เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 21 ที่หนึ่งได้อย่างไร (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 21 ที่หนึ่งได้อย่างไร
แปลโดย iPAT
ท้องฟ้าไม่สว่างและดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น มีเพียงด้านหลังทิวเขาที่ทิศตะวันออกเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนสีก่อนแสงแรกแห่งอรุณจะเข้ากลืนกินความมืดมิดที่ยังอ้อยอิ่งอยู่กลางอากาศ
ถนนยังว่างเปล่าเมื่อเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาเคลื่อนผ่านด้วยความรวดเร็ว อากาศในยามเช้าตรู่บนภูเขาค่อนข้างชื้นแฉะและทำให้ฟางเจิ้งรู้สึกถึงความหนาวเย็นแม้หัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเร้าร้อนก็ตาม
ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงระเรื่อเมื่อเขามาถึงสถานศึกษาของหมู่บ้าน
‘ข้าทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งคืนและใช้หินวิญญาณไปถึงสองก้อนก่อนจะประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ ด้วยพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและความพากเพียรของข้า ผู้ใดจะทำได้เร็วกว่าข้า ท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง’
เมื่อเขาบอกข่าวดีนี้กับลุงและป้า พวกเขามีความสุขกับความสำเร็จของฟางเจิ้งและทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
‘อีกไม่นานแสงสว่างจะสาดส่องมาที่ข้า เพียงรอก่อน พี่ใหญ่ จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะทำให้ทุกคนมองมาที่ข้า ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้ง!’
ยิ่งเขาคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น เขากำหมัดแน่นด้วยความมุ่งมั่นและเดินหน้าต่อไปด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้น
เวลานี้เขามาถึงทางเข้าสถานศึกษาเรียบร้อยแล้ว
แต่ยามรักษาการณ์สองคนที่หน้าประตูทางเข้ากลับมองเขาด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะเปิดปากถาม “เอ่อ...ผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน เหตุใดเจ้าถึงกลับมาอีก?”
“อันใด? พี่ชายของข้าอยู่ที่นี่หรือ?” เมื่อฟางเจิ้งได้ยินคำถามนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจ
“อา...ช่างเถอะ” แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าฟางหยวนจะทำสำเร็จเป็นคนแรก เขาส่ายศีรษะก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง “พี่ชายทั้งสอง ข้าคือผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้ง ข้าปรับแต่งวิญญาณดวงแรกสำเร็จแล้ว ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อรับรางวัลที่หนึ่งของข้า”
“เจ้าคือผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้ง? รูปร่างหน้าตาของพวกเจ้าคล้ายกันมาก ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนจะเข้าใจผิด” ยามคนด้านซ้ายกล่าวเสียงดัง แต่ยามคนด้านขวากลับส่ายศีรษะก่อนกล่าว “เจ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง คืนที่ผ่านมา พี่ชายของเจ้า ผู้ใช้วิญญาณฟางหยวนมาที่นี่และรับรางวัลอันดับหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว”
“พี่ชายของข้า?” ฟางเจิ้งอุทานเสียงดังพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ท่านว่ากระไรนะ เขาได้ที่หนึ่งงั้นหรือ? พี่ชายทั้งสอง ท่านกำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือไม่?”
มันจะเป็นไปได้อย่างไร พี่ชายของเขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม
แต่เขากลับได้ที่หนึ่ง? นี่มันเรื่องตลกอันใด?
“มันเป็นความจริง พวกเราจะล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?” ยามรักษาการณ์เริ่มไม่พอใจและมองฟางเจิ้งด้วยสายตาแข็งกระด้าง
“อาจารย์อาวุโสยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวท่านเองเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ชื่อของเขาจะถูกประกาศออกไป อันใด? พี่ชายของเจ้าไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ?” ยามอีกคนกล่าวต่อ
ในเวลานี้ฟางเจิ้งทำได้เพียงยืนโง่งมอยู่หน้าประตูสถานศึกษาเท่านั้น
ความเป็นจริงแตกต่างจากจินตนาการของเขาไปไกลมาก เขาไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เดิมทีในหัวใจของฟางเจิ้งมีคู่แข่งที่น่าเกรงขามและเป็นภัยคุกคามในรุ่นเดียวกันอยู่เพียงสองคน นั่นคือผู้ใช้วิญญาณโม่เป่ยและผู้ใช้วิญญาณซื่อเฉิน
ทั้งสองมีพรสวรรค์นภาที่สองและมีครอบครัวใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ละคนมีปู่ที่เป็นผู้อาวุโสระดับสูงของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ในฐานะผู้อาวุโส พวกเขามีทรัพยากรจำนวนมาก
หากเป็นหนึ่งในสองที่ประสบความสำเร็จก่อนเขา ฟางเจิ้งยังพอรับได้
อย่างไรก็ตามความจริงก็คือคนที่เอาชนะเขาไม่ใช่โม่เป่ยหรือซื่อเฉิน มันไม่ใช่คู่แข่งที่อยู่ในใจของเขาแต่กลับเป็นฟางหยวนพี่ชายของเขาเอง!
คนที่มีพรสวรรค์นภาที่สาม
คนที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในพิธีเผยลิขิตสวรรค์
คนที่นอนหลับอย่างสะดวกสบายในชั้นเรียน
คนที่เมาสุราตลอดเวลาและไม่เคยกลับบ้านในยามค่ำคืน
คนที่ข่มเหงเฉินซุ้ย
คนที่ตบหน้าเขาและฉกชิงหินวิญญาณไปจากเขา
คนที่กดเขาลงต่ำและเป็นเงามืดที่อยู่ในหัวใจของเขาเสมอมา
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นไปได้อย่างไร!” ฟางเจิ้งคำรามออกมาจากหัวใจที่แท้จริงของเขา “ข้าทำงานหนักขณะที่เขาดื่มสุราจนเมามายทุกวันแต่สุดท้ายเขายังได้ที่หนึ่งงั้นหรือ? นี่ไม่ยุติธรรม! เพราะเหตุใด? มันเป็นเพราะเหตุใด!”
ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันออกและไม่เคยขึ้นทางทิศตะวันตก ความจริงเป็นเช่นไร มันก็จะเป็นเช่นนั้นเสมอ
ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้งค่อยๆก้มศีรษะของเขาลง เขากัดฟันแน่นและมองเงาของตัวเขาเอง ความตื่นเต้นที่อยู่ในหัวใจของเขาราวกับลูกโป่งที่รั่วไหลก่อนจะถูกเติมเต็มอีกครั้งด้วยความสับสน ไม่พอใจ ไม่เต็มใจ และไม่ยินยอม มันมีกระทั่งความหวาดกลัวและอารมณ์ที่ซับซ้อนอีกมากมาย
เมื่อเวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผนังด้านในของสถานศึกษาติดป้ายประกาศเอาไว้และมีชื่อของฟางหยวนกับฟางเจิ้งปรากฏอยู่ ขณะที่ข่าวอันน่าตื่นตะลึงนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์รุ่นเดียวกันที่กำลังปรับแต่งวิญญาณอย่างแข็งขันอยู่ที่บ้านได้ยินข่าวนี้และคำรามออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“หากเป็นฟางเจิ้งที่ได้อันดับหนึ่ง ข้ายังพอรับได้ แต่ฟางหยวนมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม!?”
“มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่? ฟางเจิ้งที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งพ่ายแพ้ฟางหยวนที่มีพรสวรรค์นภาที่สาม? นี่มันเรื่องตลกอันใด?”
ภายในบ้านหลังใหญ่ของครอบครัวสกุลโม่
หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลแสงจันทร์ โม่เฉินนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขายกชาขึ้นจิบก่อนจะกล่าวบางคำ “โม่เป่ยไม่ได้ปรับแต่งวิญญาณของเขาต่องั้นหรือ?”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านข้างเร่งตอบ “หลังจากได้ยินข่าวเกี่ยวกับฟางหยวน ดูเหมือนนายน้อยจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากและไม่มีอารมณ์ปรับแต่งวิญญาณต่อในเวลานี้ น่าเสียดายนัก นายน้อยใกล้จะประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณมากแล้ว อย่างไรก็ตามหากเป็นฟางเจิ้งที่ได้รับอันดับหนึ่ง มันยังไม่มีปัญหา แต่นี่เป็นฟางหยวนที่มีพรสวรรค์นภาที่สาม ดังนั้นนายน้อยจึงไม่สามารถทำใจยอมรับได้ในเวลานี้”
“ฮืม มันเป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น” โม่เฉินกล่าวเสียงเย็น “เส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพียงความล้มเหลวเล็กๆน้อยๆจะถือเป็นสิ่งใด ฟางหยวนมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม เรื่องที่เขาได้อันดับหนึ่ง มันเป็นเพราะความโชคดีเท่านั้น วิญญาณแสงจันทร์ที่เขาเลือกต้องมีเจตจำนงที่อ่อนแอมาก นั่นทำให้เขาสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ หากโม่เป่ยไม่สามารถมองเห็นสิ่งนี้และปล่อยผ่านไป แล้วเขาจะดูแลครอบครัวสกุลโม่ในอนาคตได้อย่างไร? เขาจะต่อสู้กับคนสกุลซื่อได้งั้นหรือ? อย่าให้คำแนะนำใดๆกับเขา ให้เขาผ่านมันไปด้วยตัวของเขาเอง”
“ทราบแล้ว” แน่นอนว่าพ่อบ้านไม่กล้าขัดคำสั่งของโม่เฉิน
ในเวลาเดียวกันที่บ้านครอบครัวสกุลซื่อ
“เห้อ...ฟางหยวน.....” ผู้อาวุโสของตระกูลแสงจันทร์ซื่อเหลียนถอนหายใจยาวขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ผู้ใดก็ได้เรียกนายน้อยซื่อเฉินมาหาข้าที”
หลังจากนั้นไม่นาน ซื่อเฉินก็เข้ามาในห้องโถงและเร่งคุกเข่าทำความเคารพ “ท่านปู่”
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ข่าวแล้ว” ซื่อเหลียนมองหลานชายของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าเรียกเจ้ามาเพื่อไม่ให้เจ้าได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าสิ่งสำคัญประการแรกในการปรับแต่งวิญญาณคือพรสวรรค์และประการที่สองคือเจตจำนงของวิญญาณดวงนั้น”
“พรสวรรค์ของฟางหยวนอยู่ในนภาที่สามแต่เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณได้สำเร็จเป็นคนแรก นั่นหมายความว่าวิญญาณที่เขาเลือกอ่อนแอกว่าวิญญาณของพวกเจ้าทั้งหมด มันเป็นเพียงเรื่องของความโชคดีเท่านั้น หลานชายของข้า อย่าท้อแท้ แม้แท้จริงแล้วเจ้าจะมีพรสวรรค์นภาที่สามเท่ากับเขา แต่เขาไม่สามารถแข่งขันกับเจ้าในแง่ของทรัพยากร เส้นทางข้างหน้าของเขาจะยากลำบากกว่าเจ้ามาก หลานปู่ เชื่อปู่ อีกไม่นานเจ้าจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่”
“ดังนั้นเจ้าต้องลืมเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไปซะ ฟางหยวนไม่ใช่คู่แข่งของเจ้าและไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า ศัตรูที่แท้จริงของเจ้ามีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ฟางเจิ้ง และครอบครัวสกุลโม่ โม่เป่ย เท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณท่านปู่ที่สั่งสอน ข้าจะไปปรับแต่งวิญญาณต่อเดี๋ยวนี้” เมื่อได้ยินคำกล่าวของซื่อเหลียน ใบหน้าอันมืดมนของซื่อเฉินก็กลับมามีชีวิตชีวิอีกครั้ง
“อืม” ซื่อเหลียนพยักหน้าพึงพอใจก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หลานชายที่ดี แม้พรสวรรค์ของเจ้าจะอยู่ในนภาที่สาม แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้ว่าปู่จะสนับสนุนเจ้าอย่างสุดความสามารถ เอาล่ะ หลังจากนี้ปู่จะใช้กลิ่นอายของวิญญาณระดับสามช่วยสะกดข่มเจตจำนงของวิญญาณแสงจันทร์ของเจ้าเพื่อให้เจ้าสามารถปรับแต่งมันได้อย่างง่ายดาย”