ตอนที่ 176 กลับสู่หอคอยเวทมนต์ 3
“ไร้สาระสิ้นดี!”ผู้นำทางการทหาร โรเบิร์ต ทุบโต๊ะและตะโกนเสียงดัง “ความสำเร็จของธีโอดอร์ก็เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำหอคอยRed Towerคนใหม่แล้ว!เขามาถึงวงกลมที่7ก่อนอายุ30 และได้เอาชนะ1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ!”
“ข้าเข้าใจ ท่านโรเบิร์ต!” อย่างไรก็ตาม ผูดูแลกิจการภายในอาณาจักร เจโรมี่กลับโต้แย้ง “ข้ายอมรับว่าความสำเร็จของเขานั้นยิ่งใหญ่มาก แต่การมอบตำแหน่งจอมเวทย์ชั้นหนึ่ง(ขอแก้จากผู้อาวุโสน้า วินซ์ก็เป็นจอมเวทย์ชั้นหนึ่ง)และฐานะของเอิร์ลให้อาจจะก่อให้เกิดข้อพิพาทได้ เราไม่ทราบว่าจักรวรรดิกำลังวางแผนอะไรอยู่ ดังนั้นพวกเราควรที่จะก่อให้เกิดการต่อสู้ภายใน?”
“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?วินัยที่อยู่เบื้องหลังราชอาณาจักรนี้คือการมอบรางวัลและการลงโทษข้อผิดพลาด ทำไมเราถึงไม่ควรตอบแทนวีรบุรุษเพียงเพราะขุนนางที่กำลังเล่นการเมือง?”
“อืม เจ้าก็เป็นเช่นนี้มาตลอด!”
หลังจากที่ธีโอดอร์เล่าเรื่องราวของเขาจบและได้รับการอนุญาติจากเคิร์ทที่3ให้ออกไปได้ คนที่เหลืออยู่ต่างตกอยู่ในสภาพตกใจ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มหารือกัน
คนรอบโต๊ะได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มีคนอย่างโรเบิร์ตที่ต้องการเผยแพร่ผลงานของธีโอดอร์และให้รางวัลมากมายแก่เขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งนำโดยเจโรมี่ที่คิดว่า นี่ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมสำหรับการเผยความสำเร็จของเขา
มันรุนแรงมากเพราะทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครผิด
คนที่กำลังตกเป็นข้อโต้แย้งนั้นเป็นคนที่มาถึงวงกลมที่7ตั้งแต่ยังหนุ่มและฆ่า1ใน7เพทดาบของจักรวรรดิได้ เมลเทอร์ไม่สามารถละเลยบุคคลประเภทนี้ได้
ในทำนองเดียวกัน ความคิดเห็นของฝ่ายค้านเองก็ถูกต้อง จนถึงปัจจุบัน จอมเวทย์ระดับสูงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนัก และพวกเขาไม่ยึดติดกับชื่อเสียง ดังนั้นเหล่าขุนนางจึงไม่เคยรู้สึกไม่เป็นมิตรกับพวกเขาหรือพยายามข่มเหงพวกเขา
อย่างไรก็ตาม สมดุลดังกล่าวอาจจะพังทลายเนื่องจากการปรากฏตัวของธีโอดอร์ มิลเลอร์
‘เรื่องราวที่น่าตลกนี้เกิดขึ้นเพราะคุณงามความดีของเขายิ่งใหญ่เกินไป’เคิร์ทที่3หัวเราะอยู่ภายในขณะดูการโต้แย้ง
ความคิดเห็นของเขาค่อนๆข้างใกล้เคียงกับผู้นำทางการทหาร แต่ในฐานะผู้ปกครองของอาณาจักร เขาต้องพิจารณาทั้งสองฝ่าย เมื่อจักรวรรดิยังไม่ได้เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเคิร์ทจึงไม่อาจตัดสินใจได้ว่าเขาจะเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งความอาฆาตหรือไม่
“เงียบ”เคิร์ทที่3พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและทุกคนก็เงียบ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เราเข้าใจความคิดเห็นของพวกเจ้าเกี่ยวกับจอมเวทย์ชั้นหนึ่ง ธีโอดอร์ คำพูดของทั้งสองฝ่ายต่างมีความสมเหตุสมผล”
มันเหมือนกับที่เขาพูด ในโลกนี้ มันไม่ใด้มีเพียงด้านเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง เป็นเรื่องปกติสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะถูกต้องและเขาจะต้องเลือกมาหนึ่ง เคิร์ทที่3อุทิศตนให้กับการปกครองอาณาจักรทุกวัน ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเรื่องนี้แล้ว
เขาหลับตาลงขณะที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
จากนั้นเขาก็เปิดปากขึ้น “จงฟัง!”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เวลา9โมงเช้า จงเชิญบารอน เดนนิส มิลเลอร์ มาที่เมืองนี้เพื่อรับตำแหน่งเอิร์ล เมื่อเขารับตำแหน่งแล้ว ธีโอดอร์ มิลเลอร์ จะได้รับตำแหน่งมาร์ควิส เช่นเดียวกับที่ดินของเขา ก่อนหน้านั้น จอมเวทย์ชั้น1ธีโอดอร์จะได้รับตำแหน่งมาร์ควิสอย่างไม่เป็นทางการไปก่อน เข้าใจหรือไม่?”
“กระหม่อมจะทำตามคำบัญชา ฝ่าบาท!”คนอื่นๆต่างลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ ขณะที่ชื่นชมการตัดสินอันชาญฉลาดของพระองค์
ในเมลเทอร์ ‘เอิร์ล’และ’มาร์ควิส’ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำแหน่งทั่วๆไป พวกเขาเป็นกลุ่มขุนนางที่สามารถมีส่วนร่วมกิจกรรมภายในอาณาจักรได้และหารือเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐ จะเกิดอะไรขึ้นหากจอมเวทย์ขั้น7ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาในตำแหน่งนี้?ขุนนางอาจจะไม่มีอำนาจเทียบเท่าในอาณาจักรอื่นๆ แต่พวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาสูญเสียอำนาจไปมากขึ้น พวกเขาอาจจะตอบโต้เคิร์ทที่3ด้วยอำนาจที่แข็งแกร่ง
‘แต่มันไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวลในตอนนี้’เคิร์ทคิดขณะที่ยิ้มเย็นให้กับเหล่ารัฐมนตรี
เนื่องจากกฏของเคิร์ทได้เริ่มขึ้น กองกำลังของเหล่าขุนนางยังคงหดตัว และคนที่หยิ่งยโสยังไม่อาจที่จะทำอะไรได้เนื่องจากความขัดแย้งกับจักรวรรดิ
อย่างไรก็ตาม ทุกคนในห้องนี้ต่างรู้สึกได้ถึงมัน สงครามอันยาวนานกับจักรวรรดิแอนดราสกำลังใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว อาณาจักรเมลเทอร์จะชนะและรวบรวมอาณาเขตตอนเหนือจนหมดหรือจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด ไม่มีทางที่เหล่าขุนนางจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียอำนาจไปได้
ธีโอดอร์เป็นคนที่ไม่สนใจเกี่ยวกับอำนาจหรือความมั่งคั่ง แต่เขาเต็มใจที่จะรับตำแหน่งขุนนางเพื่อที่จะย้ายครอบครัวของพวกเขามายังเมืองหลวงที่ปลอดภัย
“เอาละ มันได้ถูกตัดสินแล้ว จอมเวทย์ชั้นหนึ่ง ธีโอดอร์จะได้รับรางวัลและผู้นำหอคอยจะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ เราหวังว่าเจ้าจะไม่โต้เถียงข้าสำหรับการตัดสินใจ”
“พวกเราจะปฏิบัติตามฝ่าบาท!”
ไม่มีใครที่โต้เถียงพระองค์สักคน ในความเป็นจริง เจโรมี่เพียงแค่กังวลว่าธีโอดอร์จะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในอาณาจักรนี้ เขาไม่ได้ต้องการขัดขวางธีโอดอร์จากการได้รับรางวัลที่ดี
กษีตริย์ยิ้มด้วยความพึงพอใจกับข้อตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ จากนั้นเคิร์ทก็หันไปหาบลันเดลล์และกล่าวว่า “นั่นทำให้เรานึกขึ้นได้ ผู้นำBlue Tower”
“ฝ่าบาท”บลันเดลล์ตอบ
“เวโรนิก้าเป็นยังไงบ้าง?การลาดตระเวนแถวชายแดนยังไม่เสร็จงั้นหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น จากรายงานเมื่อวานนี้ เธอจะกลับมาในอีก1สัปดาห์”
เวโรนิก้ามักจะดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่เธอก็เป็นคนที่จริงใจ เช่นเดียวกับที่บลันเดลล์เคยทำเมื่อปีที่แล้ว เวโรนิก้ากำลังกลับมาหลังจากสำรวจชายแดนระหว่างเมลเทอร์กับจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม เคิร์ทที่ได้ยินคำตอบกลับเกิดคำถามขึ้นในใจเขา
“ผู้นำWhite Tower”เคิร์ทเรียก
“ฝ่าบาท”
“ข่าวนี้ถึงหูของเวโรนิก้าหรือยัง?”เคิร์ทหมายถึงที่ธีโอดอร์กลับมา ออร์ต้าเข้าใจทันทีและพยักหน้า “บางทีอาจจะเข้าหูของเธอแล้ว กระหม่อมได้บอกหน่วยข่าวกรองให้ส่งข่าวให้เธอแล้วเนื่องจากเธอได้จัดความสำคัญของเรื่องนี้ให้อยู่ในระดับสูงสุด”
“นี่....”
“หะ....”
บลันเดลล์และเคิร์ทต่างถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“…เราเดาว่าเธอคงกลับมาภายในสามวัน”
“ชายชราผู้นี้ก็คิดเช่นกัน”
ชายสองคนได้คิดไว้แล้วว่าเวโรนิก้าจะทำเช่นไรเมื่อเธอได้ยินข่าวนี้และมองหน้าซึ่งกันและกัน
ข่าวของจอมเวทย์ขั้น7คนใหม่และการเสียชีวิตของ1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ......พายุที่เกิดขึ้นจะรุนแรงแค่ไหน?นอกจากนี้ มันจะกลายเป็นเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อเวโรนิก้าได้กลับมายังเมืองหลวง
พวกเขาอดที่จะปวดหัวไม่ได้เมื่อคิดเช่นนั้น
ในขณะนั้น ออร์ต้าก็ได้กระซิบกับเคิร์ทจากที่ที่เขายืนอยู่ถัดไปจากชายสองคนที่กำลังวิตกกังวล [ฝ่าบาท มีคำร้องขอมาจากผู้นำYellow Tower]
เคิร์ทสับสนกับคำพูดที่ฉับพลันและลูบคางด้วยท่าทางที่ให้บอกกับเขามากกว่านี้
[มันเป็นคำร้องขอให้เขาได้พบกับจอมเวทย์ชั้น1ธีโอดอร์ กระหม่อมควรจะจัดการอย่างไร?]
“หืม”ครานี้ เคิร์ทไม่อาจที่จะซ่อนความสับสนได้
ผู้นำYellow Towerที่แสนจะลึกลับ ผู้ที่ยังคงเก็บตัวเงียบแม้ว่าเจ้าของบัลลังก์จะผลัดเปลี่ยนไปหลายครั้งก็ตาม ดังนั้นเคิร์ทจึงไม่อาจคาดเดาสาเหตุที่ทำให้เขาสนใจในตัวธีโอดอร์ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้นำYellow Tower นั้นแตกต่างไปจากผู้นำหอคอยคนอื่นๆ
เคิร์ทไม่ตอบกลับและได้พยักหน้าก่อนที่จะเร่งเสียงขึ้น “ทุกคนจงฟัง”
เมื่อทุกสายตาได้จับจ้องมาที่เขา เคิร์ทก็ได้ประกาศ “นอกเหนือจากการเลื่อนขั้นให้กับจอมเวทย์ชั้น1ธีโอดอร์และบารอน เดนนิส มิลเลอร์แล้ว เราขอสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนเข้าใกล้เขาในช่วงเวลานี้ เขาเป็นวีรบุรุษที่มีคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ เราอยากให้เขาได้พักผ่อนอย่างสบายใจ”
“ตามบัญชา ฝ่าบาท!”
ออร์ต้าเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำสั่งดีและยิ้มออกมาจางๆ นี่คือคำตอบของเคิร์ทที่ได้รับกับร้องขอจากผู้นำYellow Tower มันเป็นการพิจารณาของเคิร์ทที่3 ผู้ที่ยุติการพบปะทำให้ธีโอดอร์สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายๆช่วงเวลาหนึ่ง
***
ในอีกด้านหนึ่ง ธีโอดอร์ได้กลับไปยังห้องของเขาหลังจากที่พบปะกับบุคคลชั้นนำของเมลเทอร์
“เห้อ ฉันได้ทำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่?”
