ตอนที่ 151 เคียงข้างมังกร 4
มันเป็นจอมเวทย์อัญเชิญ ผู้ซึ่งโชคไม่ได้เข้าข้างพรสวรรค์และความมุมานะของเขา ซาโตเมอร์
จอมเวทย์ผู้ที่สำรวจมาทุกมุมของทวีป ได้ตอบรับการเรียกของธีโอดอร์ ขณะที่จิตสำนึกของเขาธีโอดอร์ถูกเรียกกลับเข้ามาภายในโดยความตะกละ อัตตาผู้ที่สามารถหลบหนีจากคุกน้ำแข็งได้ ร้องคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
นี่คือเสียงหอนของสายพันธุ์ชั้นนำที่ถูกลืมเลือนUlfheðnar!
■■■■■■―!
ธารน้ำแข็งที่อ่อนแอได้พังทลายลง น้ำทะเลทะลุผ่านรอยแตกในน้ำแข็งราวกับปลาเกยตื้น ธีโอดอร์ผู้ลอยตัวอยู่ด้วยเวทมนต์---ไม่สิ ซาโตเมอร์ ขมวดคิ้วแน่นกับภาพที่เห็น
‘นี่มันสับสนเล็กน้อย ทำไมเจ้าถึงเรียกข้ามา?ไม่ใช่ว่าผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้จากตะวันออก ลี ยองซุก จะมีประโยชน์กว่าข้าผู้ที่ถูกตรึงอยู่ข้างหลังโต๊ะเสมองั้นหรือ?’
เขาพูดถูก แต่ธีโอดอร์กลับตอบกลับอย่างแตกต่าง
-ผมต้องการให้คุณทบทวนบางสิ่ง
‘ทบทวน?เจ้ากำลังพูดอะไร-‘
ซาโตเมอร์หยุดพูดเมื่อ ‘เขียนทับ’ถูกใช้ เขาสามารถที่จะอ่านความทรงจำของธีโอดอร์และแบ่งปันความรู้และพลังอำนาจของพวกเขา นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมอัลเฟรดจึงต่อสู้ได้ทันทีในอดีต ดังนั้น ซาโตเมอร์จึงค้นพบความทรงจำของธีโอดอร์ได้อย่างรวดเร็ว เขาสั่นไหวและตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาได้เห็น
-ผู้อาวุโส มันเป็นไปได้หรือไม่?
ซาโตเมอร์หัวเราะลั่นให้กับคำถามที่ชาญฉลาดของธีโอดอร์
“คุ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
-อะ-อาวุโส?!
ความรู้เกี่ยวกับการอัญเชิญของธีโอดอร์นั้นได้รับมาจากซาโตเมอร์ เขาขาดความชำนาญและการประยุกต์ใช้ แต่ก็ไม่มีความแตกต่างกันมากเมื่อพูดถึงความกว้างและความลึกซึ้งในความรู้ของเขา
ดังนั้น หากธีโอดอร์ตัดสินใจว่ามันเป็นไปได้ ซาโตเมอร์ก็อาจจะได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน ซาโตเมอร์จ้องมองไปที่แผนของธีโอดอร์อยู่หลายครั้งก่อนที่เขาจะหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นเขาก็ชมเชยธีโอดอร์
“ฮ่าๆๆๆ!เจ้าบ้าเอ้ย!เจ้าเป็นอัจฉริยะที่บ้ามาก!เจ้าเป็นคนที่ฉลาดอย่างน่ากลัว!”
ขณะที่ธีโอดอร์ยงคงประหลาดใจ ซาโตเมอร์ ก็ได้พยักหน้า
สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ร่างกายนี้มีพลังและสัมผัสเวทย์ที่มากกว่าเขาหลายเท่า และมีแม้กระทั่งประตูสู่อีกโลกใบหนึ่งบนมือซ้ายของเขา....หากซาโตเมอร์พยายามสิบครั้ง เขาจะประสบความสำเร็จสิบครั้งโดยไม่ต้องกังวลใดๆเลย
จากนั้นเขาก็เร่งพลังเวทย์ของเขาขึ้นและตะโกนไปที่พรรคพวกเขา “ฉันจะเริ่มละนะ!อย่าปล่อยให้สิ่งใดเข้ามารบกวนฉันได้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม!”
-เจ้าพยายามจะทำอะไร? คนแรกที่ตอบสนองก็คืออัตตา ผู้ที่เคยมีประสบการณ์กับธีโอดอร์มาก่อนหน้านี้ มันพุ่งตัวผ่านแรนดอล์ฟและอควาโล่อย่างรวดเร็ว และพยายามที่จะโจมตีธีโอดอร์โดยตรง แต่ทว่า.....
“สวัสดี นั่นแกกำลังจะไปไหน?”
ปึงงง!
อัตตาถูกฟาดโดยหางของอควาโล่ผู้ที่มีความเร็วเทียบเท่าอัตตา มันเป็นเรื่องยากสำหรับUlfheðnarที่จะสลัดความเร็วของมังกร นอกจากนี้ สถานการณ์มันก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้
พื้นที่ป้องกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังต่างถูกปกคลุม เพื่อให้คนทั้งสองสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่าก่อนหน้า ด้วยความร่วมมือของมังกรและปรมาจารย์ดาบ พวกเขาได้สร้างเส้นป้องกันที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าที่พวกเขาใช้ด้วยตัวคนเดียว
ดังนั้น ซาโตเมอร์จึงสามารถจดจ่ออยู่กับเวทย์อัญเชิญได้
“[จงเปิด ประตูสู่โลกอันสว่างไสว-]”
เขาเริ่มร่ายคาถาอัญเชิญ ศูนย์กลางของวงเวทย์เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ในฐานะจอมเวทย์อัญเชิญที่ดีที่สุดในยุดสมัยใหม่ เขาได้เริ่มแสดงคุณค่าที่แท้จริงของเขาออกมา
“[ก๊อก ก๊อก ก๊อก สามครั้ง บิดเพียงครั้งเดียว เพื่อเปิดประตูสู่โลกที่กำลังลุกไหม้ ข้าจักเป็นนายของเจ้า]”
-ระ-เร็วมาก...!
“[เปลวเพลิงที่แผดเผาโลก ความตายที่เผาไหม้โลก มังกรแห่งการทำลายล้าง เสียงของข้ายืนยาวกว่าพันปี และข้าขอเรียกเจ้า ข้าขอสั่งให้เจ้าปฏิบัติตามข้า]”
ธีโอดอร์นั้นรู้สึกประหลาดใจมากกว่าคนอื่น
บทร่ายนั้นไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากการคำนวณสูตรเวทย์ระดับสูง ยิ่งบทร่ายเวทย์ยาวมากเท่าไร ยิ่งบ่งบอกถึงระดับของเวทมนต์นั้น
อย่างไรก็ตาม บทร่ายของซาโตเมอร์อยู่ในระดับที่อยู่นอกเหนือเวทย์ทุกอัน ไม่สิ มันไม่เคยมีแนวคิดเช่นนี้มาก่อน
ธีโอดอร์สามารถที่จะบอกได้เพราะพวกเขาอยู่รวมกันในร่างเดียวกัน ตั้งแต่วัยเด็กของซาโตเมอร์ไปจนถึงความตาย สูตรและการคำนวณเวทย์อัญเชิญสำหรับเขามันก็เปรียบเสมือนการหายใจ มันเป็นระดับของความพยายามที่ซึ่งจะเข้าได้ถึงเฉพาะช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ขณะที่เขาคิดเช่นนั้น บางอย่างก็ได้โผล่ขึ้นจากพื้นดินด้านหน้าเขา นี่คืออาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของผู้อัญเชิญที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ การร่ายคาถาอย่างรวดเร็วของซาโตเมอร์นั้นไม่มีใครสามารถเทียบเคียงด้วยได้ ไม่เว้นแม้แต่ธีโอดอร์
“[ข้าขอบูชา!] ตราสีแดงของ‘วงแหวนแห่งมัสเปลเฮล์ม’ที่ด้านหลังมือซ้ายเขาเริ่มลุกไหม้ขณะที่ซาโตเมอร์ร้องคำราม เขากำ’สร้อยคอของชาล็อต’ไว้ในมือขวาขณะที่เขาสังเวย
“[เหล่าผู้คนที่สูญเสียอาณาจักร เหล่าอัศวินผู้ที่สูญเสียราชา และเหล่าผู้วายชนม์ที่สูญสิ้นชีวิต จงจุดเปลวเพลิงแห่งความแค้น เหล่าผู้ที่ตกลงสู่ขุมนรก]”
มันคงเป็นเรื่องโกหกหากธีโอดอร์กล่าวว่าเขาไม่เสียดายมัน อย่างไรก็ตาม เขาได้เตรียมที่จะใช้สร้อยคอนี้เพื่อเป็นเครื่องบูชา เขาเชื่อว่าที่เหล่าวอร์ล็อคแห่งกลุ่มการค้าออร์คุสพบว่าพวกเขาอยู่ในทะเลเพราะ ร่องรอยของ’สร้อยคอของชาล็อต’
ฟู่!
จากนั้นสร้อยคอของชาล็อตก็ถูกเผาไหม้ และสัญลักษณ์บนมือซ้ายของเขาก็ส่องประกายออกมาราวกับมันพอใจ มันหมายถึงการเสนอนั้นได้รับการยอมรับ กล่าวอีกนัยหนึ่ง สัตว์อัญเชิญนั้นได้ตอบรับเขา ตอนนี้ เขาจำเป็นต้องเปิดประตูด้วยการเรียกขานชื่อของสัตว์อัญเชิญและใช้พลังเวทย์ของเขาเป็นตัวช่วย จากนั้นพวกเขาก็จะเสร็จสิ้น ไม่ต้องมีการคำนวณหรือการร่ายเวทย์อีกต่อไป
ขณะนั้นเอง ซาโตเมอร์ก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
‘เห้ นี่มันจะล้มเหลว’
-?!
ซาโตเมอร์ตระหนักถึงมันก่อน ตัวแปรที่ถูกมองข้ามไปเรื่องจากเขาไม่เคยมาไกลถึงขนาดนี้
‘ข้าจะใช้การเปรียบเทียบง่ายๆอย่างการตกปลา บทเวทย์เป็นคันเบ็ด ขณะที่สิ่งบูชาคือเหยื่อ แน่นอนเป้าหมายก็คือปลา ...งั้นอะไรคือสายเบ็ดละ?’
ธีโอดอร์คิดและได้คำตอบอย่างรวดเร็ว -.....ผู้อัญเชิญ?
‘นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง พูดตรงๆ มันเป็นจิตวิญญาณของเจ้า’ ซาโตเมอร์อธิบายต่อ ‘คันเบ็ดที่สมบูรณ์แบบ ปลาได้กินเหยื่อ และสิ่งเดียวที่เหลือก็คือการดึงสายเบ็ดขึ้น...’
-มันเป็นไปไม่ได้?
‘มันเป็นเพียงเล็กน้อย แต่เจ้านั้นขาดความแข็งแกร่ง หากเจ้าดึงมันในสภาพนี้ สายเบ็ดจะขาดและเวทมนต์จะล้มเหลว นอกเหนือจากความล้มเหลว จิตวิญญาณของเจ้าที่ใช้เป็นสายเบ็ดเองก็จะไม่ปลอดภัย’
ซาโตเมอร์เสร็จสิ้นคำอธิบายและยิ้มให้
[วัตถุนาม ‘ซาโตเมอร์’ ได้ร้องขอให้ภารกิจของเขาเสร็จสิ้น กำลังตรวจสอบสถานะของภารกิจและสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อตอบสนองต่อคำขอที่ไม่คาดคิดของเป้าหมาย....]
[เรายอมรับ,วัตถุนาม’ซาโตเมอร์’ มีคำร้องขอที่สมเหตุสมผล]
[ภารกิจได้รับการยืนยัน เราจะเริ่มถ่ายทอดวัตถุนาม’ซาโตเมอร์’ภายในสามสิบวินาที]
มันเป็นสิ่งที่เขาได้หวังเอาไว้ แต่ธีโอดอร์กลับตะโกนอย่างร้อนรน –หมายความว่าไงกัน?!
‘อะไร?นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการและเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ’
-…อย่ามาพูดบ้าๆ!
ธีโอดอร์มีหัวที่ดี เขาสามารถคาดเดาได้ว่าทำไมซาโตเมอร์จึงร้องคอให้ภารกิจเสร็จสิ้นและเหตุผลที่ระบบยอมรับ ความแข็งแรงที่เขาขาดไปสำหรับสายเบ็ดจะถูกปกคลุมด้วยวิญญาณของซาโตเมอร์
อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขาไม่สามารถยอมรับมันได้ ซาโตเมอร์ได้สูญเสียกระทั่งชีวิตและกระทั่งความฝันของเขาที่เขาพยายามจะทำให้บรรลุหลังจากตาย!ธีโอดอร์ไม่สามารถยอมรับได้ความสิ้นหวังนั้นได้!
-นี่เป็นความปราถนาของคุณ!คุณไม่เคยยอมแพ้จนกระทั่งคุณตาย!อย่ายอมแพ้มันในตอนนี้!อย่าหันหนีไป คุณควรที่จะเฝ้าดูจนจบ!
แม้ว่าธีโอดอร์จะประสบความสำเร็จในการอัญเชิญก็ตาม ซาโตเมอร์จะไม่ได้รับรางวัลใดๆสำหรับความสำเร็จนั้น ธีโอไม่สามารถยอมรับมันได้ ซาโตเมอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดยามเช่นเคย ‘เหอะ ทำตัวแบบนี้ เจ้าก็ดูเหมือนกับผู้แพ้อีกครั้ง’
-อาวุโส!
‘หุบปาก มันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าควรที่จะมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเจ้า’
ด้านหน้า?ธีโอดอร์จ้องมองออกไปจากตัวตนภายในของเขาและเห็นฉากเบื้องหน้าเขา
ตึง!
แรนดอล์ฟได้ไขว้ดาบสองเล้มของเขาและแทบจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ อย่างไรก็ตามข้อมือและหัวเข่าของเขาสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะแตกหัก มันเป็นหลักฐานว่าพวกเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว แม้กระทั่งอควาโล่เองก็ตกอยู่ในอันตรายราวกับเทียนที่เผชิญหน้ากับพายุ
“อัก...!แฮก...!”
หัวไหล่ของแรนดอล์ฟสั่นสะท้านขณะที่เขาพยายามจะหายใจ แม้กระทั่งนักดาบระดับสูงยังไม่สามารถที่จะควบคุมลมหายใจของเขาได้ขณะที่ถูกโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งจากอัตตา และนั่นไม่ได้แตกต่างไปจากอควาโล่ ผู้ที่พยายามปกป้องเขา
“อ้ากก!”อควาโล่กรีดร้องและรีบหนีจากคมเขี้ยว
เกล็ดสีฟ้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานจากเลือดของเธอ และบนร่างกายของเธอไม่มีส่วนใดเลยที่ไม่มีรอยเลือดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แม้กระทั่งริมฝีปากของเธอยังเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาจะทนอีกได้นานแค่ไหน?ดูเหมือนว่าเธอจะพึมพำบางอย่างออกมาซึ่งธีโอไม่ได้ยิน
ซาโตเมอร์ ผู้ที่แบ่งปันการมองเห็นกับธีโอ ได้ตอกตะปูดอกสุดท้าย
‘หนุ่มน้อย?ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อปกป้องเธออยู่งั้นหรอ?’
ธีโอดอร์ไม่สามารถที่จะพูดสิ่งใดได้อีก นอกจากนี้ ระยะเวลาการสิ้นสุด30วินาทีเองก็อยู่ในสายตาเขา
ซาโตเมอร์พูดด้วยความจริงว่า “อย่ากังวลเกี่ยวกับข้า จงคิดเกี่ยวกับคนเป็นมากกว่าคนตาย ความปราถนาของข้าใกล้จะสมบูรณ์แล้ว ข้าไม่ได้บอกเจ้าไปแล้วงั้นหรอ? มันเป็นเรื่องที่ดีแม้ว่าข้าจะตายก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่จะใส่คำพูดของเจ้าเข้าไปในการกระทำ’
-…คุณพอใจกับสิ่งนั้นแล้วงั้นหรอ?
‘พอใจ?แน่นอนว่าไม่ ข้าไม่เคยได้รับมันตั้งแต่ข้าเกิดและตาย’
ขณะที่ใบหน้าของธีโอดอร์บิดเบี้ยวจากความนั้น ระยะเวลา30วินาทีก็ได้สิ้นสุดลง
[กำลังถ่ายทอดวัตถุนาม ‘ซาโตเมอร์’]
-อึก!
‘อาวุโส!’ ธีโอดอร์ร้องออกมาอย่างกะทันหันและสังเกตเห็นว่าการควบคุมร่างกายได้ถูกส่งกลับมาหาเขาแล้ว เขาชื่นชมความสมบูรณ์แบบของวงเวทย์ที่ถูกร่างและฟังเสียงที่แผ่วเบาของซาโตเมอร์
-ตอนนี้ ข้าได้ทำทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่การร่ายเวทย์ไปถึงการสร้างวงเวทย์....ข้าได้สอนเจ้าไปแล้วใช่มั้ย?
‘ใช่ครับ’
-งั้นมันก็พอแล้ว ในที่สุด ไม่ใช่ว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในเวทย์อัญเชิญนี้คือ....ข้า ซาโตเมอร์....?ความเสียใจของข้า ความฝันของข้า ความด้อยค่านี้ ความคิดนี้ ข้าขอมอบมันทั้งหมดให้แก่เจ้า....!ข้าสามารถที่จะโยนชีวิตของข้าออกไปได้แล้ว
เป็นหลักฐานการตัดสินใจของเขา ซาโตเมอร์ ไม่รู้สึกเสียใจเลยขณะที่จิตวิญญาณของเขาถูกดูดซับ ทัศนคติของเขาเข้มแข็ง ซาโตเมอร์จ้องมองไปที่ธีโอดอร์ผู้ที่อ่อนวัยกว่าเขาที่สามารถไล่ตามชะตากรรมที่แสนเศร้าของเขา ซาโตเมอร์ได้ ผู้ที่ปลดปล่อยเขาจากชะตากรรม
สำหรับความหวัง แต่ยังคงเยาว์วัยธีโอดอร์ เขาพูดขึ้น –ข้าจะปล่อยมันให้เจ้า
นี่คือตอนที่จอมเวทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยใหม่ได้ยอมแพ้ในบทบาทของเขา
-เวทย์อัญเชิญ ความสำเร็จใหม่ๆ....ข้ากำลังจะมอบทุกอย่างให้แก่เจ้า เกียรติยศ....จงตระหนักถึงมัน
“.....ครับ มันเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
-หากเจ้าเข้าใจแล้ว....เรียกมันซะ ตอนนี้
ด้วยขอยกเว้นบางอย่าง เวทย์อัญเชิญมักจะถูกเรียกใช้โดยการขานชื่อของตัวตนที่ต้องการจะอัญเชิญ ขณะที่ธีโอดอร์พยายามขยับริมฝีปากของเขา เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของซาโตเมอร์ก็ร้องออกมา -อัญเชิญ!!!
ในเวลาเดียวกัน ธีโอดอร์ก็ตะโกนเสียงดังลั่น “[จงมา ฟาฟเนอร์!]”
***
ทันใดนั้น ช่วงเวลาที่มันปรากฏตัว โลกก็ได้ถูกเผาไหม้ มันเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากไฟสีขาว
ความมืดได้ถอยหนี เมฆทั้งหมดบนท้องฟ้าต่างระเหย และระดับน้ำทะเลก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์กำลังแผดเผา มันร้อนจนเกือบจะเผาไหม้ดวงตา ขณะที่เรือประมงบางลำที่อยู่ใกล้ชายฝั่งต่างละลาย น้ำทะเลที่เย็นเฉียบเดือดปุดๆราวกับลาวา และปลาที่กำลังว่ายน้ำต่างก็ตกตายไปโดยไม่รู้ตัว
และระยะเวลาที่ผ่านไปนั้นเพียงแค่วินาทีเดียว
เมื่อฟาฟเนอร์ลงมาสู่โลกวัตถุ รัศมีสามกิโลเมตรก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นขุมนรกที่น่าหวาดหวั่น
นื่คือการดำรงอยู่ของเปลวเพลิงที่แผดเผาต้นไม้โลกในยุคโบราณกาลและเปลี่ยนที่ราบสีแดงให้กลายเป็นดินแดนที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ฟาฟเนอร์เป็นไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ธีโอดอร์ได้เตรียมไว้
‘…….!
บางคนอาจจะบอกว่ามันไร้สาระ แต่พวกเขาไม่สามารถทำให้เกิดเสียงใดๆได้เพราะอากาศมันไม่สั่นสะเทือน
อควาโล่เงยหน้าขึ้นมองมังกรสีขาวบนท้องฟ้าด้วยดวงตาที่เปียกชื้นและเรืองแสง แสงและความร้อนที่หลั่งไหลออกมาจากเกล็ดของฟาฟเนอร์ ทำให้มันกลายเป็นที่ที่มนุษย์ปกติไม่สามารถอยู่อาศัยได้ มันเป็นมังกรโบราณที่สามารถฆ่าเธอได้ง่ายๆ!
เมื่อรู้ถึงพลังอำนาจ อควาโล่จึงหมดความพยายามที่จะดับความร้อนและพยายามจะไม่เป็นที่สังเกต
“เทพมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า โปรดอย่าสนใจสาวสวยผู้นี้เลย”
“……”
หากแรนดอล์ฟตื่นขึ้น เขาคงจะหัวเราะหลังจากได้ยินคำอธิษฐาน โชคดีที่เขาถูกลากเข้าสู่มือของอควาโล่และสูญเสียสติอยู่ อย่างไรก็ตามคำอธิษฐานของเธอจะเข้าสู่รูหูของเหล่าเทพเจ้าที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในจักรวาลหรือไม่?
หลังจากผ่านไปสองวินาทีหลังจากฟาฟเนอร์ถูกอัญเชิญ.....
[ระบุเป้าหมาย เริ่มต้นการกำจัด]
ดวงตาสีขาวที่ร้อนแรงของฟาฟเนอร์จับจ้องไปยังบางสิ่งที่ลอยอยู่บนทะเล ครึ่งหนึ่งของธารน้ำแข็ง ที่ซึ่งเคยถูกใช้เป็นพื้นที่ต่อสู้ ได้หลอมละลายไปแล้ว อัตตาได้เปลี่ยนร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเล เช่นเดียวกับตอนที่มันสู่กับอควาโล่
-บะ-บัดซบ....! อัตตาคิดอย่างสิ้นหวังเมื่อสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป