Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 9 – การตอบโต้ที่ทรงพลัง
Chapter 9 – การตอบโต้ที่ทรงพลัง
ฝางคุนยิ้มเย็นชาขณะที่เขาหมุนเวียนแก่นแท้ปราณภายในร่างของเขา มันกลายเป็นคลื่นพลังภายในที่ได้พุ่งไปยังข้อมือที่ถูกเซี่ยวหยุนจับอยู่ คลื่นพลังภายในขนาดใหญ่เช่นนี้จะทำให้ผู้ฝึกตนระดับ 6 หลอมร่างกายได้รับบาดเจ็บกระดูกอาจจะร้าวหรือแม้กระทั่งแตกหัก
แต่เมื่อฝางคุนคาดว่านิ้วของเซี่ยวหยุนจะหัก เขาขมวดคิ้วขณะดวงตาของเหมือนจะปรากฏความตกใจและความกลัวขึ้น
“เมื่อใดกันที่เจ้าสามารถรับมือพลังภายในที่ทรงพลังเช่นนี้ได้? มันเป็นไปได้ที่เจ้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกาย”
เซี่ยวหยุนจับข้อมือของฝางคุนไว้แน่นและไม่ตอบกลับไป ในขณะที่เขาใส่ความแข็งแกร่งมากขึ้นในมือของเขา เสียงของกระดูกแตกค่อยๆดังออกมา ใบหน้าของฝากคุนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธในขณะเส้นลมปราณในข้อมือของเขาแตกระแหง
“อ๊ากก!!” ฝางคุนกรีดร้องออกมาขณะที่เหงื่อไหลลงจากหน้าผากของเขา และแขนของเขาห้อยลงอย่างไม่มีแรง
หากปราศจากผงฟื้นฟูเส้นเอ็นระดับสูง ข้อมือของฝางคุนจะเป็นพิการ ทำให้เขาไม่สามารถข่มขู่ผู้อื่นได้อีก
เสียงกรีดร้องเหมือนกับเสียงของหมูที่กำลังจะตาย มันดึงดูดความสนใจของทุกคนในบริเวณใกล้เคียง
“พี่ใหญ่เหว่ย? เขาก้าวเข้าไปในระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายแล้วจริงๆ?” หนึ่งในเด็กหนุ่มตระกูลฝางแสดงออกถึงการตกตะลึงขณะที่เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่นำอยู่
“อาจเป็นไปได้” การจ้องมองของฝางเหว่ยกลายเป็นจริงจังขณะที่ประกายแสงเย็นชาวูบผ่านดวงตาของเขา “หากไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกาย ถ้าอย่างนั้นเขาจะป้องกันตนเองจากฝางคุนได้อย่างไร? เจ้าสองคนไปทดสอบเขา” ฝางเหว่ยออกคำสั่งกับเด็กหนุ่มสองคนที่ถัดไปจากเขา
“ขอรับ!” เด็กหนุ่มสองคนนี้อยู่ที่จุดสูงสุดระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายและกำลังจะเข้าสู่ระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกาย
“เซี่ยวหยุน รับหมัด!” เด็กหนุ่มสองคนจากตระกูลฝางวิ่งไปหาเซี่ยวหยุนด้วยย่างก้าวที่รุนแรง หนึ่งหมัดจากด้านขวาเล็งที่หน้าอกเขา ขณะที่อีกคนหนึ่งส่งฝ่ามือมาที่ท้องของเขา การโจมตีเหล่านี้โหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อและมีเป้าหมายที่จะทำให้เขาเป็นอัมพาต
ถึงแม้จะ 2 คนจากตระกูลฝางโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เซี่ยวหยุนไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด เขาเปิดมือทำให้ห่อผ้าหล่นลงบนพื้นขณะที่การจ้องมองของเขากลายเป็นจริงจัง เขาเหลือมองเด็กหนุ่มสองคนจากตระกูลฝางขณะที่ร่องรอยความเย็นเยียบปรากฎขึ้นบนหน้าเขาแล้วเขาก็โจมตีทันที
มือซ้ายและขวาของเซี่ยวหยุนพุ่งออกไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนจะเข้ามากใกล้เพื่อโจมตีเขา เขาก็ได้ตอบไปแล้ว ขณะที่กำปั้นและฝ่ามือโจมตีอย่างป่าเถื่อน คนของตระกูลฝางก็ยิ้มเย็นชา
“ขยะตัวนี้ต้องการจะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองเพื่อป้องกันอย่างเฉียบพลันจากสองผู้ฝึกตนระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายเนี่ยนะ? คิดว่าต้องการอะไรกัน?” หนึ่งในเด็กหนุ่มคนอื่นเค้นเสียงต่ำที่เย็นชาออกมาด้วยแขนที่ไขว้กันของเขาแล้วความหยิ่งยะโสก็มองเห็นได้นบนหน้าเขา
คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าการกระทำของเซี่ยวหยุนนั้นบ้าบิ่นเกินไป
ทุกๆคนรู้ว่าเขาอยู่แค่ระดับ 6 ขั้นหลอมร่างกายเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะได้โอกาสทะลวงผ่าน ก็แล้วมันยังไง?
ทุกคนเฝ้าดูอยู่ กำปั้นและฝ่าของพวกเขากำลังจะโดน
ปัง! ปัง!
มีการระเบิดสองครั้งซึ่งได้ยินไม่ชัดซึ่งมาพร้อมกับลมกรรโชกแรง พลังที่ทรงอำนาจจาก 2 ผู้ฝึกตนระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกาย ทำให้เกิดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ล้อมรอบพัดเข้าไปในอากาศ เช่นเดียวกับที่ทุกคนคิดว่าเซี่ยวหยุนต้องถึงคราวเคราะห์ ทันใดนั้นคลื่นความร้อนก็ได้พุ่งออกมาสู่ด้านนอก
“โคตรร้อน!”
คนที่อยู่ใกล้ ๆ มองไปที่คนอื่นๆ สับสนว่าทำไมมันได้ถึงร้อนขึ้นอย่างกะทันหัน ความร้อนพองทำให้รู้สึกราวกับว่าผิวหนังของพวกเขากำลังถูกไฟไหม้
“อ๊ากก!!”
เช่นเดียวกับฝูงชนที่กลายเป็นความสับสนอย่างไม่น่าเชื่อ, พวกเขาได้ยินเสียงร้องอันน่าอนาถสองเสียง
“มันเกิดอะไรขึ้น?!” เด็กหนุ่มตระกูลฝางจ้องมองด้วยสายตาที่เบิกกว้าง พยายามที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองเสียงคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องสองเสียงนี้แล้ว เด็กหนุ่มสองคนจากตระกูลฝางได้ถูกเป่าไปไกลกว่าเจ็ดเมตร
“สองผู้ฝึกตนระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายไม่สามารถรับมือแม้แต่การโจมตีเดียว?”
“นั้นไม่ใช่เซี่ยวหยุนที่เป็นขยะหรอกหรือ”
“เกิดอะไรขึ้น? เขาสามารถกู้พรสวรรค์ของเขาได้หรือไม่?” ขณะที่พวกเขามองไปที่เด็กหนุ่มสองคนสะดุดกลับมา คนที่อยู่ใกล้ ๆ แสดงความรู้สึกตกใจและความกังขาออกมาโดยสมบูรณ์ห ลังจากที่ทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าเซี่ยวหยุนไม่ได้มีก้าวหน้าใด ๆ ภายใน 8 ปีที่ผ่านมา!
เขาจะเอาชนะ 2 คนนั้นได้อย่างไร?
“ทักษะการต่อสู้ประเภทใดกันที่เจ้าใช้?”
