ตอนที่ 177 ศูนย์กลางของความโกลาหล 1
สามวันต่อมา ข่าวที่ธีโอดอร์ได้ออกจากห้องของเขาก็ได้กระจายไปทั่วหอคอยเวทมนต์ มีเพียงผู้คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้ถึงความจริง แต่การปรากฏตัวของวีรบุรุษที่ไม่ได้แสดงตัวออกมาเป็นเวลาหนึ่งปีถือได้ว่าเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรง
นอกจากนี้เขายังสวมชุดคลุมของจอมเวทย์ชั้นหนึ่ง ทำให้เขากลายเป็นที่พูดถึงหนักขึ้นไปอีก แม้กระทั่งวินซ์ยังไม่คาดคิดว่าข่าวนี้จะแผ่กระจายไปรวดเร็วเช่นนี้
“ธีโอ มันเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปีแล้วนะนับตั้งแต่ที่เธอกลับจากเอลฟ์เฮล์ม......ชื่อเสียงของเธอดูเหมือนจะโด่งดังขึ้น มันเป็นการยากที่จะจองที่นี่”
“ครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้”ธีโอดอร์ยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่มองไปรอบๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองหลวงและโต๊ะรอบๆพวกเขาต่างเต็มไปหมด
ลูกค้ามีการแต่งกายที่หรูหรา แต่บรรยากาศในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงนี้กลับแตกต่างไปจากปกติ ความสนใจของลูกค้าทุกคนต่างมุ่งเน้นมาที่ทั้งสองคน ไม่สิ ถ้าจะพูดให้แม่นยำกว่านั้น พวกเขาจับจ้องมายังธีโอดอร์
แต่น่าเสียดาย ทั้งหมดนั้นกลับกลายเป็นเรื่องเสียเปล่า การรวมกันระหว่างเวทย์ปิดกั้นเสียงและเวทย์ลวงตาที่อยู่รอบๆทั้งคู่ได้ทำให้พวกลูกค้ารู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกโกง หวังว่าพวกเขาจะไม่กลับไปพูดพล่อยๆหลังจากที่พวกเขาไม่สามารถได้ยินสิ่งใดเลย
‘ความเงียบและภาพลวงตา เวทย์เหล่านี้ถือเป็นเวทย์พื้นฐาน แต่การประยุกต์ใช้เช่นนี้จะทำให้ก็ต่อเมื่อระดับสูงเท่านั้น’ธีโอดอร์ยิ้มและยกถ้วยน้ำชาขึ้น
มันเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะปลดปล่อยเวทมนต์ทั้งสองชนิดออกมาพร้อมๆกันและแปลงพวกมันให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ การควบคุมพลังเวทย์ของเขานั้นดีขึ้นหลังจากที่มาถึงวงกลมที่7 ทำให้สิ่งนี่มันง่ายขึ้น
ธีโอจิบชาและวางถ้วยชาของเขาลง จากนั้นมิตราผู้ที่กำลังเคี้ยวใบชาอยู่ก็ได้จ้องมาที่เขา
[ฮู้?]’มีอะไร?’ดวงตาของเธอดูเหมือนจะถามเช่นนั้น
“ไม่ ไม่มีอะไร”ธีโอดอร์กล่าว
เขาลูบหัวของเธอเล่นขณะที่เธอหันกลับไปเคี้ยวใบชาของเธอต่อ เธอน่ารักมากพอที่จะทำให้
ผู้คนหัวเราะ แต่ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของธีโอดอร์ เนื่องจากตาไม้ที่โตขึ้นบนหัวของมิตรา อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณธาตุโบราณนั้นหายากมากจนแม้กระทั่งความตะกละเองก็ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับตัวตนของจิตวิญญาณธาตุโบราณ
‘แม้กระทั่งในความรู้ของไมน์ดัล ฉันก็ไม่สามารถที่จะพบมันได้’
