ตอนที่ 157 หนึ่งปีที่ผ่านไป 3
กลุ่มของเอลซิดต้องการที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่สับสนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับข้อเสนอของธีโอดอร์โดยไม่มีการคัดค้านใดๆ อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับแพค จุงเมียงและลูกของเขาสองคนที่กำลังจ้องมองไปยังคฤหาสน์ เอลซิดและมาร์ควิสปิริสนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการคิดถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้
เนื่องจากแผนการที่พวกเขาคิดมาไว้ล่วงหน้าจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
‘เราควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?’
บรรยากาศที่อึดอัดดำเนินต่อไปเรื่อยๆขณะที่ทั้งกลุ่มเดินผ่านประตูด้านหน้าและเข้าไปในห้องรับแขกของคฤหาสน์
เมื่อธีโอดอร์ได้นั่งลง เอลซิดก็ได้นั่งตามและกังวลว่าเขาควรจะพูดอะไร เขาได้วางแผนมาเกี่ยวกับการถามคำถามถึงตัวตนที่ไม่ชัดเจนของทั้งสองคนและซื้อคฤหาสน์หลังนี้ แต่ทว่าตัวคนของทั้งคู่นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หนึ่งคือจอมเวทย์ขั้นสูงที่ได้รับการยกย่องจากปรมาจารย์ดาบ ขณะที่อีกคนคือปรมาจารย์ดาบผู้ที่สามารถเป็นมาร์ควิสในอาณาจักรใดก็ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้ามาร์ควิสปิริสก็ควบคุมความคิดที่ยุ่งเหยิงของเขาได้
‘…ไม่ มันไม่แตกต่างกันแม้ว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าคิด ปิริสคือดินแดนของข้า ไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะเช่นไร พวกเขาก็ต้องก้มหัวให้กับเจ้าชายรัชทายาท!’
เขาไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับหน้าที่ของเขา หลังจากนั้น เขาก็ได้พูดคุยกับทั้งสองคนในฐานะตัวแทนของเจ้าชายรัชทายาท ผู้ที่ยังไม่เปิดเผยฐานะ
“ก่อนอื่น ข้าอยากจะขอโทษสำหรับการมาเยี่ยมเยือนอย่างกะทันหัน ท่านเท็ด(เซอร์ เท็ด)”
“ไม่เป็นไร ท่านมาร์ควิสปิริส ดินแดนนี่เป็นของท่าน มาร์ควิสปิริส ในฐานะผู้มาอยู่อาศัย พวกเราต้องเคารพผู้ปกครอง”
“ข้าเข้าใจท่าน” ดวงตาของมาร์ควิสปิริสส่องแสง“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้าจะเข้าเรื่อง ข้าต้องการให้ท่านระบุตัวตนของท่าน หากข้าคือผู้ปกครองของดินแดนนี้ตามที่ท่านกล่าว ข้าเองก็ควรที่จะมีสิทธิ์ในการล่วงรู้ความลับนี้ใช่มั้ย?”
“นั่นเป็นคำพูดที่สวยหรูยิ่ง”ธีโอดอร์กล่าว และพยักหน้าอย่างสุภาพ “หากนี้เป็นเมื่อปีก่อน”
“คะ-แค่ก!”
