ตอนที่ 45: ออกเดินทาง (2)
สองวันต่อมา...
เรือจากองค์กรพ่อมดอยู่ระหว่างทางห่างจากที่นี่ห้าวัน แองเจเล่กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลของเขาครั้งหนึ่งวางแผนที่จะพูดกับพ่อของเขา อย่างไรก็ตามบารอนก็ออกไปปฏิบัติภารกิจที่ที่ราบแอนเซอร์ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาสนุกกับแม็กกี้และซีเลีย นอกจากนี้เขายังทิ้งจดหมายไว้ให้พ่อของเขา เขาตัดสินใจที่จะอยู่ในโรงเรียนระหว่างรอเรือขณะที่เขายังคงฝึกทักษะดาบและทักษะการยิงธนู ในขณะที่เขาฝึกฝนเวทมนต์ทุกวันเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขามีคุณภาพชีวิตที่ดี
หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันแองเจเล่ก็ไปที่สนามฝึกซ้อมทักษะการยิงธนู สนามฝึกเป็นสนามหญ้าและมีเป้าอยู่มากมายที่สร้างขึ้นภายใต้เต็นท์ขนาดใหญ่ แต่ละคนมีเส้นอยู่ข้างหน้าพร้อมกับธนูที่ห้อยอยู่ด้านข้าง หญ้าส่องประกายเมื่อสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ ลมพัดผ่านแองเจเล่แต่มีสิ่งเดียวที่เขาสามารถรู้สึกได้ก็คือความร้อนจากดวงอาทิตย์
มีคนกำลังฝึกซ้อมในสนามฝึกเมื่อแองเจเล่เข้ามา เขาเลือกเส้นที่อยู่ห่างทางด้านขวาเหมือนเช่นเคย เขาหยิบธนูไม้สีน้ำตาลที่อยู่ด้านข้างและดึงสายธนูหลายครั้ง
"เยี่ยม มีใครบางคนคอยดูแลธนูเหล่านี้อย่างดี" แองเจเล่พูดและพยักหน้า เด็กผู้หญิงหลายคนกำลังเดินเข้ามาในสนามฝึกแต่พวกเธออยู่ที่เส้นทางด้านซ้าย แองเจเล่ยังได้ยินการสนทนาของพวกเธอ
"แมรี่เจ้าอยากลองไหม" หนึ่งในเด็กผู้หญิงถาม
"แน่นอน" เด็กผู้หญิงที่ชื่อแมรี่ตอบ แองเจเล่ได้ยินเสียงสายธนูเมื่อมันถูกปล่อยจากการดึงอย่างเต็มที่ แองเจเล่อยากรู้เล็กน้อยและหันไปมองเส้นของพวกเธอ เขาเห็นลูกธนูไม้บินข้ามเส้นแต่มันไม่ได้ผ่านเป้า 20 เมตรก่อนที่จะตกลงพื้น
"ยิงได้ดี!"
"ทักษะเยี่ยมมาก!"
"แมรี่เจ้าทำได้ดีมาก!"
เด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆแมรี่ดูแปลกใจท่าทางเหมือนไม่ได้แกล้งทำ เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคิดว่าผลมันออกมาดี
"20 เมตรน่าจะเป็นผลที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถทำได้ แต่แมรี่ก็ทำเหมือนง่ายๆ!"
"ข้าด้วย!"
"แมรี่ ซัวรอนเจ้าเป็นนักธนู!" เด็กผู้หญิงยังคงสรรเสริญแมรี่
"พวกเจ้ากำลังเล่นสนุกใช่ไหม" แมรี่ถามติดตลก
"พวกเราไม่ได้ทำ ฮ่าฮ่า" พวกเธอเริ่มหัวเราะ
"ถ้าพี่ชายของข้าอยู่ที่นี่อย่างน้อยเขาก็จะโดนเป้า 100 เมตรไม่มีค่าอะไรกับเขา" แมรี่พูด
"งั้นหรือ พี่สาวของข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน เธอสามารถยิงเป้าที่วงแหวนที่ห้าได้อย่างง่ายดาย" เป้าที่พวกเขาใช้ในโรงเรียนเป็นเป้ามาตรฐานที่มีเก้าวงแหวนแล้วมีจุดกลางเป้าอยู่ตรงกลาง นักเรียนทั่วไปแทบไม่สามารถถูกเป้าได้ ถ้าใครถูกวงแหวนที่ห้าได้เขาก็จะได้คะแนนสูงในวิชาการยิงธนู
"พูดถึงทักษะการยิงธนูข้าได้ยินมาว่าของแองเจเล่น่าประทับใจ เขาสามารถถูกวงแหวนที่เก้าภายใน 9 ครั้งจาก 10 ครั้ง บางคนบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดของโรงเรียน มันเป็นความจริงใช่ไหมเคทลิน" หนึ่งในผู้หญิงถาม
"แองเจเล่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เขาพาข้ามาที่สนามยิงหลายครั้งเมื่อพวกเรากำลังเดทกัน การถูกวงแหวนที่เก้าในระยะ 100 เมตรไม่เป็นปัญหากับเขาเลย" เด็กผู้หญิงพูดด้วยเสียงสงบแต่เธอดูโอ้อวด
แองเจเล่รู้สึกอึดอัดใจหลังจากที่ได้ฟังเสียง นั่นคือเด็กผู้หญิงที่แองเจเล่คนเดิมตกหลุมรักด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจที่จะไม่ฟังเรื่องไร้สาระของเธอ เขาคว้าลูกธนูจากซองลูกธนูและแนบมันกับธนู แองเจเล่ไม่ได้ขอให้ชิปช่วยเล็ง เพียงแค่ยิงไปโดยอาศัยสัญชาตญาณและความจำของกล้ามเนื้อ ก่อนหน้านี้เขาสามารถยิงลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างแม่นยำโดยอาศัยชิป แต่ตอนนี้เขาสามารถเล็งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องขอให้ชิปช่วยเหลืออีกต่อไป ลูกธนูไม้ที่เขายิงได้พุ่งไปปักจุดกลางเป้าที่ห่างออกไป 100 เมตร มันเป็นผลงานที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ บางคนเริ่มเชียร์ขณะที่พวกเขาแทบไม่มีโอกาสเห็นใครบางคนยิงได้แม่นยำแบบนี้
แองเจเล่ไม่ได้หยุดยิงลูกธนูแต่เขาหยุดเล็งไปที่กลางเป้าและเลือกยิงเพียงวงแหวนที่สามหรือสี่เท่านั้น เขายังคงยิงไปเรื่อยๆแต่ผู้คนก็หยุดดูเขา แองเจเล่ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากนักเพราะเขาต้องการเพียงแค่ฝึกขั้นพื้นฐานเท่านั้น หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีเขาก็คว้าผ้าเช็ดหน้าเพื่อเช็ดเหงื่อออกหลังจากที่ซองลูกธนูว่างเปล่าไปสามซอง แองเจเล่ไม่ได้ใช้ที่ป้องกันนิ้วเพราะนิ้วของเขาแข็งแรงพอๆกับอัศวิน
แองเจเล่วางธนูลงและเดินไปตามทางเดิน เขาตัดสินใจที่จะทักทายเด็กผู้หญิงเมื่อเขาเดินผ่าน มันเป็นเด็กผู้หญิงที่แองเจเล่คนเดิมชอบดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน แองเจเล่หันกลับไปและเดินไปหาพวกเธอ ผู้หญิงห้าคนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข
"มีอะไรที่พวกเราสามารถช่วยได้บ้าง" หนึ่งในผู้หญิงถามขึ้น
"เจ้าคือเคทลินใช่ไหม ไม่ได้เจอกันนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" แองเจเล่เดินตรงไปหาสาวผมบลอนด์และถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พวกเธอหยุดพูดและมองหน้ากัน
"ข...ข้าไม่ใช่เคทลิน เธออยู่นั่น..." เด็กสาวผมบลอนด์พูดและชี้ไปทางหญิงสาวผมบลอนด์อีกคนหนึ่งที่อยู่ทางด้านขวาของเธอที่มีการแสดงออกแปลกๆ
"เอาล่ะ...." แองเจเล่พูดไม่ออกก่อนที่เขาจะเริ่มยิ้มอีกครั้ง
"ข้าแองเจเล่ เคทลินไม่ได้เจอกันนานเลย" แองเจเล่พูดขณะที่เขาหันไปทางหญิงสาวทางด้านซ้ายมือของเขา เธอรู้ว่าการโกหกของเธอได้ถูกเปิดเผยและ'เพื่อน'ของเธอก็มองไปที่เธออย่างเหยียดหยาม
ภารกิจของแองเจเล่ประสบความสำเร็จดังนั้นเขาจึงพอใจ เขาอยากจะแสดงให้สาวๆเหล่านี้รู้ว่าเขาไม่ได้คุ้นเคยกับเคทลิน พวกเธอจะกระจายข่าวลือให้เขา แองเจเล่ตายเพื่อผู้หญิงคนนี้ระหว่างการแข่งขัน แต่เธอก็ไม่ได้มาเยี่ยมหลังจากที่นั้น คนงานพาเขาขึ้นรถม้าและนำเขากลับไปที่ปราสาทเพียงลำพัง แม้ว่าตอนนี้แองเจเล่จะเป็นคนที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงแต่เขาก็ไม่ต้องการให้เธอใช้ชื่อของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แองเจเล่โกรธมากเมื่อเขาได้ยินว่าเคทลินพูดอะไรเมื่อเธอคุยกับวิแว้ก สถานการณ์ได้กลายเป็นเรื่องอึดอัดใจและในท้ายที่สุดเคทลินก็วิ่งหนีออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง
"แองเจเล่ เคทลินบอกว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของเธอ มันเป็นความจริงหรือ" สาวผมบลอนด์ถาม
"ไม่มีทาง" แองเจเล่ส่ายหัว "พวกเราเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากอาจารย์คนเดียวกันในรูดิน ข้าไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้น" แองเจเล่พูดต่อก่อนที่จะหัวเราะ
"ข้ารู้แล้ว แองเจเล่เจ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในโรงเรียนของเราและเราทุกคนรู้ว่าเจ้าเก่งในการยิงธนูและภาษา" แมรี่ผู้หญิงผมสั้นสีดำพูด แองเจเล่พูดคุยกับกลุ่มผู้หญิงสักพักหนึ่งและกลับไปที่หอพัก เขาได้ทำตามเป้าหมายของเขาแล้วดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลากับพวกเธออีกต่อไป
แองเจเล่รู้ว่าเคทลินกำลังคิดอะไรอยู่และรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร เคทลินคิดว่าแองเจเล่จะมีความสุขมากที่เธอพูดว่า'แองเจเล่เป็นคู่หมั้นของข้า' และพยายามทำให้ดูเหมือนกับว่าแองเจเล่อยู่ไม่ได้หากปราศจากเธอ การเดทกับแองเจเล่จะเพิ่มชื่อเสียงของเธอและความชื่นชมจากนักเรียนคนอื่นๆเนื่องจากนักเรียนหลายคนชื่นชมแองเจเล่ เธอคิดว่าปัจจุบันแองเจเล่ยังคงรักเธอ ไม่เคยยอมแพ้โอกาสที่จะอยู่กับเธอ อย่างไรก็ตามแองเจเล่ไม่เหมือนหนุ่มเจ้าสำราญที่อ่อนแออีกต่อไปและรู้ว่าเขาควรทำอย่างไร
หลังจากที่ข่าวลือได้แพร่ออกไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตามคนเริ่มลงมือจัดการ'แคนเดีย'และเพื่อนของพวกเขาเหมือนเรื่องตลก ไม่มีใครปฏิบัติกับพวกเขาอย่างจริงจังอีกต่อไป พวกเขาซุบซิบระหว่างที่รับประทานอาหารเย็น วิแว้กไม่ได้พยายามสอนบนเรียนพวกเขาหลังจากที่ฟังความจริงเพียงแค่เตือนพวกเขาหลายครั้งเท่านั้น เขาบอกว่ามันเป็นเพราะพวกเขาเคยรู้จักกับแองเจเล่ แต่ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นแองเจเล่ก็ไม่ได้คิดที่จะพัวพันเรื่องนี้อีกต่อไป
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อย่างรวดเร็วและความอึดของแองเจเล่ก็เพิ่มถึง 2.9 เรือจากองค์กรพ่อมดได้มาถึงท่าเรือ
ที่ไหนสักแห่งที่ท่าเรือมารัวตรงเส้นทางเล็กๆที่ทำด้วยหินที่ยาวถึงทะเล มีชั้นหินสีดำหนาอยู่ข้างๆเส้นทาง คลื่นได้ปะทะกับท่าเรืออย่างไม่หยุดหย่อน แองเจเล่กำลังรอพร้อมกับคนอื่นๆอีกสิบคน เขาสวมชุดนักดาบสีขาว มีกระเป๋าสะพายหลังสีดำอยู่ที่หลังและดาบกางเขนสีเงินอยู่ที่เอว ร่างกายของแองเจเล่มีความกระชับและแข็งแรงซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของเขา อดอล์ฟและองครักษ์สองคนกำลังยืนอยู่ข้างๆเขา พวกเขาอยู่ที่นี่เพราะมีเพียงพวกเขาที่รู้ว่าที่ไหนที่เรือขององค์กรพ่อมดจะมา อดอล์ฟต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ตอนเที่ยงมีแสงแดดส่องลงมาตลอดเวลาราวกับว่ามันกำลังแผดเผาพื้น ความร้อนเป็นเหมือนคลื่นของทะเลทำให้ผู้คนมีเหงื่อไหลออกมาจากใบหน้า ในที่สุดกองเรือใบขนาดใหญ่ของพ่อค้าก็ได้ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าขณะที่มุ่งหน้ามาที่ท่าเรือ ทุกลำมีสัญลักษณ์ 'วาฬและตรีศูล'อยู่บนธงและเรือ ส่วนใหญ่จะบรรทุกสินค้าจำนวนมาก
"นั่นคือเรือพ่อค้าของกลุ่มการค้าทางทะเล ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าได้ขึ้นลำสุดท้าย อย่าทำพลาด" อดอล์ฟกระซิบข้างหูของแองเจเล่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เข้าใจแล้ว" แองเจเล่พูดขณะที่เขาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
แองเจเล่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองการมาถึงของเรือใบขนาดใหญ่ ท้องฟ้าและมหาสมุทรคล้ายกับไพลินราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน เรือใบขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยสีฟ้าและสีขาวกำลังมาใกล้ๆท่าเทียบเรืออย่างช้าๆ มีลมแรงมากทำให้ผมของแองเจเล่ลู่ไปขางหลัง แองเจเล่ยังได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบกับท่าเรือ
มีนกทะเลสีขาวสองตัวได้ร้องและบินผ่านฝูงชน คนรอบๆกำลังพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อขึ้นเรือใบขนาดใหญ่ของกลุ่มการค้า มีผู้คนประมาณร้อยคนที่อยู่บนทางยาว 100 เมตรที่ยาวถึงท่าเรือ
"หยุดมองคนเหล่านี้และสนใจแต่ด้านหน้า มีพวกเขาไม่มากที่จะขึ้นเรือ" อดอล์ฟพูดขณะที่ตบเบาๆไปที่ไหล่ของแองเจเล่
"นั่นเป็นความจริงงั้นหรือ มีผู้คนเหมือนข้ามากแค่ไหนกันอาจารย์รู้หรือไม่" แองเจเล่เข้าใจสิ่งที่อดอล์ฟกำลังพยายามพูดดังนั้นเขาจึงถาม
"ข้าไม่แน่ใจแต่คนหนุ่มสาวที่ขึ้นเรือลำสุดท้ายอาจจะมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับเจ้า เจ้าจะรู้เมื่อเจ้าขึ้นไป จะมีใครบางคนอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟัง" อดอล์ฟส่ายหัวขณะที่พูด เรือก็กำลังใกล้เข้ามา จากระยะไกลของสายตาพวกมันดูเหมือนจุดเล็กๆในมุมมองของพวกเขา แต่เมื่อพวกมันใกล้เข้ามาพวกมันก็มีขนาดมหึมา เรือใบขนาดใหญ่พ่อค้ามีขนาดพอๆกับเรือลาดตระเวนบนโลก
"ว้าว...พวกเขาใช้พลังอะไรกับสิ่งเหล่านี้" แองเจเล่รู้สึกประหลาดใจ
"พวกเขาใช้อะไรบางอย่างที่พิเศษ ไม่มีทางที่ใบเรือจะทำให้พวกมันขยับไปได้ ใบเรืออาจจะเป็นเพียงแค่การช่วยประหยัดพลังงานเท่านั้น" อดอล์ฟมองไปที่เรือพ่อค้าที่กำลังมาถึงและพูด