แม้กระทั่งผู้ทำสัญญากับผู้ปกครองแห่งจิตวิญญาณธาตุยังไม่คาดคิดว่าจิตวิญญาณธาตุโบราณจะกลืนกินเมล็ดของต้นไม้โลกเข้าไป ความหวังเดียวของธีโอดอร์คือการถามเอลฟ์ชั้นสูงของเอลฟ์เฮล์ม
ขณะที่ธีโอดอร์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย วินซ์ก็พูดว่า “เอาละ มันเป็นเรื่องยากที่จะออกจากหอคอยเวทมนต์หากการกระทำทั้งหมดของเธอเป็นที่จับตามอง มันเป็นช่วงเวลาอันเงียบสงบ ดังนั้นการผจญภัยของเธอจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก”
ธีโอดอร์หัวเราะออกมายอมรับในคำพูดของเขา “ฮ่าๆ คำพูดของมาสเตอร์เป็นเรื่องจริง”
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยักไหล่อย่างเจียมตัว เขาดีใจที่ได้ยินคำพูดที่ดีเช่นนี้ แต่เขาก็รู้สึกอับอาย ไม่ใช่ว่านี่เป็นเรื่องราวที่อยู่ในหนังสือ?คนที่อายุยังไม่ถึง23ปีกลับได้รับฉายา วีรบุรุษ
ราวกับรู้สึกถึงความอับอายภายใต้การแสดงออกของธีโอดอร์ วินซ์วางถ้วยกาแฟของเขาลงและกล่าว “ตามตรงแล้ว ฉันค่อนข้างอับอายที่เป็นอาจารย์ของเธอ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งเธอจะก้าวข้ามฉัน....แต่ฉันไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะกลับมาในฐานะจ้าวมนตรา”
“นั่น....”ธีโอดอร์ไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบยังไง
ในความเป็นจริง ไม่มีเหตุผลที่วินซ์จะรู้สึกอับอาย การเติบโตของธีโอดอร์เป็นเรื่องที่น่าขันและเป็นไปไม่ได้หากปราศจากพลังของความตะกละ มันเป็นก้าวที่เป็นไปไม่ได้แม้กระทั่งคนที่มีพรสวรรค์สูงสุดของมนุษยชาติก็ตาม
วินซ์รู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกศิษ์ย์ของเข้าได้ก้าวข้ามเขาไป แต่เขารู้สึกอับอายในเรื่องที่เขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะสอนธีโออีกต่อไป
“จากนี้ไป ฉันจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆของเธอได้อีกต่อไปด้วยความสามารถของฉัน ฉันรู้เกี่ยวกับแนวคิดของ’ศาสตร์เวทย์’แต่มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้ผิวเผิน จำนวนคนในเมลเทอร์ที่สามารถสอนสั่งเธอได้มีไม่เกิน5คน”
พวกเขาต่างเป็นผู้นำหอคอยผู้ที่สร้างความพิเศษเฉพาะตัวของพวกเขาโดยการใช้ความพยายามของพวกเขาหลังจากมาถึงวงกลมที่7 มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยให้ธีโอดอร์เดินไปตามเส้นทางของเขาได้ โชคดีที่เวโรนิก้าดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับการให้คำแนะนำเขา
วินซ์คิดเช่นนั้นขณะที่เขาจ้องมองไปยังธีโอดอร์ด้วยความภาคภูมิใจและความเสียใจที่ปนเปกัน ศิษย์ของเขาได้เติบโตจนกลายเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ นกอินทรีที่เติบโตแล้วควรที่จะได้บินบนท้องฟ้าอย่างอิสระ
“ถึงเวลาแล้วที่เธอได้สัญญากับเด็กสาวนั่น เธอควรจะไปก่อนที่เธอจะสาย”วินซ์กล่าว