หลังจากที่ทำให้ตัวเองมั่นคง ทั้งเด็กหนุ่มทั้งสองจากตระกูลฟางร้องออกมาด้วยความตกใจ ถ้ามองอย่างรอบคอบ พวกเขาจะพบว่าฝ่ามือและกำปั้นของพวกเขาถูกย่างจนเป็นสีดำ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นไหม้ในอากาศ ราวกับว่ามีบางอย่างที่ปรุงสุกในกองไฟที่รุนแรง
เด็กหนุ่มคนอื่นๆในตระกูลฝางกลายเป็นตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
“เซี่ยวหยุนคนนี้ได้ก้าวเจ้าสู่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายแล้วแน่นอน”
“เข้าได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้บางประเภทที่ทรงพลังหรือไม่?” นี่คือความคิดที่วิ่งผ่านจิตใจของทุกคน
มิฉะนั้นเซี่ยวหยุนจะสามารถสยบสองผู้ฝึกตนระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายได้ในการระเบิดเดียวได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้” คนหนึ่งในขอบเขตหลอมร่างกายจะสามารถเรียนทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวได้อย่างไร?
การแสดงออกของฝางเหว่ายกลายเป็นหนักอึ้ง “พรสวรรค์ของเซี่ยวหยุนจะกลับมาแล้วจริงหรือ?” หัวใจของเขาเริ่มกระโจนอย่างรุนแรงและเขารู้สึกใจกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
ถ้าพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนี้กลับมาจริงๆ ใครจะสามารถลุกขึ้นยืนกับเขาในเขตเมฆาม่วงทั้งหมดได้?
“ไม่ เราไม่สามารถปล่อยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้?” การแสดงออกของฝางเหว่ยกลายเป็นมืดมน ดวงตาของเขาดูเป็นมุ่งร้ายอย่างยิ่ง
เซี่ยวหยุนไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายได้
ก่อนอื่นเขาได้ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเป็นเวลาแปดปีที่ผ่านมาและได้ใช้ความพยายามมากกว่าที่คนอื่นถึงสิบเท่า เขามีความชำนาญเป็นอย่างยิ่งในทักษะการต่อสู้ระดับต่ำและด้วยแก่นแท้ปราณแห่งไฟที่ร้อนอย่างยิ่ง ใครจะสามารถป้องกันเขาได้?
เซี่ยวหยุนก้มลงเตรียมที่จะหยิบห่อผ้าของเขาและจากไป
หลังจากหมุนเวียนปราณแล้ว เขาเกือบจะไม่สามารถควบคุมพิษภายในร่างกายได้อีกต่อไปและจำเป็นที่จะต้องถอนพิษโดยเร็วที่สุด
“โอกาส!”
ในขณะนี้ฝางเหว่ยที่มีลักษณะที่เป็นการมุ่งร้ายบนใบหน้าของเขา เดินออกไปขณะที่ตาของเขาวูบวาบ เขาส่งฝ่ามือไปทางเซี่ยวหยุน ต้องการทำให้เขาเป็นคนพิการ เพื่อให้ตระกูลฝางไม่ต้องกังวลเรื่องอัจฉริยะคนนี้กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง
เขาจะกำจัดปัญหาในอนาคต
เซี่ยวหยุนผู้เพิ่งก้มลง รู้สึกว่าดวงตาของเขากระตุกขณะที่คลื่นพลังลูกใหญ่เคลื่อนเข้าหาตัวเขา
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีก!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนส่องประกายความเย็นชาขณะที่เขาหันไปรอบๆทันที เมื่อเห็นฝางเหว่ย ซึ่งเข้ามาประชิดกับเขาแล้ว ดวงตาของเขามีความต้องการสังหารเล็ดลอดออกมา
“ฝางเหว่ย เจ้ารนหาที่ตาย!”
ขณะที่เขาพูดเขายกมือขึ้นและรีบวิ่งไปหาเยาวชนคนอื่นๆ
“รนหาที่ตาย?” ฝางเหว่ายหัวเราะอย่างเย็นชา “ขยะเช่นเจ้ากล้าที่จะพูดที่หยิ่งยะโสเช่นนี้?”
เซี่ยวหยุนไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เขาลอบกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาและส่งฝ่ามือของเขาไปยังฝางเหว่ย
ปัง!
ขณะที่ฝ่ามือปะทะกัน มีการระเบิดที่ทำให้ลมพัดกระหน่ำ คลื่นพลังมหาศาลทำให้ร่างกายของเซี่ยวหยุนสะท้าน และเขาปลิวออกไปราวกับว่าเขาโดนคลื่นลูกใหญ่โจมตี พุ่งลงอย่างบังเอิญบนพื้นดิน
มีรอยเลือดไหลออกมาจากปากของเซี่ยวหยุน
“ระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกายเป็นสิ่งที่น่ากลัวทีเดียว!” เซี่ยวหยุนคิดกับตัวเอง ขณะที่เขารู้สึกว่าปราณภายในและเลือดไหลเข้ามา
“ถ้างั้นเจ้าก็อยู่แค่ที่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายสินะ ข้าคิดว่าเจ้ามีพลังมากทีเดียว” แม้จะมีการปะทะกับเซี่ยวหยุน ฝางเหว่ยดูเหมือนภูเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ “เจ้าทำให้คนในตระกูลข้าได้รับบาดเจ็บ วันนี้นายน้อยคนนี้จะทำให้เจ้าพิการเพื่อไม่ให้เจ้าสามารถกระทำความผิดชั่วร้ายได้อีกต่อไป”
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเซี่ยวหยุนอยู่ที่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายเท่านั้น เจตนาฆ่าที่เกิดขึ้นภายในฝางเหว่ยเมื่อคิดว่าพรสวรรค์อันเกรียงไกรที่เขามี
ภาพลักษณ์ที่น่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฝางเหว่ยขณะเดินผ่าน ก้าวต่อก้าว เตรียมพร้อมที่จะทำให้เซี่ยวหยุนพิการ
“ฮ่าฮ่า ถึงคราวเคราะห์เจ้าแล้วเซี่ยวหยุน” เยาวชนของตระกูลฝางทุกคนยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“นายน้อยเหว่าย ทำให้เขาร้องขอความตาย!” หนึ่งในเด็กหนุ่มที่บาดเจ็บตะโกนออกมา
“โอ้น่าเสียดาย อัจฉริยะที่ครั้งหนึ่งได้ยิ่งใหญ่กลายเป็นแบบนี้แล้ว”
“ถ้าเซี่ยวหยุนรักษาพรสวรรค์ของเขาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ใครจะสามารถโต้แย้งกับเขาในเขตเมฆาม่วงได้” บางคนที่ยืนดูร้องออกมา รู้สึกค่อนข้างเห็นใจต่อเด็กหนุ่มคนนี้
“ข้า? กระทำชั่วร้าย?” เซี่ยวหยุนยืนขึ้นขณะที่เขาเผชิญกับท้องฟ้าและหัวเราะ, “ฝางเหว่ย เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว แต่ก็สงสาร – เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ข้าคนนี้พิการได้” เซี่ยวหยุนไม่สนใจฝางเหว่ยเลยและหยิบห่อผ้าขึ้นมา เขาวางมันไว้บนไหล่ของเขา, ดูเหมือนราวกับว่าเขาไม่ได้ไปเพื่อปกป้อง เด็กหนุ่มกำลังเดินไปหาเขาอย่างบ้าคลั่ง
“มันเป็นได้ไหมที่เซี่ยวหยุนมีคนคอยปกป้องเขา?” คนที่ยืนดูทั้งหมดตกตะลึงและมองไปรอบ ๆ พวกเขา
“ไม่มีใครจากตระกูลเซี่ยวอยู่ที่นี่เลย” ฝูงชนส่ายหัวของพวกเขา รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
พวกเขาไม่เชื่อว่าเซี่ยวหยุนจะสามารถจัดการกับฝางเหว่ยด้วยตัวเขาเองได้
“อ๊ากก!!”
