ตอนที่3 ผู้หญิงตัวเล็กๆกับดาบอันใหญ่โต
หลังจากได้รับการโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ [สายฟ้า] ของเย่ชุ่ย ควินน์ ชนกับชั้นวางของที่ด้านข้างด้วยเสียงอันดัง อุปกรณ์ต่างๆล้มลงกับพื้นขณะที่ชั้นวางสิ่งของตกลงไประเนระนาด ดาบยาวก็ไปเจาะกับผนังด้านข้าง ควินน์นอนอยู่ในกองสิ่งของที่ล้มลงมาตัวเขากระตุกอย่างต่อเนื่อง เกราะผ้าบนหน้าอกของเขาถูกเผาเป็นชิ้น ๆ และมีควันลอยออกมา ดูเหมือนเขาจะยังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
คนอื่น ๆ ภายในร้าน เวทย์มนตร์แอนโทนี่ ก็ตะลึงอีกครั้ง
【สายฟ้า】เป็นเวทมนตร์ระดับพื้นฐานที่มีพลังทำลายล้างที่จำกัด แต่เย่ชุ่ยกับสามารถใช้เวทมนตร์นี้เพื่อจัดการควินน์ซึ่งเป็นนักดาบขั้นต้นระดับสอง ...... นั่นหมายความว่า เย่ชุ่ย ถึงจุดที่เขา ได้เข้าใจการร่ายเวทย์มนตร์ [ สายฟ้า ]
"มันบังเอิญ ...... แน่นอนมันต้องเป็นเรื่องบังเอิญ ...... " บุสก้าตอบสนองทันทีหลังจากที่จ้องมองอย่างตกตลึง จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่ เย่ชุ่ยแล้วตะโกนขึ้นว่า "เวทย์มนตร์ที่เขาใช้เป็นแค่ความบังเอิญข้าได้ตรวจสอบตัวเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์เขาก็ไม่สามารถทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์ได้ ร็อค เร็วเข้าโจมตีไอเด็กนี่ ไม่มีทางที่มันสามารถทำการร่ายเวทย์ได้อีก ...... "
"สายฟ้า!" เย่ชุ่ย ค่อย ๆ ขยับไม้กายสิทธิ์ของเขาขณะที่มุ่งไปที่ บุสก้า
ซ่าาา -
เย่ชุ่ย ไม่มีความเมตตาใด ๆ เเละสายฟ้าสีขาวพุ่งตรงไปที่บุสก้า เขามีความเกลียดชังที่ไม่สามารถบรรยายได้ ต่อ บุสก้า และเพื่อที่จะทำการสั่งสอนพ่อค้าที่โลภมากหน้าตาเหมือนหมู เป็นบทเรียน
แต่เมื่อสายฟ้ามาถึงด้านหน้าของ บุสก้า ก็เกิดประกายแสงสีขาวออกมาและเกิดกระจกที่เป็นเหมือนกำแพงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของบุสก้าและเกิดการปะทะกันของสายฟ้า กำแพงกระจกเกิดรอยร้าวและแตกกระจายออกมา
ในขณะเดียวกันจี้คริสตัลที่หน้าอกของ บุสก้า ก็แตกออกด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่ากลไกการป้องกันบางอย่างถูกเปิดใช้งานจึงช่วยลดการโจมตีของ เย่ชุ่ย ได้ อย่างไรก็ตามบางส่วนของสายฟ้าที่กระจัดกระจายยังคงสามารถถูกตัวบุสก้า ทำให้เส้นผมสีแดงได้หยิกฟูฟ่อง มีแม้แต่รอยแผลเป็นที่ไหม้และดำบนใบหน้าของเขา ได้ยินเสียงครวญครางจากความเจ็บปวดออกมาจากปากของเขาเป็นเวลานาน
ใบหน้าของบุสก้าแสดงอาการหวาดกลัว "นี่ ...... การโจมตีของเจ้าสามารถทำให้ การป้องกันของจี้คริสตัล แตกละเอียด ที่ข้าเสียเวลาซื้อมาด้วยราคาสามสิบเหรียญเงิน และเจ้ายังสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้อย่างชำนาญ..... นี้ ...... นี้ ...... "
เย่ชุ่ย ขมวดคิ้วในขณะที่เขาสำรวจร่างกายตนเอง จากนั้นก็ยิ้มและ ละสายตาจาก บุสก้า หันไปมองไปที่นักดาบอีกคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันกำลังสู้อยู่กับ เด็บบี้ ตอนนี้ทราบว่าชื่อของเขาคือ ร็อค
เมื่อสัมผัสกับสายตาของเย่ชุ่ย ร็อค ตัวสั่นและมือทั้งสองข้างกำไปที่ดาบของเขา เขายกดาบขึ้นมาตรงหน้าด้วยความหวดกลัว: "ในฐานะนักดาบข้าไม่กลัวเวทย์มนต์ของเจ้าหรอก ...... "
"ถ้าเจ้าต้องการที่จะพูดควรที่จะหยุดสั่น" เย่ชุ่ย หัวเราะอย่างเย็นชาและ เเตะไปที่ร่างควินน์ ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยไม้กายสิทธิ์ของเขา "ข้าจะให้โอกาสเจ้า เอาคู่หูของเจ้าไปและออกไปจากที่นี้ มิฉะนั้น... หึ! "
เมื่อ ร็อค เห็นว่า เย่ชุ่ย ไม่ต้องการที่จะต่อสู้อีกเขาก็รู้สึกดีใจทันที เย่ชุ่ย เป็นนักเวทย์ขั้นต้นระดับสองในขณะที่เขาก็เป็นนักดาบขั้นต้นระดับสองแม้ว่าระดับอาชีพของพวกเขาจะคล้ายคลึงกัน แต่การโจมตีของนักเวทย์ไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือนักเวทย์สามารถทำการโจมตีระยะไกลได้ ดังนั้นตราบเท่าที่พวกเขาเข้าใจเวทมนตร์ได้มากพอ พวกเขาก็จะไม่โดนการโจมตีในช่วงเริ่มต้นของทุกอาชีพ ร็อค เป็นนักดาบระดับสอง ก่อนหน้านั้นเขาไม่กลัวเย่ชุ่ย เพราะเขารู้ว่า เย่ชุ่ย ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่มีการโจมตีได้และรู้ว่าเขามีแค่เวทย์มนตร์ที่ไม่เป็นอันตรายเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้แล้ว เย่ชุ่ย ใช้เวทมนตร์
[ สายฟ้า ]ได้ แล้วเขาก็ไม่มีทางป้องกันตัวเองจากการโจมตีของเวทนี้
ร็อค มองไปที่ เย่ชุ่ย และ เด็บบี้ ด้วยความระมัดระวังในขณะที่เขาช่วยสหายควินน์ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับร่างของเขาที่มีอาการชา
จากนั้นเขาก็มองไปที่ บุสก้า
ในตอนนี้ บุสก้า ดูตลกมาก ผมยุ่งและมีรอยดำบนใบหน้าของเขา และเขามองไปที่ เย่ชุ่ย และประกาศอย่างเย็นชาว่า "ข้ายังไม่จนมุมคอยดูเถอะ ลูกชายของข้าจะกลับมาจากคฤหาสน์ของขุนนางในอีกสามวัน เขาเป็นนักดาบระดับกลางขั้นสี่ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะพาเขาไปทำลายร้านเวทย์มนตร์ของเจ้าซะ! "
"เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทำให้เจ้าเป็นขี้เถ้าได้?" เย่ชุ่ย ยิ้มอย่างเย็นชาไปที่บุสก้า ขณะที่เขาโบกไม้กายสิทธิ์ในมือ
บุสก้าเห็นดังนั้น กระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งออกจากร้าน
ร็อคแบกควินน์และรีบเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว
เด็บบี้เหวี่ยงดาบอันใหญ่โตของเธอและพยายามไล่ตามพวกเขา: "แฮมเมอร์อย่าปล่อยให้พวกเขาไป ข้ายังไม่ได้ใช้ทักษะสุดท้ายเลย ดู ...... ดาบอันยิ่งใหญ่ของข้า"
"เดียวก่อน" เย่ชุ่ย รีบคว้าไหล่ของ เด็บบี้ "ปล่อยมันไปก่อน ...... "
"ไม่มีทางท่านย่าคนนี้ไม่สามารถให้พวกมันไปได้!" เด็บบี้พูดด้วยความกล้าหาญจับดาบที่ใหญ่กว่าตัวเธอ
เย่ชุ่ย เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาก่อนที่ร่างของเขาจะโอนเอนและล้มลงไป: "เวทย์มนตร์โจมตีกินพลังเวทมนตร์มากนัก ... "
ในสภาพปัจจุบันของ เย่ชุ่ย เขาสามารถปลดปล่อยเวทย์มนตร์ [สายฟ้า] เพียงสองครั้ง หลังจากที่ เย่ชุ่ย เสร็จสิ้นการโจมตี พลังเวทมนตร์ทั้งหมดของเขาจะหมดไป เหตุผลที่ เย่ชุ่ย ทำตัวเก่งต่อ บุสก้า ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ทำการโจมตีต่อก็เพราะเขาตระหนักว่าเขามีขีด จำกัด และอาจสูญเสียสติได้ทุกขณะ
ในสถานการณ์ปกติ เย่ชุ่ย อาจปล่อยเวทย์【 สายฟ้า 】ได้สามครั้งและไม่หมดสติแม้หลังจากที่ปล่อยมัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ในร่างนี้ นอกจากนี้เขาได้ใช้เวทย์มนตร์ไปสี่ครั้งแต่กลับล้มเหลวในการปลดปล่อย แต่มันก็ยังคงใช้พลังจิตวิญญาณ พลังจิตวิญญาณของเขาตอนนี้หมดไปหมดแล้วจึงทำให้เขาสูญเสียสติ
ใช้จิตสำนึกครั้งสุดท้ายของเขาขณะที่เขาจะหมดสติ เย่ชุ่ย เดินเข้าไปหานักดาบหญิง เด็บบี้ โดยไม่ได้คิดอะไรอีก
แม้ว่าจะหมดสติ ข้าก็ขอหมดสติลงบนร่างของสาวน้อย
นี่เป็นความคิดสุดท้ายในใจของเขา
อุ๊บ! ...... เสียดายมันเป็นแค่อกไม้กระดาน
......
เเละในที่สุดเขาตื่นขึ้นมา เย่ชุ่ย รู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง ศีรษะของเขายังคงปวดอยู่ อาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้น เกิดจากพลังจิตวิญญาณหมดลง มองลงไปที่หลังคาไม้ของบ้าน เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ความตายที่ฉับพลันของเขาในฐานะแฮ็กเกอร์และกลายเป็นนักเวทย์จากนั้นเขากลับกลายเป็นแฮมเมอร์ในโลกนี้และได้เห็นสาวน้อยแบกดาบใหญ่ ......
ทุกอย่างคงจะดีถ้าเป็นความฝัน แต่เมื่อ เย่ชุ่ย หันศีรษะและเห็นเด็บบี้นอนหลับอยู่บนเตียงนอนป่วยเขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันและทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
หลังจากที่พลังจิตวิญญาณของเขาหมดลงและเป็นลมหมดสติไปและดูเหมือนว่าเด็บบี้จะอุ้มเขาไปไว้บนเตียง - ดูจากที่หญิงสาวคนนี้ถือดาบอันใหญ่โตที่ไม่เหมาะสมกับตัวเธอ การอุ้มผู้ชายคนหนึ่งคงไม่เป็นปัญหาอะไร
แม้ว่าเขาจะลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างระมัดระวัง เด็บบี้ ที่เอนกายลงไปบนเตียงและนอนหลับ ก็ยังรู้สึกตัว
"แฮมเมอร์เจ้าตื่นแล้ว?" เด็บบี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอขยี้ดวงตาของเธอ พูดตามจริงถ้าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ถือดาบที่ใหญ่กว่าตัวเธอ เธอยังคงสวยและน่ารัก
"อ๋อพลังจิตวิญญาณของข้าฟื้นขึ้นมาแล้ว" เย่ชุ่ยกล่าวขณะยิ้ม
"เจ้าไม่เป็นไรแน่นะ?" เด็บบี้ถามต่อด้วยความห่วงใย
เย่ชุ่ยยังยิ้มและพูดว่า "แน่นอนข้าฟื้นตัวเต็มที่แล้ว"
"เจ้าต้องการพักต่อสักหน่อยไหม?" เด็บบี้ถามต่อ
"ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยข้าไม่เป็นอะไรแล้ว" เย่ชุ่ย ยังคงพูดในขณะที่เขาคิดว่าเหมือนมีน้องสาวมาคอยดูแลเอาใจใส่
ขณะที่เขารู้สึกเต็มไปด้วยความสุขเขาเห็นเด็บบี้สูดลมหายใจลึก ๆ และพูดต่อด้วยรอยยิ้มอันงดงาม: "ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วละก็ รีบลุกขึ้นมัวนอนทำอะไรอยู่? ไปทานอาหารกลางวันกันเถอะ! ท้องของข้ามันหิวแล้วถ้าไม่ได้กินอะไรสงสัยจะได้ตายเร็วๆนี้แน่"
เย่ชุ่ย "...... "