ตอนที่ 169 เส้นทางกลับบ้าน 4
ดวงอาทิตย์ได้หายลับไปจากขอบฟ้าโดยสมบูรณ์ ที่ราบซึ่งห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร นั้นไม่ได้มีคบเพลิงที่คอยให้แสงสว่าง และมันดูเหมือนจะมืดเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง นี่เป็นม่านแห่งความมืดซึ่งจะบิดเบือนกฏเกณฑ์ของธรรมชาติและกลืนกินชีวิต มนุษย์ธรรมดาจะถูกกลืนกินทันทีหากเขาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับม่านแห่งความมืดนี้
อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์ดาบนั้นเป็นสัตว์ประหลาดผู้ที่ก้าวข้ามขอบเขตของมนุษย์แล้ว
“ใครมันจะกลัวจอมเวทย์ที่ดีแต่พูด?”ชายสวมหน้ากาก-ไม่สิ ไฮด์เทพดาบลำที่6ของจักรวรรดิได้ยกดาบของเขาขึ้นขณะที่พลังของเขาได้ปะทุขึ้น
เขาเกลียดชังในตัวจอมเวทย์อย่างมากเนื่องจากเขาเคยได้รับความอัปยศอดสูจากเกรทฟอเรสต์ สิ่งนี้ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอด....ความรู้สึกเหล่านี้กลับเผาไหม้รุนแรงขึ้นแทนที่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ไฮด์ไม่ได้คิดถึงความแตกต่างระหว่างวอร์ล็อคและจอมเวทย์ ความเกลียดชังนี้จะไม่มีวันลดลงจะกว่าเขาจะทำลายจอมเวทย์ผู้ที่ทำลายเกียรติของเขาและแผนของเจ้านายเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของไฮด์ก็หายตัวไปราวกับละลายไปในอากาศ
[โอ้...!นี่คือความสามารถของเจ้า....?น่าสนใจยิ่งนัก]ผู้นำเงากล่าวด้วยความชื่นชม แต่มันยิ้มราวกับมันมั่นใจในชัยชนะของมันมาก
ไม่มีเสียงหรือรูปร่างที่มองเห็นได้ นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ามีอะไรเกิดขึ้นในพื้นที่นี้เลย มีวิธีใดกันที่เงาจะสามารถเอาชนะพลังนี้ได้?วิธีใดที่จะทำให้เขาสามารถรอดจากปรมาจารย์ดาบผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่า?
ไฮด์เย้ยหยันเงานั่น มันอาจจะเป็นไปได้สำหรับ1ในผู้นำหอคอยแห่งเมลเทอร์ แต่วอร์ล็อคจะสามารถตรวจพบดาบของไฮด์ได้อย่างไร?
[ตรงนั้น]
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของไฮด์ก็ได้ถูกทำลายลงเนื่องจากสายฟ้าสีดำหลายสิบสายที่พุ่งเข้าใส่รอบๆเท้าเขา แต่ละสายามีพลังเทียบเท่าเวทย์ขั้น6!มันเป็นพลังอำนาจที่แม้กระทั่งปรมาจารย์ดาบยังไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์
น่าแปลกใจ พวกมันส่วนใหญ่กลับถูกปัดป้องได้ แต่หน้ากากของไฮด์กลับถูกเผาไหม้
“เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อย เจ้ากล้าดียังไง?”
[โง่เง่ายิ่งนัก.....ปรมาจารย์ดาบทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียงที่ทำให้สมองแปรเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้องั้นหรือ?]
เงาที่เหลือต่างหัวเราะและรุมเยาะเย้ยไฮด์
พรึ่บ!
ไฮด์ ผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะเย้ยโดยวอร์ล็อค ได้พุ่งกระโดดไปข้างหน้าและมุ่งเป้าไปยังผู้นำเงาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เขาจะแสดงให้ไอขยะนี้เห็นว่าพวกมันไม่สามารถเทียบได้กับเหล่าผู้นำหอคอยแห่งเมลเทอร์
[คิดเกี่ยวกับมันสิ ปรมาจารย์ดาบผู้โง่เขลา พื้นที่นี้เป็นดินแดนของข้าอยู่แล้ว....มันเป็นภาพที่ข้าได้วาดขึ้น สีก็คือเวทมนต์ดำและผืนผ้าใบ....](ผืนผ้าใบที่ใช้วาดภาพ)
“อะไร?”
[เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้ากำลังพูด?ความสามารถของเจ้านั่นทำให้เจ้าไม่แสดงตัวตนบนผืนผ้าใบของข้า เนื่องจากไม่มีอะไรที่สัมผัสได้ ‘ความว่างเปล่า’นั้นแหละที่แสดงตำแหน่งของเจ้า]
ท่าทางของไฮด์กลายเป็นแข็งกระด้างทันทีด้วยคำพูดของเงา ไฮด์นั้นถูกรับรู้ตำแหน่งเพราะการซ่อนตัวที่สมบูรณ์แบบของเขา?มันเป็นจุดบอดที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ฟื้นคืนความสงบของเขาและหัวเราะเยาะวอร์ล็อคผู้ที่บอกเหตุผลนี้แก่เขาด้วยความประมาท หากวอร์ล็อคสามารถจับตำแหน่งของเขาได้บนผืนผ้าใบนี้ เขาก็ต้องทำเพียงแค่ออกไปจากผืนผ้าใบหรือฉีกมันออกก็แค่นั้น
“โง่ยิ่งนัก ทำไมเจ้าถึงบอกข้ากัน?ข้าเพียงแค่ออกไปจากที่นี่”
[ตอนนี้เจ้าก็เริ่มรู้อะไรขึ้นมานิดหน่อยแล้ว นั่นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง]
“…ถูก?”ไฮด์ถามด้วยความรู้สึกไม่ดี
ในขณะเดียวกันเงารอบๆตัวเขาก็พุ่งตัวห่างออกไปพร้อมกับหัวเราะ มีเหตุผลที่ทำให้พวกมันถอยห่างออกไปและสอนจุดอ่อนแก่ไฮด์ ผู้นำเงาได้อธิบายทั้งหมดนี้เพื่อที่จะจับข้อเท้าของไฮด์เอาไว้
[หึๆๆๆ! มันสายเกินไปแล้ว ปรมาจารย์ดาบ!]
ในขณะเดียวกัน ลูกโป่งสีแดงก็ปรากฏขึ้นที่เท้าของไฮด์และระเบิดออกโดยไม่ให้โอกาสเขาตั้งตัวใดๆ
------
เสียงทั้งหมดได้ตายไป แสงถูกกลืนกิน ทรายแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ และแม้กระทั่งดวงดาวบนท้องฟ้าเองก็ยังหลบซ่อน
ความมืดทึบที่ไม่สามารถเข้าถึงได้คือหมอกในอาณาเขตแห่งความตาย ที่สามารถพบได้ในส่วนลึกของโลกปีศาจ มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อวอร์ล็อคเลย แต่มันเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตอื่นในโลกวัตถุแห่งนี้
คนทั่วไปจะไม่สามารถอยู่ได้แม้กระทั่งวินาทีเดียว แต่ปรมาจารย์ดาบอาจจะรอดได้ อย่างไรก็ตามเขาจะได้รับความเสียหายรุนแรงและเปลี่ยนเป็นนักดาบปีศาจด้วยพลังแห่งความตาย
ผู้นำเงาที่ชื่อว่า โฮลสเต็น ผู้ที่เป็น1ใน5ผู้บริหารสูงสุดแห่งกลุ่มการค้าออร์คุส ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามีอำนาจเหนือสถานการณ์ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แต่เขาคงจะพลาดโอกาสหากไฮด์ฉลาดมากกว่านี้
[ข้ากำลังหัวเราะ แต่ความสามารถของเจ้านั้นน่ากลัวจริงๆ]
หากโฮลสเต็น ไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า เขาอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้วโดยดาบของไฮด์ในวันนี้ จากประตูนรกไปสู่ม่านแห่งความมืด จำนวนผู้ที่สังเวยไปกับกับดักนี้คือ5000คน และมันสำเร็จ ทั้งหมดนี้คงจะไร้ค่าหากเขาล้มเหลวที่จะจับไฮด์
การสร้างอัศวินซากศพ ไม่เหมือนกับอัศวินแห่งความตาย ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง5000ชีวิต
จากนั้นโฮลสเต็นก็พูดต่อ [นี่เป็นก้าวที่ทำให้ใกล้ชิดกับการรอคอยอันแสนยาวนอนของพวกเรา....]
การขยายอำนาจของพวกเขาต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากความวุ่นวายจากเมลเทอร์ แต่การเก็บเกี่ยวครั้งนี้จะทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์กลับคืนได้ ไฮด์เป็นปรมาจารย์ดาบที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร!วิธีการที่เขาใช้มีจำนวนมากเทียบเท่ากับดาวบนท้องฟ้า
แต่ทว่า ...
