ตอนที่ 13 งานฉลองการกลับมา
“พวกเจ้าจะพาเราไปที่ใดกัน เดี๋ยวใจเย็นๆก่อน” พวกคนรับใช้ต่างพากันยกตัวนางเพื่อที่จะพานางไปที่ๆหนึ่ง เมื่อถึงโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ เป็นโรงอาบน้ำที่โลโยดะได้บอกคนใช้ให้เตรียมเอาไว้ให้ว่านเจี๋ยตั้งแต่เข้ามาที่ราชอาณาจักรของเขา พวกคนรับใช้สาวๆต่างพากันลุมถอดเสื้อนางแล้วเริ่มทำการชำระร่างกายให้แก่นาง เพื่อให้ไอ้สีดำที่ขึ้นตามตัวของนางหายไป การขัดการแช่และการถูใช้เวลาไปหลายชั่วโมงเลยกว่าจะทำให้นางกลับมาเป็นเช่นเดิมได้ เมื่อทำการชำระร่างกายของนางเสร็จ ต่อมาก็จะเป็นการแต่งตัวให้กับนาง
“รูปร่างองค์หญิงและหน้าตาของท่านองค์หญิงก็งดงามอยู่แล้ว ข้าว่าเราไม่ต้องแต่งให้นางเยอะไป ถ้าแต่งให้เยอะไปมันจะดูเยอะเกินไปข้าว่าอย่างนั้นจะดีกว่านะพวกเจ้าว่าไหม”
คนรับใช้ต่างพากันเกาะกลุ่มเพื่อที่จะหาชุดที่สวยงามที่สุดให้กับว่านเจี๋ย ใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนกันเพราะต้องการให้นางดูดีที่สุด พยายามลื้อเสื้อทุกอย่างที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่พบที่ดีที่สุดสำหรับนางเลย
“เรารอนานจนจะแข็งแล้วนะ..” องค์หญิงได้พูดขึ้นเพราะว่านางยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลย ทุกคนจึงพยายามรีบหาให้นางเพื่อที่จะทำให้นางอบอุ่นสักที
“นี่พวกเจ้ายังหาให้นางไม่ได้อีกหรืออย่างไร” อยู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาที่ห้องแต่งตัว ซึ่งทำให้พวกคนใช้ต่างพากันตกใจเพราะคนที่เข้ามาก็คือโลโยดะ ดีนะที่ไม่เห็นอะไรเลยเพราะว่าถูกปิดกั้นด้วยที่วางเสื้อ
“เจ้ามันโรคจิตใช้ไหมเนี่ยเข้ามาแบบนี้ได้อย่างไรกัน เรายังไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัวเลยนะ มันผิดผี!”
นางเริ่มปาของใส่โลโยดะเพื่อให้ออกไปจากห้องนี้ เขาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วทำการหลบหลีกสิ่งของที่นางได้ปามาใส่เขา ก่อนที่ของที่มีอยู่จะหมดไปกับการปาใส่เขา
“ข้าไม่ใช่โรคจิตซะหน่อยนะ ข้าแค่เอาของมาให้เจ้าเพราะว่าเห็นว่ามันไม่เข้ากับเจ้าสักอย่างเลย เอาอันนี้ไปมอบให้นางด้วยให้นางใส่ ชุดนี้น่าจะเข้ากับนางมากที่สุดแล้วล่ะ”
เขายื่นให้กับคนรับใช้แล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่นางจะให้คนรับใช้ปิดประตูและรับกล่องที่เขาเอามาให้มา ( ในนี้มันมีชุดอะไรกันนะ ) นางคิดในใจก่อนจะเปิดกล่องนั้นดูและหยิบชุดที่มีสีแดงอมชมพูขึ้นมา ชุดที่ยาวและดูสะดุดตาอย่างสวยงาม ชุดนี้มันสวยงามมากสำหรับนางและดูเป็นประกายอย่างที่สุด คนรับใช้เริ่มสวมชุดให้กับนางและเริ่มแต่งหน้าทำผมนาง
“เราขอแค่ทำผมก็พอส่วนหน้าของเราเราไม่ทำมันนะ เราชอบหน้าธรรมชาติของเราดีที่สุดแล้ว”
“เมื่อไหร่นางจะแต่งตัวเสร็จเสียทีเนี่ย ข้ารอจนเบื่อหมดแล้ว”
โลโยดะเริ่มบ่นเพราะเป็นการทำอะไรที่นานมาก และงานก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว มันเลยทำให้เขาดูใจร้อนและลนอย่างบอกไม่ถูก
“องค์หญิงแห่งทุ่งมรณะได้มาถึงแล้ว องค์หญิงแห่งแม่น้ำกรดได้มาถึงแล้ว”
องค์หญิงหลายคนมากที่ได้เข้ามาร่วมงานฉลองการกลับมาขององค์ราชาในครั้งนี้เยอะมาก
