้าของข้าเช่นนั้นหรือ?" อาวุโสหลี่กล่าวกับศิษย์ใหม่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ถึงกริยาของหลินฟ่านจะไม่ค่อยมีความเคารพสักเท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร
"ข้าเปล่านะ ...... " หลินฟ่านโกหกออกมา ถ้าเขาพูดความจริงตอนนี้ก็ปัญญาอ่อนแล้ว
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบใบหน้าของอาวุโสหลี่ก็หดหู่เล็กน้อย
"อย่าได้กังวล ข้ามิได้คิดที่จะตำหนิเจ้า ในอนาคตเจ้าจักได้พบบุคคลที่น่าหวาดกลัวมากกว่าข้า "อาวุโสหลี่กล่าวด้วยความเห็นใจ หลังจากนั้นเขาก็นำมือไปจับไหล่หลินฟ่าน
หลินฟ่านรู้สึกตัวได้ทันทีว่ากำลังมีพลังปราณสายหนึ่งไหลเข้ามาสำรวจทั่วร่างกายของเขาทุกซอกทุกมุม
ตอนนี้หลินฟ่านรู้สึกอยากจะร้องไห้
‘แม่มันเถอะ? เจอตรวจแบบนี้สองครั้งในวันเดียว? ทำกันขนาดนี้แล้ว พวกเอ็งไม่เปิดซิงตูดข้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ ?’
ในขณะที่เขากำลังคิดอย่างสลดอยู่นั้น
แสงสีเขียวจากเบ้าตาของอาวุโสหลี่ตรงหน้าก็สว่างเรืองวูบขึ้นมา หลินฟ่านรู้สึกถึงความคุกคามอย่างหนัก ขนทั่วตัวของเขาลุกตั้งชันขึ้นมา
‘โอ้ยอะไรนักหนาวะ! ไอบ้านี่จะมองอะไรนักหนา? จ้องกันขนาดนี้ไม่กินเข้าไปเลยวะ อึดอัดเว้ยยย!’
‘จะจ้องเชี่ยไรนักหนาวะเฮ่ยยยย !’
"อัจฉริยะ ... " อาวุโสหลี่รู้สึกทึ่ง กับหลินฟ่าน
"สุดยอดอัจฉริยะหาที่เปรียบมิได้"
"คาดมิถึงจริงๆว่าจักฝึกฝน" กายปีศาจอมตะ "มาถึงขั้นนี้ได้ ...... นี่มันสุดยอดอัจฉริยะที่หามิได้อีกแล้วในรอบหมื่นปี!!!"
หนี่หมิงหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มออกมา เขาแปลกใจที่เห็นอาวุโสหลี่กล่าวชมเชยถึงขนาดนี้ เขาคาดมิถึงเลยว่าวันนี้จะได้ประสบกับคำกล่าวชมเชยขนาดนี้
‘หากศิษย์น้องมิเป็นอัจฉริยะข้าคงไม่กล้าพามาแนะนำท่านหรอก’
หนี่หมิงหยางยังทึ่งกับคำกล่าวของอาวุโสหลี่ที่ว่า
[สุดยอดอัจฉริยะ?]
[นอกจากนี้ยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่หามิได้อีกแล้วในรอบหมื่นปี ...... ]
หลินฟ่านรู้สึกตกตะลึงกับคำกล่าวของอาวุโสหลี่ ตาของเขาเบิกกว้างออกมา
‘ฮ่า ๆ ......’
‘ไม่ใช่แค่อัจฉริยะ ......’
‘หรือสุดยอดอัจฉริยะ ’
‘แต่แม่งเป็น สุดยอดอัจฉริยะที่หาไม่ได้แล้วในรอบหมื่นปี เลยนะเว้ยยยย!!’
