ตอนที่ 175 กลับสู่หอคอยเวทมนต์ 2
มันเป็นเรื่องดีที่ได้รับการต้อนรับ อย่างไรก็ตาม การเดินทางของธีโอได้ถูกเก็บเป็นความลับ ดังนั้นเขาจึงไม่คาดหวังที่จะพบเจอเพื่อนของเขาขณะที่คนอื่นๆกำลังจับจ้อง ไม่สิ มันคงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยหากซิลเวียรู้ถึงการกระทำของธีโอดอร์
ขณะที่ธีโอดอร์เต็มไปด้วยความสงสัย ออร์ต้าก็ได้ส่งข้อความหาเขาโดยใช้เวทมนต์ [เธอเป็นหลานสาวของบลันเดลล์ แอทลันคัส ดังนั้นไม่ว่าเธอจะต้องการอะไรก็ตามเธอก็สามารถหาได้ง่ายๆ]
‘อ่า’ธีโอดอร์ยอมรับภายในใจ
บลันเดลล์เป็นผู้นำหอคอย ไม่ใช่ใครอื่น ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่ต้องพูดอะไร ซิลเวียสามารถหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธีโอดอร์ได้ แน่นอน เขาแน่ใจว่าซิลเวียจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่อาจจะมีสถานการณ์ที่เธอไม่อาจจะคาดเดาได้ ตอนนี้ ธีโอดอร์ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเริ่มต้นเรื่องนี้ยังไง
อย่างไรก็ตาม ซิลเวียเป็นคนแรกที่ขยับตัวก่อน “ธีโอ”
“วะ-ว่าไง?”บางทีอาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงของเธอที่แตกต่างไปจากปีที่แล้ว การตอบสนองของธีโอดอร์จึงช้าไปชั่วขณะ ไม่เหมือนกับแต่ก่อน น้ำเสียงของซิลเวียนั้นหวานใสและก้องกังวาล
ขณะที่ธีโอดอร์แข็งค้างโดยไร้เหตุผล ซิลเวียก็ได้ก้มหยิบหนังสือที่เธอทำตก
“ดูเหมือนว่าธุระของธีโอจะจบแล้ว”เสียงของเธอนิ่งสงบกว่าที่เขาคิด เธอโค้งคำยับให้กับผู้นำWhite Tower และเก็บหนังสือของเธอขณะที่เธอถามธีโอดอร์ว่า “ตอนนี้ธีโอยุ่งอยู่รึเปล่า?”
“….ใช่ ฉันคิดว่าฉันคงจะยุ่งจนหัวค่ำนะแหละ”
“ฉันเข้าใจ”เสียงของเธอบ่งบอกว่าเธอเข้าใจ ซิลเวียยิ้มและเดินมาทางพวกเขา จากนั้นขณะที่เธอได้เดินผ่านธีโอดอร์ไป เธอได้กระซิบ “ฉันยังไม่พร้อมเต็มที่ ดังนั้นฉันจะมาหานายทีหลัง”
ธีโอดอร์หันไปมองเธอด้วยคำพูดแปลกๆ แต่ซิลเวียกำลังเดินขึ้นบันไดไปทางBlue Tower มันเป็นทิศที่อยู่ตรงข้ามกับRed Tower ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องน่าอับอายหากเขาไล่ตามเธอไปเพื่อถามว่าสิ่งที่เธอพูดหมายถึงอะไร
ด้วยความสับสนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ธีโอดอร์และออร์ต้าได้เดินขึ้นบันไดไปยังRed Tower
การพบกับอาจารย์ของเขา วินซ์ ไฮน์เดล เป็นไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงปีที่ธีโอดอร์หายไป ห้องส่วนตัวของวินซ์ได้รับป้ายชื่อที่สลักด้วยสัญลักษณ์ ‘ผู้อาวุโส’แล้ว ธีโอรู้สึกประหลาดใจชั่วณะ แต่มันก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไม
ต้องขอบคุณการฟื้นฟูภาษาของอาณาจักรโบราณ บัลเคีย และ ระบบเวทมนต์ของมัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาจารย์ของเขาจะกลายเป็นผู้อาวุโส
“มาสเตอร์!”ธีโอดอร์เปิดประตูออกไปด้วยน้ำเสียงยินดี
“อึก-พรวด!”วินซ์พ่นน้ำกาแฟที่เขาพึ่งจะดื่มไป มันเป็นการพบหน้าระหว่างอาจารย์และศิษย์หลังจากผ่านไปหนึ่งปี และการพบหน้ากันครั้งนี้เริ่มต้นด้วยน้ำกาแฟที่เลอะเต็มไปใบหน้าธีโอดอร์
“นะ-นี่....ธีโอดอร์ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ครับ ผมไม่เป็นไร”
โชคดีที่ ธีโอดอร์ไม่สามารถถูกเผาได้ด้วยกาแฟที่ร้อนเพื่อเขามีความทนทานต่อความร้อนสูง เขาไม่ได้มีความสามารถทางกายภาพเช่นผู้ใช้ออร่า แต่ร่างกายของจอมเวทย์แตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไปในหลายๆด้าน
แน่นอน วินซ์ได้กล่าวขอโทษที่พ่นกาแฟใส่หน้าลูกศิษย์ที่ไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งปี
“มาเริ่มเรื่องราวกันเถอะ”หลังจากที่เช็ดหน้าและกาแฟแก้วใหม่ได้ถูกเท วินซ์ก็ได้เปิดปากขึ้นเป็นคนแรก “ก่อนอื่น ขอต้อนรับกลับมานะ ฉันไม่เห็นบาดแผลใดๆเลย แต่เกี่ยวกับปัญหาที่พวกเราได้คุยกันก่อนเธอจะออกไป เป็นยังไงบ้าง?”
“มันดีกว่าที่คาดหวังไว้มากครับ”
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี”วินซ์ยิ้มออกมาอย่างสดใสหลังจากได้รับข่าวข้องธีโอดอร์ การเดินทางของธีโอมีคนรู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่มีเพียงวินซ์ที่รู้เกี่ยวกับปัญหาของธีโอดอร์
ออร์ต้ายื่นหัวของเขาเข้าไปใกล้ แต่เขาไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในเรื่องราวระหว่างสองคน
จากนั้นเรื่องราวการผจญภัยของธีโอดอร์ก็เริ่มขึ้น
เริ่มตั้งแต่ การถูกโจมตีระหว่างการข้ามชายแดนไปยังซิโปโต แผ่นโลหะจากกลุ่มการค้า การประมูลลับของซิโปโต ความสงสัยเกี่ยวกับกลุ่มการค้าออร์คุสที่ใช้เวทมนต์ดำ ....เนื้อหามันมีมากพอที่จะคุยได้ตลอดทั้งวัน
ในตอนแรก ผู้นำWhite Tower กำลังฟังอย่างไม่แยแส แต่ไม่นานนักเขาก็เอนตัวไปข้างหน้าเพื่อฟังคำพูดของธีโอ จากนั้นก็พูดออกความเห็นมา
“อัศวินแห่งความตายและเรือผี.....ฉันคงต้องยกระดับคำเตือนไปอีกสองขั้น”
“หมู่เกาะโจรสลัด ฉันคิดว่ามันเป็นแค่กลุ่มโจรสลัดเท่านั้น ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมีมังกรสมุทรอยู่เบื้องหลัง”
“ราชอาณาจักรโซลดุนกำลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ บางทีอาจจะมีสงครามกลางเมืองในทางตะวันออกของทวีปนี้...”