มันเป็นคำเตือนที่บาดลึก ธีโอดอร์เคยพูดคำเหล่านี้มาก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้เขากำลังพูดเช่นนี้?มันเป็นคำพูดที่เยาะเย้ยอย่างมาก
มาร์ควิสปิริสไอออกมาสองครั้งด้วยใบหน้าแดงก่ำก่อนที่จะกล่าวต่อ “โปรดเข้าใจด้วยว่ามันมีหลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ข้าคงจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้หากข้ารู้ว่าสหายของท่านเป็นปรมาจารย์ดาบ”
“อืม”
“หัวข้อในวันนี้ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้พูด และคนผู้นั้นได้อยู่ที่นี่....”มาร์ควิสหยุดพูด เอลซิดพยักหน้าเป็นการอนุญาติให้เขากล่าวต่อ จากนั้นมาร์ควิสก็กล่าวต่อ “ท่านคือกษัตริย์องค์ต่อไปของราชอาณาจักรโซลดุน เจ้าชายเอลซิด”
หากมาร์ควิสปิริสคิดว่าการเปิดเผยตัวตนของเจ้าชายจะทำให้ทั้งคู่ตกใจละก็ เขาคิดผิด ธีโอดอร์และแรนดอล์ฟนั้นยังคงนิ่งเฉย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน ฝ่าบาท”
“…เป็นเรื่องดีที่ได้พบท่าน แขกผู้ลึกลับ”
คำทักทายของเอลซิดแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการให้พวกเขาระบุตัวตนออกมา แต่ทั้งคู่กลับเงียบ มันหมายความว่าพวกเขาจะไม่พูดแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทก็ตาม
เอลซิดเข้าใจความหมายของความเงียบนี้และขมวดคิ้ว แต่มันยากที่จะกดดันได้ พวกเขาไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถเอาชนะได้ด้วยพลัง ยิ่งไปกว่านั้น อำนาจของเขาในอาณาจักรยังถูกแบ่งออกเป็นครึ่งเพราะการต่อสู้ภายใน เจ้าชายรัชทายาทไม่สามารถที่จะเพิ่มจำนวนศัตรูได้
ธีโอดอร์ระงับความรู้สึกของเขาและเปลี่ยนเรื่อง “เช่นนั้น เจ้าชายรัชทายาท ทำไมท่านถึงมายังสถานที่ต่ำต้อยเช่นนี้?”
จากนั้น มาร์ควิสปิริสก็ตอบกลับแทนเอลซิด “มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลัง แต่ข้าต้องการซื้อคฤหาสน์หลังนี้คืน”
“คฤหาสน์นี้?”
“ถูกต้อง มันยากที่จะหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับผู้นำแพค และคฤหาสน์นี้ก็เหมาะสมอย่างมาก”
พูดอย่างสัตย์ตรง เขาไม่ต้องการที่จะจ่ายเงิน แต่ตอนนี้เขาต้องยอมที่จะสูญเสียมันไป ขณะที่มาร์ควิสกำลังคิดหาวิธีลดความเสียหายอยู่ ธีโอดอร์ก็ได้แสดงท่าทางแปลกๆออกมาและกล่าวว่า “ท่านจะให้เท่าไร?”
“ราคาเดียวกับที่ท่านจ่ายมาในตอนซื้อมันไป?”
“งั้น เราก็ไม่เห็นว่าเราจะได้ผลประโยชน์ใดๆเลย”
ธีโอดอร์นั้นมีทองอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะทำกำไรด้วยสิ่งอื่นแทนทอง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว มาร์ควิสและเจ้าชายต้องติดค้างบางอย่างแก่เขา พวกเขาจะเป็นหนี้บุญคุญแก่เขาหากพวกเขาปฏิเสธคำขอของเขา
อย่างไรก็ตาม ความคิดของมาร์ควิสปิริสนั้นได้ได้ดีเท่ากับที่ธีโอดอร์คิด
“…ผลประโยชน์....อันใดกัน?” มาร์ควิสปิริสถาม
แม้ว่าเขาจะอ่านท่าทางนั้นออก ธีโอดอร์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะได้อะไรจากเจ้าชายเอลซิดและมาร์ควิสปิริสตั้งแต่แรกเริ่ม
“เอาละ คำพูดของท่านลอร์ดปิริสนั้นเข้าท่า ”ธีโอกล่าว
“งั้นก็...”
“แต่ทว่า เรามีเงื่อนไขอยู่เล็กน้อย”
ก่อนที่มาร์ควิสจะสามารถทักท้วงได้ ธีโอดอร์ก็หันไปหาแพค จุงเมียง และกล่าวว่า “เงื่อนไขเหล่านี้สำหรับผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ ไม่ใช่เจ้าชายและมาร์ควิส”
“หืม?ข้า?”