“แล้วพวกนางมาได้อย่างไรกัน?” เอรินถามเพราะไม่รู้ว่าองค์หญิงพวกนางมาได้อย่างไร ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เช่นกันว่าทำไมองค์หญิงต่างราชอาณาจักรถึงมาร่วมงานที่จัดฉลองที่นี่ได้
“องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเหลียนฟางได้เข้ามาแล้ว”
ทุกคนต่างมองออกไปดูเพราะได้ยินว่าองค์หญิงว่านเจี๋ยได้เข้ามาที่พระราชวังแล้ว ทุกคนต่างพากันหันไปมองที่นาง แต่ละคนเมื่อได้เห็นนางต่างพากันอึ้งกับสิ่งที่เห็นเพราะว่านางนั้นช่างงดงามเสียเหลือเกิน ชุดที่เข้ากับนางพร้อมหน้าตาที่แสนจะงดงามทำให้ทุกคนมองตาไม่กระพริบเลย โลโยดะชิโร่กามะและเอรินพากันยืนขึ้นมาแล้วเดินไปหานางในทันที
“นี่เจ้าจริงๆหรอว่านเจี๋ย ทำไมเจ้าถึงดูงดงามเช่นนี้ล่ะ ยิ่งใส่ชุดนี้ยิ่งทำให้เจ้าดูเด่นและมีประกายเต็มตัวไปหมด”
ว่านเจี๋ยกำลังจะพูดแต่ทว่าก็มีองค์หญิงจากเมืองอื่นได้เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสี่คน
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านด้วยนะคะ ข้ามีชื่อว่าอาสเน่ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆท่านด้วย”
เมื่อว่านเจี๋ยได้เห็นอาสเน่ก็ถึงกับต้องสะดุ้ง เพราะองค์หญิงอาสเน่หน้าตาไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
“เจ้าดูเหมือน..เอ๋ ไม่จริงใช่ไหมนี่มีมนุษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเสียงของนางได้หยุดลงทำให้ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมองมาที่พวกเขาทั้งสี่คน โลโยดะยิ้มขึ้นมาก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอาสเน่เเล้วจูบที่หลังมือของนางเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ใช่แล้วนางคือมนุษย์ที่ข้าได้นำกลับมาด้วย ยินดีที่ได้รู้จักรนะองค์หญิงอาสเน่แห่งทุ่งมรณะ เกล็ดของท่านที่มือมันลอกแล้วนะดีใจด้วย”
สิ่งที่โลโยดะพูดทำให้นางเงียบลงแล้วรู้สึกเขินอายมากกว่า ด้วยหน้าตาที่ดูหล่อคมบวกกับคารมที่สามารถมัดใจผู้หญิงได้ในพริบตา ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาและไม่มีอะไรที่น่าตกใจอีก
“อุ้ยตายแล้วท่านนี่ช่างมีสายตาที่หลักแหลมจริงๆเลยนะคะ เรื่องนี้ข้าจะถือซะว่ามันไม่เกิดขึ้นก็แล้วกัน”
จากนั้นเมื่อองคืหญิงอาสเน่พูดจบชิโร่กามะและเอรินก็เดินมากล่าวทักทายนาง //แปะ แปะๆ// เสียงปรบมือได้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้นมาในทันทีเมื่อเสียงปรบมือได้หยุดดัง
“โอ๊เพลงดังแต่ข้าก็ยังไม่มีคู่ที่จะมาเต้นกับข้าเลย ไม่ทราบว่าจะมีใครที่อยากจะเต้นคู่กับข้าหรือไม่..ว่าไหมคะท่านโลโยดะ”
นางมองไปที่โลโยดะด้วยสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ซึ่งมันทำให้ว่านเจี๋ยไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เป็นเช่นนั้น โลโยดะมองมาที่ว่านเจี๋ยก่อนที่นางจะพยักหน้าให้กับเขา เขาจึงไปกับอาสเน่เพื่อไม่ให้เป็นการหักหน้านาง ว่านเจี๋ยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่วางไว้ นางไม่เคยเห็นงานที่จัดแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย เพราะที่ราชอาณาจักรของนางก็น่าจะยังไม่ทันสมัยขนาดนี้ นางนั่งได้สักพักเอรินก็เดินเข้ามาหานางและนั่งข้างๆนาง
“นี่เจ้าไม่ไปเต้นรำเหมือนๆกับองค์หญิงคนอื่นบ้างหรืออย่างไร?”
