ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ต้นซากุระที่เเสนสวยงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52 ความจริงที่เห็นอยู่

ตอนที่ 15 เข็มยาพิษ


//เอียด// เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้น ทั้งสองคนได้เปิดประตูและเดินเข้าไปในพระราชวัง บทเพลงยังบรรเลงทุกคนก็ยังเต้นรำด้วยความสุขและความสนุกอยู่

 

“เอาล่ะครับทุกท่านในตอนนี้ก็เป็นเวลาในการรับประทานอาหารแล้ว เชิญไปที่ห้องรับประทานอาหารเลยนะครับ”

 

เสียงเพลงได้หยุดลงและทุกคนก็พากันเดินไปที่ห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ ในตอนที่ว่านเจี๋ยกำลังจะเดินเข้าไปนั้นก็ไม่คนมาชนนางทำให้นางล้มลงไป ขาที่ยังไม่ค่อยหายดีก็กลับมาพลิกอีกครั้ง นางหันไปดูคนที่ทำให้นางล้มลงก็พบว่าเป็นกลุ่มองค์หญิงจากราชอาณาจักรอื่นๆ พวกนางหัวเราะด้วยความสะใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร นางพยายามพยุงตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ นางจึงใช้เสาร์ของประตูเป็นแรงทุ่นเพื่อที่จะดึงตัวเองขึ้นมา เมื่อนางลุกขึ้นมาได้นางก็คิดที่จะเดินเพื่อไปให้ถึงโต๊ะอาหาร แต่ว่ามันก็ทำไม่ได้เพราะเมื่อเดินมันเจ็บมากๆเลย

 

“อ่าวทำไมองค์หญิงถึงมายืนอยู่ที่นี่ล่ะทำไมไม่เดินเข้าไปที่โต๊ะรับประทานอาหารกัน?”

 

ชิโร่กามะได้เดินเข้ามาเพื่อที่จะเดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหารจึงเห็นองค์หญิงพอดี เขาจึงเดินเข้าไปถามนาง

 

“คือว่าเราขาพลิกน่ะพอดีหกล้มตอนที่จะเดินเข้าไปข้างในห้องรับประทานอาหาร”

 

ว่านเจี๋ยกำลังจะเดินต่อแต่ก็ดันหกล้มลงทำให้ชิโร่กามะต้องรีบวิ่งมาจับนางเอาไว้

 

“ข้าว่าเจ้าคงเดินไปไม่ไหวหรอกนะ เดี๋ยวข้าจะพยุงเข้าไปเอง”

 

ชิโร่กามะจับแขนของนางเอามาพาดที่ไหล่แล้วพาเดินเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหาร ในระหว่างที่กำลังพากันเดินไปอยู่นั้น ชิโร่กามะก็ถามอะไรบางอย่างกับนางขึ้นมา

 

“แล้วท่านพี่ไปไหนแล้วล่ะทำไมถึงไม่พาเจ้าไปที่โต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน?”

 

นางกำลังจะเล่าแต่ว่าขาของนางก็ดันรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้งทำให้นางแทบจะล้มลง ชิโร่กามะเห็นเช่นนั้นจึงเปลี่ยนจากการพยุงเป็นอุ้มนางขึ้นมาแทน

 

“เขาบอกเราว่าเขาต้องไปจัดงานก่อนให้เราเข้าไปรอได้เลย เมื่อจัดการอะไรเสร็จแล้วเดี๋ยวเขาจะเข้าไปทีหลังน่ะ”

 

ชิโร่กามะพยักหน้าเพื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจ และพวกเขาทั้งสองคนก็เดินกันไปถึงห้องรับประทานอาหาร ชิโร่กามะไม่ได้ปล่อยให้นางเดินเข้าไปเอง เขาอุ้มนางเข้าไปเลยและไม่สนสายตาผู้ใดที่มองเลยแม้แต่น้อย โต๊ะรับประทานหารหารก็จะให้แก่ผู้ที่มีศักดิ์สูงเท่านั้น ซึ่งมีไม่กี่คนที่มีส่วนมากจะเป็นองค์หญิงมากกว่า