เขาไม่ใช่วีรบุรุษที่สามารถกล่าวอะไรได้ดีนัก
ธีโอดอร์ได้มาถึงวงกลมที่7 แต่เขายังเป็นเพียงชายหนุ่มที่อายุ20ต้นๆ เขาไม่สามารถสงบนิ่งได้เมื่อเผชิญหน้ากับกษัตริย์และผู้นำหอคอยทั้งสองคน มันโชคดีที่เขาไม่ได้พูดติดอ่างหรือหยุดพูดขณะที่เขาบอกเล่าเรื่องราวของเขา นอกจากนี้ เขาจะต้องกังวลไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทำไมกัน?
ธีโอดอร์ผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อเขามองไปรอบๆห้องที่เขาไม่เห็นมานานกว่าหนึ่งปี
“มันสะอาด....?”
มีใครบางคนคอยดูแลมัน ธีโอดอร์ได้ทำความสะอาดห้องของเขาไว้ก่อนที่จะออกไปและมันดูเหมือนเดิมราวกับตอนที่เขาออกไป ไม่มีคราบฝุ่นบนชั้นวางหนังสือ ขณะที่เตียงของเขายังคงมีกลิ่นหอมราวกับผ้าปูที่นอนได้รับการซักและตากแดดมาแล้ว
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาและวางลงบนเตียงโดยปราศจากความลังเล เขารู้สึกราวกับว่าเขาสามารถนอนหลับได้ในทันที ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว นั้นได้คลายออกแล้ว
‘ฉันกลับมาแล้วจริงๆ’
เมื่อย้อนนึกถึงอดีต มันเป็นการผจญภัยที่บ้าบอตั้งแต่ต้นจนจบ เขาได้พบกับศัตรูทันทีที่เขาข้ามชายแดน
มีโชคลาภที่ไม่คาดฝันในการประมูลใต้ดิน และเขาก็ได้ยั่วยุกลุ่มการค้าออร์คุสและวอร์ล็อคของมัน จากนั้นเขาก็หนีไปยังหมู่เกาะโจรสลัด พบกับอควาโล่ และต่อสู้กับอัตตา
สิ่งที่เกี่ยวกับขากลับ?ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ดาบผู้ถือครองดาบเทพเจ้า ต่อให้มีเก้าชีวิตก็ตาม มันก็ถือเป็นวิกฤตที่เขาอาจจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
“…อ่า”ความตึงเครียดทั้งหมดของเขาได้รับการปล่อยออกมาเมื่อเขาได้ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงที่คุ้นเคย ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขา มันทำให้รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจะละลายไปในเตียง
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ชีวิตในหอคอยเวทมนต์ของเขาจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาต้องพบปะกับซิลเวียและมองหาสูตรเวทมนต์ ทฤษฏีและเหตุการณ์ที่พึ่งถูกพัฒนาใหม่ในอาณาจักร แม้ว่าเขาจะไม่ได้พบกับเธอในวันนี้ แต่เขาต้องกล่าวคำทักทายเวโรนิก้า....
อย่างไรก็ตาม ความคิดของธีโอดอร์นั้นสิ้นสุดลงตรงนั้น เปลือกตาของเขาค่อยๆขยับลงช้าๆและปกคลุมดวงตาสีฟ้าของเขา จากนั้นลมหายใจของเขาก็สงบลงขณะที่เขาหยุดคิดถึงความคิดอันซับซ้อน ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่เหมาะกับวัยของเขา
[…ฮู้ ฮู้ โฮ้…]ขณะนั้นมิตราก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนหมอนสีขาวและนอนกรนขณะที่กำลังหลับอยู่ เธอนอนหลับตั้งแต่ที่ออกจากอาณาจักรโซลดุน ธีโอดอร์ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ใบและก้านของตาไม้เธอได้ยาวขึ้นกว่าก่อนหน้า จิตวิญญาณธาตุโบราณแตกต่างไปจากจิตวิญญาณธาตุทั่วๆไป และการเติบโตของเธอยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
มิตราละเมอออกมาขณะที่หลับใหล [ฮู้...โฮ้?]
มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือบางทีอาจเป็นเพราะน้ำลายที่ไหลของเธอ
วูบบ....
ตาไม้บนหัวของมิตราที่กำลังหลับได้ขยับ มันแตกออกเป็นสอง และบางอย่างก็ได้โตขึ้นจากตรงกลาง เมล็ดพันธ์ของต้นไม้โลกได้ถูกปลูกบนตัวของจิตวิญญาณธาตุโบราณ และในตอนนี้ ดอกไม้ก็ได้เติบโตขึ้นจากตาไม้
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์ผู้ที่กำลังนอนหลับนั้นยังคงไม่ทราบถึงเรื่องนี้