ในขณะนี้ฝางเหว่ายผู้ป่าเถื่อนและเอาแต่ใจอย่างเหลือเชื่อ จู่ ๆ ก็ถอยหลังไปและร่อนลงบนพื้นดิน, กล้ามเนื้อกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
“นายน้อยเหว่ยเกิดอะไรขึ้น?” เยาวชนของตระกูลฝางจ้องอยู่ในอาการตกใจก่อนจะรีบวิ่งออกไป
คนที่ยืนดูก็ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ฝางเหว่ยไปนอนชักกระตุกบนพื้น ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นซีดเผือกเหลือเชื่อ
“มันเป็นพิษ! พี่ใหญ่เหว่ยถูกวางยาพิษ!” หนึ่งในเยาชนตระกูลฝางตะโกน
“อะไรนะ? พี่ชายใหญ่เหว่ายถูกวางยาพิษ?!” ได้ยินเรื่องนี้เยาวชนคนอื่น ๆ ก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไป
“เป็นไปได้อย่างไร? ใครวางยาพิษเขา?”
ตอนนั้นฝางเหว่ยปะทะกับเซี่ยวหยุนเพียงชั่วครู่ เขาจะวางยาพิษได้อย่างไร?
“ช่วย....ช่วยข้าด้วย!” ฝางเหว่ยยังคงชักกระตุกอย่างต่อเนื่องขณะที่สายตาของเขากลายเป็นมืดสลัวและเกิดเสียงกลั้วคอ
“พวกเราจะทำยังไงดี?” เยาวชนของตระกูลฝางทุกคนมองกันและกัน รู้สึกได้ถึงความสูญเสีย
“เซี่ยวหยุน, เจ้าวางยาพิษนายน้อยเหว่ยของพวกเรา” เด็กหนุ่มที่แก่กว่าคำรามขณะที่เขาจ้องมองเซี่ยวหยุน
“ถ้าเจ้าไม่ตาย ไสหัวไปจากทางของข้า!” การแสดงออกของเซี่ยวหยุนนกลายเป็นจริงจัง ดวงตาของเขากลายเป็นแหลมคมเหมือนดาบ กลิ่นอายที่แหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งของเขาทำให้เยาวชนตระกูลฝางสั่นสะท้าน และพวกเขาถอยออกไปไม่กี่ก้าวโดยไม่รู้ตัวอย่างช่วยไม่ได้ เข้าสามารถล้มผู้เชี่ยวชายระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกายได้ ถ้างั้นมันจะมีหนทางใดสามารถต่อสู้กับเขาได้?
เซี่ยวหยุนเดินอย่างมั่นคง ก้าวต่อก้าว เขาไม่สนใจเยาวชนคนอื่น ๆ และเมื่อเขาผ่านฝางเหว่ย เขามองลงไปและพูดว่า “ข้าบอกเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ข้าพิการ”
การจ้องมองของฝางเหว่ยเริ่มสลัวและสลัวมากขึ้น แต่มันก็ยังเป็นไปได้ที่จะเห็นความกลัวในสายตาของเขา
เยาวชนคนอื่น ๆ จากตระกูลฝางรีบถอยหลัง, ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้จีนมุงรู้สึกตกตะลึง
หลังจากมองไปที่ฝางเหว่ยบนพื้น เซี่ยวหยุนมองไปรอบตัวเขาขณะที่เขาค่อยๆประกาศว่า “ข้า เซี่ยวหยุนผู้นี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ในอนาคตหากใครกล้าที่จะดูหมิ่นข้า ระรานหรือนินทาข้า สิ่งนี้เป็นผลที่พวกมันจะได้รับ!”
เด็กหนุ่มพูดอย่างเย็นชาและแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่ เขาได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้เขาดูเหมือนภูเขาอันสง่างาม คนที่อยู่ใกล้ ๆ ทั้งหมดสั่นจากคำพูดของเขาและรู้สึกราวกับว่าดาวดวงใหม่ได้อุบัติขึ้น ความรู้สึกเคารพ เลื่อมใสอันแปลกประหลาดในพวกเขาได้พลุ่งพล่านขึ้น