ตอนที่ 1 ครอบครัวหยินห่าว
เสียงแม่น้ำที่ไหลไปตามทางและไหลไปตามซอกของโขดหิน ทำให้ว่านเจี๋ยตื่นขึ้นมาพร้อมกับสำลักน้ำที่นางได้กลืนเข้าไปออกมา นางยืนขึ้นก่อนที่จะมองไปรอบๆตัวของนาง นางคิดในใจของนางว่าที่นี่มันที่ไหนกันแม่น้ำพานางมาสู่ปลายสุดทางของแม่น้ำรึป่าว ว่านเจี๋ยเดินมาที่ผืนดินพร้อมกับชุดที่เปียกปอนของนาง นางเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเห็นบ้านไม้หลังเล็กๆหลังหนึ่งที่อยู่กลางทุ่งหญ้าสีเหลือง นางรีบวิ่งไปที่บ้านหลังนั้นก่อนจะพบกับหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังนั่งเป่าใบไม้อยู่ข้างบ้าน นางมองไปที่หญิงชราคนนั้นก่อนจะร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ
“ชะ..ช่วยข้าด้วย” แล้วเธอก็หมดสติลงไปทุกอย่างเป็นสีเหลืองก่อนจะดำมืดไปโดยที่นางไม่รู้ตัว
“ตื่นได้แล้วแม่สาวน้อย ดื่มยาสมุนไพรชูกำลังนี่ก่อนเถิดจะได้หายวินเวียนที่ศีรษะ”
หญิงชราได้พูดขึ้นก่อนที่นางจะลืมตาลุกขึ้นมาแล้วดื่มน้ำสมุนไพรที่นางได้เตรียมไว้ให้
“ขอขอบคุณท่านมากเลยนะที่ช่วยเราเอาไว้ มิอย่างนั้นเราอาจจะตายอยู่ตรงนั้นเลยก็เป็นได้ ขอบคุณจริงๆนะ”
ว่านเจี๋ยพูดขึ้นก่อนที่จะก้มหัวให้กับหญิงชราที่ได้ช่วยชีวิตของนางเอาไว้ หญิงชราจับนางขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้เบาๆแสดงถึงความหมายว่าไม่เป็นอะไรข้าเต็มใจ
“แล้วเจ้ามีชื่อว่าอย่างไรงั้นรึสาวน้อย?” หญิงชราได้ถามชื่อของนางและนางก็ได้ตอบกลับหญิงชราไป ทำให้หญิงชราตาโตเป็นกับลูกบอลในทันทีทันใด
“เรามีชื่อว่าว่านเจี๋ย แล้วท่านมีชื่อว่าอะไรรึ?” เมื่อหญิงชราได้รู้ชื่อของว่านเจี๋ยทำให้หญิงชราต้องรีบก้มหัวให้ในทันที แต่ว่าเจี๋ยรีบจับตัวของหญิงชราให้ลุกขึ้นมาไม่อยากให้ทำแบบนั้น
“ขออภัยในปากที่ร้ายของข้าด้วยเถอะนะจ๊ะ อภัยให้ข้าด้วยเถิด มิได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินองค์หญิงแห่งเหลียนฟางเลยนะจ๊ะ”
หญิงชราได้ขอโทษขอโพยแก่องค์หญิงซึ่งองค์หญิงก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับคนที่ช่วยนางหรอก
“ไม่เป็นอะไรหรอกนะเรามิได้ติดใจและถือสาอะไรเลย ต้องขอบใจท่านมากกว่าที่ช่วยเหลือเราเอาไว้ แล้วท่านจะตอบคำถามของเราได้รึยังว่าท่านมีชื่อว่าอะไร”
ว่านเจี๋ยได้ถามหญิงชราคนนั้นไปอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้หญิงชราลดความหวาดกลัวและเกรงกลัวนางลง
“ข้ามีชื่อว่าหยินห่าวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านไม้หลังนี้แหละจ๊ะ ในตอนนี้ครอบครัวลูกหลานและเหลนของข้ายังไม่ได้กลับมาจากการไปหาของป่ามาเพื่อทำอาหารเลย แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าท่านองค์หญิงคงจะหนาวน่าดู ลองหาเสื้อผ้าชุดอื่นมาใส่แทนชุดนี้ก่อนเถอะค่ะองค์หญิง”
แล้วหญิงชราก็เดินไปที่ข้างนอกบ้านของนางก่อนจะหญิงเสื้อผ้ามาให้ว่านเจี๋ยชุดหนึ่ง นางเดินเข้ามาจากนั้นก็ยื่นเสื้อผ้าให้กับว่านเจี๋ย
“ข้าขออภัยในความไม่สะดวกของที่นี่ด้วยนะเพคะ แล้วก็ไม่ได้ทำเป็นพิธีให้ของกับองค์หญิงต้องขออภัยด้วยค่ะ”
