ตอนที่ 2 กลุ่มทหารชุดเกราะดำ
//จิ๊บ จิ๊บ// เสียงนกร้องขับขานเมื่อพระอาทิตย์ได้โผล่ขึ้นมาทำให้ว่านเจี๋ยตื่นขึ้นมาและลุกออกมาจากเตียงของนาง ทุกคนต่างตื่นมาก่อนหน้านี้แล้วจึงไม่เห็นผู้ใดอยู่ที่นี่เลย มีเพียงแต่หยินห่าวที่ยืนอยู่ข้างนอกบ้านของนาง ว่านเจี๋ยเดินไปหาหญิงชราคนนั้นก่อนที่นางจะหันมาหาแล้วก็ก้มคำนับองค์หญิง
“ตื่นแล้วหรอคะองค์หญิง” หยินห่าวถามนางให้พอเป็นพิธี นางพยักหน้าให้กับหยินห่าวก่อนที่หยินห่าวจะยืนขึ้นมา
“เราต้องการที่จะไปแล้วในตอนนี้ ฝากบอกทุกคนด้วยนะว่าเราดีใจมากเลยที่มีครอบครัวที่แสนดีช่วยชีวิตเราไว้ ไว้วันหลังถ้าเราได้อาณาจักรของเรากลับคืนเราจะหาสิ่งตอบแทนมาตอบแทนเจ้าอย่างสาสมเลยนะ”
หยินห่าวยิ้มให้นางก่อนที่จะเอะใจอะไรขึ้นมาแล้วบอกให้นางรอก่อน นางก็ยืนรออยู่ไม่นานก่อนที่หยินห่าวจะเดินออกมาจากห้องของหยินห่าวแล้วยื่นกระเป๋าถุงผ้าให้กับนาง เมื่อว่านเจี๋ยเปิดออกก็พบว่าในนั้นมีทั้งน้ำและอาหารแห้งอยู่ในกระเป๋าผ้าเต็มไปหมด
“นี่เป็นอาหารเอาไว้ประทังท้องสำหรับการเดินทางนะคะ เผื่อว่าองค์หญิงจะหิวในระหว่างการเดินทาง ข้าไม่มีอะไรจะให้มากก็ให้ได้เพียงเท่านี้ ขอให้เดินทางปลอดภับนะคะลาก่อนองค์หญิงแห่งเหลียนฟางองค์หญิงว่านเจี๋ย”
ว่านเจี๋ยมองไปที่หยินห่าวก่อนที่จะก้มหัวลงเล็กน้องเพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยนางถึงเพียงนี้ จากนั้นว่านเจี๋ยก็เดินไปตามทางเรื่อยๆเพื่อที่จะออกห่างจากที่นี่ไม่ให้ครอบครัวของหญิงชราต้องมาเป็นอันตรายเพราะว่านาง นางใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะเดินทางไปสู่อาณาจักรอีกที่หนึ่งเผื่อว่าที่นั่นจะมีที่พักให้นางได้พักบ้าง ในระหว่างทางที่นางเดินไปนั้นนางก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังมาทางที่นางอยู่ นางจึงหาหนทางการหลบเผื่อว่าจะเป็นพวกทหารชุดเกราะดำ นางเห็นพุ่มไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงขอบทางที่นางกำลังเดินนางจึงเดินเข้าไปแอบที่พุ่มไม้นั่นก่อน
“ฮี่ ฮี่” เสียงม้าที่ดังขึ้นมาตรงข้างหน้าของว่านเจี๋ยซึ่งมีหลายเท้ามากเหมือนจะมาหลายคนได้หยุดลง
“เหมือนว่าม้าของข้าจะจับกลิ่นได้ว่าต้องมีอะไรผ่านทางที่นี่ไปอย่างแน่นอน งั้นเจ้าก่วนเตี๋ยวเอาท่านสุนัขอสูรออกมา”
สิ่งที่ว่านเจี๋ยกำลังคิดในตอนนี้ก็คือสุนัขอสูรที่ว่านี่มันคือตัวอะไรกันแน่ แล้วหน้าตามันเป็นอย่างไรมันมีสายพันธุ์นี้ด้วยหรอ หรือว่ามันอาจจะเป็นชื่อของเจ้าสุนัขก็เป็นได้ นางนั่งเงียบอยู่ในพุ่มไม้เป็นเวลานานเพื่อรอที่จะให้เจ้าคนพวกนี้พากันออกไปเสียที แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้นางต้องถูกจับได้เริ่มขึ้น เมื่อเจ้าสุนัขอสูรที่คนพวกนั้นว่าได้เดินทางมา นางแอบส่องดูว่าตอนนี้พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ และเห็นว่ามีกรงขนาดใหญ่กรงหนึ่งวางตั้งอยู่ตรงทางถนนนั่น เมื่อผ้าที่ปิดกรงอยู่ได้เปิดออกขึ้นทำให้นางต้องรีบปิดปากของตัวเองเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา สิ่งที่นางเห็นก็คือสุนัขที่มีเขี้ยวอันแหลมคมตัวสีดำหน้าตาเหมือนสุนัขบ้าแถมยังมีตาสีแดงอีกต่างหาก ซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยสำหรับนาง
“ปล่อยตัวมันออกมาแล้วก็หาว่าแถวนี้มีอะไรผิดสังเกตรึป่าว ถ้ามีก็ให้จัดการแต่อย่าให้ถึงตายเป็นอันขาด ห้ามให้เธอมีแม้แต่ลอยขีดข่วนมิอย่างนั้นข้าจะให้สนุขอสูรของนายท่านจัดการพวกเจ้าแทน”
//ฮ่อง ฮ่อง// เสียงสุนัขได้ดังขึ้นแล้วพยายามหาอะไรบางอย่างอยู่ ว่านเจี๋ยเงียบและเงียบให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้พวกมันจับนางได้ //ฟึดฟัด// เสียงของลมหายใจสนุขเริ่มดังขึ้นมาและเริ่มใกล้ตัวของนางขึ้นเรื่อยๆ นางคิดว่าอีกไม่ช้ามันก็จะมาถึงตัวนางแล้ว
“ข้าไม่รอดแน่เอายังไงดีจะทำยังไงดี” ว่านเจี๋ยพูดขึ้นเบาๆกับตัวของนางก่อนจะมองไปที่กระเป๋าผาถุงที่หยินหาวเอาให้กับนาง ในนั้นมีของแห้งอยู่ซึ่งมีเนื้อแห้งอยู่ด้วยนิดหน่อย นางจึงใช้วิธีที่นางคิดว่าน่าจะได้ผล นางหยิบเนื้อของนางขึ้นมาก่อนที่จะโยนเนื้อไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อนางโยนไปเจ้าสุนัขอสูรได้ยินเสียงและได้มองเห็นเนื้อที่ลอยผ่านหน้าของมันก่อนจะวิ่งตามเนื้อนั่นไป และนางใช้เวลาในตอนนี้ในการย่องออกจากที่นั่น พวกทหารชุดเกราะดำได้วิ่งตามเจ้าสุนัขพวกนั้นไป นางย่องออกไปจากพุ่มไม้ก่อนที่จะวิ่งเมื่อคิดว่าทางที่นางวิ่งน่าจะปลอดภัยแล้ว ตอนที่เธอกำลังวิ่งอยู่นั้น //แฮะ แฮะ// เสียงเหมือนมีตัวอะไรกำลังวิ่งมาตามนางเฉกเช่นกัน นางจึงหันไปดูก่อนจะพบกับสุนัขอสูรอีกตัวที่กำลังวิ่งตามนางมาอยู่
“ซวยแล้วไม่พ้นอย่างนั้นรึ” ว่านเจี๋ยได้สบดออกมาก่อนจะเริ่มออกตัวให้มันเร็วขึ้น ในระหว่างที่นางกำลังวิ่งไปอยู่นั้นก็สะดุดกับก้อนหินอันน้อยนิดแล้วล้มลงไป สุนัขที่กำลังวิ่งตามก็เริ่มวิ่งตามเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ นางรีบลุกขึ้นแต่ว่าท้าวของนางกลับพลิกไม่สามารถจะลุกขึ้นมาได้ นางหันไปมองว่าเจ้าสุนัขตัวนั้นอยู่ที่ไหนแล้วตามนางมาถึงรึยัง แล้วมันก็ถึงแล้วในตอนนี้มันเริ่มเดินเข้ามาใกล้ของนาง พร้อมกับส่งเสียงขู่นางด้วยทำให้เธอเริ่มกลัวขึ้นเรื่อยๆ นางเริ่มถอยออกมาและถอยออกๆ
“อย่าเข้ามาหานะ ออกไปห่างๆตัวเราเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ว่านเจี๋ยพยายามพูดให้มันออกไปแถวนี้ แต่ว่ามันก็ไม่ฟังและเริ่มเข้าใกล้ตัวของนางมาเรื่อยๆ เมื่อถึงระยะที่มันสามารถจะกระโดดเข้ามาหาตัวของนางได้ ตอนที่มันกำลังจะกระโดดมาใส่ตัวของนาง อยู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนห้ามเอาไว้
“หยุดก่อนโอทาโร่” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งได้ดังขึ้นมาก่อนที่ว่านเจี๋ยจะมองตามเสียงที่ได้ยินไป นางพบกับผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผมจะสั้นสีดำแถมใส่ผ้าคลุมแทนที่จะใส่ชุดเกราะยืนอยู่ข้างหลังของเจ้าสนุขตัวนั้น เมื่อเจ้าสุนัขตัวนั้นได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้นก็หยุดทำเสียงขู่แล้ววิ่งออกมาจากนางในทันที
“ถ้าข้ามาไม่ทันมีหวังเจ้าได้เขมือบเครื่องสังเวยของพี่ชายข้าทิ้งแล้วแน่ๆเลย”
สีหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาของชายคนนั้นทำให้นางขนลุกไปทั้งตัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็มองมาที่นางก่อนจะเดินเข้ามาหานาง
“เจ้าจะตามข้ามาหรือว่าจะให้โอทาโร่ลากเจ้าไปพร้อมกับข้า?”
เสียงที่พูดดูเยือกเย็นเฉกเช่นกับน้ำแข็งเมื่อเขาเป็นคนพูด ในตอนนี้นางไม่รู้จะทำอย่างไรและไม่รู้จะรอดไหมจึงจำเป็นที่จะต้องยอมรับข้อตกลงแล้วตามชายคนนั้นไป ว่านเจี๋ยยืนขึ้นมาไม่ได้เพราะขาของนางพลิก ชายคนนั้นจึงเดินมาหานางและอุ้มนางขึ้นมาแทน
“จริงๆเลยนะมนุษย์ที่แสนจะอ่อนแอไม่ว่าจะทำอะไรก็เปราะบางอยู่ตลอดเวลา”
เมื่อโดนอุ้มขึ้นมาเขาก็ยืนอยู่นิ่งๆสักพักก่อนจะเริ่มวิ่งในทันที ซึ่งวิ่งเร็วมากแล้วเหมือนกับว่าเขาไม่มีความหนักหรือความเหนื่อยเวลาได้อุ้มนางเลย ใช้เวลาไม่นานมากนักก็ถึงถนนที่มีพวกทหารชุดเกราะดำรออยู่ เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ยืนอยู่ที่หน้าของพวกเขา พวกเขาถึงกับตกใจก่อนจะคุกเข่าคำนับในทันที
“ขออภัยที่ต้องลำบากนายท่านชิโร่กามะนะครับ ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด”
ทุกคนหยุดพูดและเงียบไปตามๆกัน ต่างคนต่างเหงื่อไหลออกมาจากตัวเต็มไปหมด ชายคนนั้นยังอุ้มตัวของนางเอาไว้แล้วเริ่มเดินเข้าไปหาทหารชุดเกราะดำทั้งหมด
“ข้าจะยังไว้ชีวิตเจ้าอยู่เพราะเจ้ายังดูมีค่ายังดูมีอะไรที่ช่วยได้ แต่ว่า..โอทาโร่ โอยาชิจัดการมันเลย”
เมื่อชายคนนั้นได้เงียบลงหมาทั้งสองตัวที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขา วิ่งเข้าไปใส่พวกทหารชุดเกราะดำและจู่โจมทำการชำแหละในทันที แต่ว่าเขาได้ปิดตาของว่านเจี๋ยเอาไว้ทำให้นางมองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงเสียงที่กรีดร้องโหยหวนที่ทรมานที่สุดเหมือนกับที่ได้ยินตอนอยู่ที่ราชอาณาจักรของนาง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลงไปแต่มือของเขาก็ยังปิดหน้าของนางเอาไว้อยู่
“เจ้าจัดการศพพวกนี้ให้หมด อย่าให้เหลือแม่แต่นิดเดียว”
เหลือเพียงทหารคนเดียวซึ่งเป็นทหารที่เป็นผู้นำในกลุ่ม ส่วนคนที่เหลือได้ตายกันไปหมดแล้ว จากนั้นก็มีทหารอีกชุดหนึ่งที่ขี่ม้าและมาพร้อมกับรถม้า ทุกคนต่างคุกเข่าลงเคารพผู้ชายคนนี้แล้วเขาก็เดินไปอุ้มนางลงไว้ตรงรถม้า
“อย่าคิดหนีเป็นอันขาด เพราะข้าไม่รับลองว่าเจ้าจะรอดจากโอทาโร่แล้วก็โอทาชิรึป่าวนะเข้าใจไว้ด้วย”
แล้วเขาก็ปิดผ้าลงก่อนที่เขาจะเดินไปขึ้นรถม้าอีกคันหนึ่ง ขบวนรถได้เคลื่อนที่ไป ตอนที่อยู่ในรถม้านางลองเปิดผ้าม่านออกก่อนที่จะเห็นสุนัขอสูรทั้งสองตัวเดินอยู่ทั้งสองข้าง นางจึงไม่สามารถที่จะหนีออกไปได้ เขาจะพานางไปที่ไหนกันนะนี่คือสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่