ตอนที่ 67 จบการคัดเลือก
67
“เกี่ยวอะไรกัน” จางหมิงถามออกไป
“คนที่ไม่รู้เกี่ยวกับสายเลือดเหล่านี้มีเพียงอาณาจักรเล็กๆทั้งสามแห่งเท่านั้น หรือหนึ่งในนั้นก็คือที่นี่ เจ้าคงไม่คิดว่าอาณาจักรอื่นจะปล่อยที่นี่ไว้เฉยๆหรอกนะ”
จางหมิงไม่รู้ว่าใครพยายามทำอะไรกับที่แห่งนี้ แต่ต่อให้มันล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาก็ใช่ว่าจางหมิงจะสนใจ อย่างน้อยนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวมันเองอยู่ดี
“เรื่องนั้นจะอย่างไรก็ดี ข้ารอฟังในสิ่งที่เจ้าต้องการอธิบาย”
“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ใจร้อนนัก เอาเถอะ อย่างน้อยเรื่องราวภายนอกก็ยังไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องรู้ ...ความสามารถของข้านั้นคล้ายตระกูลซื่อ แต่สิ่งที่ข้าตรวจจับได้คือปราณแฝงของผู้อื่นไม่ใช่ปราณโดยตรงจากร่าง และนั่นทำให้ข้าพอจะมองเห็นพลังโดยสายเลือดของเจ้า ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดก็เถอะ”
เรื่องราวของโลกใบนี้นั้นมากมาย บางครั้งจางหมิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเมืองเก่าของมันที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการแสวงหาซึ่งพลังเหล่านี้ แต่การจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนั้นดูจะเป็นไปได้ยากทีเดียว อย่างน้อยพิษทั้งสองในกายก็คงไม่ยอมให้มันอยู่นิ่งเฉยแล้วจะสลายไปเอง
“ดูแล้วเจ้าคงจะรู้จัก ‘อาณาเขตจันทรา’ แล้วสินะ นั่นเป็นการบังคับควบคุมพลังจากสายเลือดในกายที่ซ่อนเร้นอยู่ของ... อา ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเมื่อเจ้าเปิดพลังได้ในระดับหนึ่งของสายเลือดนี้ดวงตาจะกลายเป็นสีแดงชั่วคราว แต่เมื่อหลอมรวมกับสายเลือดภายในได้จะทำให้ดวงตากลายเป็นสีส้มสดอย่างถาวร ลักษณะภายนอกนี้ช่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผู้อื่น ...”
หม่าคงยังคนอธิบายในเรื่องที่จางหมิงรู้แล้วอีกนิดหน่อย แต่ในความคิดของจางหมิงตอนนี้เห็นถึงความแตกต่างของพลังที่อีกฝ่ายว่าไว้กับของมันเองตั้งแต่แรก
อาณาเขตจันทรา... นั่นคืออะไร
แล้วกับอาณาจักรจันทราจะต่างกันสักปานใด
จางหมิงคิดแต่ไม่ได้บอกกับอีกฝ่ายที่มันยังคงไม่ไว้ใจ เพราะอย่างน้อยเป้าหมายที่มีต่อมันยังไม่ชัดเจน
“อย่าได้เคลือบแคลงขนาดนั้น เห็นหรือไม่ว่าข้าไม่อาจต่อสู้กับเจ้าได้หากเจ้าใช้จิ้งจอกตัวนั้นในการต่อสู้”
“ถ้าเจ้าใช้ความสามารถจริงๆก็อีกเรื่องมิใช่หรือ” จางหมิงย่อมไม่อาจประเมินผู้มาจากต่างถิ่นต่ำจนเกินไป
หม่าคงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
“ยังมีอะไรอีกไหม” จางหมิงถามหลังจากความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคู่อยู่พักใหญ่
“ข้าบอกได้แค่นี้ ก็นะ ข้าหมายถึงเท่าที่ข้าสามารถรับรู้ได้มันมีแค่นั้น อีกทั้งพลังของเจ้ายังตื่นไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ ถึงจะตรวจสอบไปก็คลาดเคลื่อนอยู่บ้างล่ะนะ” หม่าคงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
มีดไร้ประกายยกขึ้นหมายจะกรีดลงบนข้อมือตนเองของจางหมิงแต่กลับถูกอีกฝ่ายพุ่งวาบมาอยู่ด้านหน้าจับข้อมือข้างที่ถือมีดเอาไว้ก่อน ความเร็วนั่นแม้แต่สายตาอันฉับไวของจิ้งจอกน้อยก็ยังตามไม่ทัน แต่หลังจากนั้นมันก็ไม่กล้าจู่โจมอะไรในเมื่อเจ้านายของตนเองอยู่ในกำมือของฝ่ายตรงข้าม