ว่านเจี๋ยเข้าใจว่าที่นี่ไม่ได้ทำในแบบที่ตัวเมืองของนางได้ทำ นางเลยไม่ได้ว่าอะไรให้กับหญิงชราคนนี้เลย
“แล้วเราจะไปเปลี่ยนชุดได้ที่ไหนงั้นรึ” นางถามหญิงชราไปด้วยความสงสัย ก่อนที่หญิงชราจะพานางไปที่ห้องแต่งตัว
“เชิญเปลี่ยนที่นี้เลยค่ะองค์หญิง ไม่ต้องห่วงว่าจะมีผู้ใดมาเห็นเพราะว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยค่ะองค์หญิง”
นางพยักหน้าให้กับหญิงชราก่อนจะเลื่อนไม้บังมาบังตัวของนางเอาไว้แล้วเริ่มเปลี่ยนชุดในทันที ใช้เวลาไม่นานมากนักนางก็เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย นางเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของหญิงชรา แล้วเดินตรงมาหาหญิงชราในทันที
“ช่างงดงามซะเหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งสง่างามดั่งภูเขาน้ำแข็งแถบตะวันออกเลยนะคะองค์หญิง”
หยินห่าวได้ชนเธอจนทำให้เธอเขินอายและชื่นชอบคำชมของหยินห่าวเป็นอย่างมาก //กอก กอก// เสียงเคาะที่ประตูได้ดังขึ้นทำให้ว่านเจี๋ยสะดุ้งขึ้นมา นางกำลังคิดว่าใครมาที่นี่ในตอนนี้ อาจจะเป็นทหารชุดดำหรืออาจจะเป็นครอบครัวของหยินห่าวก็เป็นได้
“ขอเราหาที่ซ่อนก่อนจะเปิดประตูนี้ได้หรือไม่เราเกรงว่าอาจจะเป็นผู้ที่ไม่หวังดีกับเรามาตามหาเราก็เป็นได้ อย่าบอกใครนะว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ว่าใครเด็ดขาด มีที่หลบที่ซ่อนอยู่แถวนี้หรือไม่”
หยินห่าวรีบพานางไปหาที่ซ่อนตามที่นางสั่งในทันที ที่ซ่อนจะเป็นใต้เตียงไม้ของหยินห่าว ซึ่งมีกลไกรสามารถที่จะหลบซ่อนได้เวลามีใครที่ไม่หวังดีจะมาทำร้ายหยินห่าว หยินห่าวก็จะหลบที่เตียงนี้ในทันทีเวลาที่ลูกหลานของนางไม่อยู่ แต่ตอนนี้นางให้ที่หลบซ่อนแก่องค์หญิงของนาง แล้วเริ่มทำตัวธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านของนางในทันที //เอี๊ยด// เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นแล้วในตอนนี้
“ท่านแม่วันนี้พวกเราโชคดีเหลือเกินไปเจอหมูป่าที่ป่าเลยได้เนื้อมาเยอะมากเลย แต่ก็ค่อนข้างบาดเจ็บอยู่นิดหน่อยเพราะโดนวิดเอาน่ะสิท่านแม่”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งน่าจะเป็นลูกชายของหยินห่าวได้ดังขึ้นจึงทำให้ว่านเจี๋ยโล่งอกที่ไม่ใช่พวกทหารชุดดำ
“มาทำแผลก่อนมาข้าจะทำแผลให้เจ้าเอง แต่มีโชคที่ดีกว่านี้มาที่บ้านเราด้วยนะรู้รึป่าว”
หยินห่าวเดินมาที่ซ่อนที่ว่านเจี๋ยหลบอยู่ก่อนจะส่งซิกให้ว่ามันปลอดภัยแล้ว นางจึงออกมาจากที่หลบซ่อน เมื่อนางมองไปที่ครอบครัวของหยินห่าวก็พบว่าครอบครัวของนางมีเยอะมาก
“นี่คือองค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเหลียนฟางชื่อว่าองค์หญิงว่านเจี๋ย คำนับนางซะนะทุกคน”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างพากันก้มหัวใหญ่เลย พวกเขายินดีมากที่ได้เจอกับองค์หญิงแบบระยะใกล้ชิดขนาดนี้
“โอ้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ ดีจริงๆเลยที่ได้เห็นองค์หญิงแห่งเหลียนฟางใกล้ชิดขนาดนี้ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของพวกเรานะครับองค์หญิง”
