บทที่ 5 ภายในห้อง
Monologue ของหมอยา (Kusuriya no Hitorigoto)
ลงวันละตอนนะครับ ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/karbikon/
.
.
“แปลกจังนะ ตอนที่คุยกันเธอบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออกนี่”
“เกิดมาเป็นคนถ่อมตัวอ่ะค่ะ”
(อย่างกับจะบอกได้มั้ง)
นี่คือสิ่งที่เธออยากจะพูดแต่ก็เงียบเอาไว้
เธอแกล้งโง่มาโดยตลอด
การปฏิบัติต่อคนใช้ที่อ่านได้ กับคนใช้ที่อ่านไม่ได้มันต่างกัน แต่ประโยชน์มันก็ต่างกันน่ะแหละ เพราะฉะนั้นแกล้งโง่ไปเลยง่ายกว่า
ขันธีหน้าตาสวยนั้นนามว่าจินชิ
ถึงแม้เขาจะมีรอยยิ้มที่สง่างามที่ฆ่าไม่ได้แม้แต่แมลง เธอกลับรู้สึกดุกดิกในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์แบบนี้เธอคงไม่รู้สึกแบบนี้ได้
จินชิไม่ได้พูดอะไรแล้วบอกให้เธอตามมา
เธอผู้เป็นคนใช้ชั้นล่างไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากเดินตามเขาไป รู้สึกว่าหัวมันเบาๆ ถ้าเขาเขย่าหัวเธอเมื่อไหร่มันคงลอยหายไปแน่
แต่เธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมจินชิถึงต้องพาเธอมาแบบนี้ ทำไมเขาถึงต้องบอกว่านี่เป็นความลับ
เกี่ยวกับข้อความที่เธอส่งไปให้พระสนมนั้น
เธอลองอ่านข้อความที่อยู้ในมือของจินชิ มันช่างรุงรังและเขียนอย่างทุลักทุเล
เธอไม่ได้บอกใครเลยว่าเธอเขียนหนังสือได้ แล้วก็ปิดบังเรื่องที่เธอมีความรู้เรื่องยาพิษด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันไม่มีทางที่คนอื่นจะจำลายมือเธอได้อยู่แล้ว
ถึงเธอจะเช็คดูแล้วว่ารอบตัวไม่มีใคร แต่ก็อาจจะโดนใครเห็นอยู่ดี
เกณฑ์แรกคือคนที่เตี้ยและมีกระบนใบหน้า
เริ่มต้นที่ เขาก็ต้องรวบรวมคนที่เขียนหนังสือได้ก่อน ลายมือที่มีอยู่คงจะแยกความแตกต่างได้
ถ้าไม่มีใครในกลุ่มนี้ที่เข้ากับเกณฑ์ที่ว่าได้เลย เขาก็จะรวบรวมคนที่เขียนไม่ดด้
การดูว่าพวกเขาสามารถอ่านออกได้หรือเปล่านั้นก็คือทำตามเหมือนที่ผ่านมา
(เจ้าเหล่เกินขาดนี้เลยเหรอ คงจะว่างเกินไปมั้ง)
ระหว่างที่กำลังสาบแช่งจินชิในใจ ก็ถึงที่หมายซะแล้ว
อย่างที่คิดไว้ นี่คือตำหนักที่พระสนมเกียคุโยอาศัยอยู่
ตอนที่จินชินเคาะประตู เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามตอบสั้นๆ ว่า “เชิญค่ะ”
เข้าไปแล้วก็เจอหญิงงามผมสีแดงที่กำลังอุ้มลูกของเธอที่อยู่ในผ้าอ้อมนุ่มๆ อยู่
ทารกที่มีหน้าดั่งดอกกุหลาบ ที่อยู่กับหน้าใสๆ ของแม่ของเธอ
พวกเขาได้ยินเสียงน่ารักๆ ของเด็กที่กำลังนอนหลับอยู่ ริมฝึปากของเด็กเผยออกมานิดๆ เธอเป็นเด็กที่สุขภาพดีมากๆ เลย
“พาคนมาแล้วครับ”
“ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะ”
ไม่ใช่เสียงที่ฟังดูแข็งๆ อีกต่อไป
คำพูดของเธอดูเหมือนจะรู้กาลเทสะดี
พระสนมเกียโกคิวยิ้มอย่างอบอุ่นที่แตกต่างกับที่ยิ้มให้จินชิให้มาวมาว มาวมาวก้มหัวลง
มาวมาวเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ฉันรับอะไรแบบนี้จากคนที่ชนชั้นสูงกว่าฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
เธอพูดแบบนั้น โดยเลือกคำที่สุภาพ
“ไม่ได้หรอก คำขอบคุณแค่นี้ไม่พอด้วยซ้ำ เธอคือผู้มีพระคุณของลูกสาวฉัน”
“นี่ต้องเป็นความผิดพลาดแน่ๆ ค่ะ คุณต้องจำคนผิดแล้ว”
เธอเหงื่ออออกอย่างหนาวๆ
ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างสุภาพ ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าเธอปฏิเสธเลย
เธอไม่อยากตาย แล้วก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับอะไรแบบนี้ด้วย เธอไม่ได้อยากจะพัวพันในระยะยาว
จินชิเห็นว่าพระสนมเกียคุโยทำหน้าตาลำบาดใจ จึงหยิบเศษผ้าที่สะบัดไปสะบัดมาให้เธอ
“เธอรู้ใช่ไหมว่าผ้าแบบนี้ เป็นผ้าที่ใช้กับคนใช้เท่านั้น?”
“จะว่าไปมันก็คล้ายๆ นะ”
เธอยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง
แต่ก็รู้แหละว่าไม่มีประโยชน์อะไร
“แล้วก็นะ ผ้าแบบนี้ใช้กับเฉพาะคนใช้ที่ทำงานเกี่ยวกับผ้าเท่านั้นแหละ”
เศษผ้าดิบที่จินชิถืออยู่นั้นสีเหมือนกระโปรงผ้าดิบ
คือกระโปรงด้านในที่ถูดจีบปิดบังไว้ ถ้าตรวจสอบดูก็จะพบว่ามันแปลกๆ
สั้นๆ ว่า หลักฐานอยู่ที่นี้แหละ
เธอไม่ได้คิดว่าจินชิจะทำแบบนี้ต่อหน้าพระสนมเกียคุโย แต่ก็ไม่มีอะไรที่เธอทำได้อีกแล้วแหละ
ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ให้ฉันทำยังไงละ”
เมื่อทั้งสองมองหน้ากันแล้ว ก็แปลว่าต้องยอมรับแล้วล่ะ
แล้วก็ต่างยิ้มอย่างอบอุ่น
ภายใต้เสียงหายใจของเด็กน้อยที่กำลังพักผ่อน มาวมาวที่อยากจะหายไปจากตรงนี้ ถอนหายใจเบาๆ
วันต่อมา มาวมาวเก็บทรัพย์สินของเธอ
เพื่อนร่วมห้องและเชารันก็ต่างอิจฉา
พวกเขาไล่ถามเธอว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
มาวมาวยิ้มแห้ง ไม่มีทางเลือกใดนอกจากหลบเลี่ยงไป
มาวมาวกลายเป็นนางกำนัลของพระสนมเกียคุโยซึ่งเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ
นี่สินะที่เรียกว่าการเลื่อนขั้น