ตอนที่ 7 ช่วยองค์หญิง
“ทำไมเอรินจะต้องจับนางไปด้วยในเมื่อนางก็ไม่ได้มีส่วนอะไรเกี่ยวกับเราเลยนี่ หรือว่ามีคนจากฝ่ายเราไปบอกมันกันนะว่าข้าไว้ชีวิตนาง”
โลโยดะกำลังถามใจตัวเองอยู่ ซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังนำพลทหารของเขาพากันไปตามหาว่านเจี๋ยกัน พวกเขาพากันเข้าไปในป่าตามเจ้าพวกนั้นไป แต่ว่าก็ไม่ทันได้คาดสายตาจากพวกนั้นไปจนได้ ม้าทุกตัวได้หยุดเคลื่อนที่โลโยดะได้ลงม้ามา เดินไปต้นไม้แล้วทุบที่ต้นไม้อย่างแรง จากที่มือของเขาจะหักกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ยักษ์สั่นสะเทือนด้วยพลังของเขา
“ท่านพี่โลโยดะใจเย็นๆก่อนก็ได้นะครับ ข้าว่ายังไงเราก็น่าจะตามหาราชอาณาจักรของมันได้ไม่ยากหรอก ท่านพี่อย่าลืมว่าน้องรักของท่านพี่มีพลังอะไรอยู่ในตัวสิ”
ชิโร่กามะเดินมาจับที่ไหล่ของพี่ชายตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวานพร้อมหาทางออกให้กับพี่ชายของตัวเอง
“ข้าลืมไปสนิทเลยว่าเจ้ายังมีพลังนั่นอยู่ในตัวของเจ้านี่นา ฮ่า ฮ่า”
เขาหัวเราะออกมาได้เมื่อได้รู้ว่าน้องชายยังมีพลังแอบแฝงอยู่พลังหนึ่ง ซึ่งชิโร่กามะก็ไม่ค่อยได้ใช้มันจึงทำให้เขาลืมไปบ้าง
“ข้าขอขัดเกลามันสักหน่อยหนึ่งนะ เพราะว่าข้าไม่ได้ใช้มันมานับหลายปีแล้วล่ะ”
เมื่อชิโร่กามะพูดจบเขาก็เดินออกมาจากพี่ชายตัวเอง แล้วชูสองมือของเขาขึ้นมาก่อนที่ลมจะเริ่มพัดแรงขึ้นมา ขึ้นมาเรื่อยๆ เขาสูดอากาศหายใจเข้าไปจนเต็มปลอด แล้วปล่อยออกมาพร้อมกับลมที่พัดแรงตามลมที่ปล่อยออกมาจากตัวของเขาด้วยเช่นกัน
“พาข้าหาตัวองค์หญิงว่านเจี๋ยแห่งราชอาณาจักรเหลียนฟางหน่อยซิ สาวลมแห่งการทำลาย”
จากตาที่เป็นดวงตาสีขาวในตาสีดำธรรมดา ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปเลย ลมเริ่มพัดไปเรื่อยๆ ตามทางที่นางไป ชิโร่กามะสามารถมองเห็นผ่านทางลมได้ มันคือพลังวิเศษของการมีฝาแฝด ซึ่งจะมีพลังแฝงอยู่ในตัว ลมเริ่มพัดพาไปตามทางที่นางได้โดนลักพาตัวไป ก่อนจะไปเจอกับถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงกลางป่า แต่มันหยุดที่หน้าถ้ำแล้วก็ชิโร่กามะก็ดึงสติกลับคืนมา ให้วิญญาณเข้ามาในร่างของเขาเช่นเดิม
“มันเหนื่อยเหมือนกันนะเวลาใช้พลังแฝงเนี่ย แฮก แฮก” เขาหายใจอย่างแรงด้วยความเหนื่อยจากการใช้พลังของตัวเอง
“เป็นอย่างไรเจออะไรบ้างไหม?” โลโยดะถามหาคำตอบจากชิโร่กามะเพราะอยากรู้ว่าน้องของเขารู้อะไรบ้างแล้ว
“ข้าเจออยู่นะท่านพี่ เป็นถ้ำแห่งหนึ่งกลางใจป่า แต่ว่าลมไม่สามารถเข้าถึงมัน ข้าเลยอยู่ได้แค่หน้าถ้ำน่ะ ข้าว่าตรงนั้นน่าจะเป็นทางเข้าราชอาณาจักรของเอรินเป็นแน่แท้เลยท่านพี่”
เมื่อน้องชายของโลโยดะพูดจบทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวที่จะไปสู้ถ้ำแห่งนั้นในทันที ขบวนม้าเริ่มวิ่งตามชิโร่กามะไปในทันที เพราะมีเขาแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเอรินเอาตัวองค์หญิงว่านเจี๋ยไปที่ไหน
[ ณ หน้าถ้ำทางเข้าราชอาณาจักรของเอริน ]
“ในที่สุดเราก็ถึงสักทีนะ เจ้าพวกนั้นนี่หนีกันไวจริงๆเอาซะตามไม่ทันเลยทีเดียว”
ชิโร่กามะพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะลงม้าแล้วเริ่มเตรียมตัวที่จะเข้าไปในถ้ำกัน
“เอาล่ะทุกคนข้าจะไม่ให้พวกเจ้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะ ในตอนนี้เราต้องแอบเข้าไปมากกว่า เพราะว่าข้าคิดว่าการที่เข้าไปข้างในแบบโจ่งแจ้งอาจจะโดนประชาชนที่ราชอาณาจักรของมันลุมกระทืบก็เป็นได้ อี้หยงเจ้าน่าจะช่วยข้าได้นะ เจ้าพาพลทหารกลับไปให้หมดแล้วส่งข่าวไปที่ราชอาณาจักรของเราให้พานินจามาแทนที่จะพานักรบมา เพราะเราจะเนียนเข้าไปก่อนตอนกลางคืนกัน รีบไปด่วนเลยตอนนี้ห้ามเลยตอนกลางคืนไปเด็ดขาด ข้าไม่อยากให้ผ่านวันไป”
ศึกของพวกเรากำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเอริน ศึกชิงองค์หญิงว่านเจี๋ยยังไงล่ะ
“องค์หญิงว่านเจี๋ยคะ นี่เป็นอาหารกลางวันของท่านค่ะ เชิญรับประทานให้อร่อยนะคะ”
อาหารถูกจัดวางไว้อย่างดีเรียงกันอย่างสวยงาม และดูมีราคาเป็นอย่างมาก แม่บ้านแต่ละคนจัดสรรอาหารดีๆมาให้แก่องค์หญิง เพราะคำสั่งของเอรินว่าต้องจัดอาหารที่ราคาแพงที่สุดไว้ให้กับว่านเจี๋ย อาหารมื้อนี้ของนางจึงเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากถ้านางได้รับประทานมันเข้าไป นางมองไปที่อาหารอยู่แบบนั้น ในใจก็อยากจะกินแต่ไม่สามารถที่จะกินลง เนื่องจากนางเหนื่อยและต้องการที่จะพักมากกว่า นางนั่งที่เตียงและนั่งมองออกไปที่หน้าต่างอยู่ตลอดเวลา ประตูได้เปิดเข้ามาอีกครั้งนางมองไปที่ประตูก็พบกับเอรินที่เดินเข้ามาหาเธอ
“เจ้าไม่คิดที่จะรับประทานมันหน่อยหรืออย่างไร อาหารไม่ถูกปากเจ้ารึแม่นาง?”
เขาถามนางแต่ว่าว่านเจี๋ยก็ไม่ได้พูดอะไรกับเอริน มีแต่ส่ายหน้าให้กับเขาก็เท่านั้น สีหน้าที่ดูจะชินชาอยู่ตลอดเวลาทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง ทั้งๆที่จะจับนางมาเป็นตัวประกันแท้ๆ แต่ไม่รู้อะไรดลบันดาลให้เอรินคิดว่าต้องดูแลนางมากกว่าจะทำร้ายนาง เขาเดินมานั่งข้างๆกับว่านเจี๋ยแล้วจับไปที่มือของนาง
“ถ้าข้าทำอะไรให้เจ้าไม่สบายใจเจ้าบอกข้าได้นะ ข้าไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายเจ้ารึกักขังเจ้าเลย แต่ว่าที่ข้าต้องทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้านะ”
ถึงเป็นการโกหกของเขา แต่ในใจของเอรินกลับคิดในสิ่งที่เขาพูดจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน และว่านเจี๋ยเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่า นางมีค่าสำหรับเขามากจริงๆ ว่านเจี๋ยมองมาที่เอรินก่อนจะดึงมือออกจากมือที่กุมมือนางอยู่
“เราไม่รู้นะว่าเจ้าพูดกับเราจริงๆ หรือเพียงแค่พูดเพื่อทำให้เราตายใจ แต่ตอนนี้เราไม่สามารถรู้สึกหรือรับถึงความในใจของเจ้าได้หรอกนะ”
นางลุกขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะอาหารที่เอรินได้บอกแม่บ้านเตรียมไว้ให้ แล้วเริ่มรับประทานอาหารในทันที
“ถือว่าเราทำเพื่อเจ้านะ เราจะกินอาหารที่เจ้าเตรียมไว้ให้ให้พุงกางไปเลย”
สิ่งที่ว่านเจี๋ยพูดทำให้เอรินยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงของว่านเจี๋ยที่พูดด้วยข้าวที่เต็มปากทำให้นางดูน่ารักในสายตาเอรินเป็นอย่างมาก
“กินให้หมดล่ะอย่าให้เหลือแม้แต่เม็ดเดียว มิเช่นนั้นข้าคงจะเสียใจมากถ้าเจ้ากินไม่หมด งั้นข้าไปก่อนนะแม่นางว่านเจี๋ยข้าคงต้องจัดการธุระอะไรบางอย่าง”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องด้วยอาการที่เปลี่ยนไปและสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน นางใช้เวลาไม่นานมากนักกรับประทานอาหารที่เต็มโต๊ะจนหมดด้วยความหิว เมื่อกินหมดนางก็เดินไปที่หน้าประตูแล้วก็เคาะประตูเพื่อที่จะเรียกทหารให้เรียกแม่บ้านมาเก็บจานถ้วยที่เกลี้ยงไม่มีของเหลือ
//กอก กอก// “มีอะไรอย่างนั้นหรือองค์หญิง” ทหารได้เปิดประตูออกมาก่อนที่นางจะชี้ไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยจานที่ว่างเปล่า ทหารทั้งสองคนได้เงยหน้าไปมองพร้อมกับตกใจที่ว่า ผู้หญิงตัวนิดเดียวแต่ทำไมถึงกินได้จุเพียงนี้
“เรากินหมดแล้วให้แม่บ้านมาเก็บให้เราด้วยนะ”
นางได้บอกกับทหารไปก่อนที่ทหารจะพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ตกใจอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“คะ..ครับ..” แล้วประตูก็ได้ปิดไป เมื่อว่านเจี๋ยได้กินข้าวก็ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมานิดหน่อย และคิดว่านางคงไม่ได้อดอาหารแล้ว นางหยิบมงกุฎที่นางเอาติดตัวมาด้วยมามอง แล้วนึกถึงหน้าของท่านพ่อและท่านแม่ของนาง ก่อนที่สีหน้าของนางที่กำลังจะยิ้มได้กลับมานิ่งอีกครั้ง
“ลูกคิดถึงท่านแม่กับท่านพ่อมากเลยนะคะ โปรดช่วยให้ลูกได้ผ่านพ้นสิ่งเลวร้ายพวกนี้ไปด้วยเถิด”
แล้วนางก็เอามงกุฎมากอดเอาไว้ก่อนจะนอนลงไปเพื่อพักผ่อนเก็บแรงของนาง
[ ตกเย็นเวลากลางคืน ]
//ฟิ้ว ฟิ้ว// เสียงกระโดดผ่านดงป่ามาแต่ไกลทำให้โลโยดะและชิโร่กามะที่ได้ยินรู้เลยว่ากองกำลังของตนเองมาถึงที่นี่แล้ว นินจาประมาณสิบคนได้โดนลงมาคุกเข่าต่อหน้าทั้งสองคน
“ข้าน้อยได้มาตามคำสั่งท่านโลโยดะกับชิโร่กามะแล้วครับ แผนการคืออย่างใดบ้างครับ”
หัวหน้านินจาได้พูดขึ้นก่อนที่โลโยดะจะยิ้มแล้วมองไปที่ถ้ำ
“เราจะไปเอาตัวองค์หญิงกลับมาอย่างเงียบ และเงียบมากๆห้ามให้ผู้ใดจับเราได้เด็ดขาด”