เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 19 วิญญาณกาลเวลา (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 19 วิญญาณกาลเวลา
แปลโดย iPAT
ระหว่างการปรับแต่งวิญญาณสุราของฟางหยวน หนอนสุราได้ทำการโต้ตอบ
วิญญาณสุราที่แบกรับเจตจำนงของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เอาไว้ส่งเจตจำนงบุกเข้าสู่ทะเลวิญญาณของฟางหยวนโดยตรง
ลำแสงสีขาวที่เต็มไปด้วยเจตนามุ่งร้ายพุ่งจากท้องฟ้าลงไปยังท้องทะเลสีครามประกายทองแดงเบื้องล่าง ขณะเดียวกันฟางหยวนก็กระตุ้นเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาและปลุกปั่นทะเลวิญญาณของตนเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่รุกล้ำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทะเลวิญญาณของฟางหยวนเกิดความปั่นป่วนขึ้นอย่างรุนแรง วังน้ำวนอันเชี่ยวกรากดูดกลืนทุกสิ่งลงไปเบื้องล่างขณะที่คลื่นยักษ์ก่อตัวและหมุนวนขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับสัตว์อสูรที่ดุร้ายทะยานร่างพุ่งเข้าขย้ำเหยื่อของมันอย่างไร้ปรานี
ในจังหวะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน วิญญาณดวงหนึ่งกลับปรากฏตัวขึ้นตรงกลางระหว่างพลังงานสองสายโดยไม่คาดคิด
มันเป็นจั๊กจั่น!
ร่างกายของมันไม่ใหญ่นัก หากเปรียบเทียบกับวิญญาณแสงจันทร์ที่เป็นผลึกคริสตัลสีฟ้าอ่อนรูปจันทร์เสี้ยวที่งดงาม จั๊กจั่นตัวนี้ก็เป็นบางสิ่งที่ดูราวกับงานไม้แกะสลักอันประณีตบรรจงที่ถูกสร้างขึ้นมาจากช่างศิลป์ระดับตำนาน
ร่างกายของมันเป็นสีน้ำตาลอ่อน ปรากฏลายวงปีของต้นไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งวันเวลาอยู่บนหน้าท้องของมัน นอกจากนั้นมันยังมีปีกที่โปร่งใสสองคู่อยู่บนแผ่นหลังอีกด้วย
นี่คือวิญญาณกาลเวลา!
มันกำลังโกรธจัด
ราวกับสัตว์อสูรแห่งบรรพกาลที่หลับไหลอยู่ในถ้ำถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันด้วยการบุกรุกของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในสวนหลังบ้านของข้าและยังเหิมเกริมแสดงความก้าวร้าวออกมาเช่นนี้!
เมื่อศักดิ์ศรีถูกดูหมิ่น วิญญาณกาลเวลาจึงปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความขุนเคืองออกมาอย่างเต็มที่ ประกายดาราแห่งทางช้างเผือกอันไพศาลเข้าคลี่คลุมแผ่นฟ้าเบื้องบนเอาไว้ทั้งหมด
หากเปรียบเทียบกับเจตจำนงของวิญญาณดวงนี้ วิญญาณสุราก็เป็นเพียงมดปลวกที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับพญาคชสารผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ต่อหน้าเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้า เจตนาร้ายอันเล็กจ้อยของวิญญาณสุราไม่สามารถต้านทานได้และถูกกลืนกินเข้าไปในพริบตา
ปัง!
ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อคลื่นยักษ์ที่เขาปลุกปั่นปะทะเข้ากับวิญญาณดวงนี้ อย่างไรก็ตามมันเหมือนกับคลื่นน้ำที่พุ่งเข้าปะทะหน้าผาหินและแตกกระจายกลายเป็นละอองฝนร่วงหล่นลงสู่ทะเลอีกครั้ง
เมื่อละอองฝนค่อยๆเลือนหาย วิญญาณกาลเวลาก็เผยตัวขึ้นอีกหน
ด้วยแรงกดดันจากวิญญาณกาลเวลา ห้วงสมุทรสีฟ้าครามประกายทองแดงจึงค่อยๆสงบลง
ปราศจากคลื่น ปราศจากการสั่นไหว ผิวน้ำกระจ่างใสราวกับกระจกที่สามารถส่องเข้าไปได้ถึงหัวใจของผู้คน
นี่คือพลังอำนาจที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์!
ฟางหยวนรู้สึกราวกับถูกกดทับด้วยภูเขาขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น เขาไม่สามารถควบคุมทะเลวิญญาณและกระแสพลังใดๆในร่างกายของเขาได้เลย
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะตกใจ แต่เขาไม่มีความหวาดกลัว ในความเป็นจริงหัวใจของเขากระทั่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
‘ผู้ใดจะคิดว่าวิญญาณกาลเวลาจะตามมาเกิดใหม่พร้อมกันกับข้า มันกลายเป็นว่าวิญญาณกาลเวลาไม่ใช่วิญญาณที่ใช้งานได้ครั้งเดียวแต่สามารถใช้ได้ซ้ำๆ!’
วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณระดับหก ในชีวิตก่อนหน้ามันเป็นวิญญาณระดับหกดวงแรกและดวงสุดท้ายของฟางหยวน เพื่อให้ได้รับมันมา เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการหลอมรวมมันเป็นเวลาสามสิบปีก่อนจะประสบความสำเร็จ
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อข่าวเกี่ยวกับวิญญาณกาลเวลาแพร่กระจายออกไป ผู้คนของฝ่ายธรรมะเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามรวมถึงความปรารถนาที่มีต่อวิญญาณกาลเวลา พวกเขาจึงรวมตัวกันบุกโจมตีและพยายามสังหารฟางหยวนเพื่อฉกชิงมัน
อย่างไรก็ตามการเดินทางย้อนเวลากลับมาในอดีตห้าร้อยปีเผาผลาญพลังงานของมันไปมาก ดังนั้นมันจึงอ่อนแอลงกระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของมัน
หลังจากย้อนเวลามาเกิดใหม่ วิญญาณกาลเวลาเข้าสู่การจำศีลเพื่อฟื้นฟูตัวมันเอง แต่เมื่อมันสัมผัสได้ถึงอันตรายที่จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหัน มันจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง กล่าวได้ว่าวิญญาณสุราเป็นสิ่งที่ปลุกมันให้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
แต่มันยังอ่อนแอมาก
จากความทรงจำของฟางหยวน วิญญาณกาลเวลาเต็มไปด้วยพลังงาน ร่างกายของมันงดงามวิจิตรและส่องประกายเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนคนที่กำลังจะหมดลมหายใจและอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ร่างกายของมันปลดปล่อยรัศมีแสงอันแผ่วเบาออกมาเท่านั้น ร่างไม้ของมันดูแห้งและหยาบกร้านราวกับต้นไม้ที่กำลังจะตาย ปีกของมันชำรุดเสียหายราวกับสามารถปลิวหลุดไปตามแรงลมได้ตลอดเวลา
ฟางหยวนรู้สึกทั้งโชคดีและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นวิญญาณกาลเวลาที่เขาบ่มเลี้ยงมาอย่างยาวนานอ่อนแอถึงจุดที่พร้อมจะร่วงหล่นลงสู่หุบเหวแห่งความตายได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามความอ่อนแอของมันกลับกลายเป็นความโชคดีของฟางหยวน มิเช่นนั้นเขาอาจประสบปัญหาใหญ่จริงๆ
ต้องรู้ว่าผู้ใช้วิญญาณและวิญญาณต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน ดังนั้นพวกเขาควรจะมีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน
ผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งก็ควรใช้วิญญาณระดับหนึ่ง นี่คือแนวทางที่เหมาะสมที่สุด หากวิญญาณมีระดับต่ำกว่าผู้ใช้ มันก็เหมือนกับนักรบที่ถือไม้จิ้มฟันเอาไว้ในมือ พลังโจมตีของมันมีเพียงเล็กน้อย หากวิญญาณมีระดับสูงกว่าผู้ใช้วิญญาณ มันก็เหมือนเด็กน้อยที่ถือขวานขนาดใหญ่โตเอาไว้ในมือ นอกจากจะไม่สามารถใช้งาน พวกเขายังจะได้รับผลกระทบในแง่ร้ายจากมันอีกด้วย
วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณระดับหก แต่เวลานี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าวิญญาณกาลเวลาคือภูเขาขณะที่ฟางหยวนเป็นกระรอกตัวเล็กตัวน้อย หากกระรอกน้อยต้องการยกภูเขาทั้งลูกเพื่อโจมตีศัตรู นอกจากมันจะไม่สามารถทำได้ กระรอกน้อยยังจะถูกภูเขากดทับและตกตายอย่างน่าอนาถ
หากวิญญาณกาลเวลาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งของฟางหยวนจะไม่สามารถรองรับพลังอันยิ่งใหญ่ของมันและจะถูกระเบิดทำลายในพริบตา
แต่โชคดีที่มันอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด ด้วยวิธีนี้ทะเลวิญญาณของฟางหยวนจึงสามารถเป็นที่พักชั่วคราวให้กับมัน
‘ข้าปฏิเสธวิญญาณแสงจันทร์และออกตามหาวิญญาณสุราเพื่อปรับแต่งมันให้เป็นวิญญาณหลักของข้า แต่ผู้ใดจะคิดว่าแท้จริงแล้วข้ามีวิญญญาณหลักเรียบร้อยแล้ว และวิญญาณหลักของข้าก็คือวิญญาณกาลเวลา!’ หัวใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย อย่างไรก็ตามตั้งแต่วิญญาณกาลเวลาปรากฏตัว ฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดและความผูกพันระหว่างมันกับเขาในทันที
วิญญาณหลักคือวิญญาณดวงแรกของผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณดวงนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเส้นทางแห่งการบ่มเพาะในอนาคตของพวกเขา
หากวิญญาณหลักเป็นวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ มันจะช่วยให้ผู้ใช้วิญญาณก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะได้อย่างราบรื่น ในทางตรงข้ามหากวิญญาณหลักอ่อนแอเกินไป ผู้ใช้วิญญาณจะมีปัญหาและอาจพบทางตันที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ในที่สุด
แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันจะส่งอิทธิพลต่อการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายของพวกเขา
ฟางหยวนเข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจกับเพียงวิญญาณแสงจันทร์และเค้นสมองคิดอย่างสุดความสามารถเพื่อค้นหาวิญญาณสุรา
ด้วยภูมิความรู้ของเขา วิญญาณสุราถูกพิจารณาว่าเป็นวิญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสมกับผู้ใช้วิญญาณฝึกหัด ผู้ใช้วิญญาณที่มีวิญญาณสุราเป็นวิญญาณหลักจะมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก สำหรับวิญญาณแสงจันทร์ มันถือเป็นวิญญาณระดับต่ำกว่ามาตรฐาน หากใช้มันเป็นวิญญาณหลัก สุดท้ายมันจะทำให้ผู้ใช้วิญญาณพบกับความยากลำบากในการบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคตก็คือเสน่ห์ของชีวิตมิใช่หรือ?
ฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาในชีวิตก่อนหน้า หลังจากเกิดใหม่ วิญญาณกาลเวลาเข้าสู่การจำศีล แต่สายสัมพันธ์ระหว่างมันกับเขายังคงอยู่ ในความเป็นจริงฟางหยวนรู้สึกว่าหลังจากเดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับเขายิ่งแน่นแฟ้นกันมากขึ้น
สุดท้ายด้วยการทำงานหนักตลอดห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้า วิญญาณกาลเวลากลายเป็นวิญญาณหลักของเขาในชีวิตนี้
ผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งครอบครองวิญญาณระดับหก!
หากบางคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาอาจหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน เพราะนี่เป็นสิ่งที่ขัดต่อกฎแห่งการบ่มเพาะของผู้คนบนโลกใบนี้
แต่ถึงกระนั้นมันก็เกิดขึ้นแล้วและเป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ!
‘วิญญาณสุราถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นวิญญาณหลักของข้า แต่เปรียบเทียบกับวิญญาณกาลเวลา มันไม่ต่างจากสวรรค์กับพื้นพิภพ! อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้ ข้า ฟางหยวน กลับสามารถมีวิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณหลักได้จริงๆ นี่มันช่าง...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า’