“....ครับ แล้วมาสเตอร์ละ?”ธีโอดอร์ถาม
“ฉันจะดื่มอีกสักเล็กน้อยก่อนที่จะออกไป”
“ผมเข้าใจแล้ว เจอกันอีกครั้งในตอนเย็นนะครับ”
“อืม”
ธีโอดอร์ลุกขึ้น ขณะที่วินซ์จ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยดวงตาสุขุม
มันได้มีการกล่าวขานกันว่า วีรบุรุษจะถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ตามที่กล่าว ธีโอดอร์จะต้องติดอยู่กับความโกลาหลที่รุนแรงยิ่งขึ้น เขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินชะตากรรมของอาณาจักรเมลเทอร์ในทวีปตอนเหนือ ซึ่งมีประวัติศาสตร์มานานหลายร้อยปี
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของธีโอ วินซ์ได้แต่อธิษฐานให้เส้นทางที่ธีโอดอร์ได้เดินจะราบรื่น
***
‘ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เห็นสถานที่นี้’ธีโอดอร์คิดขณะที่เขาวางฝ่ามือลงบนประตูที่ปิดสนิทตรงหน้าเขา ประตูคู่ที่หนาเตอะและมีการแกะสลักที่ซับซ้อนกว่าประตูบานอื่นๆ
ถูกต้อง สถานที่ที่เขาสัญญาจะมาพบกับซิลเวียก็คือเพนทาเรี่ยม สถานที่จัดงานแข่งขันรอบสุดท้าย
พรึ่บ พรึ่บ...
มีบางคนเข้ามาในสถานที่นี้ก่อนแล้ว ดังนั้น ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป แสงจึงสาดเข้าใส่หน้าเขา
เพนทาเรี่ยมนั้นว่างเปล่า แต่ความกว้างใหญ่ของที่นั่งผู้ชมยังคงสามารถมองเห็นได้ มันเกือบจะสามปีแล้ว แต่ทัศนียภาพของเพนทาเรี่ยมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เมื่อเขาหลับตาลงดูเหมือนว่าเขาจะยังได้ยินเสียงเชียร์ดังสะท้อนอยู่ในหูของเขา
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์ได้จ้องไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าเขา มีหญิงสาวยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ เสื้อคลุมสีฟ้าและผมสีเงินของซิลเวียทำให้ธีโอดอร์รู้สึกราวกับมันเป็น เดจาวู
แต่เสียงของซิลเวียก็ได้ฉุดเขากลับมาจากภาพในอดีต
“มันนานแล้วนะ ธีโอ”ซิลเวียพูด หากเสียงเก่าของเธอราวกับระฆังที่ใสกังวาล งั้นตอนนี้มันก็ราวกับทะเลสาบที่เงียบสงบขณะที่เสียงดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของเพนทาเรี่ยม
เป็นเพราะพวกเขากำลังอยู่ในสถานที่นี้ หรือเป็นเพราะพวกเขาได้มาพบกันหลังจากที่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน?ไม่ว่าจะทางใด ธีโอดอร์กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆและเรียกชื่อของเธออกมา “ซิลเวีย”
ซิลเวียเริ่มพูดคุยด้วยรอยยิ้มจางๆ “ฉันได้คิดถึงเรื่องนี้หลังจากที่ธีโอจากไป”
นี่เป็นครั้งแรกของซิลเวียที่สนใจเรื่องอื่นนอกเหนือจากเวทมนต์ ไม่เหมือนกับธีโอดอร์ ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นก่อนที่ซิลเวียจะเปลี่ยนไป ธีโอดอร์เป็นเพื่อนคนแรกของซิลเวีย