แกร๊ก!ความมืดมิดได้แตกออกเป็นหลุมเล็กๆ
[อะไรกัน?!]
แต่ทว่า ด้วยสถานการณ์ที่ตกตะลึงนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่นานนัก พายุดาบก็ได้พุ่งตัดเฉือนความมืดมิด จนแสงเล็ดรอดเข้ามา จากนั้นพลังออร่าสีขาวของไฮด์ก็พุ่งออกมา ไม่สิ มันไม่ใช่พลังออร่าของเขา ไม่เหมือนกับเงาคนอื่นๆ มีเพียงโฮลสเต็น ผู้ที่ใกล้เคียงกับผู้อยู่เหนือธรรมชาติ ที่สามารถระบุลักษณะของพลังอำนาจนั้นได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่โฮลสเต็นก็ไม่อาจที่จะยอมรับความเป็นจริงนี้ได้
[ไม่จริง พลังนี้มัน..!ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้]
อำนาจแห่งการลงทัณฑ์ มันเป็นพลังของผู้คนที่ละทิ้งจากโลกวัตถุไปเนิ่นนานแล้ว....
[อำนาจแห่งพระเจ้า ส่วนที่เหลือจากยุคโบราณ!]ขณะที่โฮลสเต็น กรีดร้อง แสงสีขาว ที่ไร้ซึ่งสีสัน ก็ได้ฉีกกระชากความมืดมิด
ประตูนรกได้ถูกทำลาย และวอร์ล็อคผู้ที่กำลังควบคุมมันได้ตกตายทันที ขณะที่วอร์ล็อคที่เหลือต่างพ่นเลือดเต็มไปทั่วพื้น วงกลมของพวกเขาถูกทำลาย เส้นประสาทร่างกายของพวกเขาฉีกขาดและสมองของพวกเขาถูกเผาไหม้....มันเป็นการสังหารหมู่
[อัก-พรวด.....ทำไม....นี่...นี่….!]มีเพียงโฮลสเต็นเท่านั้นที่ยังคงมีสติและเขายังรักษาเวทย์เงาเอาไว้ได้แม้ว่าร่างกายของเขาจะปั่นป่วนไปหมด ราวกับเป็นรางวัลสำหรับความอดทน โฮลสเต็นได้เห็น ‘มัน’ในมือของไฮด์ มันเป็นดวงอาทิตย์สีเงินในรูปแบบของดาบ
“เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง กับดักของเจ้ามันไม่มีความหมายใดๆ การออกมาจากเงาที่เจ้าซ่อนตัวนั้นคือสาเหตุของความพ่ายแพ้”
[ดะ-ดาบนั่น....?]
“ข้าเองก็ไม่รู้ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูด แต่ข้าจะบอกเจ้าให้เป็นพิเศษ”
ทันทีที่สายลมพัดผ่านแขนซ้ายของเขา ไฮด์ก็ได้รวมพลังของเขาไปยังดาบในมือขวา จากนั้นมันก็ตอบสนองต่อคำถามของโฮลสเต็น ไฮด์ได้พูดชื่อของดาบที่เจ้าชายแห่งจักรวรรดิแอนดราส เฟอร์มุด มอบให้กับเขา มันเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อจากยุคโบราณกาล
“Cry Claimhb Solais!”(เป็นชื่อที่คิดโดยผู้แต่ง)
ไฮด์พูดชื่อขณะที่เขาปักใบมีดสีเงินที่ส่องประกายลงไปในทราย
ฉึก....!
พลังอำนาจที่สามารถเปลี่ยนพลังออร่าของผู้ใช้ให้กลายเป็นพลังใหม่และตัดผ่านเวทมนต์ทั้งหมด.....พลังแห่งยุคอดีตที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่รอดพ้น....มันคือดาบศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพเจ้า ดาบเทพสุริยะ(Tuatha Dé Danann)
ในช่องว่างที่สร้างขึ้นโดยฟันเฟืองของเวทมนต์ที่ถูกทำลาย ดาบเทพ ก็ได้ปล่อยเปลวไฟสีขาวที่น่ากลัวออกมา
***
ดวงอาทิตย์สีเงิน!