ชายที่พูดคนนี้เป็นลูกชายคนโตสุดของตระกูลนี้ซึ่งแบกรับภาระและหน้าที่ทุกอย่างเพื่อเป็นเสาร์หลักของครอบครัว
“พวกเรามาทำอาหารกันเถอะข้าว่าองค์หญิงคงยังไม่ได้กินอะไรมาเลย รีบทำให้เสร็จเถอะนะ”
ภรรยาของลูกชายคนโตของหยินห่าวพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะทยอยพากันเข้าบ้านแล้วก็เตรียมทำอาหารตัดฟืนผ่าไม้เริ่มจุดไฟต้มน้ำกัน ว่านเจี๋ยซึ่งเห็นเช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรดีจึงเดินไปที่ห้องครัวแล้วเดินไปหาภรรยาของลูกชายคนโต
“ให้เราช่วยอะไรไหม เราอยากช่วยน่ะ” ทุกคนที่อยู่ในครัวพากันนั่งคุกเข่ากันอย่างไวทำให้ว่านเจี๋ยต้องถอนหายใจแล้วค่อยให้พวกนางลุกขึ้นมา
“ไม่มีอะไรให้ทำหรอกค่ะองค์หญิง เชิญองค์หญิงไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวเลยค่ะ”
การที่มีศักดิ์เป็นองค์หญิงทำให้ว่านเจี๋ยไม่เคยได้ทำอะไรตามใจอยากเลย นางจึงอยากเอาเวลาที่เป็นคนธรรมดาตอนนี้ในการปฏิเสธเพื่อที่จะทำอาหารร่วมด้วย
“เราขอทำได้ไหมอย่างนั้น ถ้าเจ้าไม่ให้เราทำถือว่าเจ้าปฏิเสธองค์หญิงจากเหลียนฟางเลยนะ”
สิ่งที่ว่านเจี๋ยพูดอาจจะดูดุไปหน่อยกับหญิงสาวทุกคนที่อยู่ในครัว แต่นางอยากที่จะทำมันจริงๆเลยจำเป็นต้องใช้คำพูดแบบนี้ พวกนางยอมที่จะให้องค์หญิงทำในสิ่งที่นางไม่เคยได้ทำมาก่อน
“งั้นท่านลองปลอกหัวมันดูนะคะ ทำแบบนี้นะคะแล้วก็หมุนมันแบบนี้ก็จะเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะองค์หญิง”
ลูกสาวของภรรยาคนโตได้สอนวิธีปลอกหัวมันให้กับว่านเจี๋ย ในตอนแรกๆก็อาจจะมีทำไม่เป็นไปบ้าง แต่เมื่อใช้เวลาอยู่นานก็เริ่มปลอกออกมาจนมีรูปร่างทีสวยงาม ในระหว่างที่นางกำลังปลอกหัวมันอยู่นั้นนางก็ยังไม่รู้ชื่อของพวกผู้หญิงที่อยู่ในครัวเลย
“เราอยากจะรู้ว่าพวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง พวกเจ้าพอจะบอกให้เราได้รู้ได้หรือไม่?”
ภรรยาคนโตหันมาหาองค์หญิงก่อนจะย่อตัวให้กับองค์หญิงแล้วเริ่มทยอยพูดชื่อของแต่ละคนออกมาให้ฟัง
“ข้ามีชื่อว่า หวางจิง ส่วนลูกของข้ามีอยู่สามคนมีชื่อว่า อี เอ้อ และ ซาน ตามเลขเลยค่ะ และคนที่ล้างจานอยู่ตรงนั้นมีเป็นน้องสาวของข้าซึ่งเป็นภรรยาของน้องรองมีชื่อว่า เฟินเฟิน ยังไม่มีลูกค่ะ ส่วนสามีของก็มีชื่อว่า จิงจิ้น และน้องรองมีชื่อว่า จินเจิง ค่ะองค์หญิง”
ครอบครัวที่ใหญ่โตและเยอะมากของหยินห่าวทำเอาองค์หญิงค่อนข้างจะมึนงงไปเลย แต่ก็พอจะเข้าใจและพอจะรู้อยู่บ้างว่าใครเป็นใคร เมื่อทุกคนทำอาหารกันเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มจัดโต๊ะเพื่อนำอาหารมาวาง แต่ว่าสำหรับองค์หญิงก็จะแยกกินเนื่องจากมีศักดิ์มิเท่ากันไม่สามารถที่จะกินร่วมกันได้ มันเป็นความนับถือน่ะจึงต้องเป็นเช่นนั้น ในระหว่างที่องค์หญิงและทุกๆคนได้กินอาหารอยู่นั้น //ปั้ง ปั้ง ปั้ง// เสียงเคาะประตูระดับที่แรงมากได้ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนหยุดกินแล้วมองไปที่ประตูบ้านของพวกเขา ลูกชายคนโตยืนขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูดูว่าใครเป็นคนเคาะเรียกพวกเขา แต่แล้วเหคุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับลูกชายคนโต เขาถูกดึงออกไปข้างนอกแล้วถูกลุมกระทืบในทันที