พวกเขาต่อสู้กันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขาในการพบกันครั้งแรก จากนั้นพวกเขาก็ได้ร่วมเดินทางด้วยกัน พวกเขาได้ต่อสู้กับอันเดทและเอลเดอร์ลิช พวกเขาไม่ได้เห็นหน้ากันสักพักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นซิลเวียและธีโอดอร์ก็ได้ร่วมกันต่อสู้กับลิเวียธาน
หลังจากนั้น ธีโอดอร์ก็ได้จากไป การออกเดินทางของธีโอดอร์มีเพียงเฉพาะบุคคลสำคัญเท่านั้นที่รู้ รวมถึงเคิร์ทที่3 หลังจากที่ธีโอจากไป3เดือน ซิลเวียจึงได้รับรู้ในเรื่องนี้
เธอจำไม่ได้ว่าเธอใช้เวลาไปกี่วันในห้องของเธอ
ดังนั้นเธอจึงเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ เช่นเดียวกับวิธีที่เธอจัดการกับเวทมนต์ เธอได้เขียนสิ่งต่างๆลงและลบพวกมันจนกระทั่งคำตอบที่ถูกต้องได้ออกมา ไม่มีใครสอนเธอว่าไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับความสัมพันธ์ของมนุษย์
“ทำไมธีโอจึงจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย?”ซิลเวียรู้ว่าตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างไปจากเธอ “ฉันได้ลืมไปแล้ว มิตรภาพคือสายใยระหว่างคนทั้งคู่ มันคือการยืนเคียงข้างกัน”
เธอมองไปยังด้านหลังของเขาซึ่งแข็งแกร่งกว่าเธอมากนัก ซิลเวียคิดว่าเธอไม่สามารถที่จะเป็นเพื่อนกับเขาได้อีกหากเธอไม่สามารถไล่ตามเขาได้ ดังนั้นเธอจึงอ่านหนังสือทุกวันและฝึกใช้คฑาของเธอทุกวัน เธอไม่ยอมแพ้จนกระทั่งเวทมนต์ที่แสนสนุกได้กลายเป็นความเจ็บปวด
ซิลเวียก้มหน้ามองพื้นและกล่าวว่า “สถานที่แห่งนี้ ธีโอดอร์เองก็เหมือนกัน”
การแข่งขันรอบสุดท้าย...มันเป็นเรื่องราวของเด็กชายที่ด้อยกว่าเธอ แต่ได้ต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ เขาได้หยิบยืมพลังอำนาจของความตะกละ แต่ซิลเวียก็ได้แข็งแกร่งขึ้นในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์นั้นเป็นผู้ชนะ
เมื่อเทียบกับเขาที่ฝึกฝนอย่างนัก เธอตระหนักว่าความเจ็บปวดของเธอเป็นเพียงความท้อแท้ของเด็กเท่านั้น
“ฉันต้องการให้ธีโอตรวจสอบมันด้วยตนเอง”ซิลเวียกล่าว
“อะไร?”ธีโอดอร์ตอบกลับ
“ว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอหรือไม่”ซิลเวียกล่าวขณะที่เธอคว้าคฑาสีขาวของเธอไว้แน่น มือของเธอมีเหงื่ออกและเธอสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่ผสมปนเปกัน
ตรงกันข้ามกัน ธีโอดอร์รู้สึกสับสน มันเป็นความจริงที่เขาไม่ได้สนใจเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าการเป็นเพื่อนไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าพวกเขามีคุณสมบัติหรือไม่
‘ฉันจะบอกเธอยังไงดี?’
หากยังคงดำเนินต่อไป หนึ่งในพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น มันเป็นความเสี่ยงสำหรับเธอที่จะต่อกรกับจอมเวทย์ขั้น7 ทำไมเธอจึงหมกมุ่นอยู่กับการเป็นเพื่อนเขา เธอต้องการที่จะต่อสู้ทำไม?เธอพยายามที่จะพิสูจน์สิ่งใดกัน?
เขาต้องการที่จะถามคำถามเหล่านี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามธีโอดอร์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่เหมือนกับสามปีที่ผ่านมาดวงตาของซิลเวียนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“…ฉันมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูด แต่ฉันจะเลื่อนมันไปก่อน”ธีโอดอร์กล่าว
จากนั้นเขาก็ถ่ายเทน้ำหนักของเขาไปด้านหลัง และร่างกายของเขาก็ได้ลื่นไหลผ่านพื้นไปด้านหลัง ขณะที่เขาสไลด์ไปอย่างราบรื่นราวกับพื้นดินเป็นน้ำแข็ง ธีโอดอร์ได้ทิ้งห่างจากเธอเป็นระยะ30เมตร นี่คือระยะห่างที่จอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนสามารถเล็งเวทย์ใส่กันและกันได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขายอมรับการต่อสู้กับซิลเวีย “มาสิซิลเวีย ครั้งนี้ เธอเป็นผู้ท้าชิง”
ซิลเวียยิ้มอย่างสดใส มันราวกับดวงอาทิตย์ที่โผล่ออกมาจากด้านหลังของเมฆ “อื้ม!”
ไม่เหมือนกับการต่อสู้ในอดีตของพวกเขา ไม่มีผู้ชม แต่นี่เป็นเรื่องที่ดีกว่า การต่อสู้ระหว่างจอมเวทย์ชั้นสูงทั้งสองคนก็เหมือนกับภัยพิบัติทางธรรมชาติขนาดเล็ก ผู้ชมจะต้องจ่ายค่าเข้าชมด้วยชีวิตของพวกเขา
วงกลม6วงได้หมุนอยู่ภายในร่างกายของซิลเวียด้วยความเร็วที่น่ากลัว ก่อให้เกิดพลังเวทมนต์อันหนาแน่นภายในห้องโถงใหญ่อันเงียบสงบ
วูบบบบ!
เมื่อธีโอดอร์ได้หมุนวงกลมของเขา เขาก็ได้ชื่นชมเธอ ‘นี่เป็นสัมผัสเวทย์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าเธอแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในหนึ่งปีที่ผ่านมา?’
การควบคุมพลังเวทย์โดยรอบของเธอนั้นแข็งแกร่งพอที่จะอยู่ในระดับเดียวกับธีโอดอร์
ศิษย์ของผู้นำBlue Tower เธอเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่เนตัวแทนของยุคนี้
พลังเวทมนต์โดยรอบซิลเวียได้ถูกใส่ธาตุเข้าไป ส่งผลให้ความเย็นปกคลุมไปทั่วทุกที่
เปรี้ย เปรี้ย
พื้นดินต่างเย็นเฉียบขณะที่ความชื้นในอากาศแข็งตัวและวาดรูปแบบที่ไม่รู้จัก รูปทรงและตัวอักษรได้ถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็งใส มันเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากน้ำค้างแข็ง
ธีโอดอร์ถึงกับตกตะลึงเมื่อเขารับรู้ถึงสิ่งที่เธอทำ “วาดวงเวทย์ด้วยน้ำค้างแข็ง(เกล็ดน้ำแข็งอะครับ เกิดจากน้ำค้างที่แข็งตัว)....?!”
มันเป็นแนวคิดที่เขาไม่เคยนึกถึง มันเป็นเรื่องปกติที่ว่าน้ำค้างแข็งเป็นสิ่งที่แสดงถึงเวทย์น้ำแข็ง แต่การคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะขยายเวทย์น้ำแข็งโดยการวาดวงเวทย์ด้วยน้ำค้างแข็ง?แม้ว่านี่จะเป็นความคิดที่ผิดปกติ แต่ซิลเวียกลับมีความชำนาญในเรื่องนี้
ในขณะที่ธีโอดอร์กำลังตกใจ ซิลเวียก็ได้ร่ายเวทย์ของเธออกมาราวกับเธอกำลังร้องเพลง “เหนือท้องฟ้า ใต้ท้องฟ้า!ระเบิดอย่างไม่หยุดยั้งในท้องฟ้า หมอกขาวแห่งยมิลล์!”
นี่คือเวทมนต์เฉพาะตัวของซิลเวีย แอทลันคัส
“-ละอองเพชร!”