 

“เชิญรับประทานอาหารที่ได้เตรียมไว้ให้กับพวกท่านทุกคนเลยนะครับ”

 

เสียงของโลโยดะได้ดังมาจากหน้าประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหาร เมื่อประตูได้เปิดออกก็พบว่าอาหารที่ถูกเตรียมและจัดจานไว้มันหรูและดูดีสวยงามเป็นอย่างมาก ทุกคนที่เห็นอาหารที่กำลังเคลื่อนที่มาต่างพากันเก็บอาการแทบจะไม่อยู่ อาจจะเป็นเพราะหิวแต่ก็ยังพอที่จะเก็บอาการไว้ได้อยู่ เมื่ออาหารเริ่มมาวางไว้บนโต๊ะ ทุกคนนั่งเงียบเพื่อที่จะรอให้โลโยดะทำการเปิดงาน โลโยดะได้ยืนและหยิบแก้ววายขึ้นมาก่อนที่จะชูขึ้นและดื่มมันเข้าไป

 

“เชิญรับประทานอาหารที่พวกเราได้เตรียมไว้เลยทุกท่าน”

 

เมื่อจบพิธีทุกคนก็ต่างกินกันอย่างอร่อย ส่วนองค์หญิงว่านเจี๋ยก็มองไปที่จานอาหารของแต่ละคน เพื่อที่จะดูว่าพวกเขากินเหมือนมนุษย์อย่างพวกเราหรือป่าว แต่เมื่อดูจานของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ถึงจะจัดจานได้สวยงามเพียงได้ แต่ส่วนผสมและเครื่องเคียงต่างๆก็ไม่เหมือนกัน จานขององค์หญิงอาสเน่ก็จะเป็นพวกหญ้าสีฟ้าแปลกๆมีประกายสีทองโปรยอยู่ แต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรขนาดนั้นเพราะนางคิดว่ามันจะดูไม่ดีเอาถ้าอาสเน่เห็นว่านางจ้องมองอยู่

 

“เจ้ากินสิกินให้อิ่มไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นอาหารที่มีพิษหรืออาหารที่แปลกๆแบบขององค์หญิงองค์อื่นหรอกนะ เพราะข้าเตรียมอาหารที่เป็นของมนุษย์ให้กับเจ้าแล้ว”

 

เมื่อว่านเจี๋ยรู้เช่นนั้นนางจึงโล่งอกและเริ่มกินอาหารที่เตรียมไว้ให้ อาหารที่นางได้รับประทานอยู่นั้นเป็นอาหารที่ให้เฉพาะกษัตริย์ของแต่ละราชอาณาจักรเพียงผู้เดียวที่กินได้เท่านั้น เมื่อนางได้เห็นเช่นนั้นทำให้นางหยุดกินและนึกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา นางคิดถึงหน้าของพ่อและแม่ของนางที่กำลังรับประทานอาหารกันเป็นครอบครัวที่แสนสุข นางกินไปกลั้นร้องไห้ไปกับสิ่งที่นางได้คิดขึ้นมา

 

“เจ้าเป็นอะไรรึป่าวทำไมถึงน้ำตาคลอล่ะ (กระซิบ)”

 

โลโยดะเห็นว่านางทำหน้าตาแปลกๆและมีน้ำตาคลอจึงถามนางไปเพราะอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

 

“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลังนะรับประทานอาหารให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน”

 

เขาพยักหน้าให้กับว่านเจี๋ยก่อนที่จะรับประทานอาหารกัน ในตอนที่รับประทานอาหารกันอยู่นั้น จู่ๆมีองค์หญิงท่านหนึ่งพูดขึ้นมา หน้าตาของนางจะสวยแต่จะมีเกล็ดเหมือนปลาเต็มตัวพร้อมกับผมสีฟ้าของนางที่เป็นประกายเหมือนอาหารของอาสเน่เลย

