บทที่ 4 รอยยิ้มของเทพธิดา
Monologue ของหมอยา (Kusuriya no Hitorigoto)
ลงวันละตอนนะครับ ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/karbikon/
.
.
ข่าวการจากไปของมกุฎรัชกุมารได้รู้ทั่วถึงกันเมื่อโอบิสีดำได้แจกจ่ายในระหว่างข้าวเย็น เพื่อที่จะไว้อาลัย จะต้องใส่ไว้เป็นเวลาเจ็ดวัน
อาหารในช่วงนี้แทบจะไม่มีเลย นานๆ ทีก็อาจจะมีเนื้อบ้าง บางคนจึงต้องยู่ปากไว้ อาหารของคนใช้นั้น มีแค่วันละสองมื้อ ประกอบไปด้วยธัญพืชและซุป นานทีก็จะมีขนมหวานบ้าง และมักก็จะทำมาจากผักน่ะแหละ ปริมาณอาหารเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเหมาเหมาที่ผอมมากๆ แต่หลายๆ ครั้งเธอก็คิดว่ามันไม่พอ
มันค่อนข้างเห็นได้ชัด เมื่อคนใช้ทั้งหมดมารวมๆ กัน ถ้ามีทั้งคนที่เกิดมายากจน แต่ก็มีคนที่เป็นคนในเมืองด้วย และถึงแม้ว่าจะน้อย แต่ก็มีคนใช้ที่เป็นลูกของคนใหญ่คนโตด้วย ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะเป็นคนใหญ่คนโต ลูกๆ ก็ควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า แต่ว่ามันก็เกี่ยวกับเหตุผลของการทำงานและการเลี้ยงดูของคนๆ นั้นด้วย ถ้าคนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นพระสนมที่มีห้องพักเป็นของตัวเอง การที่ได้เป็นพระสนมน่ะคือโอกาส
(งั้นมันก็ไม่มีความหมายเลยสินะ?)
เหมาเหมารู้สาเหตุของความป่วยของมกุฎรัชกุมารแล้ว
พระสนมริฟาและคนใช้ของเธอใช้แป้งขาวอย่างฟุ้งเฟ้อ มันเป็นแป้งที่คนชั้นสูงชั้นเท่านั้น และคนทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้
แต่มันก็ใช้กับหอโคมแดงชั้นสูงด้วย โสเภณีที่ได้เงินเท่ากับที่ชาวนาได้ทั้งชีวิตในคืนเดียวก็ใช้ด้วย มีทั้งคนที่ซื้อมันด้วยตัวเองและได้มันเป็นของขวัญ
โสเภณีที่ทำร้ายตัวเองโดยการทาแป้งไปที่คอหรือหน้าของตน หลายคนก็ตาย ถึงแม้ว่าพ่อจะบอกว่าพวกนั้นว่า “เลิกใช้เถอะ” แล้ว พวกนั้นก็ยังใช้อยู่
เหมาเหมาเห็นโสเภณีจำนวนมากที่ตายจากน้ำหนักลดและความอ่อนแอตอนอยู่กับพ่อของเธอ
เพื่อที่จะมีทั้งชีวิตและความสวย สุดท้ายก็ต้องเสียไปทั้งหมด
นี่คือเหตุผลที่ทำไมเธอถึงหักกิ่งไม้สั้นๆ เขียนข้อความสั้นๆ ลงไปและนำไปทิ้งไว้ที่ตำหนักของพระสนมทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้หวังว่าพวกเธอจะเชื่อคำเตือนจากคนใช้ชั้นล่างที่ไม่มีแม้แต่กระดาษและปากกาหรอกนะ
จบจากช่วงไว้อาลัยแล้ว ไม่เห็นโอบิสีดำอีกต่อไป เธอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพระสนมเกียคุโยว่า หลังจากมกุฎรัชกุมารเสียชีวิตลง จักรพรรดิที่เคยเศร้าโศกก็ให้ความรักแก่เจ้าหญิงผู้รอดชีวิตมากกว่า ไม่ได้ยินเลยว่าเขาไปหาพระสนมริฟาที่เสียลูกของเขา
(ช่างสบายอะไรเยี่ยงนี้)
เหมาเหมากลืนซุปที่มีปลาอยู่ในนั้นเล็กน้อย จากนั่นมุ่งหน้าไปยังสถานที่ทำงานที่เธอต้องทำความสะอาดเครื่องครัวทั้งหลาย
“เรียกรวมงั้นหรือ?”
เหมาเหมาที่กำลังกลืนซุปที่มีปลาอยู่บนนั้นนิดหน่อย และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ทำงานเพื่อที่จะจัดเครื่องครัวของเธอ
“เรียกรวมงั้นเหรอคะ?” การเรียกรวมของขันธีหยุดเหมาเหมาที่กำลังถือตะกร้าซักผ้าอยู่ เราจะต้องไปห้องท่านอ๋องในส่วนกลาง คือวังหลวงนี้จะแบ่งเป็นสามบริเวณคือ วังด้านใน ที่คนใช้ระดับล่างอยู่ และอีกสองที่คือวังในหลวง ที่มีห้องของพระสนมและขันธี
(ไปไหนกันหมดนะ?)
ขันธีพูดกับคนใช้รอบๆ เธอ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ถูกเรียก
สงสัยคนจะยังไม่พอแน่เลย เหมาเหมาทิ้งตะกร้าไว้หน้าห้องและตามขันธีไป
อาคารของท่านอ๋องวังอยู่ใกล้ๆ ประตูหลัก หนึ่งในประตูที่มีทั้งหมดสี่ประตูด้วยกัน ประตูนี้จะติดต่อระหว่างด้านในวังกับนอกวัง จักรพรรดิจะต้องเดินทางผ่านประตูนี้แน่ถ้าเขาจะเข้ามาวังใน
เธออาจจะถูกเรียกมา แต่จริงๆ แล้วที่นี้ก็ไม่ใช่ที่ๆ สบายเท่าไหร่ มันดูอลังการไปมากกว่า
ถึวแม้ว่ามันจะดูจืดจางไปเลยเมื่อเปรียบเทียบกับอาคารของอ๋องข้างๆ เพราะที่นั่นจะหรูหรากว่าอาคารของพระสนมชั้นกลาง ที่จับจะต้องถูกแกะสลัก เสาสีแดงทั้งสองจะมีมังกรอยู่รอบๆ
ระหว่างที่กำลังก้าวเข้าไปในห้องแล้ว เธอเห็นเพียงแค่โต๊ะใหญ่ๆ หนึ่งตัวเท่านั้น มันจืดชืดไม่เหมือนที่คิดมากเท่าไหร่ ตอนนี้มีหากไม่นับกลุ่มของเหมาเหมาแล้ว มีคนใช้ประมาณสิบคนมารวมกัน ความรู้สึกของพวกนางมีทั้งความตื่นกลัว ตื่นเต้น และพยายามคาดเดาถึงอนาคต
“เอาละ แค่นี้แหละ พวกเธอกลับไปได้เลย”
(เอ๊ะ?) เหมาเหมาเอียงคอสงสัย ให้ความสังเกตว่าชาววังทั้งหลายยืนรวมกันอยู่แค่กระจุกเดียวของห้อง ผู้หญิงที่นั่งอยู่อย่างหลบๆ ในมุมของห้องและขันธีที่ทำงานให้เธอ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้หญิงที่เป็นรุ่นพี่ยืนอยู่อีกไกลๆ เธอจำได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงวัยกลายคนที่เป็นหัวหน้าวังใหญ่ แต่ข้างๆ นั่น ใครกันนะที่เป็นผู้หญิงที่ดูหน้าตาสำคัญ?
(หืม?)
ไหล่ใหญ่เกินไปสำหรับผู้หญิง ใส่ชุดเรียบๆ ผมมัดด้วยผ้าสยายลงมา
(ผู้ชายงั้นเหรอ?)
เขามองนางข้าหลวงทุกคนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานแบบเทพธิดา
อย่างงี้นี่เองแก้มทุกคนถึงได้แดงกันหมด
ข่าวลือที่ได้ยินมาเรื่องขันธีหน้าตาสวยเป็นอย่างงี้นี้เองสินะ เหมาเหมาคิด
เขาสวยเหมือนเทพธิดากับผมแบบเส้นไหมยาวสลวย ตาเรียวยาวเหมือนเม็ดอัลมอนด์ สีเหมือนต้นวิลโลว์
เธอคิดถึงคำเหล่านี้โดยที่ไม่ได้เขินอายเลยสักนิด เพราะเขาก็สูญเสียสิ่งสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถทำลูกได้แล้ว แต่ถ้าผู้ชายคนนี้มีลูก ก็คงเป็นพ่อพันธุ์ที่ดีได้น่ะแหละ
แต่ว่าถ้าสวยขนาดนี้ จักรพรรดิก็คงทำอะไรมิอะไรเหมือนกันกระมั้งนี่ ระหว่างเธอคิดอะไรหยาบคายๆ เขาก็ลุกขึ้นอย่างสง่างาม หันไปยังโต๊ะ หยิบแปลงและเขียนบางอย่างด้วยแป้ง
หลังจากหันยิ้มหวานให้แล้ว เขาก็ยื่นให้ดูสิ่งที่เขียน
เหมาเหมายืนอึ้ง
“ผู้หญิงที่มีกระคนนั้นน่ะ เธอต้องอยู่ต่อ”
โดยสรุปแล้วคือเขียนประมาณนี้น่ะแหละ
เพราะว่าเหมาเหมาก็ไม่ได้พยายามขยับตัวหนีไปไหนกระมั้ง รอยยิ้มของเขาจึงปรากฎไปทั่วทั้งหน้าเลย
ชายหนุ่มเก็บที่เขาเขียนไว้ ตบมือสองครั้ง
“วันนี้พอแค่นี้แหละ กลับไปยังห้องของพวกเธอได้เลย”
คนใช้ทั้งหลายที่กำลังงุนงงออกจากห้องไป พวกเขาไม่ได้เข้าใจข้อความที่เขียนเมื่อกี้เลย
เธอกำลังจะหนีไปพร้อมกับคนใช้ทั้งหมดที่เหลือ แต่ดันมีมือที่แข็งแรงจับหลังของเธอไว้
เธอหันไปอย่างลนลาน แต่มันมีรอยยิ้มเทพธิดาที่แพรวพราวจนเธอแทบจะตาบอดไปเลย
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เธอจะต้องอยู่ต่ออีกไม่ใช่เหรอ”
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดต่อ ปฏิเสธไม่ได้เลย