เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 17 เริ่มต้นปรับแต่งวิญญาณสุรา (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 17 เริ่มต้นปรับแต่งวิญญาณสุรา
แปลโดย iPAT
‘ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สามและมีระดับน้ำทะเลเพียงสี่สิบส่วน ความเร็วในการต่อต้านของวิญญาณเหนือกว่าการฟื้นฟูพลังวิญญาณของข้า หากข้าต้องการปรับแต่งวิญญาณ ข้าต้องหยิบยืมความช่วยเหลือจากหินวิญญาณ’
‘วิญญาณทุกดวงมีเจตจำนงของตัวมันเองซึ่งแตกต่างกันไป วิญญาณที่มีเจตจำนงอ่อนแอกว่า การต่อต้านของมันจะน้อยกว่าและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถปรับแต่งได้ง่ายขึ้น ในการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ ข้าต้องใช้หินวิญญาณห้าก้อนเป็นอย่างน้อยและอาจต้องใช้มากถึงแปด’ จากประสบการณ์ในการบ่มเพาะอันยาวนานของฟางหยวนทำให้เขาสามารถคาดเดาได้ค่อนข้างแม่นยำ
‘แต่หากข้าต้องการปรับแต่งวิญญาณสุรา ข้าต้องใช้หินวิญญาณอย่างน้อยสิบเอ็ดก้อนและอาจมากถึงสิบหกก้อน แม้วิญญาณสุราจะเป็นวิญญาณระดับหนึ่งเช่นเดียวกับวิญญาณแสงจันทร์ แต่มันหายากกว่าและมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นมันจึงมีความยากมากกว่า’
กล่าวให้ชัดเจนกว่านั้น ขณะนี้ฟางหยวนมีหินวิญญาณอยู่ทั้งสิ้นสิบเจ็ดก้อน หากเขาปรับแต่งวิญญาณสุรา เขาจะเหลือหินวิญญาณอย่างมากหกก้อนหรืออาจเหลือเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
ยามดึกของคืนจันทร์เสี้ยว แสงจันทร์ที่อ่อนโยนดั่งอ้อมแขนแห่งหญิงสาวโอบกอดหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเอาไว้
ภายใต้การนำพาของแสงจันทร์ ฟางหยวนสามารถกลับไปถึงโรงเตี้ยมได้โดยไม่ยากลำบากนัก
แต่เวลานี้โรงเตี้ยมปิดแล้ว!
ฟางหยวนเคาะประตูเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง!” และอย่างต่อเนื่อง “ปัง ปัง ปัง ปัง!”
“มาแล้ว! มาแล้ว! ผู้ใดมาเคาะประตูในยามวิกาลเช่นนี้?” เสี่ยวเอ้อบ่มพึมพำก่อนจะเปิดประตูโรงเตี้ยมออกไปพร้อมกับดวงตาครึ่งปิดครึ่งเปิด
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฟางหยวน ความไม่พอใจต่างๆก็อันตรธานหายไปทันที เขาก้มศีรษะลงและเผยยิ้มขมขื่น “เป็นนายน้อยนี่เอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เปิดประตูให้กับนายน้อย”
ฟางหยวนพยักหน้าและเดินเข้าไปทันที
การแสดงออกของฟางหยวนทำให้เสี่ยวเอ้อเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า “นายน้อยหิวหรือไม่ ท่านต้องการให้ข้าจัดเตรียมอาหารให้ท่านตอนนี้หรือไม่?”
“ไม่จำเป็น” ฟางหยวนส่ายศีรษะ “เตรียมน้ำอุ่นให้ข้าล้างหน้า”
“ได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อเร่งพยักหน้า “นายน้อยเชิญกลับไปรอที่ห้องของท่าน แล้วข้าจะยกอ่างน้ำอุ่นตามไปอย่างรวดเร็ว”
“อืม” หลังจากจบการสนทนาเล็กๆ ฟางหยวนก็เดินขึ้นไปยังห้องพักชั้นสองของเขา
ขณะที่เสี่ยวเอ้อมองแผ่นหลังของฟางหยวนที่กำลังเดินขึ้นบันได ใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือผู้ใช้วิญญาณ โอ้ หากเพียงข้ามีพรสวรรค์ มันคงจะดีไม่น้อย” เมื่อกล่าวจบคำ เขาก็ถอนหายใจออกมา
ประโยคเหล่านี้ดังไปถึงหูของฟางหยวน แต่เขาก็ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นเท่านั้น
ผู้ใช้วิญญาณมีอำนาจพิเศษและจะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม อย่างไรก็ตามมันยังมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก
ปัญหาแรกคือเงิน!
ผู้ใช้วิญญาณต้องใช้หินวิญญาณในการบ่มเพาะและยังต้องใช้มันในการปรับแต่งวิญญาณอีกด้วย
หากไร้ซึ่งหินวิญญาณ แม้จะเป็นผู้ใช้วิญญาณก็ยากที่จะบ่มเพาะ
นี่เป็นความยากลำบากที่คนธรรมดาไม่เข้าใจ
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็น ผู้ใช้วิญญาณเจียงหยาระบายความโกรธกับเหล่านักล่าเนื่องจากพวกเขากล้าทิ้งหินวิญญาณจำนวนมากไปกับสุราไผ่เขียวเพียงไหเดียว เพราะกระทั่งตัวผู้ใช้วิญญาณเจียงหยาเองก็ยังไม่กล้าใช้จ่ายเช่นนี้
ผู้ใช้วิญญาณมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ธรรมดา แต่ราคาของมันก็สูงขึ้นตามไปด้วย หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนใช้จ่ายหินวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้วิญญาณระดับต่ำ ดังนั้นคนผู้หนึ่งจึงไม่สามารถประเมินคนอีกผู้หนึ่งได้ด้วยรูปลักษณ์หรือการแสดงออกภายนอกเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงผู้คนส่วนใหญ่มักมีปัญหาด้านการเงินเสมอ
‘นอกจากนี้หากระดับของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น ความต้องการใช้หินวิญญาณก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากและน่าเศร้าสำหรับผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางการบ่มเพาะ” ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า มันทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทันทีที่ฟางหยวนกลับไปถึงห้องพักของเขาและจุดโคมไฟ เสี่ยวเอ้อก็นำอ่างน้ำอุ่นมาถึงแล้ว
นอกจากอ่างน้ำอุ่นยังมีผ้าเช็ดหน้าและสิ่งจำเป็นอื่นๆในการล้างหน้าอย่างครบครัน
ฟางหยวนไล่เสี่ยวเอ้อออกไปก่อนจะปิดประตูลง ล้างหน้า และขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง
แม้ร่างกายของเขาจะค่อนข้างเหนื่อยล้าแต่ในใจของเขายังรื่นเริง ‘ในที่สุดข้าก็ได้วิญญาณสุรามาแล้ว วิญญาณสุราหายากกว่าวิญญาณแสงจันทร์ สิ่งสำคัญที่สุดคือมันมีความสามารถพิเศษในสนับสนุนการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ’
ฟางหยวนนำหนอนสุราตัวน้อยออกมาและแน่นอนว่ามันยังหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องราว ร่างกายของมันใหญ่กว่าผลึกจันทร์เสี้ยวเล็กน้อยและมีสีขาวบริสุทธิ์ราวกับปุยหิมะที่อ่อนนุ่ม
ภายใต้แสงจากโคมไฟ ร่างกายของมันยังคงเรืองแสงสีขาวออกมาอย่างแผ่วเบา มันมีดวงตาเล็กๆสีดำที่คล้ายกับเมล็ดงาสองเม็ดติดอยู่บนศีรษะที่อ้วนกลมของมันซึ่งทำให้มันดูโง่เง่าเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
นอนอยู่ในมือของฟางหยวน เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมัน หากเปรียบเทียบ มันมีน้ำหนักเท่ากับไข่นกกระทาใบเล็กๆใบหนึ่ง เมื่อผู้คนเข้าใกล้ พวกเขาจะได้กลิ่นสุราชั้นเลิศจากร่างกายของมัน มันไม่ใช่กลิ่นของสุราไผ่เขียว แต่เป็นกลิ่นสุราเฉพาะตัวของมันเอง นอกจากนั้นมันยังดูสะอาดบริสุทธิ์และมีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆเท่านั้นที่กระจายออกไปรอบๆ
เมื่อฟางหยวนสูดกลิ่นสุราของมันเข้าไป โดยไม่จำเป็นต้องบังคับหรือควบคุม กลิ่นสุราดังกล่าวเคลื่อนที่เข้าไปในทะเลวิญญาณของเขา ขณะที่ทะเลวิญญาณของเขาทำตัวราวกับกำลังตื่นเต้นดีใจและดูดซับกลิ่นสุราเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทะเลวิญญาณของเขาก็ถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ขึ้น พลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นส่วนหนึ่งกลายเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลางทันที!
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณที่เข้มข้นขึ้น รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน ‘เดิมทีการบ่มเพาะของข้าอยู่ในระดับหนึ่งขั้นต้น แต่หลังจากทะเลวิญญาณของข้าดูดซับกลิ่นสุราจากวิญญาณสุรา พลังวิญญาณของข้าก็ถูกกลั่นให้บริสุทธิ์และควบรวมเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง เรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะทั่วไป’
เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้เขาก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไปและส่งพลังวิญญาณจากทะเลวิญญาณของเขาบุกเข้าไปในร่างของหนอนสุราทีละเล็กทีละน้อย
เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณสุรารู้สึกถึงสิ่งคุกคามและตื่นขึ้นในที่สุด มันเริ่มต่อสู้ดิ้นรนและพยายามผลักพลังวิญญาณของฟางหยวนออกไป
‘หนอนน้อยตัวค่อนข้างแข็งแกร่ง’ การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งเครียด เมื่อเขาตระหนักว่าการต่อต้านของมันรวดเร็วและรุนแรงกว่าวิญญาณแสงจันทร์เท่าตัว
‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องปรับแต่งวิญญาณสุราให้สำเร็จ’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นขณะที่เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของหนอนสุราอย่างไม่ลดละ
ภายในห้องพัก โคมไฟยังส่องสว่างอยู่กลางห้องขณะที่มุมห้องค่อนข้างมืดสลัว แสงสีทองสาดส่องกระทบลงบนใบหน้าของฟางหยวนขณะที่เขาปิดเปลือกตาและเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หนอนสุราตัวน้อยที่อยู่ในมือ
พลังงานสีทองแดงส่องประกายขึ้นราวกับเมฆหมอกที่ปกคลุมร่างกายของฟางหยวนเอาไว้ ขณะเดียวกันมันก็ถูกชักนำให้ไปรวมกันที่ฝ่ามือของเขาเพื่อปราบปรามวิญญาณสุรา
วิญญาณสุราลอยอยู่บนฝ่ามือของเขาและพยายามดิ้นรนขัดขืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มก้อนพลังวิญญาณสีทองแดงเหล่านั้น
เวลาโบยบินไปอย่างรวดเร็ว
เทียนขี้ผึ้งหลอมละลายจนไม่เหลือขณะที่เปลวไฟเริ่มมอดดับ จันทร์เสี้ยวเคลื่อนคล้อยลอยลงต่ำเมื่อแสงแรกแห่งรุ่นอรุณกลับมาเยือน
แสงอรุณแทรกตัวผ่านซอกเขา พุ่งทะยานลอดเข้าสู่ช่องหน้าต่าง เสียงนกขับร้องเป็นพยานว่าราตรีกาลผ่านพ้นแล้วโดยพลัน
ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและมองไปยังหนอนสุราเบื้องหน้า ร่างกายของหนอนสุราเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม นี่คือผลลัพธ์ของความพยายามและการทำงานหนักตลอดทั้งคืนของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงจุดสีฟ้าที่ยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนจากร่างกายทั้งหมดของหนอนสุรา
‘มีความเป็นไปได้สูงว่าหนอนสุราตัวนี้จะเป็นวิญญาณหลักของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ดังนั้นหนอนสุราตัวนี้ก็สมควรอยู่ในระดับห้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลายปีที่มันขาดแคลนอาหาร ระดับของมันจึงตกลง ตอนนี้มันเป็นเพียงวิญญาณระดับหนึ่ง แต่เจตจำนงของมันยังแข็งแกร่งราวกับหินผา!’
ฟางหยวนคาดเดาได้ถูกต้อง
หนอนสุราตัวนี้เคยเป็นวิญญาณหลักของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ มันได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดีและออกเดินทางผจญภัยไปในโลกกว้างพร้อมกันกับเขา
หลังจากนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เสียชีวิต เจตจำนงทั้งหมดของเขาก็ถูกทิ้งไว้กับหนอนสุราตัวนี้ ดังนั้นการปรับแต่งวิญญาณสุราก็หมือนกับการต่อสู้กับเจตจำนงของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้นั่นเอง
นี่เป็นสิ่งที่ยากกว่าการปรับแต่งวิญญาณอิสระมากมายนัก
โดยทั่วไปแล้วเจตจำนงของมนุษย์จะแข็งแกร่งกว่าเจตนำนงของวิญญาณ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย ในเวลานั้นมนุษย์ยังสามารถระเบิดความแข็งแกร่งออกมาได้ด้วยเจตจำนงที่ต้องการมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะเมื่อนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นบางคนที่อยู่บนจุดสูงสุดบนเส้นทางสายปีศาจและออกเดินทางผจญภัยไปในโลกกว้างโดยลำพังอย่างไร้ซึ่งความหวาดหวั่น ดังนั้นเจตจำนงของเขาจึงเหนือกว่าคนธรรมดาหรือกระทั่งผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันของฝ่ายธรรมะ
‘เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะปรับแต่งมันได้สำเร็จภายในหนึ่งเดือน เว้นเพียงว่าจะมีผู้ใช้วิญญาณระดับสองหรือระดับสามช่วยกดดันเจตจำนงของหนอนสุราตัวนี้เอาไว้ ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถเอาชนะมันได้อย่างรวดเร็ว’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะต้องถอนหายใจออกมา
พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ลุงกับป้าก็วางแผ่นร้ายต่อเขา เขาไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน แล้วเขาจะหาผู้ช่วยเช่นนี้มาจากที่ใด
มันจะง่ายขึ้นหากเขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง แต่ความจริงก็คือเขามีพรสวรรค์นภาที่สาม ไม่มีผู้ใดในตระกูลเห็นคุณค่าของเขา แล้วผู้ใดจะเต็มใจใช้พลังของพวกเขาเพื่อคนไร้ค่าเช่นฟางหยวน
แต่อย่างไรก็ตามฟางหยวนก็ไม่สามารถเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณสุราเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
หลังจากทั้งหมดวิญญาณสุราไม่เคยปรากฏขึ้นในหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลมาก่อน หากฟางหยวนไม่สามารถอธิบายที่มาของมัน สุดท้ายพวกเขาอาจสามารถเชื่อมโยงไปถึงนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ได้ในที่สุด
‘ด้วยความจริงข้อนี้ หินวิญญาณจำนวนสิบเจ็ดก้อนจึงไม่เพียงพอ ข้าต้องการอย่างน้อยสามสิบก้อน นี่ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องปรับแต่งหนอนสุราตัวนี้’ ฟางหยวนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ความจริงก็คือวิญญาณดวงแรกของผู้ใช้วิญญาณจะส่งอิทธิพลต่ออนาคตและทิศทางการบ่มเพาะของคนผู้นั้น แม้วิญญาณสุราจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ แต่มันก็ดีกว่าวิญญาณแสงจันทร์ ดังนั้นมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันของฟางหยวน
“โครก...”
เป็นเพียงเวลานี้ที่กระเพาะอาหารของฟางหยวนส่งเสียงประท้วงออกมาอย่างดุเดือดหลังจากการทำงานหนักตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพัก
‘ข้าคิดว่าข้าควรไปเติมเต็มกระเพาะของข้าเป็นอันดับแรกและค่อยคิดหาวิธีการเพื่อให้ได้รับหินวิญญาณในภายหลัง’ ฟางหยวนลูบท้องของตนก่อนจะเดินออกจากห้องพัก เขาลงไปที่ห้องอาหารชั้นล่างและเริ่มสั่งอาหารสองสามอย่าง
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะตักอาหารเข้าปาก โดยไม่คาดคิด ฟางเจิ้งกลับปรากฏตัวขึ้น
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่? แล้วเหตุใดถึงไม่กลับไปนอนที่บ้าน?” ฟางเจิ้งเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงที่ต้องการคำตอบ