 

“ท่านโลโยดะผักเขียวลื่นๆที่แสนจะอร่อยแบบนี้ มันเรียกว่าอะไรอย่างนั้นหรือคะ”

 

ว่านเจี๋ยมองไปที่จานของผู้หญิงที่ถามโลโยดะว่าไอ้ผักเขียวๆลื่นๆนั่นที่นางได้รับประทานเข้าไปมันมีชื่อว่าอะไร สำหรับว่านเจี๋ยนางก็ไม่เคยเห็นผักสีเขียวที่แสนสวยแบบนี้มาก่อนเลย แถมดุเป็นลื่นๆและอยู่ในน้ำด้วย หรืออาจจะเป็นที่การนำมันไปล้างเลยเป็นเช่นนั้น

 

“ผักที่องค์หญิงว่ามีชื่อว่าผักใต้มหาสมุทร แต่สำหรับข้าจะเรียกมันว่าสาหร่าย เป็นผักที่หายากมากๆเลย ต้องให้ปีศาจแห่งมหาสมุทรดำนำไปใต้ทะเลลึกเพื่อที่จะหามาให้องค์หญิงโดยเฉพาะเลยนะครับ”

 

มันดูเป็นการหาวัตถุดิบที่หายากมากเลยนะ เมื่อนางได้ยินสิ่งที่พูดสายตาของนางได้ลุกวาวเลยทีเดียว

 

“ท่านโลโยดะนี่รู้ใจข้าซะเหลือเกินนะคะ ท่านคงยังจำชื่อของข้าได้ใช่ไหม”

 

โลโยดะยิ้มขึ้นมาเมื่อนางได้ถามว่าเขาจำชื่อของนางได้หรือป่าว

 

“ข้าจำได้แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเมอร์เมียด” เมื่อนางได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกลับยิ้มออกมาเหมือนจะดีใจที่โลโยดะจำชื่อของนางได้ แต่คนที่ไม่พอใจที่สุดก็น่าจะเป็นว่านเจี๋ย เพราะว่าสิ่งเขาทั้งสองคนพูดเหมือนกำลังจะตีสนิทและหวานกันอยู่ นางรีบรับประทานอาหารให้เสร็จเพื่อที่จะรอรับประทานของหวาน แต่ตอนที่นางกำลังรีบกินอยู่นั้นก็มีเสียงคุยกันบางอยางขององค์หญิงบางกลุ่ม

 

“ดูสิเป็นมนุษย์แท้ๆยังกินมุมมามอีกแถมกินไวมากเหมือนไม่เคยได้กินอะไรมาก่อนหน้านั้น อดอยากมาจากไหนถึงไร้มารยาทขนาดนี้”

 

เมื่อนางได้ยินเช่นนั้นทำให้นางแทบสำลักออกมาแต่ก็ยังพอที่จะควบคุมได้และกินต่อไป แต่ว่าอาจจะกินเบาลงหน่อยเพราะสิ่งที่พวกนางได้พูดถึงว่านเจี๋ยทำให้นางรู้สึกอายเป็นอย่างมากที่ถูกต่อว่าว่าไร้มารยาท

 

“เรารู้สึกอิ่มแล้วล่ะ งั้นเราขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะรู้สึกว่าอยู่แถวนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เลย”

 

ว่านเจี๋ยพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกไป แต่ว่าก็ยังมีคนพูดต่อหลังนางอยู่อีก

 

“ดูสิขนาดนี้ยังไม่รอคนอื่นเลย แถมยังไปก่อนอีกต่างหากช่างไรมารยาทอะไรเช่นนี้ เป็นมนุษย์ที่น่าเกลียดที่สุดเลย”

 

ว่านเจี๋ยเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องทะเลาะวิวาทมันเกิดขึ้น ทว่าคนที่โมโหกลับไม่ใช่นางแต่เป็นคนอื่นแทน

 

//ปัง// (เสียงทุบโต๊ะ) “พอได้แล้วคนที่ไร้มารยาทที่สุเก็น่าจะเป็นพวกเจ้านะ สิ่งที่พวกเจ้าพูดขึ้นมาทำให้คนอื่นเสียหาย แถมยังทำให้ตัวของพวกเจ้าเองดูไม่ดีอีกต่างหาก ข้าไม่ได้ดีเสมอไปกับผู้หญิงทุกคนหรอกนะ จำใส่สมองที่แสนจะโสโครกของพวกเจ้าเอาไว้ด้วย!”

