ตอนที่ 4 ความชินชาในใจ
“ข้าชักจะสนุกกับสิ่งที่ข้าไม่สามารถจะทำได้ในตอนนี้แล้วสิ งั้นทหาร! เอานางไปขังไว้ที่ตำหนักของข้าเลยนะข้าต้องการให้นางอยู่ครบสมบูรณ์ที่สุดห้ามมีลอยขีดข่วน ส่วนเจ้าน้องพี่เจ้าจงไปที่ราชอาณาจักรของแม่นางคนนี้แล้วเอาแม่หญิงที่รอดเหลือจากการโจมตีของเรามาให้ข้า แล้วข้าจะเลือกมาให้กับเราสองคนในการทำพิธีของวันนี้”
พวกทหารได้เดินเข้ามาคุกเข่าข้างๆกับนางก่อนจะรับคำสั่งจากชายผมขาวแล้วพาตัวนางเดินออกไปจากที่นี่ ด้วยความที่นางเดินไม่ได้เพราะขาของนางพลิกทำให้นางล้มลงอยู่ตลอดเวลา
“ลุกขึ้นมาสิไม่ต้องมาทำเป็นสำออยหรอกนะ”
ทหารที่พยุงนางได้พูดขึ้น นางพยายามที่จะลุกแล้วแต่ก็ลุกไม่ไหวนางได้ล้มลงไปอีกครั้ง และคราวนี้ทำให้นางมีบาดแผลซึ่งเลือดได้ไหลหยดลงมาสู่พื้น ด้วยความที่ล้มแรงแล้วไปกระแทกที่บันไดพอดี
“เฮ้ยเลือดออกซวยแล้วท่านสุนัขอสูรมันได้กลิ่นเอาแม่นางคนนี้ตายแน่ นั่นไงท่านกำลังวิ่งมาตรงนี้!”
สุนัขทั้งสองตัวเมื่อได้กลิ่นเลือดมาจากองค์หญิงทำให้พวกมันรีบวิ่งมาด้วยความหิวกระหาย มันสองตัวได้กระโดดเพื่อจะโจมตีนางในทันที แต่แล้วพวกมันก็ต้องกระเด็นออกไปเป็นเมตรเมื่อมีใครบางคนผลักมันด้วยแรงมหาศาล
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไงว่าอย่าให้มีแม้แต่ลอยขีดข่วน”
เสียงของชายผมขาวได้ดังขึ้นมา สีหน้าที่ดูโกรธจัดของเขาทำเอาทหารชุดนี้เกรงกลัวเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างพากันคุกเข่าขอชีวิตจากผู้ชายคนนี้ สุนัขทั้งสองตัวยืนขึ้นก่อนจะเดินไปหาชายผมดำแล้วไปออดอ้อนทันที
“เจ้าหัดระงับอารมณ์ของพวกมันด้วยนะมิอย่างนั้นข้าจะฉีกปากของพวกมันทิ้งในทันทีเข้าใจไหมน้องพี่”
สิ่งที่เขาพูดทำเอาทุกคนเงียบไปหมด โลโยดะอุ้มนางขึ้นก่อนที่จะพานางเดินไปที่ตำหนักในทันที
“พวกเจ้าพากันเดินไปสิไม่อยากตายก็ไปทำหน้าที่ของเจ้าต่อ”
ชายผมดำพูดก่อนจะเดินเข้าไปข้างในปราสาท นางมองไปที่หน้าของชายผมขาวเมื่อมองใกล้ๆอยู่ๆความทรงจำบางอย่างก็แวบๆเข้ามาที่หัวของนาง ซึ่งนางเห็นภาพของชายคนนี้ตอนที่เขาบังหอกให้กับนางก่อนจะล้มลงสู่ตัวของนาง
“นี่มันอะไรกัน..” ว่านเจี๋ยได้พูดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เขามองมาที่นางก่อนจะเดินต่อและไม่พูดอะไรเช่นกัน เมื่อถึงห้องของเขาโลโยดะก็ปล่อยนางลงที่เตียงในทันที
“อย่าให้รู้ว่าเจ้าออกไปไหนเป็นอันขาดนะ ข้าจะให้หมอมาดูอาการของเจ้าว่าเป็นเช่นไร ถ้ารู้ว่าออกไปอย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าเลยก็แล้วกัน”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากที่ห้องนี้ในทันที //ปัง// เสียงปิดประตูปิดลงนางล้มตัวลงที่เตียงเพราะความเหนื่อย
“ทำไมเราจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยล่ะ ทำไมเราไม่ตายๆไปเลยตอนนี้ล่ะ..”
ว่านเจี๋ยพูดด้วยเสียงที่เย็นชาของนางก่อนที่จะมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง นางลุกขึ้นมาจากเตียงมานั่งลงแทน มีหมอตำแยคนหนึ่งได้เดินมาหานางก่อนจะมองมาที่หน้าของนางแล้วเริ่มมองไปที่ขาของนาง หมอคนนั้นจับขาของนางแล้วเริ่มรักษานางในทันที
“แม่นางมีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นรึ?” หมอตำแยได้ถามนางแล้วเริ่มทำแผลต่อ
“เรามีชื่อว่าว่านเจี๋ย แล้วท่านล่ะมีชื่อว่าอย่างไรงั้นรึ”
คำตอบของว่านเจี๋ยทำให้เขาเงียบลงแล้วเริ่มทำแผลต่อ ใช้เวลาทำแผลไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย หมอวางเท้าของนางลงที่เดินแล้วก็เริ่มเก็บของในทันที
“ข้าเสียใจด้วยนะที่ท่านเป็นแบบนี้ แต่ว่าข้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอก”
“เราขออย่างเดียวถ้าท่านหมอออกไปจากที่นี่ ท่านช่วยผ่านทางไปดูที่อาณาจักรของเราเมื่อใด ถ้าท่านได้กลับมาฝากบอกข่าวที่นั่นให้เราได้รู้ด้วยนะ”
เขายิ้มให้พร้อมกับก้มหัวให้เบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องๆนี้ ว่านเจี๋ยนั่งลงที่เตียงและรอเวลาที่โลโยดะจะกลับมาหานาง ชายผมขาวคนนั้นมีอะไรที่น่ากลัวกว่าที่นางจะรู้ซะอีก
[ ตกเย็น ]
เมื่อถึงยามเย็นเสียงประตูได้ดังขึ้นมาทำให้นางต้องตื่นขึ้น ชายผมขาวได้เดินเข้ามาในห้องนี้และมองมาที่นาง
“ฝันหวานไหมล่ะแม่นาง เจ้ารู้รึป่าวว่าวันนี้เจ้าจะโดนอะไรข้าทำอะไรบ้าง”
สิ่งที่เขาพูดทำให้นางรู้เลยว่าเขาจะทำอะไร เพราะว่าเขาเริ่มถอดเสื้อถอดผ้าของเขาแล้วในตอนนี้ ผ้าที่เขาโพกเอาไว้หลุดไปครึ่งท่อนซึ่งยังปิดส่วนล่างของเขาไว้อยู่ นางเริ่มถอยไปที่ปลายเตียงในทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ส่วนเขาก็ขึ้นเตียงแล้วเริ่มคลานเข้าไปหานางเรื่อยๆจนกระทั่งไปใกล้นางแบบใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ปะทะหน้าของนาง เขาเอาหน้าเข้ามาหานางเรื่อยๆจนเกือบจะจูบไปที่ปากของนางอยู่แล้ว แต่สีหน้าของนางนิ่งและไม่ไหวติงเลย
“เจ้าไม่รู้สึกอะไรหน่อยอย่างนั้นรึ” โลโยดะถามว่านเจี๋ยด้วยความสงสัยเพราะว่าสีหน้าของนางดูไร้อารมณ์จนเขาขนลุกไปเลย
“เราจะรู้สึกอะไรได้ล่ะ ความรู้สึกของเรามันจบลงตอนที่เจ้าสั่งให้ทหารพวกนั้นโจมตีอาณาจักรของเรา ตอนที่พวกเขาฆ่าท่านพ่อและท่านแม่ของเรา สนุกมากเลยสิเอาให้เต็มที่กับภพนี้เลยนะ แต่ขอภพหน้าอย่าได้เจอกันอีกเลย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาจนทำให้เขานิ่งเงียบไปเลย เขายิ้มที่มุมปากแล้วก็ถอยออกมาจากนาง
“ไม่คิดเลยนะว่าจะมีผู้หญิงที่ข้าไม่สามารถควบคุมได้ แถมยังไม่ยอมข้าอีกต่างหาก ถึงข้าจะชั่วช้ามากขนาดไหน การบังคับผู้หญิงคนหนึ่งให้มาทำความสำเร็จให้กับข้า มันก็ดูจะเลวร้ายเกินไป ถึงข้าจะบังคับคนอื่นแต่เมื่อเป็นเจ้าข้ารู้สึกแปลกไปนะ เอาเถอะนอนซะพรุ่งนี้เจ้าจะต้องใช้พลังงานอีกเยอะ แล้วนี่กระเป๋าของเจ้าของๆเจ้าอยู่ในนั้นหมด ส่วนข้าจะไปนั่งเล่นอยู่หน้าตำหนักล่ะ”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องนี้ไปเลย ถึงแม้เขาจะพูดให้เขาดูดีอย่างไรแต่ในสายตานางคือคนที่ฆ่าชีวิตครอบครัวของนางไป
นางหยิบมงกุฎที่อยู่กระเป๋าหลังของนางขึ้นมาแล้วก็นำมันมากอดเอาไว้
“ท่านแม่ท่านพ่อข้าขอโทษที่ไม่สามารถช่วยใครได้เลย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะเอาอาณาจักรของข้ากลับมาให้ได้ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้นะคะท่านพ่อท่านแม่”
แล้วนางก็หลับตาลงก่อนทุกอย่างจะเงียบลงไป..