‘อาวุโสหลี่บอกว่าข้าเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่หาไม่ได้แล้วในรอบหมื่นปี อย่างงี้ข้าก็ต้องได้รับทรัพยากรในการบ่มเพาะแบบไม่มีจำกัด หรือได้เป็นศิษย์ส่วนตัวของประมุขนิกายอะไรทำนองนี้รึเปล่า?’ ตอนนี้หลินฟ่านตื่นเต้นมากคำชมดังกล่าว ทำให้มันปลื้มมากที่ได้รับรู้ว่าตัวเองสุดยอดขนาดนี้
‘สุดยอดอัจฉริยะอย่างข้าต้องได้รับการสนับสนุนขั้นสุดยอดใช่ไหม?’
‘วะฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยการสนับของทรัพยากรมากมายกับระบบเทพวิชา วันที่ฟ้าจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้าคงอยู่ไม่ไกลแล้ว’
‘โฮ่ โฮ่ โฮ่ พวกเจ้าจงหมอบกราบข้า.. แม่นางที่งดงามทั้งหลายต้องมาอ้อนวอนให้ข้าทับ ฮ่าฮ่าฮ่า....’
‘เฮ่อ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ข้าได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์ ’ ในขณะที่หลินฟ่านกำลังฝันหวานกับความงดงามที่จินตนาการขึ้นมาเอง
อาวุโสหลี่ที่ท่าทางตื่นเต้นอย่างมากในตอนแรกก็ค่อยๆสงบลง
"เอาล่ะ เจ้ามิเลวเลย เจ้ามารับสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ ส่วนเจ้า หมิงหยางนี่เป็นรางวัลที่เจ้านำพาอัจฉริยะมา หลังจากนี้เจ้าพาศิษย์น้องของเจ้าไปที่พักด้วยล่ะ "อาวุโสหลี่กล่าวออกมา
"ครับ อาวุโสหลี่" หนี่หมิงหยางกล่าวอย่างสุภาพในขณะที่รับรางวัล
ราวกับถังไนโตรเจนเหลวตกใส่หัวของหลินฟ่าน ตอนนี้เขาได้ตื่นจากฝันงดงามที่แสนหวาน
"อาวุโสหลี่ สุดยอดอัจฉริยะที่หาไม่ได้อีกแล้วในรอบหมื่นปีอย่างข้า ไม่ได้อะไรพิเศษมากไปกว่านี้แล้วเหรอ ..." หลินฟ่านรู้สึกเหวอและไม่อยากจะเชื่อ
‘เชี่ยแล้วเอ็งจะตื่นเต้นทำซากอะไรขนาดนั้นวะ หลอกให้ข้าดีใจเล่นงั้นเหรอ?’
‘นีข้าเตรียมพบประมุขนิกายหรืออะไรแล้วนะเว้ย แต่ได้แค่นี้เนี่ยนะ?’
"ภูเขาสูงตระหง่านสร้างมาจากรากฐานที่แข็งแกร่ง หนทางหมื่นลี้เริ่มที่ก้าวแรก เจ้าอย่าได้รีบร้อนจนเกินไป"
หลังจากพูดคำคมจนแทบจะบาดหูฉีก อาวุโสหลี่ก็ค่อยๆเดินจากไป
[หมื่นลี้พ่อง ...... ]
หลินฟ่านอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ‘เชี่ย ตามบทมันต้องไม่ใช่แบบนี้ดิวะ!’
‘ตามพลอตนิยาย ข้าต้องถูกประมุขหรือผู้นำแย่งชิงกันอีรุงตุงนัง มีแต่คนอยากได้ตัวข้าไปเป็นศิษย์อะไรแบบนี้ไม่ใช่เรอะ!’
‘แล้วสุดยอดอัจฉริยะที่หาไม่ได้แล้วในรอบหมื่นปีอย่างข้า ทำไมได้รับการปฏิบัติแบบนี้วะ ...... ‘
‘ขอไต่ถามโลกหล้าแลสวรรค์ชั้นฟ้า ...... บอกข้าทีเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้’