“โอ้! ขออภัยที่เสียมารยาท ข้าบอกไปแล้วว่าต้องการหยดเลือดนั้นเพียงเล็กน้อย หากเจ้าไม่รู้จักอาวุธในมือชิ้นนี้เลยสินะถึงได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น อย่างน้อยก็เชื่อข้าเถอะว่าสิ่งที่เจ้าถือครองไม่ใช่อาวุธที่ดีอะไรในแง่มุมของผู้ที่ครอบครองมัน” พูดจบหม่าคงก็ปล่อยมือแล้วถอยออกมาเมื่อจางหมิงขมวดคิ้ว
หลังจางนั้นหยดเลือดถูกสงมอบถึงสามหยดจากปลายนิ้วสู่แก้วผลึกวารีที่ผ่านการตราผนึกปิดกั้นความสามารถในการแสดงผลแล้ว
เมื่อหม่าคงจากไปโดยที่ไม่ได้ไขความกระจ่างให้จางหมิงเสียเท่าไหร่มันและจิ้งจอกน้อยจึงได้ทะยานร่างอย่างรวดเร็วตัดข้ามการต่อสู้ที่มีประปรายตามทาง และมุ่งสู่ประตูทางออกที่ยังคงเหลืออักษรหมายเลขสามด้านบน
หม่าคงมองดูแผ่นหลังของเด็กชายที่ดูจะใจเย็นกว่าคนทั่วไปนั้นผ่านเข้าไปในแสงสีขาวด้านหน้าอย่างเคลือบแคลง มันเองไม่เข้าใจว่าทำไมพลังของมันถึงแสดงผลไม่เต็มที่เมื่อใช้กับจางหมิง แต่เมื่อคิดอยู่หลายนาทีก็ไม่เข้าใจมันจึงได้ละความพยายามแล้วมองเหตุการณ์รอบๆอย่างนึกสนุก ในมือถือแก้วผลึกวารีหมุนไปมาอย่างไม่ใส่ใจ
“พลังสายเลือด... เจ้าจะอยู่ในอาณาจักรเล็กๆนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่กันนะ” หม่าคงพูดกับจางหมิงที่ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว และคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกในเร็วๆนี้
คำสั่งเรียกตัวถูกส่งมา หม่าคงจำต้องกลับอาณาจักรของตนเองหลังจากจบการทดสอบนี้ มันจึงไม่ได้สนใจบานประตูที่ยังคงรอต้อนรับ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังได้สายเลือดประหลาดนี่ไปทดสอบอีกด้วย
“ข้าไม่ได้หวังว่ามันจะได้ผลหรอกนะ แต่อย่างน้อยมีอะไรติดมือไปในระหว่างเที่ยวเล่นก็คงทำให้พวกตาแก่พวกนั้นสงบปากได้บ้างล่ะ”
โดยที่ไม่ทันได้สังเกต หยดเลือดในแก้วผลึกวารีบนมือของหม่าคงได้เรืองวาบด้วยสีส้มจางก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
หยดเลือดที่ผ่านการกรองจากแก้วผลึกวารี...
เมื่อก่อนหน้านั้นไม่นาน เพียงหยดเดียวสามารถทำให้ค่ายกลที่อยู่มานานจนไม่อาจนับสั่นคลอนและปั่นป่วน แต่หากนับมากกว่าหนึ่งคงให้ผลที่น่าหวั่นอยู่บ้างเป็นแน่ แต่ใครเล่าจะรู้...
ปรากฏการณ์ที่จางหมิงไม่รับรู้ ถางเจียฉีไม่เคยรู้ และหม่าคงไม่อาจรู้
ก็ได้แต่หวังว่ามันคงไม่ได้ร้ายแรงจนเกินไปนัก
“ทำไมข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีล่ะเนี่ย อืม...” หม่าคงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ภายนอกวงกตพลังปราณมีคนเหลือเพียงไม่มากนัก คาดได้ว่าผู้บาดเจ็บคงถูกส่งตัวไปรักษาที่ตำหนัก ส่วนผู้ที่ผ่านการคัดเลือกก็คงแยกออกไปเตรียมตัวเพื่อการทดสอบต่อไป จางหมิงที่กลับมายังไม่ทันที่จะมองโดยรอบให้ถี่ถ้วนก็ถูกเรียกขึ้นมาจากมุมหนึ่งใต้ต้นไม้ใหญ่
“ศิษย์น้องจาง! ทางนี้ๆ” เป็นเจ้าอ้วนที่เรียกมัน
ซื่อเก่อเหยียนยืนอยู่กับจู่ลี่ถิงและสมุนหนึ่งที่แอบยิ้มเยาะมันน้อยๆ จางหมิงไม่ได้ใส่ใจแต่ตรงดิ่งเข้าไปหาเจ้าอ้วนที่ยิ้มดีใจกับคนรู้จักที่ผ่านการทดสอบมาอีกคน
“ยินดีด้วยศิษย์น้องที่...”