ธีโอดอร์และแรนดอล์ฟกำลังเฝ้ามองจากระยะไกล มันเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ พื้นที่นั้นต่างปกคลุมไปด้วยความมืดที่เป็นลางไม่ดี ดวงอาทิตย์ได้ตกลงไปในทิศตะวันตกและมีการใช้เวทมนต์ดำที่อธิบายไม่ได้ จากนั้นดาวก็ได้หายไป และโลกก็ได้จมลงสู่ความมืดมิด ในสถานที่นี้ วอร์ล็อคได้ใช้พลังอำนาจที่มากกว่าปกติหลายเท่า ทำให้แม้กระทั่งธีโอดอร์ยังรู้สึกได้ถึงวิกฤต
‘อย่างน้อย ก็จนกระทั่งดวงอาทิตย์สีเงินที่โผล่ขึ้นมา’
แรนดอล์ฟแนบอิงไปบนก้อนหิน ขณะที่ธีโอดอร์มองลงไปยังสร้อยคอที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
ไม่ใช่แค่สร้อยเท่านั้น สร้อยข้อมือที่ธีโอดอร์ได้ยืมมาจากเคิร์ทที่3และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆเล็กน้อยก็ได้แตกออกเช่นกัน แม้กระทั่งสร้อยคอที่ถูกออกแบบมาเพื่อไล่ล่าปรมาจารย์ดาบยังกลายเป็นผุยผง
“ทำไมสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดจึงแตกสลาย?”ธีโอดอร์พึมพำด้วยรูปลักษณ์เดิมของเขา เส้นผมสีดำและดวงตาสีฟ้า
เกิดความเสียหายทางการเงินที่สูง แต่เขาไม่ได้บ่นอะไร เขาถอนหายใจขณะที่เขาวางเศษซากของสิ่งประดิษฐ์ที่พังลงในคลังของเขา มันไม่ใช่แค่สร้อยข้อมือที่สร้างโดยผู้นำYellow Tower เท่านั้นแต่มันรวมถึงอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ในการไล่ล่าปรมาจารย์ดาบผู้ลึกลับนั้น ตอนนี้ทั้งสองคนสามารถเลือกที่จะต่อสู้หรือวิ่งหนีไปได้โดยไม่ต้องพบเจอเขา
ทันใดนั้น ความตะกละก็ได้ตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน
-ผู้ใช้!
เสียงตะโกนดังขึ้นในหัวของธีโอดอร์ ทำให้เขาหวาดผวา
‘อะ-อะไร?เกิดอะไรขึ้น?’
-ทำไม’สิ่งนั้น’ถึงมาอยู่ที่นี่?
‘สิ่งนั้น?’
ในสถานการณ์นี้ มีเพียงความตะกละที่สามามารถตอบได้ มันเป็นดาบลึกลับที่ปล่อยแสงสีเงินออกมา ธีโอดอร์อยากรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของมัน ดังนั้นเขาจึงไม่พลาดเรื่องนี้
‘ดาบนั่นคืออะไร?บอกฉันถ้าแกรู้’
-ช่างโง่เขลา อวดดี และไร้ยางอายอะไรเยี่ยงนี้! คำพูดหยาบคายได้ไหลออกมาจากความตะกละที่ไม่ค่อยจะตื่นเต้น –นั่นคือ1ใน4สมบัติจากเผ่าพันธ์เทพ ดาบของสุริยะเทพ มันเป็นแขนเงิน ดาบที่ถูกใช้โดยราชาแห่งทวยเทพ นูอาด้า แอร์เก็ทอะลอม(ชื่อยากไปอีก) นี่คือดาบที่สามารถลบล้างเวทย์ได้ทุกชนิด!
‘ดาบเทพ......ดาบของราชาแห่งทวยเทพ?จริงงั้นหรอ?’
-เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้จักแสงสีเงินนั่นรึไง?มันอาจจะอยู่ในมือของผู้ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม แต่ดาบเทพนี้เป็นเทพแห่งความตายสำหรับจอมเวทย์!