นางหันไปที่เอรินก่อนจะก้มหัวลงนิดหน่อยแล้วยิ้มแบบธรรมดาเบาๆ
“คือว่า..เราเต้นรำอะไรแบบนี้ไม่เป็นเลย สำหรับเราแค่ถูกเนื้อต้องตัวชายใดก็ถือว่าผิดผีมากแล้วล่ะ”
เอรินทำตาโตกับสิ่งที่ว่านเจี๋ยพูด แล้วก็หัวเราะออกมาทำให้ทุกคนมองมาที่เขากันหมด นางจึงต้องรีบเอาขนมที่วางไว้บนโต๊ะยัดเข้าไปใสปากของเขา
“เบาๆหน่อยก็ได้ไม่เห็นจะต้องหัวเราะขนาดนั้นเลยนี่นา ก็มันคือเรื่องจริงนี่”
เอรินทั้งหัวเราะทั้งเคี้ยวเหมือนกับว่าเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน บางที่ราชอาณาจักรก็มีวัฒนธรรมต่างกัน มันจึงไม่เหมือนกันไปซะหมด
“ฮ่า ฮ่า ข้าขอโทษนะข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังถึงขนาดนี้เลย แต่เอาจริงๆเลยนะคือว่าข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่เคยผ่านชายใดมาเลยนะ เพราะเจ้าทั้งสวยและงดงามถึงเพียงนี้ แต่ช่างมันเถอะนะเจ้าจะเป็นแบบใดอย่างใดเจ้าเป็นตัวของเจ้าดีที่สุดแล้วล่ะ งั้นเจ้ามาเต้นรำกับข้าสักบทเพลงหนึ่งหน่อยได้หรือไม่”
สิ่งที่เอรินพูดทำให้ว่านเจี๋ยรีบส่ายหน้าในทันที เพราะว่านางเต้นรำไม่เป็นเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างไรก็ตามเอรินก็ยังยื่นมือมาให้นางเพื่อที่จะให้นางไปให้ได้ นางถอนหายใจยาวๆก่อนจะจับมือของเอรินแล้วเดินไปที่กลางพระราชวังก่อนที่เอรินจะเอามือไปโอบที่เอวของนางแล้วเอามืออีกมือไปจับที่มือของนาง
“แล้วเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง” ว่านเจี๋ยพูดก่อนที่เอรินจะจับมือของนางมาจับไว้ที่ไหล่ของเขา ทุกคนต่างมองมาที่พวกเขาสองคนแล้วก็หัวเราะกันคิกคัก
“อย่าไปสนใจคนพวกนั้น แล้วเดินตามจังหวะเท้าของข้ามา ไม่ต้องไปสนใจเข้าใจนะ”
เอรินพูดขึ้นมาทำให้ว่านเจี๋ยผ่อนคลายลงแล้วทำตามที่เขาบอก ในช่วงแรกๆอาจจะมีติดขัดเหยียบเท้ากันบ้าง หลายคนที่อยู่ในพระราชวังอาจจะเห็นมันดูตลกที่เห็นการเต้นแบบนี้ ในระหว่างที่เต้นกันอยู่นั้นโลโยดะก็ได้มองไปที่ว่านเจี๋ยกับเอริน
“มองไปที่ไหนคะมองมาที่ข้าสิ” อาสเน่พูดขึ้นก่อนที่นางจะจับหน้าของโลโยดะให้หันมาหานาง แล้วพวกเขาก็เต้นรำกันต่อ
“อย่างนั้นแหละ ใช่แล้ว เยี่ยมมากเลยเจ้าทำมันได้เห็นไหม” เอรินพูดขึ้นเพราะว่าเจี๋ยสามารถบังคับตัวเองได้แล้วในการเต้นรำครั้งนี้ ทั้งสองคนพากันเต้นรำทั้งๆที่ตอนแรกเต้นรำกันได้ดูตลกมากเลย แต่ในตอนนี้กลับเต้นได้อย่างสวยงามมาก
“พวกเขาทำกันได้อย่างไรแค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเต้นกันได้สวยงามขนาดนั้นเลยหรือ”
เสียงบทเพลงที่ดังและสีแสงที่สวยงามทำให้คู่นี้เปล่งประกายและดูงดงามมาก เมื่อบทเพลงได้จบลง เสียงปรบมือได้ดังขึ้น //แปะๆๆ// ให้กับทั้งสองคนเพราะมันต้องตากับทุกคนเป็นอย่างมาก
“เจ้าต้องมากับข้าเดี๋ยวนี้เลยว่านเจี๋ย” เสียงของโลโยดะได้พูดขึ้นก่อนจะพาตัวว่านเจี๋ยออกไปข้างนอกพระราชวัง
“เจ้าอย่าวิ่งมากสิเราวิ่งตามไม่ทัน” เมื่อว่านเจี๋ยพูดจบโลโยดะก็จับว่านเจี๋ยอุ้มขึ้น
“เจ้าจะพาเราไปไหนกันแล้วจะอุ้มเราขึ้นมาทำไม”
“ไม่ต้องพูดน่ะเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอง”