ตอนที่ 8 หาทางหลบหนี
“นี่ก็ตกเย็นแล้วสินะ เราจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนกัน”
ว่านเจี๋ยพูดกับตัวเองและยังคงมองไปที่หน้าต่างเช่นเดิม นางใช้เวลาอยู่ที่ริมหน้าต่างเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว แต่นางก็ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยเลยแม้แต่น้อย ในช่วงเวลากลางคืนซึ่งไฟทุกอย่างก็เริ่มดับลงไปทีละดวงๆจนกระทั่งมืดมากเหลือเพียงบ้านไม่กี่หลังคาเรือนที่ยังมีไฟอยู่ เธอมองไปที่พระจันทร์และมองมันอยู่อย่างนั้นเพราะว่ามีดวงเดียวที่ยังคงส่องประกายไม่ว่าจะมืดสักเพียงใด แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นอะไรบางอย่างเป็นจุดเล็กๆโดดไปโดดมา ซึ่งนางเริ่มใช้สติจ้องมองมันอย่างนิ่งๆให้ชัดเจน นางก็พบว่ามีตัวอะไรบางอย่างกำลังกระโดดอยู่ ซึ่งทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก
“นั่นมันตัวอะไรกันน่ะ?”
ซึ่งนางก็ยังไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าโลโยดะกำลังพากลุ่มนินจามารับตัวนางกลับไป พวกเขากำลังกระโดดผ่านสิ่งกรีดขวางเพื่อรับตัวนางออกจากที่นี่โดยเฉพาะ โลโยดะและชิโร่กามะกับเหล่านินจาพยายามหาตัวว่านเจี๋ยให้เจอก่อนที่จะถึงรุ่งสาง และพวกเขาก็ต้องหลบพวกทหารด้วยอีกต่างหาก เพราะที่นี่มันการคุ้มกันสูงเป็นอย่างมากซึ่งยากต่อการกระโดดไปหานางแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
“แยกย้ายไปหาตัวนางกันเป็นสองกลุ่ม เจ้าน้องพี่เจ้าไปที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนข้าจะไปฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เอง ถ้าไม่สุดทางของราชอาณาจักรนี้ก็ไม่ต้องกลับราชอาณาจักรของเรา ถ้าได้อะไรแล้วให้ส่งจิตวิญญาณมาบอกข้าอีกทีเข้าใจนะ”
ชิโร่กามะพยักหน้าให้กับโลโยดะก่อนที่จะพากันแยกเป็นสองกลุ่มแล้วเริ่มพากันหาตัวของว่านเจี๋ย ซึ่งจะดูจากตำหนักที่ใหญ่ทุกอันไม่ได้ดูที่บ้านเรือน มันอาจจะหาง่ายอยู่บ้างแต่ก็จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆตัวหน่อย เพราะว่าทหารอยู่กันเยอะมากในช่วงกลางคืน
“บ้าบอที่สุดเลยไม่รู้ทำไมข้าต้องทำเพื่อนางขนาดนี้ด้วยนะ”
โลโยดะพยายามถามตัวเองว่าทำไมตัวเขาถึงจำเป็นต้องช่วยนางออกด้วย ทั้งๆที่นางก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย //ฟิ้ง// อยู่ๆบางอย่างก็แวบขึ้นมาข้างในหัวของเขา ภาพของว่านเจี๋ยกำลังจะถูกหอกแทงได้แวบขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขาเกือบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่กำลังกระโดดผ่านบ้านเรือนเพื่อตามหาเธอ
“ตามข้ามาสิโลโยดะ...” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ดังขึ้นมาจากข้างหน้าของเขา ซึ่งมันทำให้เขาตกใจเพราะเมื่อเขามองไปกลับไม่พบอะไรเลย เสียงนั่นทำให้เขาหยุดลงแล้วแอบตรงมุมหลังคา เพราะเขาไม่รู้ว่าเสียงมันมาจากไหนแล้วใครเป็นคนพูดกันแน่
“ตามข้ามา..ข้าจะพาไปหาองค์หญิงว่านเจี๋ย...”
เสียงที่หลอนและน่าขนลุกนี้เป็นเสียงของใครกัน มันดังอยู่ในหัวของโลโยดะมากกว่า แล้วจู่ๆก็มีลูกไฟสีขาวเด้งขึ้นมาข้างหน้าของเขา
“เจ้าเป็นใครกันทำไมถึงมาช่วยข้าได้?” โลโยดะถามลูกไฟสีขาวที่อยู่ตรงหน้าของเขา ดวงไฟสีขาวก็ลอยไปตามทางไม่พูดไม่กล่าวกับเขา และเขาก็ตามลูกไฟดวงนั้นไปเรื่อยๆเช่นกัน โลโยดะตามไปจนถึงตำหนักขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งยังคงมีแสงไฟคงอยู่ที่จุดหนึ่ง ลูกไฟสีขาวหยุดลงที่นั่น
“เจ้าคงเห็นแสงไฟนั่นใช่ไหม ตรงนั้นคือที่ที่นางอยู่ จงช่วยนางออกมาให้ได้นะ”
แล้วแสงไฟก็สลายหายไปกายเป็นหิงห้อยที่สวยงาม เมื่อโลโยดะรู้ว่าว่านเจี๋ยอยู่ที่นั่น เขาก็รีบปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยากมากที่จะทำให้คนอื่นไม่เห็นเขา เพราะว่าทหารเดินกันเต็มไปหมดที่ตำหนักนี้ ด้วยความที่โลโยดะไม่ใช่คนอยู่แล้ว พลังของเขาตึงมีมากกว่ามนุษย์ทั่วไปถึงสิบเท่า แค่ปีนแค่นี้สำหรับเขาคือเรื่องกล้วยๆเท่านั้นเอง เขาใช้เวลาปีนไม่นานก็ถึงจุดที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมา เมื่อเขาลองส่องดูก็พบกับว่านเจี๋ยที่มองหน้าเขาอย่างมึนงง
“....”
