ตอนที่ 179 ศูนย์กลางของความโกลาหล 3
คำพูดที่เป็นมาตรฐานก็คือ ‘ความแตกต่างระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน’ แต่นี่เป็นปรากฏการณ์ที่สัตว์ร้ายได้ขู่คำรามใส่สัตว์ร้ายอีกตน คำพูดที่เวโรนิก้ากระซิบเข้ามาในหูของธีโอดอร์ ส่งผลให้ความหนาวเย็นกระจายไปตามกระดูกสันหลังเขา
ธีโอดอร์กลืนน้ำลายและคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘กลิ่นที่เลวร้าย....มันเป็นเพราะเลือกของอควาโล่?’
มันเป็นปัญหาที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เช่นเดียวกับอควาโล่ที่ตระหนักถึงตัวตนของเวโรนิก้าเมื่อตอนอยู่ที่หมู่เกาะโจรสลัด เวโรนิก้าเองก็ตระหนักถึงตัวตนของอควาโล่บนธีโอดอร์
มังกรแดงและมังกรฟ้ามักจะมีความสัมพันธุ์ที่ขัดแย้งกันเสมอซึ่งทอดยาวไปในสมัยโบราณกาล ทั้งสองสายพันธุ์ต่างมักที่จะบุกรุกันและกันเสมอและประกาศสงคราม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขาที่จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของสายพันธุ์อื่นๆ
นอกจากนี้ ความตะกละยังได้กล่าวไว้ว่า สงครามระหว่างมังกรสองตนนั้นจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อมีการรุกล้ำดินแดน...หรือเมื่อแตะต้องสมบัติของพวกเขา
“เด็กน้อย ใช่ไหม?อย่าเอาแต่เงียบสิ”เวโรนิก้ารัดขอของธีโอดอร์ไว้แน่นขณะที่จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ลุกโชติช่วง อารมณ์ของเธอคล้ายกับแมกม่าที่กำลังจะระเบิด
แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีอะไรยากที่จะเก็บซ่อนได้ ปากของธีโอดอร์ก็ยังคงปิดแน่น เธอได้สังเกตเห็นถึงความระมัดระวังของธีโอดอรืหรือไม่?
เวโรนิก้ายิ้มขณะที่Dragon Fear สลายหายไป จากนั้นเสียงของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นหวานหยดย้อยพอที่จะละลายหูของธีโอดอร์ “ฉันขอโทษเด็กน้อย ในระหว่างนั้น เธอไม่ได้รับความทุกข์ทรมานใช่หรือไม่?”
“หะ?”
“ฉันรู้ถึงความสำคัญในการทำลายกำแพงของจอมเวทย์ แต่ฉันก็รู้ด้วยว่ากระบวนการนี้ไม่เคยที่จะราบรื่น เธอได้เดินทางไปยังหลายอาณาจักร มันลำบากมากใช่มั้ยละ?”
“…นั่น...”ดวงตาของธีโอดอร์สั่นไหวกับคำพูด
เขาได้ดื้อดึงที่จะผลักดันตัวเอาที่ราวกับเหล็กด้วยพลังจิต แต่เขาไม่ใช่มนุษย์เหล็กที่จะไม่รู้สึกเหนื่อย ธีโอดอร์คิดถึงบ้านเขาเสมอเมื่อเหม่อมองไปยังกลุ่มดาวที่แตกต่างกันบนท้องฟ้า ในวันที่เขาไม่ได้พูด เขาอยากที่จะสื่อสารกับใครสักคน
หลังจากที่แรนดอล์ฟเข้าร่วมกับเขา เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาอยากที่จะพูดคุยกับจอมเวทย์คนอื่น อย่างไรก็ตามคนที่เขามีความผูกพันธุ์ด้วยทุกคนกลับอยู่ในเมลเทอร์ และคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา เวโรนิก้า คือหนึ่งในคนที่เขาคิดถึง
‘อ่า ผมสบายดี’
น้ำเสียงที่รักใคร่ของเธอ และอุณหภูมิสูงที่แทรกแซงเข้ามาในสิ่งที่ธีโอดอร์กำลังคิด เวโรนิก้าเป็นคนที่รู้จักความเจ็บปวดของเขาและทำให้เขาสบายใจ ธีโอดอร์จ้องมองไปที่เวโรนิก้าและค่อยๆผ่อนคลาย จากนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเวโรนิก้า “ใช่ ฉันรู้ทุกอย่าง มันยากสำหรับเธอแค่ไหน เธอได้พยายามหนัก.....”
