เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 20 หมดคำพูด (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 20 หมดคำพูด
แปลโดย iPAT
ความสุขที่อ่อล้นไม่สามารถเอาชนะหัวใจของฟางหยวน เขาสงบจิตใจลงและเริ่มพิจารณาถึงผลกระทบจากวิญญาณกาลเวลา
‘ความสามารถของวิญญาณกาลเวลาคือการกำเนิดใหม่ แต่ตอนนี้มันอ่อนแอมาก หากข้าใช้พลังของมัน มันอาจตายทันที อย่างไรก็ตามมันยังเป็นวิญญาณระดับหกเช่นเดิม ดังนั้นข้ายังสามารถใช้ประโยชน์จากกลิ่นอายของมัน’
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ฟางหยวนก็ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งขณะที่วิญญาณสุราสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้งอยู่บนฝ่ามือของเขา
ก่อนหน้านี้มันโจมตีฟางหยวนอย่างอุกอาจ แต่หลังจากถูกกำหราบโดยวิญญาณกาลเวลา เจตจำนงของมันก็อ่อนแอ่ลงเป็นอย่างมาก
‘วิญญาณกาลเวลา’ ด้วยหนึ่งความคิด ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ของวิญญาณกาลเวลาออกมาสะกดข่มวิญญาณสุราที่อยู่บนฝ่ามือของเขาทันที ขณะที่ร่างของหนอนสุรากลายเป็นแข็งทื่อราวกับมันได้ตายไปแล้ว ด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุดมันไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่น้อยหรือบางทีมันอาจกำลัง...แกล้งตาย?
ฟางหยวนหัวเราะ เดิมทีเมื่อเขาใช้พลังวิญญาณของเขาปรับแต่งมัน มันพยายามดิ้นรนต่อต้าน แต่ในเวลานี้พลังวิญญาณของฟางหยวนกลับไหลเข้าสู่ร่างกายของมันได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากการขัดขืนใดๆ
จุดแสงสีฟ้าบนร่างของหนอนสุราขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีร่างกายของมันก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าครามประกายทองแดงทั้งหมด
เจตจำนงของมันแตกสลายและถูกแทนที่ด้วยเจตจำนงของฟางหยวน
การปรับแต่งเสร็จสมบูรณ์!
จากจุดเริ่มต้น ฟางหยวนต้องวางแผนล่อลวง ปีนป่ายภูเขา และข้ามธารน้ำตกอย่างยากลำบากก่อนจะได้รับวิญญาณสุรา แต่ในขั้นตอนการปรับแต่ง มันกลับง่ายดายราวกับการกลืนน้ำลายลงไปในลำคอ
ตอนนี้ฟางหยวนรู้สึกถึงการเชื่อมต่อระหว่างวิญญาณสุรากับตัวเขาแล้ว
หลังจากการปรับแต่ง เขารู้สึกราวกับมันกลายเป็นร่างกายส่วนหนึ่งของเขา หากเขาสั่งให้มันยืดตัวออก มันก็จะยืดตัวออก หากเขาสั่งให้มันขดตัว มันก็จะขดตัวเป็นไข่มุก วิธีนี้เหมือนกับการขยับนิ้วของเขาเอง
ขณะที่ฟางหยวนดึงพลังวิญญาณออกมาจากร่างของมัน หนอนสุราก็ขดตัวเป็นไข่มุกและพุ่งเข้าสู่ทะเลวิญญาณของเขาทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อมันเข้าไปถึง มันกลับแสดงท่าทีสงบเสงี่ยมราวกับผู้น้อย จากนั้นมันก็หลบออกไปด้านข้างและขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของทะเลวิญญาณอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง หนอนสุราก็เริ่มยืดตัวออกและบิดเอวอวบๆของมันอย่างสะดวกสบายราวกับมันกำลังอาบน้ำอยู่อย่างเพลิดเพลิน
