ตอนที่ 6 ชายผ้าโพกหัวสีขาว
//กรอบกรอบ// เสียงม้าที่กำลังวิ่งไปตามทางในป่าเพื่อหาหญิงสาวได้เริ่มขึ้น ในตอนนี้หญิงสาวได้โดนลากขึ้นม้าเพื่อที่จะไปยังที่ใดสักแห่งหนึ่ง เหมือนกับว่าตอนนี้มีการแย่งชิงนางกันทั้งสองฝ่าย
“เจ้านี่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายนะ ยากเหมือนกันที่โลโยดะจะไม่ฆ่าเจ้า เป็นคนที่สองเลยก็ว่าได้ที่โลโยดะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าคงมีอะไรบางอย่างดีสินะถึงได้รอดแบบนี้”
ว่านเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรแล้วม้าก็ยังวิ่งต่อไป นางพยายามที่จะสะบัดตัวออกแต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะเขาล็อคตัวนางไว้แน่นเลย ม้าได้หยุดลงตรงรถม้าสีขาวแล้วเขาก็ดึงนางลงมาก่อนจะผลักนางเข้าไปในรถม้า แล้วรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวไปในทันทีซึ่งมันวิ่งเร็วมากจนนางจับแทบจะไม่ทัน นางมองผ่านหน้าต่างออกไปป่าไม้เต็มไปหมดเลย ใช้เวลาไม่นานมากนักรถม้าก็ได้หยุดลง พวกทหารชุดเกราะขาวได้พานางลงมาจากรถม้าแล้วจับนางพาเข้าไปที่ถ้ำขนาดใหญ่
“พวกเจ้าจะพาเราไปที่ใดกัน ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ว่านเจี๋ยขัดขืนและไม่ยอมเข้าไปในถ้ำ แต่ว่าชายโพกผ้าสีขาวก็เดินเข้ามาหานางแล้วเดินมาข้างหน้าของนางก่อนจะจับไปที่ใบหน้าของนางแล้วมองไปที่นาง
“...”
“..เป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไรเลยล่ะ ทำไมเจ้าไม่สลบลงไปกัน หรือว่าพลังของข้ามันใช้ไม่ได้เมื่อข้าโพกผ้าคลุมหัวอยู่”
เขาถอดผ้าที่เขาเอาคลุมหัวตัวเองออกก่อนที่จะมองไปที่ว่านเจี๋ยอีกครั้ง ผมสีทองของเขาพร้อมกับตาข้างหนึ่งที่โดนของมีคมบาดเป็นลอยยาวทำให้นางคิดอีกว่า แปลกมากที่สีผมของแต่ละคนที่นางเจอมามันแปลกๆ หน้าตาก็ยังแปลกอีกต่างหาก เขามองนางรอบสองแต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
“อย่างนี้นี่เองข้าว่าแล้วว่าผู้หญิงผู้นี้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันไม่ฆ่านาง เอานางไปที่ราชอาณาจักรของเราซะ เอาไปไว้ที่ห้องข้าเลยไม่ต้องเอาไปขัง อย่าลืมให้พวกแม่บ้านดูด้วยอย่าให้นางหนีไปไหนเด็ดขาด”
แล้วพวกนั้นก็ลากนางเข้าสู้ถ้ำที่มืดมิด พวกเขาพานางเดินไปเรื่อยๆก่อนที่จะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เมื่อว่านเจี๋ยออกมาจากอุโมงค์เสียงที่แสดงถึงความยินดีได้ดังขึ้นมา ผู้คนมากมายนับพันคนต่างพากันโบกธงเมื่อเห็นผู้ชายคนนี้กลับมาที่อาณาจักรของเขา
[ณ ห้องของชายผมทอง ]
“อย่าคิดจะหนีออกไปเด็ดขาด ข้าไม่รับประกันว่าทหารอย่างพวกเราจะไม่ฆ่าเจ้า”
ทหารชุดขาวที่พาว่านเจี๋ยมาวางนางลงที่เตียงก่อนที่จะเดินออกไปแล้วปิดประตูในทันใด นางรีบเดินไปที่ประตูแล้วพยายามเปิดมันออกแต่ก็ไม่สามารถที่จะเปิดมันออกได้ เนื่องจากมันถูกล็อคจากข้างนอก นางเดินไปที่หน้าต่างของห้องแล้วมองดูว่าที่นี่มันเป็นที่ไหน ราชอาณาจักรแห่งนี้โดนล้อมลอบไปด้วยภูเขาและใบไม้ต้นไม้ที่สูงใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเห็นราชอาณาจักรนี้ได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่นางเห็นต่างมีสีผมที่แตกออกไปจากนาง ซึ่งนางคิดว่ามันเป็นโดยธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้ไปย้อมหรือไปทำมาแน่นอน พวกเขาเป็นใครกันทำไมต้องจับนางมาที่นี่ด้วย //เอี๊ยด// เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ว่านเจี๋ยมองไปทางประตู นางพบว่าชายหัวสีทองที่มีลอยบาดตรงตาของเขาได้เดินเข้ามาในห้อง
“เจ้ามีชื่อว่าอย่างไรงั้นรึบอกให้ข้ารู้หน่อยสิ”
เขาได้ถามนาง นางได้มองไปที่เขาแล้วทำหน้านิ่งเฉยใส่
“เรามีชื่อว่าว่านเจี๋ย” ว่านเจี๋ยได้บอกชื่อของนางไปก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาแล้วหัวเราะออกมา
“อ้อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า องค์หญิงแห่งเหลียนฟาง ที่เขาเรื่องลือกันว่าหน้าตาของเจ้า กิริยาและท่าทางช่างเหมาแก่การเป็นองค์หญิงที่หนึ่งของทุกอาณาจักร ข้าก็ว่าเช่นนั้นเหมือนกันนะ เพราะตอนที่ข้ามองเจ้าใกล้ๆมันทำให้ข้าหลงเสน่ห์เจ้าไปเลยล่ะ”
เขาเริ่มเดินเข้าไปหานางเรื่อยๆ เดินเข้าไปอย่างช้าๆจนกระทั่งไปถึงตัวของนาง นางเดินถอยหลังไปติดกับกำแพงก่อนที่เขาจะเอามือทั้งสองมือมาบังทางของนางไว้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้นางจนเกือบจะจูบกันอยู่แล้ว
“ข้าลืมบอกไปสนิทเลย ข้ามีชื่อว่าเอรินยินดีที่ได้รู้จักรนะองค์หญิงว่านเจี๋ย หึ หึ”
เอรินกำลังยื่นปากของเขาเข้าไปจูบ แต่เขาก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาและด้านต่อทุกสิ่งของนาง อยู่ๆก็ทำให้เขาขนลุกขึ้นมาและไม่กล้าที่จะจูบนางเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าจะไม่จูบเราแล้วหรอเอริน ถ้ามันทำให้เจ้ามีความสุขกับสิ่งที่เจ้าทำ เจ้าก็ควรจะทำมันให้สุดมิใช้หรือไร?”
ว่านเจี๋ยได้ถามเอรินไปด้วยน้ำเสียงที่ห้วนๆและเย็นยะเยือก มันยิ่งทำให้เขาแปลกใจที่องค์หญิงเป็นเช่นนั้น เขาเอาหน้าออกแล้วก็ปล่อยตัวออกจากตัวของนาง ก่อนจะหันหลังเดินลงไปนั่งที่เตียงของเขา
“เจ้าแปลกนะ เจ้าทำให้ข้าไม่กล้าที่จะจูบหรือทำอะไรเจ้าเลย มันเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวของเจ้าที่ทำให้ข้าต้องเกรงใจ ไม่เคยมีใครทำให้ข้าเป็นเช่นนี้เลยนะยกเว้นเจ้า เจ้าเป็นคนแรกเลยที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้”
แล้วเอรินก็ถอนหายใจก่อนจะล้มตัวลงไปนอนที่เตียง ว่านเจี๋ยมองไปที่เขาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงเพราะยังไม่หายจากการเจ็บขาของนาง เขาเห็นว่านางทำท่าทีแปลกๆจึงมองลงไปดูที่เท้าของนาง ก็พบว่าเท้าของนางนั้นมีอาการบวมอยู่ เขาจึงลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก ใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินกลับมาหานางพร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างที่ดูแปลกตาสำหรับนาง
“นี่มันคืออะไรอย่างนั้นหรือ หรือเป็นของที่จะมาทรมานเรา”
เขามองไปที่นางก่อนจะยิ้มให้เล็กน้อยแล้วก็กลั้นหัวเราะ มันจึงทำให้นางงงแปลกๆกับสิ่งที่เขาทำ
“นี่มันไม่ใช่เครื่องมือทรมาน นี่มันกล่องยาเอาไว้รักษาฉุกเฉิน นี่เจ้าไม่รู้อะไรเลยรึ ฮ่า ฮ่า”
เขาทำการเปิดกล่องออกมาก็พบกับซองใส่ผงอะไรบางอย่างเต็มไปหมด น่าจะเป็นผงยาที่เอามาบดไว้ปรุงยาหรือรักษา เขาหยิบมาซองหนึ่งก่อนที่จะเอาถ้วยเล็กขึ้นมา แล้วเริ่มผสมกับน้ำนิดๆหน่อยๆ จากนั้นก็นำมาใส่ที่ข้อเท้าของนาง เขาทำอย่างทะนุถนอมเพื่อไม่ให้นางเจ็บมาก นางมองไปที่เขาแล้วคิดว่าสิ่งที่เขาทำทำเพื่อให้นางตายใจหรือป่าว
“เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะเจ้าก็อย่าพึ่งขยับไปไหนมาไหนก็แล้วกันนะ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ข้อเท้าของเจ้าอาจจะบวมเป่งขึ้นมาได้”
นางพยักหน้าให้กับเขา //แอด// เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นมา ทหารใส่ชุดเกราะสีขาวได้เดินเข้ามาที่ห้องก่อนที่จะคำนับเอริน
“ในตอนนี้ทหารของสองพี่น้องปีศาจกำลังมาทางนี้แล้วครับผม เราจะทำยังไงกันต่อดีครับ”
เอรินยืนขึ้นมาก่อนที่จะมองมาที่ว่านเจี๋ย แล้วก็หันกลับไปหาทหารชุดเกราะขาวอีกครั้ง
“โอเคเดี๋ยวข้าจะไปจัดการเอง ส่วนเจ้าไปหาทหารมาสองนายแล้วมาเฝ้าหน้าประตูเอาไว้จนกว่าข้าจะกลับมาเข้าใจไหม”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับปิดประตูขังนางเอาไว้อีกครั้ง ว่านเจี๋ยรีบเดินไปที่ประตูแล้วลองเปิดมันออกแต่ก็ไม่สามารถที่จะเปิดมันออกมาได้เพราะมันโดนปิดไว้จากภายนอก เธอนั่งลงที่ข้างประตู
“โลโยดะจะมาตามเราทำไมในเมื่อเขาก็จะฆ่าเราอยู่ดี???”
นางถามตัวเองในใจ นางมองไปที่หน้าต่าง..(เมื่อไหร่เราจะได้ออกจากที่นี่สักทีนะ)