“ผะ-ผู้นำ”
“ธีโอดอร์ เธอควรจะเรียกฉันว่า ‘พี่สาว’”
หัวใจของธีโอดอร์เต้นกระหน่ำเมื่อเขาได้ยินว่าเธอเรียกชื่อของเขาแทนที่จะเรียกชื่อเล่น นี่เป็นเสียงของมังกรที่ดึงดูดวีรบุรุษมากมายจากยุคโบราณและในตำนาน?
‘ฉันควรที่จะบอกเธอ?มันยากที่จะซ่อนทุกสิ่งทุกอย่าง....’
เขารู้ว่ามันไม่ฉลาดที่จะเปิดเผยทุกอย่าง แต่เขาก็มีความรู้สึกอยากที่จะสารภาพทุกอย่างกับเวโรนิก้า เธอมีอารมณ์ที่ร้อนแรงเนื่องจากมีสายเลือดของมังกรแดง แต่เธอก็เป็นหนึ่งในผู้นำหอคอยผู้ที่คอยพิทักษ์เมลเทอร์ เวโรนิก้านั้นโตพอที่จะควบคุมมันได้
จากนั้น ความคิดของเขาก็ได้พังทลายลงขณะที่เสียงของเวโรนิก้าเข้ามาในหูของธีโอดอร์ “ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
“นั่น.....”
ขณะนั้นเอง ฟองแมกม่าภายในตัวเธอก็ถูกปล่อยออกมา “-ไอปลาน้อยนั่นมันอยู่ที่ไหน ฉันจะฆ่ามัน?”
บรรยากาศที่น่ากลัวได้แผ่ออกจากร่างกายของเวโรนิก้า ความเกลียดชังโดยธรรมชาติของมังกรแดงที่มีต่อมังกรฟ้าได้เลื่อนไปอีกขั้นเนื่องจากชายหนุ่มที่ชื่อธีโอดอร์ หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขา เวโรนิก้าคงจะบินหนีไปทันทีเพื่อที่จะฆ่าอควาโล่
‘ไม่ ไม่มีทางที่ฉันจะบอกเธอ’ขอบคุณสิ่งนั้น ธีโอดอร์ได้ฟื้นคืนความคิดที่มีเหตุผลของเขา
เขาไม่สามารถปล่อยให้เวโรนิก้าและอควาโล่ เจอกันได้ หากเขานำอควาโล่มาที่นี่ จะมีการต่อสู้ที่ต้องมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น อควาโล่นั้นไม่ใช่ศัตรูของเขา
ขณะที่ธีโอลังเลที่จะตอบแสงแห่งความอยู่รอดก็ได้ปรากฏขึ้น
“หยุดก่อน ผู้นำRed Tower”
มันเป็นซิลเวีย เธอได้วิ่งไปข้างหน้าและใช้คฑาสีขาวเพื่อแยกทั้งสองคนออกจากัน จากนั้นเธอก็ยืนตรงหน้าธีโอดอร์และจ้องมองไปที่เวโรนิก้าขณะที่เธอพูด “ตอนนี้ คุณกำลังสร้างความลำบากใจให้กับธีโอ”
“….หา?”เวโรนิก้าพูด นี่เป็นน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากตอนที่เธอพูดกับธีโอดอร์ เวโรนิก้านั้นไม่ได้สงบลง แต่บรรยากาศของเธอกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “สาวน้อย ทำไมเธอถึงได้มาคั่นกลางระหว่างฉันและเด็กน้อยกัน?”
“ฉันเป็นเพื่อนของเขา”
“เพื่อน?”
“ใช่ เพื่อน เพื่อนที่ดีที่สุด”
เวโรนิก้ายิ้มแปลกๆเมื่อได้ยินคำพูดของซิลเวียและกล่าว “อืม เธอคือ’เพื่อน’ของเด็กน้อย? ฉันเข้าใจแล้ว”
ครั้งนี้ ท่าทางของซิลเวียกลายเป็นแข็งค้าง มันเป็นการเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด ธีโอดอร์ ศูนย์กลางของความวุ่นวาย นั้นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หญิงสาวทั้งสองคนได้กลายเป็นคู่แข่งกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งของพวกเขา รวมทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งแตกต่างไปจากผู้ชายที่ต่อยกัน นี่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามประสาทที่เรียกว่า’catfight’(การทะเลาะกันของสาวๆนั่นเองฮ่าๆ จิกกัด ประชด นาๆ)
“ผู้นำหอคอยรู้อะไรเกี่ยวกับธีโอบ้างหรือไม่?”
“อะไรนะ...?!”
“คุณก็เป็นแค่ผู้นำหอคอย”
เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของเวโรนิก้ากลายเป็นว่างเปล่าก่อนที่บรรยากาศอันเลวร้ายของเธอจะกลับมา เธอเคยต่อสู้ด้วยกำปั้นหรือเวทมนต์ ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกสำหรับเธอ
บางทีอาจจะเป็นเพราะการยอกย้อนแต่การโต้คารมระหว่างคู่แข่ง ผู้ที่ต่อสู้เพื่อธีโอดอร์ จึงเริ่มร้อนแรงขึ้น นี่คือช่วงเวลาที่การประชันฝีปากอันแสนอันตรายได้เริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การสู้รบของหญิงสาวทั้งสองคนก็ได้หยุดลงในไม่ช้า
“เวโรนิก้า!ธีโอดอร์!ซิลเวีย! อยู่ที่นี่กันรึเปล่า?”
มันเป็นเพราะเสียงของบุคคลที่ดังขึ้นจากด้านนอกประตูของเพ็นทาเรี่ยม ขณะที่ธีโอดอร์รีบตอบกลับ ชายผู้นั้นก็ได้เข้ามาและวิ่งมาหาทั้งสองคน ‘เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว?’
เวโรนิก้าคิดเช่นเดียวกับเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยความรำคาญ “ทำไมแกถึงมาเรียกฉันตอนที่ฉันพึ่งจะกลับมา?”
“เฮือก!”Dragon Fear ที่แฝงมาในน้ำเสียงของเวโรนิก้าทำให้เข่าของจอมเวทย์อ่อนระทวย เธอเป็นจอมเวทย์ขั้น8และมีเลือดของมังกร ซึ่งทำให้ตัวตนของเธอนั้นยิ่งใหญ่เกินไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือการตอบสนองของจอมเวทย์จากสมาคมเวทย์ ขาของเขายังคงสั่นระริก แต่เขายังคงส่งข่าวให้กับคนทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝะ-ฝ่าบาท เรียกพวกคุณทุกคน....!”
“ฉันและเด็กน้อย?”
“ซะ-ซิลเวียเองก็ด้วย!”
เวโรนิก้าและธีโอดอร์อาจจะเข้าใจได้ มีสาเหตุหลายประการที่อาจถูกเรียกตัว หลังจากที่ก้าวข้ามกำแพงของวงกลมที่7 เขาก็ได้กลายเป็นจอมเวทย์ที่เป็นเสาหลักที่คอยหนุนหลังอาณาจักรและเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งซึ่งเปรียบได้กับกองทัพชั้นยอด
อย่างไรก็ตาม ทำไมซิลเวียจึงถูกเรียกตัวด้วย?ทั้งสามคนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าทำไม
‘ฟู่ ฉันถูกช่วยไว้โดยฝ่าบาท’
ไม่ว่าจะในกรณีใด ธีโอดอร์ก็รอดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด
***
ปังงง!ประตูได้เปิดออกอย่างหยาบๆใครที่จะกล้าทำสิ่งนั้นในพระราชวังของเมลเทอร์?แม้กระทั่ง7เทพดาบแห่งจักรวรรดิยังไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามไม่มีใครที่ก่นด่าผู้กระทำความผิด
ดวงตาของเวโรนิก้ากำลังลุกไหม้ขณะที่เธอเตะประตู!
“ฝ่าบาท!”เธอคำราม
ขณะที่ธีโอดอร์และซิลเวียยืนอยู่ข้างหลังเธอ เวโรนิก้าก็ได้ตะคอกใส่เคิร์ทที่อยู่บนบัลลังก์ “คุณคิดว่าฉันสามารถเดินทางได้เหมือนกับออร์ต้า?ฉันได้บินมาตลอดทางมาที่นี่!หากฉันทำงานโดยไม่ได้พักผ่อน แน่นอน ฉันจะเหนื่อยล้า!นอกจากนี้ นี่คืออะไร?ทำไมประธานสมาคมเวทย์จึงอยู่ที่นี่?”
“อืม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ประธานสมาคมเวทย์กล่าวทักทาย
“มันเป็นเวลานานแล้วที่คุณไม่ได้ออกจากหอคอยกลาง”เวโรนิก้ากล่าว
มันเป็นเช่นที่เวโรนิก้ากล่าว ประธานสมาคมเวทย์แตกต่างจากผู้นำหอคอยคนอื่นๆ
หอคอยเวทมนต์จะมีส่วนร่วมในการบริหารอาณาจักรและประธานจะเป็นผู้ดูแลที่อาศัยอยู่ในเมลเทอร์เสมอ เขาเป็นจอมเวทย์เก่าแก่ที่จะช่วยเหลือหากเกิดสงครามขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขามักจะสนใจกับการค้นคว้าของเขาก่อนเสมอ
บ่อยครั้งที่ประธานไม่เข้าร่วมในการประชุมใหญ่ๆ ดังนั้นวันนี้จึงต้องเป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ นั่งลงก่อนเถอะ”เคิร์ทประกาศ
“...ฉันจะรับฟัง”
เคิร์ทยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เวโรนิก้านั่งลง เมื่อทั้งสามคนได้นั่งลงรอยๆโต๊ะกลม เคิร์ทก็ได้ลุกจากบัลลังก์ของเขา และกล่าว “เราอยากที่จะขอบคุณเจ้าที่สละธุระของเจ้ามาที่นี่ เราจะข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆและบอกให้เจ้ารู้ถึงเหตุผลที่เราได้นำเจ้าเข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานประลองเวทมนต์”
“งานประลองเวทมนต์....เริ่มแล้ว?”
“มันจะเร็วขึ้นในปีนี้”
การจัดงานจะจัดขึ้นปีละครั้งในอาณาจักรเมลเทอร์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตเหนือ มันเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างมากต่อราชอาณาจักร ดังนั้นกษัตริย์จึงได้รวบรวมจอมเวทย์ชั้นนำในอาณาจักรทั้งหมดเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายเกี่ยวกับงานประลองเวทมนต์นั้นจะจัดขึ้นปีละครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกทุกคน เคิร์ท จะเน้นคนกลุ่มน้อยเท่านั้น ไม่นานนักเขาก็ได้เปิดเผยเหตุผล “งานประลองเวทมนต์ในปีนี้จะพิเศษกว่าปีอื่นๆ”
สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเดียวกับปรากฏขึ้นในสายตาของจอมเวทย์ทุกคน กษัตริย์ได้กล่าวต่อ “เราพึ่งได้รับการติดต่อมาเมื่อคืน ฑูตจากเอลฟ์เฮล์มจะมาเพื่อประกาศความเป็นพันธมิตรกับเราในงานประลองเวทมนต์ปีนี้”
“ฑ-ฑูตจากเอลฟ์เฮล์ม!”
“ประกาศความเป็นพันธมิตร?!”
คนอื่นต่างร้องถามด้วยความไม่เชื่อและสับสน ทำให้เคิร์ทพยักหน้าด้วยท่าทางอ่อนโยนก่อนที่จะกล่าวต่อ
“แน่นอน พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาที่เมลเทอร์หากพวกเขาไม่มีเจตนาที่จะประกาศ การเป็นหุ้นส่วนกันในปัจจุบันนั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ว่าทวีปตอนเหนือกำลังจะแปรเปลี่ยนไปงั้นหรือ?”
“……น่าสนใจ”
“ฮ่าๆๆๆ!ดูเหมือนว่าตาแก่อย่างข้าจะไม่มีเวลาให้พักผ่อนอีกแล้ว!”
ผู้นำWhite Tower ออร์ต้าลูบคางของเขาขณะที่ผู้นำBlue Tower บลันเดลล์หัวเราะออกมาและทุบโต๊ะ
จนถึงตอนนี้ เมลเทอร์เป็นเพียงอาณาจกรเดียวที่ยังไม่พ่ายแพ้ต่อดินแดนอันกว้างใหญ่ ประชากรอันมหาศาล และกองทัพอันเกรียงไกรของจักรวรรดิแอนดราส ทุกครั้งที่พวกเขาต้องต่อสู้จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่จะปรากฏตัวออกมา แต่เสาที่ยึดมั่นจักรวรรดิไม่เคยที่จะพังทลาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อต่อเมื่อเป็นการต่อสู้ 1:1
การเป็นพันธมิตรกับเอลฟ์เฮล์มและการปรากฏของจ้าวมนตราคนใหม่ ผู้ที่ได้ฆ่า1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ นั่นหมายถึงขุมอำนาจของเมลเทอร์ในตอนนี้ได้ปีนขึ้นไปอยู่ในจุดที่พวกเขาสามารถต่อกรกับแอนดราสได้
สงครามที่ยาวนานหลายร้อยปีกำลังจะถึงคราวสิ้นสุดลง
“ในความจริง การอภิปรายครั้งนี้ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่มันไม่เป็นที่ยอมรับเพราะไม่มีกลุ่มคนที่เป็นแกนนำอยู่ เขาก็คือธีโอดอร์ มิลเลอร์ ไม่ใช่เมลเทอร์ ซึ่งเอลฟ์เฮล์มคิดว่าธีโอดอร์เป็นผู้กอบกู้ของพวกเขา”
ธีโอดอร์โค้งหัวของเขา “กระหม่อมละอายใจนัก”
“ไม่ ไม่จำเป็นต้องขอโทษ การเดินทางของเจ้าได้กำไรมหาศาลนัก เจ้าได้ล้ม1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิและทำให้อาณาจักรแห่งนี้มีจ้าวมนตราเพิ่มขึ้น การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อหารือเกี่ยวกับกลุ่มคณะฑูตของเอลฟ์เฮล์มทั่น้น”เคิร์ทที่3หยุดชั่วขณะก่อนที่จะทำท่าทาง
ข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์เงียบๆได้เข้ามาใกล้ธีโอดอร์พร้อมกับถือกล่อง มันมีสัญลักษณ์ที่แสดงถึงราชวงศ์เมลเทอร์ กล่องทำด้วยไม้ล้ำค่าและมีพลังเวทย์ที่ไม่น่าเชื่อจำนวนมหาศาลหลั่งออกมาจากตราประทับบนกล่อง
ธีโอดอร์รับมันและเคิร์ทก็ได้พูดต่อ “เมื่อฑูตจากเอลฟ์เฮล์มได้มาถึง มันจะเป็ฯการยากสำหรับเจ้าที่จะแสดงความน่าเชื่อถือหากเจ้ายังคงเป็นจอมเวทย์ไร้ระดับ ดังนั้น เราต้องการมอบตำแหน่งให้กับเจ้าเป็นรางวัลส่วนตัว”
คำพูดของเคิร์ทก็ไม่ผิดนัก ในฐานะจอมเวทย์ขั้น7 ไม่มีใครที่จะอาวุโสไปกว่าธีโอดอร์ยกเว้นผู้นำหอคอยและประธานสมาคมเวทย์(จอมเวทย์นับถือตามพลังนะครับ) บุคคลังดังกล่าวจะไร้ตำแหน่งได้ยังไง?เห็นได้ชัดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ขาดไปไม่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้
“เปิดมันสิ”
ธีโอดอร์เปิดสลักของกล่องตามคำแนะนำของเคิร์ท
กริ๊ก ฝาเปิดกล่องไม้ค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นของข้างใน
มันเป็นชุดแต่งกาย มันไม่ใช่เสื้อคลุมและมันหรูหราเกินกว่าที่จะเป็นชุดสำหรับต่อสู้
ธีโอดอร์มองไปที่เสื้อผ้าและพึมพำ“…นี่?”
ลวดลายทองคำที่ปักอยู่ตรงบริเวณหัวใจเป็นรูปของนกฮูกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำหอคอยแห่งเมลเทอร์ ธีโอดอร์เข้าใจความหมายของมันและมองอย่างแปลกใจ
จากนั้นเคิร์ทก็เริ่มอธิบายว่า “ในช่วงที่กำลังเผชิญสงครามกับจักรวรรดิแอนดราส เราได้เสนอเรื่องการก่อตั้งแผนกเวทมนต์ใหม่ขึ้นซึ่งประกอบไปด้วยว่าที่ผู้นำหอคอยคนต่อไปเรียบร้อยแล้ว เราได้รับความยินยอมจากผู้นำหอคอยทุกคนยกเว้นเวโรนิก้า และผู้บริหารอาราจักรส่วนใหญ่ได้อนุมัติเรื่องนี้แล้ว”
ดวงตาของธีโอดอร์เบิกกว้างขึ้นขณะที่เขาตามสถานการณ์ได้ทันและเคิร์ทก็ได้พยักหน้า
เขาตบมือสองสามครั้งก่อนที่จะมีคำสั่ง “เราจะให้เจ้าเป็นหัวหน้าแผนกเวทมนต์ ‘Quattro’”