‘เนื่องจากการคงอยู่ของวิญญาณกาลเวลา ข้าคงต้องเปลี่ยนแผน’ ฟางหยวนรวบรวมความคิดก่อนจะหยิบวิญญาณแสงจันทร์ออกมาและใช้วิธีเดิม
ด้วยแรงกดดันจากวิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ยอมจำนนทันที
ฟางหยวนรีบส่งพลังวิญญาณสีครามประกายทองแดงเข้ายึดครองร่างกายของมันเอาไว้ทั้งหมด
จากนั้นเมื่อฟางหยวนดึงพลังวิญญาณออกมาจากผลึกจันทร์เสี้ยว วิญญาณแสงจันทร์กลับไม่ได้เข้าไปในทะเลวิญญาณของเขาเหมือนหนอนสุราแต่มันพุ่งไปที่หน้าผากของฟางหยวนและกลายเป็นรอยสักรูปจันทร์เสี้ยวสี้ฟ้าอ่อนอยู่ที่นั่น
ขั้นตอนการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดกระบวนการใช้เวลาไม่ถึงนาที เปรียบเทียบกับก่อนหน้า อาจกล่าวได้ว่ามันแตกต่างกันราวกับสวรรค์พิภพ
ไม่เพียงรวดเร็วแต่ฟางหยวนไม่แม้แต่จะต้องใช้หินวิญญาณ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยวิญญาณกาลเวลา ทุกสิ่งจะกลายเป็นง่ายดายราวกับความช่วยเหลือจากสวรรค์ หลังจากนี้สิ่งที่ข้าต้องทำก็มีเพียงการใช้กลิ่นอายของวิญญาณกาลเวลาสะกดข่มวิญญาณดวงอื่นๆเท่านั้น ด้วยวิธีนี้วิญญาณระดับหนึ่งทั้งหมดจะถูกข้าปรับแต่งอย่างง่ายดาย แม้ข้าจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่ข้าไม่จำเป็นต้องยืมพลังจากหินวิญญาณ มันแตกต่างจากก่อนหน้าราวสวรรค์พิภพอย่างแท้จริง”
ฟางหยวนมีความสุขมาก ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเหมือนเมฆหมอกที่ถูกพัดกระจัดกระจายออกไปและเผยให้เห็นท้องฟ้าสีครามที่กระจ่างสดใส
แม้วิญญาณกาลเวลาจะอ่อนแอ แต่มันก็เป็นวิญญาณระดับหก พยัคฆ์อย่างไรก็เป็นพยัคฆ์ ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณกาลเวลา เส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของฟางหยวนจะสว่างสดใสมาก
แสงจันทร์ลอดผ่านช่องหน้าต่างทาบทอลงบนใบหน้าของฟางหยวนในค่ำคืนที่ไร้ดาว
“เดิมทีข้าคิดว่าไม่สามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันโดยไม่คาดคิด กาลเวลาไม่เคยรอคอยผู้ใด ตอนนี้ข้าต้องรีบไปที่สถานศึกษาเพื่อคว้ารางวัลหนึ่ง!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เพียงหนึ่งความคิด วิญญาณกาลเวลาก็กลับสู่จำศีลอีกครั้ง ขณะที่ฟางหยวนนำวิญญาณสุราออกมาวางไว้ข้างหมอน เพื่อป้องกันการตรวจสอบของอาจารย์อาวุโส
สิบห้านาทีต่อมา ฟางหยวนกลับไปถึงสถานศึกษาประจำหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตามในเวลานี้อาจารย์อาวุโสประจำสถานศึกษาเข้านอนไปแล้ว แต่ด้วยเสียงเคาะประตู เขาจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้ใดมาในยามวิกาลเช่นนี้?”
เสียงตอบกลับมาด้วยความเคารพ “รายงานผู้อาวุโส เป็นศิษย์ใหม่ปีนี้ที่ปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านสั่งผู้น้อยว่าให้แจ้งท่านทันทีเมื่อผู้ใดก็ตามสามารถทำสำเร็จเป็นคนแรก”
“โอ้ เป็นเช่นนั้น” อาจารย์อาวุโสขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะลุกจากเตียง ขณะที่เขาสวมชุดคลุม เขาเปิดถาม “แล้วผู้ใดที่ได้อันดับหนึ่งในปีนี้? ใช่ฟางเจิ้งหรือไม่?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่หน้าประตูตอบกลับอย่างสุภาพ “น่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อข้าได้ยินข่าว ข้าก็รีบมาที่นี่เพื่อรายงานท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มาจากตระกูลฟาง”
“ฮ่าฮ่า สมควรเป็นเขา” อาจารย์อาวุโสหัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจ “จะเป็นผู้ใดได้นอกจากอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่สองยังต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากหินวิญญาณ นี่เป็นเหตุผลที่พรสวรรค์มีความสำคัญในการบ่มเพาะ”
ขณะที่เขากล่าว เขาก็ผลักประตูออกไป ในเวลาเดียวกันผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ถอยหลังสองก้าวและเร่งทำความเคารพ “อาจารย์อาวุโส”
ในห้องโถงที่สว่างไสวไปด้วยแสงสีทองจากโคมไฟนับสิบดวง
เจ้าหน้าที่บางคนกำลังพิจารณารูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน “เจ้าบอกว่าเจ้าคือผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน ไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้งงั้นหรือ?”
ฟางหยวนพยักหน้า ขณะที่ชายชราผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาภายในห้อง
เมื่อชายชราเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขาเผยรอยยิ้มและใช้มือตบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มอย่างเป็นกันเอง “เจ้าทำได้ดีมากฟางเจิ้ง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เจ้าคือผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง เจ้าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่สองหรือสามไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจ้าไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักเพียงใด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ต้องไม่ลืมว่าฟางหยวนกับฟางเจิ้งเป็นพี่น้องฝาแฝด!
ลักษณะภายนอกของพวกเขาคล้ายกันมาก กระทั่งอาจารย์อาวุโสก็สามารถเข้าใจผิดได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสงบนิ่ง เขาเพียงก้าวถอยหลังออกไปอย่างสุภาพเพื่อให้ไหล่ของเขาหลุดออกมาจากมือของอาจารย์อาวุโสก่อนที่จะมองไปยังชายชราและกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ท่านอาจารย์ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าคือฟางหยวน ฟางเจิ้งคือน้องชายของข้า”
“อา...” อาจารย์อาวุโสอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เขามองฟางหยวนด้วยความงุนงง คิ้วของเขากลายเป็นขมวดแน่น หลังจากสูดหายใจลึก เขาจึงสามารถกล่าวออกมาได้ในที่สุด “เจ้าคือฟางหยวนงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง เป็นข้า” ฟางหยวนตอบ
“เจ้าปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์งั้นหรือ?” ชายชราประหลาดใจมากเมื่อเขามองไปยังสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวที่อยู่กลางหน้าผากของฟางหยวน
ฟางหยวนตอบ “อันที่จริงเป็นเช่นนั้น”
“แล้วเจ้าเป็นคนแรกของรุ่นที่ทำสำเร็จ?” ผู้อาวุโสถามคำถามสิ้นคิดออกมาด้วยความโง่งม แต่มันก็ไม่สามารถตำหนิเขาเพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่เกินกว่าความคาดหมายของเขาไปไกลมาก
ต้องรู้ว่าเขามีประสบการณ์มากมายในการสอนเด็กหนุ่มสาวมาตลอดหลายสิบปี เขาเห็นเด็กที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งประสบความสำเร็จมามากมาย แต่เขาไม่เคยพบสถานการณ์ที่ผู้มีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามประสบความสำเร็จเช่นนี้มาก่อน
“มันจะเป็นเช่นนั้น หากไม่มีผู้ใดเร็วกว่าข้า...” ฟางหยวนแสร้งครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือถูจมูกอย่างใสซื่อราวกับเด็กน้อยไร้เดียวสาก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “แต่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”
“....” อาจารย์อาวุโสหมดคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง