ตอนที่ 70 หนีจาก (7/11/17)
70
“เกิดอะไรขึ้น!” จางซิ่งรีบถาม
“พวกผู้เฝ้าประตูมากันแล้ว” เจ้าอ้วนรีบแจ้งอย่างตระหนกแต่ก็ยังไม่วายแอบสอดสายตาไปรอบด้านอย่างใคร่รู้
“ไหนล่ะ” จางหมิงถามพร้อมกับมองไปทิศทางของบันไดที่พวกเจ้าอ้วนขึ้นมา สายตาก็แอบแฝงแววกังวลไว้บางเบา
“กฎของสำนักว่าไว้ ด้วยการจะเข้าหอสมบัติได้ต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเสียก่อน กฎนี้แม้เป็นผู้เฝ้าประตูก็ไม่อาจละเว้น” เป็นสมุนหนึ่งที่กล่าวขึ้นมา
“ข้างในนี้ปลอดภัยกว่าข้างนอกสินะ” จางหมิงพูดไปในใจกำลังคิดหาทางหนี
ในเมื่อประตูทางออกเพียงหนึ่งเดียวคือประตูบานใหญ่นั้น แต่ปรากฏมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาโดยผู้มีพลังระดับขั้นมนุษย์ถึงสามคน การจะออกไปนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เมื่อพวกมันไม่มีคนไหนเลยที่ไปถึงขั้นมนุษย์เสียด้วยซ้ำ
จางหมิงจ้องมองไปที่จิ้งจอกน้อยที่มองตอบมา จิ้งจอกมายานั้นคือความหวังเดียวของมัน
อีกไม่ถึงชั่วโมงดีพระอาทิตย์จะเริ่มขึ้น และการหลบหนีจะเป็นไปได้ยากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถึงจะให้จิ้งจอกน้อยใช้ภาพมายาพาออกไปก็ยังมีความเสี่ยงมากอยู่ดี
“ที่นี่พอจะมีทางลับหรือเปล่า” จางหมิงหันไปถามจางซิ่ง
“นายน้อย... จะอย่างไรข้าก็เป็นเพียงศิษย์ใหม่ที่พอจะรู้เรื่องราวอยู่บ้างก็เท่านั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าที่นี่มีทางลับหรือเปล่า หรือถ้ามีท่านอาจารย์ก็คงไม่บอกให้ข้ารู้หรอกขอรับ” จางซิ่งก็ได้ตอบกลับไปแบบจนใจ
จางหมิงถอนหายใจ คำถามที่ถามออกไปก็เพียงแค่ล้อเล่น มันก็ไม่ได้คิดจริงจังหรอกว่าจางซิ่งจะรู้ ที่เหลือมีแต่ต้องลองเท่านั้น
“อาณาเขตมายาของเจ้าครอบคลุมได้กว้างขนาดไหน” จางหมิงถามจิ้งจอกน้อย
“ยิ่งในระยะใกล้ก็ยิ่งเห็นผลดีกว่าขอรับ”
“แล้วถ้าจะให้ผ่านการตรวจจับของขั้นมนุษย์ไปนี่จะเป็นไปได้ไหม”
“จากระดับของข้ามันยากที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้านายท่านหมิงต้องการข้าสามารกางอาณาเขตมายาได้เพียงแค่ครึ่งเมตรเดียวรอบตัว และมันกินพลังปราณเป็นอย่างมากจึงจะทำให้ไปได้ไม่ไกล” จิ้งจอกน้อยมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คิดว่าสามารถทำได้
หลังจากนั้นจากหมิงวางแผนให้พวกมันลงไปที่ชั้นสองก่อนจะใช้พลัง เพราะเนื่องด้วยชั้นแรกนั้นเบื้องหน้ามีผู้เฝ้าประตูขั้นมนุษย์ขวางกันอยู่
เจ้าอ้วนได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่มันพบก่อนหน้าว่าจู่ๆประตูก็เปิดออกอย่างแรงพร้อมกับใบหน้าถมึงทึงของคนทั้งสามภายนอก เล่นเอามันสะดุ้งโหยงเผ่นแนบขึ้นไปด้านบน พอนึกถึงนั่นก็เป็นเรื่องขำขันอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้จางหมิงไม่ยอมลงไปชั้นแรกก็เพราะด้วยเหตุนี้เช่นเดียวกัน
ประตูเปิดไว้อยู่แล้ว ...ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันต้องลงไปเผชิญหน้าก่อน
นอกจากเด็กชายตระกูลจางทั้งสองแล้วทุกคนก็รู้จักความสามารถของจิ้งจอกมายาอยู่บ้าง ดังนั้นพวกมันจึงเข้าใจสิ่งที่จางหมิงอยากจะทำ แต่คนห้าคนยืนรอบตัวของจิ้งจอกน้อยแล้วเดินไปนั่นทำให้ทุลักทุกเลอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอ้วนที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าคนอื่นๆ
หมอกสีขาวก่อตัวขึ้นรอบกายจิ้งจอกน้อยก่อนจะครอบคลุมพวกมันทั้งหมดในระยะครึ่งเมตรรอบตัว ไม่นานหมอกเหล่านั้นก็หายไปก่อนที่คนที่เหลือจะรู้สึกได้ว่าตัวตนของมันเบาบางลงจนรู้สึกได้
เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นราวกับอากาศธาตุ!