“เจ้าอยู่นี่เองหรอ เปิดหน้าต่างให้ข้าทีสิองค์หญิง”
นางมองไปที่เขาสักพักก่อนที่นางจะเปิดหน้าต่างให้กับโลโยดะ เมื่อเปิดเสร็จเขาก็ปีนเข้ามาในห้อง แล้วดับไฟในทันที ก่อนจะเดินมานอนที่เตียงด้วยความเหนื่อย
“เจ้ามาที่นี่ทำไม เจ้ามาช่วยเราอย่างงั้นรึ?” คำถามของว่านเจี๋ยทำให้โลโยดะเงียบลงและมองไปที่เธอ สายตาของนางทำให้เขาไม่กล้าที่จะสบตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
“ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้าสักหน่อย แต่เจ้าเป็นของๆข้าข้าก็แค่มาเอาของๆข้าคืนแค่นั้นเอง”
โลโยดะพูดแบบรนๆใส่นาง นางก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วก็มานั่งข้างๆกับเขา
“แล้วจะพาเราไปที่ใดล่ะ ถ้าจะพาเราไปแล้วเราจะไปยังไง?”
เขายิ้มออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วจับเธออุ้มขึ้นในทันที เธอแปลกใจกับสิ่งที่เขาทำแต่มันก็ควรจะชินได้แล้วนะเพราะโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
“ข้าจะพาเจ้าไปเองไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าจับข้าไว้แน่นๆล่ะถ้ากลัวตก”
แล้วเขาก็กระโดดออกจากหน้าต่างทั้งๆที่ว่านเจี๋ยก็ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวเลย
“อ๊ายยย” นางร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้ทหารสงสัยและเปิดประตูเข้ามาในห้องของนาง
“เฮ้ยมันเอาตัวขององค์หญิงไปแล้วจัดการเร็ว!” พวกทหารรีบพากันหากองหนุนและวิ่งตามพวกเขาสองคนไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าขอส่งกระแสจิตไปให้น้องชายของข้าก่อนล่ะ ตอนนี้ข้าได้ตัวเจ้าแล้วข้าจะได้หมดห่วงเสียที”
สิ่งที่เขาพูดทำให้ว่านเจี๋ยมองเขาไม่หันไปไหนเลย ( นี่เขาเป็นห่วงเราจริงๆหรอเนี่ย? ) โลโยดะพาองค์หญิงของเขากระโดดออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว และมารวมตัวกับน้องชายของเขา
“นินจาทั้งหมดจัดการฝูงทหารด้วยนะ จัดการมันให้หมดอย่าให้เหลือ”
ชิโร่กามะพูดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะรับคำสั่งของชิโร่กามะแล้วเริ่มทำการออกแยกไปทีละมุมๆ แล้วเริ่มทำทำการจู่โจมแบบนินจา ส่วนชิโร่กามะโลโยดะและว่านเจี๋ยก็ไม่ได้มองไปที่พวกนั้น ทั้งสามคนต่างพากันมุ่งหน้าออกไปจากที่นี่อย่างเดียว เมื่อไปถึงทางเข้าถ้ำโลโยดะก็ปล่อยว่านเจี๋ยลงจากอ้อมแขนของเขา
“ตรงนี้น่าจะเดินเองได้แล้วนะ..เมื่อยแขน” แล้วเขาก็หัวเราะออกมาทำให้แม่นางว่านเจี๋ยไม่ค่อยพอใจจากการที่เขาว่าแบบแอบแฝง
“เราเดินเองได้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะเจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยเราหรอก”
นางพูดใส่โลโยดะแล้วก็กำลังจะเดินเข้าถ้ำไป แต่อยู่ๆโลโยดะกับชิโร่กามะก็สำผัสอะไรบางอย่างได้จากที่ไกลๆที่จะมาถึงพวกเขาในอีกไม่กี่วิ มันจึงทำให้พวกเขารีบคุ้มกันองค์หญิงว่านเจี๋ยในทันที
“อย่าอยู่ห่างกับข้าเด็ดขาดเข้าใจไหมองค์หญิง”
//ตู้ม// เสียงเหมือนมีอะไรหล่นลงมากระทบกับพื้นดินดังมากยังกับระเบิดทำให้ว่านเจี๋ยตกใจสะดุ้งเฮือกเลยในทันที
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโลโยดะและชิโร่กามะ นี่พวกเจ้าจะเอาองค์หญิงไปที่ใดกัน ข้าจะไม่ปล่อยให้นางไปง่ายๆหรอกนะ หึหึ”