 

โลโยดะพูดทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจและเงียบไปจากที่กำลังหัวเราะและพูดคุยกันอยู่  โลโยดะยืนขึ้นแล้วพานางเดินออกไปข้างนอกห้องรับประทานอาหารในทันที ส่วนชิโร่กามะและเอรินพากันรับแขกแทนโลโยดะ ในระหว่างที่ทั้งสองคนได้เดินออกไปจากห้อง ชิโร่กามะและเอรินก็ได้คุยกันถึงเรื่องขององค์หญิง

 

“นี่เอรินตอนนั้นข้าเห็นนางขาเจ็บอยู่เลยนะ ตอนนี้นางเดินได้แล้วหรือ แต่ตอนดูขานางข้าก็เห็นว่ามันบวมเป่งมากเลยนะ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอรินก็ได้หันไปมองทางที่พวกเขาเดินออกไปในทันที

 

“หรือว่านางจะ??”

 

“เจ้าไม่ต้องไปสนใจพวกนางหรอกนะ พวกนางไม่ค่อยชอบมนุษย์ก็จะเป็นเช่นนี้แหละ ที่นี่มันราชอาณาจักรพันปีไม่ค่อยให้มนุษย์เข้ามามันก็จะเป็นแบบนี้ตลอด ข้าต้องขอโทษแทนพวกนางด้วยนะ”

 

นางไม่ได้พูดอะไรและยังเดินต่อไป แต่สิ่งที่แปลกไปที่โลโยดะได้เห็นก็คือการเดินของนาง และท่าทางในการเดินของนางมันแปลกๆไป

 

“นี่ขาของเจ้าเป็นอะไรหรือป่าวทำไมเจ้าถึงเดินแบบนั้นล่ะ?”

 

เขาเดินตามไปประกบนางเพื่อให้นางหยุดเดินแต่นางก็ไม่ยอมหยุดเดินเสียที ด้วยความที่นางไม่หยุดเดินเขาจึงดึงแขนของนางเพื่อให้หยุดแทน แต่เมื่อดึงแขนนางได้หยุดลงจริงๆพร้อมล้มลงไปด้วยเช่นกัน

 

“โอ๊ย/เฮ้ยเป็นอะไรหรือป่าว” โลโยดะรีบเดินไปดูนางในทันที่เห็นว่านางเป็นเช่นนั้น เขารีบเปิดชายกระโปรงออกนิดหนึ่งเพื่อดูขาของนางแล้วพบว่าขาของนางมีอาการที่บวมเป็นอย่างมาก ซึ่งมันบวมเกินไปจนไม่น่าที่จะใช่ขาพลิกแล้ว เขาจึงอุ้มนางแล้วพาเดินออกไปที่ตำหนักของเขาแทน เมื่อเขาพานางเดินไปถึงที่ตำหนักของเขาก็พบว่าตำหนักของเขาเป็นสีดำไปเลย ดำแบบว่าตอนกลางคืนนี่แทบจะหาไม่เจอ โลโยดะพาว่านเจี๋ยเดินเข้าไปในตำหนักแล้ววางนางที่เตียงลงอย่างเบาๆ

 

“นี่มันไม่ใช่แค่ขาบวมเพราะพลิกธรรมดาแล้วนะ ข้าว่าต้องมีคนแอบใช้เข็มจิ้มที่ขาของเจ้าน่าจะมียาพิษอยู่เป็นแน่ แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นยาพิษของสัตว์พันธ์ไหน”

 