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้จิ้งจอกมายาน่าหวาดกลัว มันเก่งกาจเรื่องการซ่อนตัวและล่อลวง แต่ด้วยความถือตัวของมัน ส่วนใหญ่เมื่อถูกจับได้จะยอมตายมากกว่าถูกใช้งาน
“จะได้จริงๆหรือ” เจ้าอ้วนกระซิบถาม
“มันไม่มีวิธีอื่นแล้วศิษย์พี่” จางหมิงยิ้มให้ มันไม่ค่อยกังวลนัก เพราะถึงอย่างไรมันก็มีวิชากายาซ่อนเร้นอยู่
พวกมันค่อยๆลงมาจากชั้นสอง เมื่อเข้าใกล้ประตูหัวใจยิ่งเต้นตึกตักมากยิ่งขึ้นจนกลัวว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นมนุษย์ตรงหน้าจะได้ยิน
ทีละก้าว ทีละก้าว ...
เวลาราวกับเคลื่อนไหวช้าลง บางคนถึงกับกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวก็มี
เมื่อผ่านด้านข้างของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พวกมันยิ่งตื่นตัว และมีครั้งหนึ่งที่หนึ่งในขั้นมนุษย์คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เล่นเอาสะดุ้งโหยงกันทั้งกลุ่ม แต่นั่นก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่จางหมิงก็ยังไม่ได้ให้จิ้งจอกน้อยคลายพลังลงจนกว่าจะไปได้ไกลอีกระยะหนึ่ง
สิบนาทีในการเดินเท้า... มันจะไปได้ไกลสักเท่าไหร่กัน
จิ้งจอกน้อยครางหงิงเพราะพลังปราณแทบหมดตัว จะฝืนใช้พลังต่อไปก็คงจะได้อยู่หากจางหมิงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นเพราะมันจะสร้างความเสียหายให้แก่แกนปราณ
นัดแนะกันสักเล็กน้อยก่อนที่จิ้งจอกน้อยจะคลายพลังลงแล้วพวกมันก็ใช้วิชาตัวเบาของแต่ละคนพุ่งทะยานออกไปทันที โดยมีเจ้าอ้วนที่พลังน้อยที่สุดรั้งท้าย ยังดีที่มีสมุนหนึ่งและจูลี่ถิงช่วยกันฉุดดึงให้ไวขึ้น
“พลังนั่น!”
ผู้เฝ้าประตูทั้งสามหันขวับเมื่อมีจุดพลังปรากฏขึ้นห่างออกไปไม่มาก พวกมันไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นหนีออกไปได้อย่างไรทั้งๆที่พวกมันก็ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเลย สองคนในนั้นวิ่งตามกลุ่มพลังไป ส่วนอีกหนึ่งคอยเฝ้าประตูเช่นเดิมเนื่องจากไม่แน่ใจว่ายังมีใครหลงเหลืออยู่ภายในหรือไม่ด้วยไม่อาจส่งปราณเข้าไปตรวจสอบในหอสมบัติได้
“คิดว่าจะหนีพวกข้าได้หรืออย่างไร ฮึ”
ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ทุกคนจะงัดเอาพลังปราณมากระตุ้นวิชาตัวเบาของตัวเองเต็มที่ก็ไม่อาจเพิ่มระยะห่างนั้นได้แม้แต่น้อย เจ้าอ้วนดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นจางหมิงก็ไม่อาจทิ้งไปได้เนื่องจากจิ้งจอกน้อยที่ใช้พลังไปมากก็เคลื่อนที่ได้ช้ากว่าปกติเช่นเดียวกัน
หรือพวกมันต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นมนุษย์จริงๆ
ความแตกต่างระหว่างขั้นในระดับต่ำไปถึงสูงนั้นมีไม่มาก หากไม่นับจากหมิง การก้าวข้ามแต่ละขั้นนั้นแสนง่ายดาย หากกล่าวกันว่าการก้าวจากขั้นสูงไปขั้นมนุษย์นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันคือเขตแบ่งตัวตนของผู้ฝึกยุทธ์และผู้รู้วิถีแห่งยุทธ์
ในขั้นก่อนมนุษย์วิชายุทธ์เป็นเพียงความสามารถเล็กๆอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่จึงฝึกตนให้มีพลังปราณมากขึ้นเพื่อใช้ในการเพิ่มระดับ เมื่อมาถึงขั้นมนุษย์ วิชายุทธ์คือวิถีของการใช้ชีวิต บางคนฝึกเพียงหนึ่งวิชาให้เก่งกาจในระดับเหนือยิ่งกว่าผู้อื่น แต่บางคนฝึกมากกว่าร้อยวิชาเพื่อความหลากกลาย เพราะตั้งแต่เข้าขั้นมนุษย์พลังจะเปลี่ยนแปลงไป เส้นชีพจรที่ไหลเอื่อยจะพุ่งทะยานราวกับแม่น้ำเชี่ยวจึงส่งผลให้วิชายุทธ์มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า
จางหมิงในอาณาจักรจันทรามีพลังปราณเทียบเท่าขั้นมนุษย์ แต่ก็แค่พลังปราณไม่ใช่กระแสปราณภายใน ดังนั้นถ้าจะให้เทียบก็ย่อมมีความแตกต่างอยู่ดี
ตุบ!
จิ้งจอกน้อยลมลงพาลให้คนทั้งหมดหยุดชะงัก อัญมณีผนึกของจางหมิงตอนนี้ไม่สามารถนำจิ้งจอกน้อยที่ตัวโตขึ้นมากนี้เข้าไปได้ สอบถามผู้อื่นก็ไม่ได้มีอัญมณีที่ระดับสูงกว่านี้เช่นกัน จูลี่ถิงป้อนเม็ดยาเพิ่มปราณแก่มันทั้งหมดเท่าที่มีแต่พลังที่ฟื้นกลับคืนมาก็เพียงแค่ให้วิ่งหนีไปได้อีกไม่ไกลเท่านั้น
จางหมิงกันฟันแน่นตวัดสายตามองไปด้านหลัง กลุ่มพลังทั้งสองกำลังตามมาอย่างกระชั้นชิดจนแทบไม่เหลือเวลาให้พักหายใจ มันจึงตัดสินใจที่จะไม่วิ่งต่อ
“มาลองดูสักตั้ง”
“นายน้อย...” จางซิ่งเรียกเมื่อคนข้างกายฉายแววตากระหายการต่อสู้
จางหมิงไม่ได้ชอบเรื่องยุ่งยาก แต่สายเลือดที่ตื่นขึ้นบางส่วนกระตุ้นให้มันชื่นชอบการวิวาทและกลิ่นคาวเลือด ยิ่งก้าวจากขั้นกลางเข้าสู่ขั้นสูงโดยให้ถางเจียฉีช่วยอีกครั้งพลังของมันก็ดูจะยิ่งบ้าคลั่งกว่าเดิม จะอย่างไรก็ดี ถ้ามันไม่อาจหนีตอนนี้ทุกอย่างก็จะสูญเปล่าทันใด
“พวกเจ้าพาจิ้งจอกน้อยไปเสีย ข้าจะสกัดพวกมันไว้เอง”
“ศิษย์น้อง! นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย” จูลี่ถิงกล่าว ยังมีเจ้าอ้วนรวมทั้งสมุนหนึ่งที่พยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าคิดว่าข้าเอาตัวรอดได้ ข้าคือนายของจิ้งจอกมายา เช่นนั้นก็ได้ความสามารถของมันมาบ้างจากการตราพันธะ พวกเจ้าเถอะที่อาจหนีไม่รอด จิ้งจอกน้อยก็อ่อนแรงลงมากให้อยู่ไปข้าก็กังวลเปล่าๆ”
ที่จางหมิงพูดมาดูมีเหตุผล การสร้างสัตว์คู่พันธะตัวเจ้านายจะได้พลังจากอีกฝ่ายมาบางอย่างเป็นที่รู้กันในโลกของผู้ฝึกยุทธ์อยู่แล้ว พวกมันลังเลแต่ก็ยอมจากไป ส่วนจางซิ่งที่ไม่ยอมไปท่าเดียวนั้นจากหมิงก็ได้มอบหมายให้มันปกป้องจิ้งจอกน้อยมันจึงเลี่ยงไม่ได้
เอายังไงดีล่ะทีนี้...
พรรคพวกก็ไปหมดแล้ว พลังจากพันธะน่ะหรือ... ถึงมีมันก็ไม่รู้หรอกว่าได้พลังอะไรมา ที่ว่าออกไปก็เพียงแค่คำโป้ปดเท่านั้น
ฟ้าใกล้สางแล้ว ริมขอบฟ้าปรากฏสีเหลืองรำไรหากบริเวณที่มันอยู่ยังคงมืดมิด จางหมิงรู้ตัวว่าไม่อาจต่อสู้กับระดับขั้นมนุษย์ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเหลือแค่สักคนมันก็ยังคงพอหนีได้บ้าง และเมื่อคิดถึงเหล่าวิชาทั้งหลายที่มันมีประกายความคิดก็ถูกจุดขึ้น
ริมฝีปากแย้มยิ้มบางเบาก่อนจะลงมือ
+++