….มันเป็นเรื่องราวที่คล้ายกัน มีเรื่องเล็กๆไม่กี่เรื่อง แต่ทุกๆเหตุการณ์นั้นใหญ่เกินไปที่จะไม่ใส่ใจ เมื่อเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุด ความพ่ายแพ้ของไฮด์ สองจอมเวทย์อาวุโสต่างลืมเกียรติของพวกเขาและตบมือดังลั่น
“ยอดเยี่ยม!นี่เป็นเพียงการตัดสินของฉันเท่านั้น แต่ความสำเร็จเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เธอได้ตำแหน่งมาร์ควิส”วินซ์กล่าว
“คุณยกยอผมเกินไป”ธีโอดอร์ตอบ
“ไม่ มันเป็นการยากที่จะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้อาวุโสวินซ์ การไปถึงวงกลมที่7ด้วยวัยเพียงเท่านั้นและเอาชนะ1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ?แม้ว่าเธอจะมองผ่านประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเมลเทอร์ มันคงเป็นการยากที่จะหาคนเช่นเธอ”ออร์ต้ากล่าวยกย่องธีโอดอร์เช่นกัน
ธีโอดอร์ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำตัวยังไงหลังจากได้ยินคำชมเชยจากสองจอมเวทย์
วินซ์ ไฮน์เดลและออร์ต้า.....ทั้งสองคนต่างเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเมลเทอร์และฝึกฝนเกี่ยวกับเวทมนต์มานานกว่าธีโอดอร์ เขาไม่ต้องการให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจกับความสำเร็จที่รวดเร็วของคนที่เด็กกว่า แต่เขาไม่สามารถมองเห็นอาการเหล่านี้ได้บนใบหน้าของพวกเขาเลย
ธีโอดอร์สัมผัสได้แต่ความสุขและความชื่นชม และหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นของเขา
‘ฉันได้พบกับคนที่ดีจริงๆ’
บางทีความรู้สึกเช่นนี้อาจจะเป็นพลังอำนาจที่แท้จริงของเมลเทอร์ พวกเขาไม่ได้ผูกขาดความรู้ของตนเพียงลำพัง ไม่ได้ยึดถือความรู้ของตนเป็นหลัก และไม่ได้มีความคิดอิจฉาใดๆ มันเหมือนกับสวรรค์เมื่อเทียบกับจักรวรรดิแอนดราส ที่มีคำสั่งอย่างเคร่งครัดระหว่างอาจารย์และศิษย์
“อา นั่นทำให้ผมนึกได้ มาสเตอร์”ในขณะนั้น คำถามที่เกี่ยวข้องกับซิลเวียก็โผล่ขึ้นมาในความคิดของธีโอดอร์ ผู้ที่รู้สึกดีขึ้น “ผมสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงระหว่างหนี่งปีที่ผมไม่อยู่ ตัวอย่างเช่น ซิลเวียรู้ว่าผมได้ออกไป....”
“หืม”บางทีนี่อาจจะเป็นหัวข้อที่หนักกว่าที่ธีโอคิด ขณะที่วินซ์ร้องออกมาก่อนที่จะเปิดปากขึ้น “เอาละ ให้ฉันอธิบายสิ่งที่ฉันรู้”
เรื่องราวที่ปรากฏขึ้นนั้นมากกว่าที่ธีโอดอร์คาดคิด ซิลเวียได้ค้นพบเกี่ยวกับการเดินทางของธีโอดอร์หลังจากที่เขาออกไป จากนั้นเธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องนานนับสัปดาห์ สัปดาห์ต่อมา เธอก็เริ่มเงียบขึ้น ไม่พูดจากับใคร
ซิลเวียจะอ่านหนังสือทุกวันหรือฝึกซ้อมอยู่ในห้องของเธอ เธอกลายเป็นคนเงียบๆแต่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เธอหมกมุ่นอยู่กับเวทมนต์ของเธอ เธอไม่สนใจแม้แต่นิดว่าร่างกายของเธอจะเจ็บปวด
มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น แต่การเดินทางของธธีโอดอร์เป็นเหตุให้ซิลเวียเปลี่ยนไป เธอมีพรสวรรค์และความสามารถที่มากกว่าคนอื่น แต่เธอได้เติบโตขึ้นด้วยความหดหู่ในใจ
แม้กระทั่งกับธีโอดอร์ เธอมีความปราถนาที่จะแข่งขันกับเขา อย่างไรก็ตาม ซิลเวียได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจในเวทมนต์ของเธอไปจากการเล่น
“เธอได้สังเกตเห็นแล้วใช่มั้ยละ?”
“ครับ”ธีโอดอร์พยักหน้าขณะที่นึกถึงความตกใจในตอนนั้น “เธอทำให้วงกลมที่6สมบูรณ์แล้ว เธออยู่ระหว่างครึ่งก้าวไปยังวงกลมที่7”
ซิลเวียมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจและน่ากลัว ธีโอดอร์ต้องใช้ ความตะกละ เพื่อข้ามผ่านมัน กำแพงที่ยากจะข้ามผ่านได้แม้ว่าจะมีพรสวรค์อันน่าตกตะลึง ได้ถูกเจาะโดยซิลเวียหลังจากที่เธอเปลี่ยนความคิด
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่วินซ์พยายามจะพูด เขามองไปที่ธีโอดอร์และประกาศว่า “เด็กคนนี้ต้องการที่จะติดตามเธอ”
“หะ?ผม?”
“ใช่ ราวกับลูกไก่ที่คิดว่าคนแรกที่มันพบหลังจากที่ฟักออกมาคือแม่ของมัน เธอมีลักษณะเช่นนั้นสำหรับซิลเวีย”
มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ ที่ได้พบกับเด็กชายผู้ที่สามารถต่อกรกับเธอและผจญภัยไปกับเธอได้ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับธโอดอร์ที่จะกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่สำหรับซิลเวีย ผู้ที่ราวกับกระดาษอันว่างเปล่า
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มคนนั้นได้เดินจากไปและก้าวเดินตามลำพัง เด็กหญิง ไม่คุ้นเคยกับการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้พบคำตอบของเธอว่ามันเป็นเพราะเธออ่อนแอ เธอกลายเป็นภาระสำหรับเขา ดังนั้น ซิลเวียจึงตัดสินใจที่จะแข็งแกร่งขึ้น เธอมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งกว่าเด็กหนุ่มที่เอาชนะเธอ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็แข็งแกร่งพอที่จะยืนเคียงข้างเขา
ธีโอดอร์ไม่เคยรู้เลยจนกระทั่งได้ยินคำพูดเหล่านี้ ในที่สุด เขาก็เข้าใจแล้วว่าซิลเวียหมายความว่าไงว่าเรื่องการเตรียมพร้อมของเธอ
ขณะที่เขาดื่มกาแฟด้วยความตกใจ วินซ์ก็พยักหน้าและให้คำแนะนำแก่เขา “ฉันจะไม่ขอให้เธอไปพบซิลเวียทันที แต่เธอไม่ควรที่จะลืมเรื่องนี้”
“…ครับ ผมจะจำไว้”
ธีโอดอร์มีพร้อมทั้ง ‘คุณสมบัติ’และ’อายุ’ที่เหมาะสม เขายกแก้วของเขาจิบขึ้นอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงบททดสอบของเซย์เมย์ที่แสดงให้เห็นถึงในเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นบรรยากาศ แต่รสชาติของกาแฟที่หวานมันขมเล็กน้อย
***
หลังจากที่จบเรื่องราวของเขา ธีโอดอร์ก็ถูกเรียกตัวไปยังพระราชวังตอนประมาณ3ทุ่ม มันอาจจะเป็นเพราะการประชุมในช่วงบ่านนั้นนานเกินไป หรืออาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงสายตาของผู้อื่น
ธีโอดอร์ได้เดินผ่านสวนตรงกลางของพระราชวังขณะที่ดวงดาวส่องแสงเหนือหัวเขา เขาเดินมามากว่าร้อยก้าวจากสวนไปยังจุดหมายของเขา
มันเป็นสถานที่ที่เขาเคยมาเยือนหลายครั้งในอดีต ยามที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ตระหนักถึงตัวตนของธีโอดอร์และพูดอย่างสุภาพ “มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน เชิญครับ”
ธีโอดอร์ตอบกลับคำทักทายเบาๆก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยทักไป ผู้เฝ้าประตูจะเปิดประตูขณะที่ขานชื่อของคนที่กำลังจะเข้าไป แต่ลักษณะของกการประชุมครั้งนี้มันแตกต่างกันเล็กน้อย
ผู้เฝ้าประตูไม่จำเป็นต้องธิบายว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ธีโอดอร์ก็สามารถบอกได้ทันทีที่เขาเปิดประตู....
ผู้นำBlue Tower บลันเดลล์ แอทลันคัส
ผู้นำWhite Tower ออร์ต้า.....
ผู้นำทางการทหาร โรเบิร์ต อัลเฟทไฮเมอร์.....
และผู้ดูแลกิจการภายในอาณาจักรทุกอย่าง เจโรมี่ วิโอเลตต้า....
นอกเหนือจากเวโรนิก้าที่หายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ขุมอำนาจหลักของเมลเทอร์ได้นั่งอยู่รอบๆโต๊ะกลมและจับจ้องมายังเขา และแน่นอน ชายที่อยู่ตรงกลางก็คือเคิร์ทที่3ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อันงดงาม
เมื่อประตูด้านหลังเขาได้ปิดลง ธีโอดอร์ก็โค้งคำนับแก่กษัตริย์“ผู้อาวุโสแห่งRed Tower ไวเคาท์ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ขอทักทายดวงอาทิตย์แห่งเมลเทอร์”
“ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากนัก”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”ธีโอดอร์ลุกขึ้นยืนและได้พบกับดวงตาที่สดใสของเคิร์ท
จากนั้นเคิร์ทก็พูดด้วยน้ำเสียงกลั่นแกล้ง “มันเป็นเวลานานพอสมควรเลยนะ ที่วีรบุรุษได้ออกไปจากบ้าน เจ้าไปที่ไหนและเจ้าได้ทำอะไรมา?”
“ขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยฝ่าบาท กระหม่อมได้กลับมาอย่างปลอดภัย”
“เป็นเช่นนั้นหรอ?แต่ เราไม่คิดว่าเจ้าจะสนุกไปกับการเดินทางโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ หากเจ้าไม่ว่าอะไร โปรดบอกเรื่องราวของเจ้ากับผู้คนที่มารวมกันที่นี่”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท....อ่า”การแสดงออกของธีโอดอร์เปลี่ยนไปเมื่อสิ่งหนึ่งโผล่มาในหัวของเขา “ก่อนที่กระหม่อมจะเริ่มพูด กระหม่อมมีเรื่องต้องขออภัยฝ่าบาท”
“หืม?เรื่องอันใดกัน?”เคิร์ทที่3กล่าวด้วยความรู้สึกสับสน
ธีโอดอร์แสดงข้อมือที่ว่างเปล่าและขอโทษ “ในระหว่างการต่อสู้ ผมได้สูญเสียสร้อยข้อมือที่ฝ่าบาททรงให้ยืม โปรดอภัยให้กับความสามารถอันต่ำต้อยด้วย”
“หะ?สร้อยข้อมือนั้นรึ?เจ้าทำได้อย่างไร?”
“มันช่วยไม่ได้พะยะค่ะ กระหม่อมได้ต่อสู้กับ1ใน7เทพดาบของจักรวรรดิ”
แม้ว่าเสียงของเขาจะพูดอย่างสบายๆ แต่บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนไปทันที บางคนในห้องรู้เรื่องนี้แล้ว แต่คนที่ไม่รู้ต่างตกใจ สำหรับเมลเทอร์ การต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา 7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ มันไม่สามารถยุติได้หากไม่เกิดการนองเลือด หากธีโอดอร์ยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ นั่นก็หมายความว่า.....
เมื่อทุกคนต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น เคิร์ทที่3ก็ได้ยกมือขึ้น “เอาละ มาเริ่มเรื่องราวจากตรงนั้น ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม เราอยากให้เจ้ารายงานตามเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ธีโอดอร์ตอบสนองต่อความคาดหวังของพวกเขาโดยการเปิดปากขึ้นและบอกเล่าเรื่องราวของเขา “มันเริ่มหลังจากที่ผมได้เห็นความหายนะในสมาคมข่าวสาร....”
มันเป็นเรื่องที่เขาได้บอกกับผู้นำWhite Tower และวินซ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำให้เรื่องราวมันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น บางครั้งก็โกรธเกรี้ยว บางครั้งก็สงบนิ่ง เสียงของชายหนุ่มดังสะท้อนไปทั่วห้อง
บุคคลที่สำคัญที่สุดในอาณาจักรเมลเทอร์ต่างนิ่งเงียบขณะที่วีรบุรุษเล่าเรื่องราว.....
และไม่มีใครที่สามารถเปิดปากของพวกเขาได้จนกระทั่งเรื่องราวได้สิ้นสุดลง