“นี่พวกเจ้าทำไมทำอย่างนี้กับสามีของข้ากันล่ะ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
ภรรยาของลูกชายคนโตได้พูดขึ้นทำให้พวกทหารหยุดกระทืบลูกชายคนโตแล้วเดินไปหาภรรยาของเขาแทน น้องคนรองรีบเดินมาขวางทางเพื่อป้องกันภรรยาของพี่ชายตนเองในทันที แต่แล้วก็โดนดึงคอเสื้อขึ้นมาแล้วมองหน้าก่อนจะชักดาบออกมา ทุกคนต่างกรีดร้องและร้องไห้ด้วยความตกใจ
“ข้ามีอะไรจะถามพวกเจ้าทั้งหลายที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าเห็นองค์หญิงผ่านมาแถวนี้บ้างรึป่าว องค์หญิงจากอาณาจักรเหลียนฟางน่ะ ตอบข้าจริงๆนะมิอย่างนั้นข้าจะแทงไอ้ผู้ชายคนนี้ให้ทะลุทันทีเลย”
ทหารคนที่ถือดาบได้พูดขึ้นทุกคนต่างไม่พูดอะไรพยายามปกป้ององค์หญิงสุดชีวิต หยินห่าวเห็นเช่นนั้นก็เลยพาองค์หญิงไปหลบที่ซ่อนของนาง
“ไม่มีใครเห็นองค์หญิงอะไรนั่นทั้งนั้นแหละ พวกเจ้ามาถามผิดที่แล้ว”
ลูกชายคนโตพูดขึ้นก่อนที่จะโดนเหยียบไปที่ใบหน้าโดนทหารชุดดำอีกคน
“แน่ใจนะว่าพวกเจ้าไม่ได้โกหกข้า” ทหารคนที่เหยีบไปที่หน้าของลูกชายคนโตได้พูดขึ้น ก่อนจะหันไปที่ทหารอีกสองคนที่มาด้วยแล้วพยักหน้า สองทหารรีบเดินเข้าไปในบ้านแล้วค้นบ้านให้กระจัดกระจายเต็มไปหมด ใช้เวลาหายนานนับหลายนาทีก่อนจะเลิกหาองค์หญิงเพราะว่าหาไม่เจอ
“ข้าไม่เจอเลยครับ” ทหารทั้งสองคนพูดขึ้นก่อนที่ทหารที่เหยียบหน้าลูกชายคนโตจะเอาเท้าออก
“งั้นกลับกันพวกเราไปหากันที่อื่น เผื่อจะอยู่แถวๆขอบแม่น้ำลองไปหากันดู”
จากนั้นพวกทหารก็พากันขี่ม้าออกไปจากที่แห่งนี้ในทันที เมื่อคิดว่าปลอดภัยแล้วหยินห่าวเลยพาตัวองค์หญิงออกมาจากที่ซ่อน
“ปลอดภัยแล้วค่ะองค์หญิง” หยินห่าวพูดก่อนที่ทุกคนจะมานั่งทำแผลให้กับลูกชายทั้งสองคนของนาง พอเห็นบาดแผลที่พวกทหารทำไว้เพราะปกป้องว่านเจี๋ยทำให้นางต้องคิดหนักและเป็นกังวลมากๆ
“เราจะออกไปจากที่นี่เอง เราคิดว่าถ้าเรายังอยู่ที่นี่อาจจะทำให้ทุกคนเป็นอันตรายได้ พวกมันต้องการตัวของเรา วันพรุ่งนี้เราจะออกจากที่นี่เลยก็แล้วกันนะ”
ทุกคนต่างมองนางด้วงสีหน้าที่เป็นห่วง ถึงจะเป็นผู้มีศักดิ์ที่สูงแต่ว่าการเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวแถมเป็นผู้หญิงอีก มันจะไม่อันตรายเกินไปหรืออย่างไร
“ไม่ได้นะคะถ้าองค์หญิงออกไปมีหวังเกิดอันตรายกับองค์หญิงเป็นอันแน่เลย”
ลูกสาวคนโตได้พูดขึ้นทำให้ทุกคนพยักหน้าเหมือนๆกันหมด แต่ว่าสิ่งที่ว่านเจี๋ยคิดก็คือยังไงสิ่งที่ต้องห่วงที่สุดคือประชาชนอยู่ดี เพราะว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวอะไรกับตัวของนางเลย
“เราพูดไปแล้วพวกเจ้าต้องเข้าใจเราด้วยนะ งั้นเราขอตัวไปพักผ่อนให้เพียงพอก่อนแล้วพรุ่งนี้เราจะออกไปจากที่นี่ในรุ่งเช้า”
นางเดินไปยังที่พักที่หยินห่าวเตรียมไว้ให้ก่อนจะนอนลงเพื่อพักผ่อนสู่วันพรุ่งนี้