โลโยดะมองไปที่หน้าของนางและรู้เลยว่านางกำลังจะสลบ เขาพยามหาจุดที่หน้าผิดสังเกตที่ขาของนางแล้วก็พบกับรูของเข็มและเส้นใยเหมือนเป็นใยของแมงมุม

 

“ไม่จริง..อย่าพึ่งหลับนะอย่าหลับเด็ดขาดเลยข้ากำลังจะหาทางรักษาเจ้าอยู่”

 

สิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นยาพิษของแมงมุมชนิดที่มีพิษแรงที่สุด ถ้าจะหาตัวยารักษาก็จะต้องไปหาที่ๆไกลมากและใช้เวลานานมาก จะต้องไม่ให้นางหลับตาเป็นอันขาด และที่ๆไปหามันยากที่จะออกมาเช่นกันเพราะว่าทางที่ไปอันตรายเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาอาจจะไม่มีวันได้ออกมาเลยก็เป็นได้ โลโยดะใช้พลังของเขาเพื่อเรียกให้น้องชายของตัวเองรู้ว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้น

 

“เอรินซวยแล้วล่ะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับองค์หญิงว่านเจี๋ย ในตอนนี้เราต้องล้มเลิกงานก่อนแล้วล่ะนะ”

 

ชิโร่กามะพูดขึ้นทำให้เอรินรีบลุกขึ้นเพื่อที่จะวิ่งไปหาว่านเจี๋ยไปดูอาการว่านางเป็นอะไร แต่ชิโร่กามะก็จับแขนของเอรินเอาไว้

 

“เจ้าจะรีบไปไหนเจ้ารู้หรอว่าพวกเขาพักอยู่ที่ไหนกันในตอนนี้”

 

สิ่งที่ชิโร่กามะพูดทำให้เอรินต้องนั่งลงที่เดิม แต่ว่าความรู้สึกของเขากำลังร้อนผ่าวเพราะกังวลเกี่ยวกับว่านเจี๋ย

 

“ตอนนี้ข้าต้องขออภัยกับองค์หญิงทุกท่านด้วยนะครับ แต่ว่าพวกท่านจะต้องพากันกลับไปที่ราชอาณาจักรของพวกท่านกันก่อน เพราะว่างานฉลองจะต้องหยุดลงเนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น กรุณาพากันเดินตามหัวหน้าคนใช้เพื่อยังรถม้าเลยนะครับ”

 

องค์หญิงทุกคนต่างพากันบ่นพึมพำกับเรื่องนี้ แต่ก็ยอมทำตามโดยดีและพากันเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร เมื่อพวกนางไปกันหมดแล้วพวกเขาก็รับวิ่งไปที่ตำหนักที่ว่านเจี๋ยและโลโยดะอยู่ในทันที

 

//เอียด// “มันเกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงเป็นแบบนี้ได้” เอรินได้พูดขึ้นด้วยความตกใจ เขาเดินมานั่งที่เตียงและมองดูขาของนางพร้อมกับนาง

 

“ขาของนางไม่ได้แค่พลิกเท่านั้นแล้ว แต่ว่าขาของนางเหมือนจะโดนพิษของแมงมุมชนิดที่ร้ายที่สุด ตอนนี้เราต้องหายาแก้พิษของนางแต่ที่ๆเราจะไปเอามันทั้งอันตรายและไกลมาก ข้าไปคนเดียวมันคงไม่ไหวหรอกนะ ข้าเลยอยากจะให้พวกเจ้าช่วยนางด้วยเช่นกัน พวกเจ้าคิดยังไงอยากจะช่วยนางบ้างไหม?”

 

โลโยดะพูดขึ้นก่อนทั้งสองคนจะมองหน้ากัน เหมือนกับว่าพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้พยักหน้าให้กับโลโยดะ

 

“งั้นวันนี้เราเตรียมตัวเพื่อที่จะไปหายากันเถอะ ไปหายากันที่หุบเขาแห่งสายใย”

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด