ตอนที่ 46: บนเรือ (1)
สิบนาทีต่อมากองเรือของพ่อค้าก็ได้เทียบท่า คนงานเริ่มขนกล่องไม้และวางซ้อนกันบนท่าเทียบเรือ แม้สภาพอากาศจะเป็นแบบนี้คนงานก็ยังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ พ่อค้าหลายคนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราลงมาจากเรือและพวกเขาก็เริ่มคุยกับคนที่รับผิดชอบสินค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ พวกเขากำลังรอเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
เรือใบลำสุดท้ายเข้าเทียบท่าที่แองเจเล่รออยู่ วัยรุ่นหลายคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรวยกำลังมองมาที่เขาและท่าเรือผ่านหน้าต่างของเรือ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ในขณะเดียวกันก็มีสีหน้าที่เย่อหยิ่งที่แองเจเล่สามารถมองเห็นได้ มีแผ่นไม้ขนาดใหญ่ที่เป็นทางเดินสำหรับผู้คน แผ่นไม้มีสีดำและสีแดงหนาประมาณ 50 เซนติเมตรและกว้างประมาณ 7-8 เมตร
ชายวัยกลางคนยืนอยู่บนดาดฟ้าพร้อมกับลูกเรือหลายคนตะโกนใส่ฝูงชนบนท่าเทียบเรือว่า'ขึ้นเรือ!' ด้วยสัญญาณนี้มันจึงทำให้คนหลายคนเริ่มขึ้นเรือไปทีละคนๆ แองเจเล่แสดงการอำลาโดยการพยักหน้าไปที่อาจารย์อดอล์ฟก่อนที่จะขึ้นไป
"อย่าลืมคุยกับแนนซี่ เธอจะคอยดูแลเจ้า" อดอล์ฟพูดเสียงนี้มีเพียงแองเจเล่เท่านั้นที่สามารถได้ยิน แองเจเล่กำลังเดินบนทางเดินไม้เมื่อเขาได้ยิน เขาพยักหน้าเพื่อให้อาจารย์รู้ว่าเขาได้รับข้อความ มีคนประมาณ 40 คนมีคนส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่น 7-8 คน พวกเขาทั้งหมดดูสงบและพยายามค้นหาคนในวัยเดียวกันในหมู่ฝูงชน แองเจเล่คิดถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเป็นพ่อมดฝึกหัดเหมือนเขาขณะที่คนอื่นๆเป็นเพียงการบังหน้าเพื่อป้องกันจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรือ
ผู้คนส่วนใหญ่ไปขนสัมภาระ มีเพียงวัยรุ่นประมาณ 10 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่บนดาดฟ้าเรือ มีชายหนุ่มหล่อเหล่าผมแดงอายุประมาณ 18 ปียืนอยู่ข้างๆแองเจเล่ เขายินอยู่กับเด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ทั้งสองคนมองคนอื่นอย่างระมัดระวัง ด้านขวาของดาดฟ้าเรือเป็นผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวขอบข้างล่างเป็นลายลูกไม้ เธออายุประมาณ 14-15 ปีและแม้ว่าการแต่งตัวของเธอจะสวยแต่เธอก็ไม่ค่อยกลมกลืนกับคนที่อยู่บนเรือและยังคอยตรวจสอบคนอื่นๆ
สายตาของแองเจเล่มองไปที่วัยรุ่นทั้งสองคนเพราะพวกเขามีรัศมีที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมบลอนด์สวมชุดขุนนางสีขาวทอง คางของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อแสดงความภาคภูมิใจราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับการเป็นศูนย์กลางของความสนใจ มีดาบที่ข้างเอวของเขา เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ
มีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่มีสีหน้าจริงจัง เธอดูเหมือนคนที่ไม่ชอบยิ้ม แองเจเล่คิดว่าเธอต้องเป็นนักเรียนที่เรียนหนัก เช่นเดียวกับชายหนุ่มและผู้หญิงผมหางม้าเป็นสีบลอนด์ยาว เธอมีร่างผอมแต่สัดส่วนที่ดีและสวมชุดสีขาว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนก็คือโล่ที่แขนของเธอ ช่วยไม่ได้ที่ชายหนุ่มหลายคนรอบๆดาดฟ้าเรือจะมองไปที่เธอ อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ทราบว่าเธอดึงดูดความสนใจของผู้ชายดังนั้นจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่แยแส
แองเจเล่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอเป็นแนนซี่ผู้หญิงที่อาจารย์อดอล์ฟพูดถึงและเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลเขา พ่อของเธอเป็นดยุคในพันธมิตรแอนดีสขณะที่แม่ของเธอเป็นเจ้าหญิงของประเทศเล็กๆ แนนซี่มีชื่อเสียงในโรงเรียนและเกือบทุกคนเคารพเธอ เธอเคยเรียนภาษาแอนแมคกับอดอล์ฟตอนที่เธอยังเด็กและเธอก็นับถือเขามาก นั่นคือเหตุผลหลักที่เธอตัดสินใจช่วย
แนนซี่สังเกตเห็นการมองของแองเจเล่จากนั้นเธอก็เดินตรงมาหาแองเจเล่ทันที
"เจ้าคือแองเจเล่ ริโอใช่ไหม" แนนซี่ถามเสียงเย็นชา
"ใช่ เจ้าคือแนนซี่ใช่หรือไม่ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าหลายครั้งในโรงเรียน" แองเจเล่ตอบอย่างสุภาพ เมื่อแนนซี่เข้ามาใกล้เขาซีโร่ก็ส่งคำเตือนออกมาเนื่องจากการรู้สึกได้ถึงรัศมีพลังงานที่แข็งแกร่งออกมาจากเธอและรายงานบอกว่าเธอน่าจะมีการครอบครองอุปกรณ์เวทมนต์ถึง 79% แองเจเล่รู้พลังของอุปกรณ์เวทมนต์ ปัจจุบันเขายังไม่มีวิธีการจัดการกับพลังดังกล่าว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งระดับอัศวินแต่มันก็ไร้ประโยชน์กับการจัดการสิ่งเหล่านี้
"แนนซี่? ข้าเคยได้ยินชื่อเจ้ามาก่อน" ชายหนุ่มผมหางม้าเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
.
"ชื่อของข้าคืออลิ แวน นอร์แมน ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร" เขาพูดต่อ
"ใช่ เจ้าคืออลิบุตรของเจ้าชายอมน" แนนซี่พูดอย่างสุภาพขณะที่เธอหันมาหาเขา ไม่มีใครกล้าที่จะละเลยบุตรของเจ้าชาย
"ถ้าอย่างนั้นเขาก็คือบุตรชายคนที่สองของเจ้าชาย..."
"ข้ารู้ว่ามันเป็นเขา" ผู้คนรอบๆเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับอลิ เมื่ออลิเข้ามาซีโร่ก็เตือนแองเจเล่อีกครั้งในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดขึ้นเมื่อแนนซี่ใกล้เข้ามาหาเขา เห็นได้ชัดว่าเขาได้ครอบครองอุปกรณ์เวทมนต์เช่นกัน
ซีโร่สามารถรับรู้ได้ถึงรัศมีพลังงานที่แข็งแกร่งที่ออกมาจากตัวพวกเขาซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาอุปกรณ์ของพวกเขาสามารถใช้ได้ตลอดเวลา อุปกรณ์เวทมนต์เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นอยู่ไปจุดสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่าใครก็ตามที่อยู่บนดาดฟ้า แองเจเล่รู้ความจริงของอุปกรณ์นี้นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่มันจะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ได้เพียงเสี้ยววินาที อัศวินสองคนที่เขาเคยปะทะก่อนหน้านี้พวกเขาเริ่มหลบหนีทันทีที่พวกเขาเห็นแองเจเล่นำแหวนนี้ออกมา อย่างไรก็ตามพวกเขายังถูกสังหาร แกรนด์อัศวินน่าจะมีโอกาสรอดชีวิตจากการอุปสรรคนี้ได้แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นก็แทบจะเป็นศูนย์
อลิและแนนซี่เริ่มบทสนทนาเล็กๆ ไม่นานหลังจากนั้นนักเรียนคนอื่นจากตระกูลขุนนางชั้นสูงก็เข้าร่วมสนทนา แต่เพราะลำดับชั้นของทั้งสองคนพวกเขาค่อนข้างจะสงวนท่าทีและแทบไม่มีโอกาสได้พูด หลังจากที่พูดคุยกันไปสักระยะหนึ่งก็มีผู้ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำปรากฏบนดาดฟ้าพร้อมกับวัยรุ่นที่แองเจเล่เคยเห็นกำลังตามหลังผู้ชายคนนี้มา ร่างกายของผู้ชายคนนี้ถูกซ่อนอย่างสมบูรณ์ภายใต้ชุดคลุมซึ่งแองเจเล่สามารถมองเห็นได้เพียงหน้าของเขาเท่านั้น
"นักเรียนของมารัวข้าคิดว่าเจ้ารู้เกี่ยวกับกฎอยู่แล้ว" ผู้ชายคนนี้พูดเสียงเบา
"ครับ รับการทดสอบและนั่งรออย่างเงียบๆจนกว่าเรือจะออก" อลิก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งตัวก่อนที่จะพูด คนอื่นๆดูเหมือนพวกเขาไม่คิดจะทำอะไร
"กฎนั้นง่ายมาก ข้ารู้ว่าบางคนเกลียดกัน แต่บนเรือลำนี้ไม่มีใครเป็นศัตรูของเจ้า อย่าทำอะไรโง่ๆเพียงเพราะเจ้าเห็นคนที่เจ้าไม่ชอบ" ชายคนนี้พยักหน้าขณะที่เขาพูด
"พวกเจ้าไปที่ห้องโถงของชั้นสี่" ชายคนนี้พูดขณะที่ชี้ไปทางเข้าด้านข้าง
"ตามข้ามา" แนนซี่มองไปที่แองเจเล่และพูด
แองเจเล่รู้ว่าแนนซี่จะช่วยเขาให้ออกไปและมันจะเป็นการฉลาดที่จะอยู่กับใครบางคนที่มีอุปกรณ์เวทมนต์ เขาพยักหน้าและตามเธอจากด้านหลัง พวกเขาเริ่มเข้าไปในทางเดินหลังจากที่ผ่านทางเข้า คนที่มากับชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรนอกจากการเฝ้ามองขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่นั่น บางคนหัวเราะและบางคนก็พูดคุยและมีผู้หญิงฝาแฝดสองคนที่ทำให้แองเจเล่สนใจเนื่องจากพวกเธอน่ารักมาก ซีโร่เตือนเขาเกี่ยวกับอุปกรณ์เวทมนต์หลายครั้งขณะที่เขามองไป มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีอุปกรณ์เวทมนต์เช่นกัน
เรือได้เดินทางผ่านหลายอาณาจักรเพื่อรวบรวมหัวกะทิในระหว่างการเดินทาง พวกเขาส่วนใหญ่มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงเนื่องจากส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าหรูหรา จากมุมมองนี้มันก็เหมือนกับว่าองค์กรพ่อมดกำลังแยกเด็กธรรมดาออกจากโลกของพวกเขา แม้ว่าเด็กจากตระกูลทั่วไปจะมีพรสวรรค์ในการเป็นพ่อมดพวกเขาก็ไม่รู้ถึงกระบวนการสรรหานี้ มันค่อนข้างคล้ายกับแองเจเล่ที่เขาไม่ได้มาที่เรือถ้าไม่มีคำแนะนำของอดอล์ฟ
ภายในทางเดินพวกเขาเดินลงบันไดขณะที่ผู้ชายในชุดคลุมสีดำนำทางไปจนถึงห้องโถงชั้นสี่อย่างรวดเร็ว กำแพงถูกสร้างขึ้นด้วยไม้แดงและมีภาพวาดขนาดใหญ่ที่สวยงามอยู่ นอกจากนี้ยังมีโคมแขวนคริสตัลขนาดใหญ่ที่เพดาน มีเทียนที่ไม่ได้ส่องสว่างอยู่บนนั้น ห้องโถงว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เก้าอี้หรือโต๊ะ หลังจากที่ชายคนนี้เดินเข้าไปตรงกลางของห้องโถงเขาก็หันกลับมาหาพวกเขา
"มีใครที่อยู่ขั้นที่สามแล้วอายุต่ำกว่า 18 ปีที่นี่หรือไม่ ถ้ามีก็โปรดมายืนข้างหลังข้า" เขาพูดด้วยท่าทีอ่อนโยนราวกับว่าเขาค่อนข้างเอาใจใส่พ่อมดฝึกหัดที่มีพรสวรรค์ มีคนสี่คนยืนก้าวออกไปข้างหน้าและไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนี้ อลิและแนนซี่เป็นสองในสี่คนนั้น แองเจเล่เคยเห็นอีกสองคนมาก่อน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวและอีกคนเป็นผู้ชายผมดำ อย่างไรก็ตามเขาสวมเสื้อผ้าที่เหมือนขุนนางทั่วไปดังนั้นเขาแทบจะไม่ดึงดูดความสนใจจากใคร แองเจเล่ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะเป็นพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สาม
"ชื่อและอายุ" ผู้ชายชุดคลุมสีดำถาม
"อลิอายุ 17 ปี"
"แนนซี่อายุ 16 ปี"
"เกเบ็นอายุ 16 ปี"
"จาเร็ดอายุ 14 ปี"
"ว้าว..." ผู้คนรอบๆตกตะลึงและพวกเขาก็ตรวจสอบผู้ชายผมดำ แม้ชายในชุดคลุมสีดำก็ตกตะลึงอย่างมากและไม่สามารถหยุดตัวเองจากการตรวจสอบเด็กผู้ชายคนนี้อย่างใกล้ชิด
"เจ้าอายุ 14 ปีจริงๆหรือ"
"ใช่ วันเกิดของข้าคือเดือนที่แล้ว มันมีปัญหาอะไรหรือไม่" จาเร็ดถามอย่างใจเย็น