มันเยี่ยมมากที่ความตะกละกล่าวว่าปรมาจารย์ดาบนั้น ‘คือคนที่ไม่มีคุณสมบัติ’ แต่หัวของธีโอดอร์กำลังถูกทำร้ายจากสิ่งอื่น นี่คือร่องรอยของประวัติศาสตร์ สิ่งของที่หลงเหลือจากยุคโบราณกาลซึ่งเกือบจะสูญหายไปจนหมดในยุคมืด.....มันเป็นดาบที่ใช้โดยราชาแห่งเหล่าเทพเจ้า
ดาบเล่มนี้สามารถลบล้างเวทย์แห่งความมืดที่ทรงพลังอำนาจและทำให้สิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดที่เป็นกลางพังจนหมด มันเป็นพลังที่น่าชื่นชม
‘....แต่นื่คือนี่ และนั่นคือนั่น’ธีโอดอร์คิดคำนวณอย่างรวดเร็วในหัวของเขา
ปรมาจารย์ดาบผู้นี้เป็นศัตรูกับเขาและมีอาวุธที่น่าเกรงขาม ธีโอต้องการเอาชนะปรมจารย์ดาบด้วยความได้เปรียบทางด้านจำนวนคน แต่ตัวแปรที่ไม่คาดคิดก็ได้ทำให้แผนการของเขาบิดเบือนไป
อำนาจของอาวุธและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพพอจะต่อสู้กับปรมาจารย์ดาบนั้นมีจำกัด แต่บุคคลที่เป็นศัตรูของเขา กลับเป็นถึงปรมาจารย์ดาบที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหารและเขายังถือดาบเทพซึ่งทำให้เขาเป็นภัยคุกคามต่อธีโอดอร์
ธีโอดอร์ได้คิดขึ้นและตัดสินใจว่า ‘เอาละ เราควรที่จะถอยแทนที่จะต่อสู้’
ความอันตรายและการต่อสู้กับปรมาจารย์ดาบอาจจะดึงดูดเขา แต่นี่คือการเดิมพันที่รวมถึงชีวิตของแรนดอล์ฟด้วยเช่นกัน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเบี่ยงเบนไปจากจุดประสงค์เดิมของเขา การกลับไปยังเมลเทอร์หรือการเสียงชีวิตด้วยการสู้รบที่ไม่จำเป็น
“แรนดอล์ฟ กลับไปที่....”ขณะที่ธีโอดอร์ตัดสินใจอย่างสงบและหันกลับไปหาแรนดอล์ฟ แสงก็บดบังการมองเห็นของเขา ดวงตาของเขาหรี่แคบลงขณะที่แรงกดดันจากออร่าสัมผัสกับผิวของเขา
หวืด!มีเสียงดังขึ้นในอากาศ
“ทางนั้น!”แรนดอล์ฟจับจ้องไปยังช่องว่างด้านหลังธีโอดอร์5เซนติเมตร และสะบัดดาบของเขาไปต้านทาน
มันเป็นการลงมือที่รวดเร็ว แม้ว่าธีโอดอร์จะเพิ่มการมองเห็นของเขาด้วยบทเพลงแห่งสงครามก็ตาม ดาบของแรนดอล์ฟ โคลวิส ก็ยังเป็นเพียงภาพเบลอเท่านั้น
แกร๊ก!กึก!แกร๊ง!
จากเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง จากเส้นโค้งเป็นเส้นตรง เส้นตรงเป็นเส้นโค้ง.....ในขณะที่รังสีดาบขยับจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา ก็จะเห็นได้ว่ามันปะทะกับดาบที่มองไม่เห็นได้อย่างแม่นยำ ดาบชนกันหลายครั้งด้วยความเร็วที่สับสน
แรนดอล์ฟได้ถอยหลังไปสองก้าวและดาบคู่ของเขาก็ขยับเป็นแนวทแยง ขณะที่บางสิ่งที่โปร่งใสปรากฏตรงหน้าเขา
ศัตรูได้เปิดเผยตัวตนของเขา มันเป็นใบหน้าของนักดาบที่เต็มไปความหยิ่งยโส
“มันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญเล็กน้อย ชายที่มีออร่าในระดับนี้กลับอยู่แถวนี้และแม้กระทั่งมองเห็นการโจมตีของข้า?”
ผมสีน้ำตาลเทพได้ถูกเปิดเผยระหว่างหน้ากากและเสื้อคลุมที่ฉีกขาด ขณะที่รอยแผลเป็นบนร่างกายของเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความรุนแรงของชีวิตที่เขาได้อาศัยมา นี่เป็นคนที่มีพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนักที่ทำให้เขาไต่เต้าจากสถานะอันต่ำต้อยไปยังตำแหน่งของปรมาจารย์ดาบ
มันเป็นช่วงเวลาที่เทพดาบลำดับที่6แห่งจักรวรรดิ ไฮดฺ ได้ค้นพบเป้าหมายของเขา