“ใช่ ฉันต้องการขอสิ่งง่ายๆสามอย่าง”
พร้อมๆกัน ธีโอดอร์ก็ได้ยกนิ่วขึ้นขณะที่เขาเริ่มอธิบายเงื่อนไข เรื่องราวได้เปลี่ยนไปยังธีโอดอร์และแพค จุงเมียง โดยมีมาร์ควิสและเจ้าชายที่กลายเป็นผู้ชม ในความเป็นจริง ธีโอดอร์ไม่มีความสนใจในตัวพวกเขาเลย
“อย่างแรก ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางในเร็วๆนี้ ทางเราหวังว่าคุณจะช่วยให้เราอยู่จนกว่าจะถึงตอนนั้น”
“ไม่ใช่ปัญหาใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งที่ได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับชาวพื้นเมืองในอาณาจักรอื่น”
“ฉันรู้สึกขอบคุณในคำพูดของคุณมาก”
ธีโอดอร์นั้นกลัวว่าเจ้าชายหรือมาร์ควิสจะกล่าวค้าน แต่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้ธีโอดอร์ออกจากอาณาจักรนี้โดยเร็ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาก็คือการให้พวกเขาสามารถจับตามองธีโอดอร์ได้
หากแรนดอล์ฟและธีโอดอร์อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ร่วมกับแพค จุงเมียง ปรมาจารย์ดาบที่มีพลังเทียบเท่าพวกเขา หากธีโอดอร์นั้นไม่สามารถควบคุมได้ ก็ควรที่จะให้เขาอยู่ในสถานที่ที่มองเห็นได้หรือเฝ้าจับตาดูได้
จากนั้นแพค จุงเมียงก็ได้ยอมรับเงื่อยไขแรกอย่างนิ่งสงบ และเร่งให้ธีโอดอร์กล่าวถึงสิ่งถัดไป “ตอนนี้ ท่านเท็ด!โปรดบอกข้าถึงเงื่อนไขที่สอง”
“เรื่องที่สองที่ฉันอยากจะร้องขอก็คือ....”
ทันทีที่เงื่อนไขไหลออกจากปากธีโอดอร์ ทุกคนในห้องต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แรนดอล์ฟซึ่งอยู่อาศัยกับธีโอดอร์มานานถึงหนึ่งปีหัวเราะออกมาด้วยความเข้าใจ
จากนั้น แพค จุงเมียง ได้กล่าวยอมรับเงื่อนไขที่สองที่แปลกประหลาดนี้
***
“-โอ้ เป็นสถานที่ที่ดียิ่งนัก!”
แพค จุงเมียง จ้องมองไปรอบๆด้วยความชื่นชม มันเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่มีความกว้างถึง100ตารางเมตรบนพื้นที่ราบใต้เนินเขา
นอกจากนี้ บริเวณรอบๆของพื้นที่ว่างเปล่านั้น ยังมีเวทมนต์เพื่อลดผลกระทบลงและปิดกั้นเสียงรบกวนไม่ให้ดังออกไป รวมถึงเวทย์มายาครอบคลุมไปทั่ว นี่คือเหตุผลที่มาร์ควิสปิริสไม่รับรู้ถึงทักษะของพวกเขาแม้ว่าจะคอยจับตามองก็ตาม
แทนที่จะพอใจกับคำอธิบาย แพค จุงเมียง เพียงยืนอยู่นิ่งๆเท่านั้น ดาบที่ห้อยอยู่ตรงเอวและเสื้อผ้าที่ไม่ขัดขวางการเคลื่อนไหวคือการเตรียมตัวสำหรับเงื่อนไขที่สอง
เป็นการเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา แพค จุงเมียง จ้องไปที่ธีโอดอร์และถามว่า “อืม....พวกเรากำลังจะทำเช่นนั้นในสถานที่ว่างเปล่านี้สินะ?”
ธีโอดอร์ตอบโดยไม่ลังเล“ถูกต้อง”
“แต่ สถานที่นี้....มันทำให้ข้าได้เปรียบ ไม่ว่าข้าจะคิดยังไงก็ตาม ข้าไม่ได้หมายถึงว่ามันลดทักษะของท่าน แต่มันไม่ยากสำหรับผู้ใช้อาคมที่จะจัดการกับนักรบในที่แคบงั้นหรือ?”
เงื่อนไขที่สองที่เสนอโดยธีโอดอร์คือการประลองกับแพค จุงเมียง ทุกคนต่างสับสนกับคำขอของธีโอที่ไม่ใช่อัศวิน เขาเป็นจอมเวทย์ผู้ที่ท้าทายปรมาจารย์ดาบ เท่าที่พวกเขารู้ จอมเวทย์ที่ยังไม่ถึงขั้น7จะไม่สามารถต่อกรกับปรมาจารย์ดาบได้
....แต่นั่นคือในกรณีที่เขาเป็นจอมเวทย์ทั่วไป
“ผู้นำแพค ”ธีโอดอร์ตอบด้วยใบหน้าที่ปราศจากความกังวลใดๆ “คุณรู้เกี่ยวกับผู้ใช้อาคม แต่คุณยังไม่รู้ว่าจอมเวทย์คืออะไร ฉันขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณ แต่คุณไม่ควรที่จะอ่อนข้อให้ฉัน”
ในปีที่ผ่านมา ธีโอดอร์ได้พยายามอยู่หลายวิธีในการทำลายขีดจำกัดของเขา เพื่อที่จะพัฒนาเวทมนต์ใหม่และทำลายกำแพง เขามักจะประลองกับแรนดอล์ฟอยู่บ่อย ธีโอดอร์ไม่สามารถที่จะตามความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวขณะที่ใช้พลังออร่าได้ แต่เขาก็ได้หาสิ่งอื่นๆมาทดแทน
ตอนแรกมันเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้เป็นเวลา10นาทีขณะที่ใช้ทักษะทั้งหมดของเขารวมถึงอัมบรา อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาดังกล่าวก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น 10นาทีเพิ่มเป็น20นาที 20นาทีกลายเป็น30นาที และเรื่อยๆ ขณะที่เขาค่อยๆเพิ่มจำนวนของเงื่อนไข
เงื่อนไขเหล่านั้นมีตั้งแต่การต่อสู้โดยไม่ใช้พลังอำนาจของอัมบรา การปิดผนึกเวทย์ที่เขาถนัดไปในวันนั้น หรือการไม่ใช้คุณสมบัติของความตะกละ ในช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนนั้น อัตราการชนะของธีโอดอร์ต่อปรมาจารย์ดาบได้เพิ่มขึ้นเกือบจะถึง45% นั่นหมายถึงในกรณีที่ความสามารถของพลังออร่าถูกผนึก แม้กระทั่งปรมาจารย์ดาบยังไม่มั่นใจที่จะชนะอย่างแน่นอน
“ทั้งสองท่าน โปรดทำความเคารพกัน!”เอลซิด ซึ่งกลายเป็นผู้ตัดสินเนื่องด้วยฐานะของเขา ได้มองไปยังทั้งสองคนและยืนยันกฏอีกครั้ง
“ผู้นำแพค ท่านไม่สามารถใช้ความสามารถทางพลังออร่าได้”
“เข้าใจแล้ว”
“ท่านเท็ด ท่านไม่สามารถใช้เวทมนต์วงกว้างที่มีขนาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่นี้ได้”
“เข้าใจแล้ว”
จอมเวทย์จากตะวันตกและนักรบจากตะวันออกได้มองตากัน แน่นอนเวทมนต์ที่มีรัศมีกว้างจะสามารถเอาชนะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของพลังออร่าได้ แต่ทว่า นี่เป็นการประลองกระชับมิตรเท่านั้น
แม้ว่าธีโอดอร์จะกล่าวเตือนไปแล้ว แต่แพค จุงเมียงกลับไม่ได้ตื่นตัวนัก
‘ท่านเท็ด ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ด้วยระยะนี้....มันดีที่สุดที่จะลงมือกับเขาเบาๆ’
ด้วยความคิดที่ฝังลึกไว้เกี่ยวกับผู้ใช้อาคมในทวีป เขาไม่สามารถที่จะลบมันออกไปได้ด้วยคำเตือนเพียงไม่กี่คำ หากจอมเวทย์สามารถโจมตีในระยะไกลได้เพียงเท่านั้น นั่นหมายความว่านักรบจะต้องไม่มีช่องว่างให้ผู้ใช้อาคมร่ายเวทย์
ขณะที่มือของแพค จุงเมียง เอื้อมไปจับดาบของเขา เสียงที่ชัดเจนของเอลซิดก็ดังขึ้น “เริ่มได้!”
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น....
มันเริ่มแล้ว!ทันทีที่ได้ยินคำพูดสุดท้าย นิ้วของธีโอดอร์ก็ขยับขึ้น
“หืม?!”
มันเป็นแสงสีฟ้า คิ้วของแพค จุงเมียง เลิกขึ้นเมื่อเขาเห็นแสงที่พุ่งมายังหน้าผากของเขา ด้วยความรู้สึกของเขาที่อยู่นอกเหนือมนุษย์ สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่าแสงนี้เป็นอันตรายอย่างมาก
แสงนั้นไม่ได้เพียงแค่เร็ว หากมันโดนร่างของแพค จุงเมียง ขณะที่อยู่ในสภาพไร้การป้องกันละก็ แสงนี้มีพลังมากพอที่จะพุ่งทะลุผ่านร่างกายของเขา!
เก๊ง!
แน่นอนว่าแพค จุงเมียง นั้นเป็นปรมาจารย์ดาบ เขาสามารถที่จะตัดผ่ากระสุนเวทย์ออกเป็นสองซีกได้ ใบดาบส่องประกายออกมาอย่างสวยงามขณะที่มันแยกกระสุนเวทย์ออกเป็นสองส่วน อย่างไรก็ตาม บุคคลที่สร้างภาพนั้นกลับแข็งค้าง เป็นเพราะพลังของมันที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือของเขาค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าเขาจะใช้พลังออร่าไปพอสมควรก็ตาม
และที่กล่าวนั้น ไม่ใช่ปัญหาเดียว
‘อึก ข้าถูกจับ!’
ธีโอดอร์ได้ยินกระสุนเวทย์เป็นเส้นตรงออกมาอีกครั้งทันที แสงสีฟ้าได้พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับดาวหาง ทำให้แพค จุงเมียงไม่มีเวลาที่จะหายใจ เขากังวลว่าผลของการโจมตีนั้นจะเป็นอย่างไร
“-มันจบแล้ว!”
อย่างไรก็ตาม แพค จุงเมียง คงจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะเป็นปรมาจารย์ดาบหากเขาพ่ายแพ้ให้กับการโจมตีเช่นนี้ ดาบของแพค จุงเมียง ขยับด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ก่อให้เกิดพายุขึ้นโดยมุ่งเป้าไปที่กระสุนเวทย์หลายนัดที่มุ่งมาทางเขา
ฟุ้บ!ฉึก!เก๊ง-ฟุ้บ!
กระสุนเวทย์หลายนัดได้ถูกเบียงไปยังพื้นดินและต้นไม้ก่อให้เกิดหลุ่มลึก 5นัดในหนึ่งวิ-ไม่สิ10นัด...หรืออาจจะมากกว่านั้น มันเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน แต่ธโอดอร์ยังคงร่ายต่อ ‘จดจำ เปิดใช้งานทุกช่อง Thunderbolt 6สาย เวทย์ผสาน: Keraunos(ฟ้าผ่าแหละ)’
เปรี้ยง!
มันได้ระเบิดออกจากท้องฟ้าโดยไม่มีเสียงคำราม และพุ่งเข้าใส่แพค จุงเมียง ผู้ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการป้องกันกระสุนเวทย์ สายฟ้าที่ผ่าลงมามีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนต้นไม้ขนาดใหญ่ให้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีและมันมีความรุนแรงเป็นสองเท่าจากตอนที่เขาใช้ใส่อัตตาในการต่อสู้เมื่อปีก่อน
พื้นดินได้หลอมละลายจากการระเบิดนั้น และผู้คนที่เฝ้าดูอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
จากนั้นเสียงก็ได้ดังขึ้น “…อันที่จริง คำพูดของท่านเท็ดนั้นถูกต้อง”
แพค จุงเมียง เดินออกมาจากจุดที่สายฟ้าได้ผ่าลงมา สภาพของเขาดูเละเทะ แต่เขาไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลย ธีโอดอร์เองก็คาดหวังกับการโจมตีนี้พอสมควร เขาได้ใช้มันหลายครั้งกับแรนดอล์ฟ แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่ามันจะทำอะไร แพค จุงเมียง ไม่ได้เลย
“บางที ข้าอาจจะไม่เข้าใจว่า จอมเวทย์ เป็นเช่นไร ข้าพึ่งจะได้รับบทเรียนที่ยอดเยี่ยมมา”แพค จุงเมียง หัวเราะด้วยท่าทางขมขื่นและยกดาบของเขาขึ้น ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มเป็นหลักฐานว่าเขาได้ยอมรับธีโอดอร์ในฐานะคู่ต่อสู้ ไม่ใช่ คู่ฝึกซ้อม
“ครานี้ ข้าจะสอนให้ท่านได้รู้จักว่า นักรบ คืออะไร”