“ข้ามีเรื่องอยากถามขอรับศิษย์พี่” จางหมิงพูดตัดบทจนเจ้าตัวอ้าปากค้าง
“หะ ห๊ะ! อะไรหรือ”
“มีวิธีติดต่อศิษย์สายในหรือไม่ขอรับ”
“เอ... ปกติต้องให้พวกนั้นติดต่อมาเองล่ะนะ ทางสำนักไม่อนุญาตให้ศิษย์สายนอกเข้าไปภายใน ยกเว้นก็แต่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ อ่อ จะว่าไปศิษย์พี่จูก็ได้รับการยกเว้นใช่หรือไม่” ซื่อเก่อเหยียนตอบคำถามของจางหมิงก่อนที่ท้ายประโยคจะหันไปถามศิษย์พี่หญิงของมันที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง
“ก็ใช่นะ ...มีอะไรหรือเปล่าศิษย์น้อง” จูลี่ถิงถามอีกฝ่ายที่ดูเย็นชากว่าปกติ
“ศิษย์พี่พอจะช่วยติดต่อกับคนตระกูลข้าให้ได้หรือไม่ มันชื่อจางซิ่ง บอกข้าต้องการพบ” จางหมิงไม่ได้ตอบคำถามอีกฝ่ายหากรีบบอกความต้องการของตน จูลี่ถิงก็ได้แต่พยักหน้ารับ
พวกมันแยกย้ายกันออกไปตามที่พักของแต่ละคน จางหมิงที่เดินมาได้ครึ่งทางก็หันขวับมองไปด้านหลังที่ว่างเปล่า ต้นไม้ประปรายโดยรอบไม่อาจซ่อนตัวได้ก็จริงแต่จางหมิงคิดว่ามีคนที่กำลังตามมันมา
“เจ้าเป็นใคร ตามข้ามาทำไม” คำถามที่แม้จะเอื้อนเอ่ยแบบลอยๆแต่ก็มีผู้ที่ตอบคำถามนั้นกลับมาเช่นกัน
“เจ้ารู้จักข้านามหยินซื่อ คู่พันธะของเจ้านายตระกูลถาง” น้ำเสียงนั้นเยียบเย็นก้องสะท้อนไปมาก่อนจะปรากฏตัวเงาสีดำล่องลอยอยู่บนอากาศห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“ถึงข้าจะเพิ่งเคยเห็นสิ่งที่เป็นแบบเจ้าครั้งแรกก็เถอะ แต่ดูจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสนใจทีเดียวนี่”
“เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องมาตัดสินใจ ...แต่ข้ามาเตือนในสิ่งที่เจ้าจะทำคราวนี้ นายท่านรู้ว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใดต่อไป หากนั่นก็เสี่ยงมากเกินไปเสียหน่อย...”
“แล้วอย่างไร! ข้ามีวิธีของข้าเอง แล้วการพาคนติดตามไปด้วยอีกไม่กี่คนนี่คงไม่เป็นปัญหากระมัง”
“...”
“เช่นนั้นขอตัว” หลังจากพูดจบจางหมิงก็หันหลังกลับทันที อีกทั้งเสียงทัดทานด้านหลังทำให้มันยิ้มออกมาจางๆอย่างร้ายกาจ
“ขอเตือนอีกครั้ง การพยายามเข้าหอสมบัติก่อนการคัดเลือกไม่ใช่เรื่องง่ายดาย”
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าง่ายนี่นะ และข้าคิดว่าข้าสามารถทำได้ อีกทั้งการแข่งขันในรอบสุดท้ายจำนวนสี่ร้อยคน หึ! ก็คงไม่พ้นให้วิ่งเล่นกันอีกตามเคย ...น่าเบื่อสิ้นดี”
แต่คืนนี้สิถึงจะน่าสนุกจริงๆ
+++