ตอนที่ 44: ออกเดินทาง (1)
หลังจากที่ฝึกเสร็จแองเจเล่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท สิ่งที่เหลืออยู่บนร่างกายของเขามันกลิ่นไม่ดี เขาคว้าผ้าขนหนูและเปิดประตู ทางเดินไม่มีแสงและทุกห้องก็เงียบสงบ แองเจเล่ได้ยินเสียงกรนและเสียงรบกวนจากเตียงเท่านั้น มีลมเย็นพัดผ่านทางเดินทำให้แองเจเล่รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ออกมาจากห้องของเขา
แองเจเล่เดินไปห้องอาบน้ำที่อยู่สุดทางเดินและอาบน้ำ จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องและเช็ดเลือดสีดำบนเสื้อของเขา แองเจเล่รู้สึกสดชื่นจากนั้นเขาก็เอาเสื้อผ้าที่สกปรกไปไว้ตรงมุม
'ในฐานะที่เป็นพ่อมดฝึกหัดข้าสามารถฝึกฝนได้แค่ระยะเวลาหนึ่งต่อวัน มิฉะนั้นร่างกายของข้าจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ ยังมีใบวิญญาณมรณะเหลืออีกสามใบและเมื่อข้าใช้ครบทั้งหมดร่างกายก็จะเปลี่ยนไป จากนั้นข้าก็ไม่ต้องหาหญ้าอีกต่อไป' แองเจเล่นึกข้อมูลจากหนังสือ จำนวนชั่วโมงสูงสุดที่เขาสามารถทำได้ต่อวันในตอนนี้คือ 5 ชั่วโมง เขาเอากล่องที่ใส่หญ้าไว้ใต้หมอนของเขาและหลับไปทันที
เช้าวันต่อมา
แองเจเล่ตื่นขึ้นมาตอนตีห้า เขาเต็มไปด้วยความแข็งแรงและพลังงาน เขาลุกออกจากเตียงและมองไปที่หนังสือของพ่อมดบนโต๊ะ
'หอพักไม่ปลอดภัยพอสำหรับสิ่งนี้ ข้าควรจะขอให้อาจารย์เก็บมันไว้' แองเจเล่คิด เขาวางหนังสือและกล่องเข้าไปในกระเป๋าสีดำและออกจากห้อง
มันยังเช้าอยู่และไม่มีรถม้าให้เช่า เขาไม่ได้กลับไปที่เตียงและเดินไปยังสนามฝึกเพื่อฝึกดาบ เขาเดินผ่านหอพักและโถงรับประทานอาหารก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่เนินเขาที่อยู่ทางตะวันตกของอาคาร มีเวทีถูกสร้างขึ้นบนนั้นและมันเป็นสถานที่สำหรับฝึกดาบ ชุดอุปกรณ์ถูกเก็บไว้ในบ้านหินสีเทาหลังเวทีและมีหุ่นฝึกไม้มากกว่า 30 ตัวตั้งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวที่ถูกล้อมรอบด้วยพื้นดิน มันยังมืดอยู่นิดหน่อยทำให้สถานที่นี้ดูน่าขนลุก มีเสียงแมลงร้องในป่าใกล้ๆ
แองเจเล่ผูกกระเป๋าไว้รอบแขนของหุ่นก่อนที่จะคว้าดาบไม้จากบ้านหิน เขาได้ยินเสียงในอากาศขณะที่เขาฝึกฟันพื้นฐาน แองเจเล่รู้สึกพอใจ เขาเดินตรงไปยังหุ่นที่มีกระเป๋าผูกไว้และเริ่มฝึกซ้อม
[มีมนุษย์ที่ไม่รู้จักใกล้เข้ามา ระยะทาง: 103 เมตร จำนวน: 3 คน] ทันใดนั้นซีโร่ก็รายงาน แองเจเล่ไม่รู้ว่าจะมีคนมาฝึกทักษะดาบของพวกเขาแต่เช้าแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขารู้จักนักเรียนหลายคนที่ฝึกซ้อมในตอนเช้า มีชายสามคนกำลังคุยกันขณะที่เดินมาใกล้ๆแองเจเล่อย่างช้าๆ ด้วยการได้ยินที่ยอดเยี่ยมของแองเจเล่เขาก็สามารถฟังบทสนทนาได้อย่างง่ายดาย
".....ข้าได้ยินมาว่ามีหน้าใหม่หลายคนเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ของโรงเรียน แต่ละคนแข็งแกร่งมาก" หนึ่งในนั้นพูด
"อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นเป็นผู้ชนะเลิศเสมอ ทักษะดาบพายุของแอสม่าแข็งแกร่งเกินไป ข้าได้ยินมาว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าของแผนกรักษาความสงบเรียบร้อยของท่าเรือในอนาคตและจีไลน์ได้ทำงานลาดตระเวนอยู่แล้ว มีบางคนที่มีทักษะดาบที่พิเศษเช่น อัลเลน,อัลเบิร์ต,แนนซี่และอัลเกอร์ พวกเขาจะไม่ถูกทำให้พ่ายแพ้โดยคนที่มาใหม่" อีกคนพูดขึ้นมา
"พวกเขาอาจจะแข็งแกร่งแต่ไม่มีใครที่มีความสามารถมีโอกาสยืนต่อหน้าแอสม่าได้ เขาชนะการแข่งขันทักษะดาบที่เวสวินด์ทำให้คนอื่นๆที่เข้าแข่งขันดูเหมือนตัวตลก ข้าเลือกที่จะเป็นนักดาบเพราะข้าชื่นชมเขา นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่าอัลเกอร์ได้มาฝึกซ้อมที่สนามฝึกตั้งแต่เช้าๆ เราอาจจะพบเขาที่นี่" มีอีกคนพูด
เมื่อเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ๆแองเจเล่ก็ส่ายหัวหลังจากที่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา เขาหัวเราะเพราะเขาเคยเห็นแอสม่าใช้ดาบมาก่อน เขาแข็งแกร่งมากและชุดทักษะของเขาได้ถูกขัดเกลา มันอาจจะดีกว่าชุดทักษะพื้นฐานดาบของแองเจเล่ แองเจเล่ได้พบกับเขาครั้งหนึ่งในสนามฝึกนี้และเขาต้องมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูง แองเจเล่ใช้ชิปของเขาเพื่อรวบรวมข้อมูลทักษะดาบพายุของแอสม่า ท้ายที่สุดทักษะเหล่านั้นก็มีเงื่อนไขที่ต้องมีเมล็ดพันธุ์พลังงานชีวิตเพื่อปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่ ชุดนี้อยู่ระดับของแกรนด์อัศวินแต่มันก็ไร้ประโยชน์กับแองเจเล่
เมื่อเทียบกับศักยภาพในการปลดปล่อยพลังของชุดพายุ ทักษะพื้นฐานของแองเจเล่เน้นไปที่เทคนิคและความแม่นยำ ถ้าแองเจเล่พยายามฝึกทักษะชุดนี้เขาก็จะได้รับการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงเพราะเขาไม่ได้ตรงความต้องการของมัน มันเป็นเพราะเขาไม่ได้มีเมล็ดพันธุ์พลังงานชีวิต การแข่งขันแกรนด์ดาบเป็นประเพณีของพันธมิตรแอนดีสที่จะจัดขึ้นทุกๆปี โรงเรียนจะเข้มงวดในระหว่างการแข่งขัน ขุนนางชั้นสูงบางคนจะได้รับเชิญให้เป็นกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันไม่เพียงแต่เป็นนักเรียนในโรงเรียน แม้แต่ศิษย์เก่าก็เข้าร่วมเนื่องจากถูกรางวัลดึงดูด
แองเจเล่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้เนื่องจากเป้าหมายของเขาคือการไปถึงขั้นที่หนึ่งของพ่อมดฝึกหัดและรอเรือขององค์กรพ่อมด แองเจเล่หยุดฟังบทสนทนาของพวกเขาและตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมแทน เขายกดาบไม้ขึ้นและเริ่มฟันไปที่หุ่น บางครั้งเขาก็ฟันซ้ำ ขณะที่นักเรียนทั้งสามคนมาถึงสนามฝึกซ้อมพวกเขาก็ประหลาดใจเมื่อเห็นแองเจเล่
"มันเป็นแองเจเล่อัจฉริยะทางด้านภาษา! ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นนักเรียนที่อาจารย์อดอล์ฟชื่นชอบและเขาก็สอนแองเจเล่เป็นการส่วนตัว" หนึ่งในนั้นพูดเสียงเบา
"เราจะทักทายเขาหรือไม่" เขาพูดต่อ
"ไม่ เราไม่ควรรบกวนเขา ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นนักธนูที่น่าประทับใจ มีนักเรียนหลายคนบอกว่าเขามีอัตราความแม่นยำ 90% แม้ว่าเป้าหมายจะอยู่ห่างออกไป 100 เมตร! ถ้าเรามีการแข่งขันการยิงธนูเขาก็จะอยู่ในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน! นอกจากนี้ข้าเคยได้ยินมาว่าเขาไม่ชอบยุ่งกับนักเรียนคนอื่นๆ เขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองและเป็นคนอารมณ์ร้าย นักเรียนบางคนเคยพูดในที่สาธารณะว่าพวกเขาไม่ชอบเขา แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็หยุดพูดแบบนั้น พวกเขาอาจจะมี'เวลาดีๆ'กับแองเจเล่" อีกคนพูด
"เอาล่ะ พวกเราแค่อยู่ให้ห่างจากเขา อย่าไปทำให้เขาโกรธ" คนที่อยู่ข้างหน้าพูด
พวกเขาคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของแองเจเล่ พวกเขาเลือกสถานที่ที่อยู่ไกลจากเขาและจากนั้นก็เริ่มฝึกด้วยดาบไม้ แองเจเล่พบว่ามันตลกเมื่อเขาได้ยินเรื่องซุบซิบของพวกเขาในขณะที่ฝึกซ้อม เขาคิดว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรในโรงเรียนแต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นที่รู้จัก นักเรียนที่ไม่ชอบแองเจเล่ก็เป็นแค่รู้ทักษะการต่อสู้เพียงเล็กน้อยแล้วพยายามต่อสู้กับเขา แองเจเล่สอนบทเรียนให้พวกเขาภายในไม่กี่วินาที พวกเขาปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นนักเรียนของอดอล์ฟ หลังจากนั้นข่าวลือก็แพร่กระจายออกไปว่าแองเจเล่เป็นคนกลั่นแกล้ง
แองเจเล่สนใจเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามผู้คนกำลังพูดว่าเขาเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองและเป็นคนที่อารมณ์ร้ายมันจึงทำให้แองเจเล่พูดไม่ออก เขาส่ายหัวและตัดสินใจที่จะฝึกตอ
หลายวันต่อมาโรงเรียนก็ได้ยุ่งมากเพราะกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นโดยนักเรียนอย่างต่อเนื่อง แองเจเล่เห็นนักเรียนกำลังเดินและห้อยดาบไว้ที่เอวของพวกเขา มีคนจำนวนมากไปที่สนามฝึก ดูเหมือนว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นที่นั่นซึ่งโรงเรียนกำลังสร้างพื้นที่ผู้ชม
แองเจเล่ได้ยินนักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับผู้ชนะเลิศที่มาสมัครในหอพักอยู่หลายครั้งแต่เขาไม่เคยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขายังคงทำกิจวัตรประจำวันอยู่แต่ตอนนี้เขาได้ฝึกฝนเวทมนต์แทนการนอน เขาไม่สามารถไปฝึกซ้อมดาบได้เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดดังนั้นเขาจึงไปสนามฝึกยิงธนูแทน การฝึกฝนของเขาไม่ได้ก้าวหน้าไปมากนักหลังจากที่เขาทำครั้งแรก ค่าสถานะของแองเจเล่ไม่ได้เพิ่มจำนวนเท่าเดิม แต่เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น ชิปไม่ได้ให้ตัวเลขที่แน่นอนแต่เขารู้สึกว่ามันช้าแต่มันก็อย่างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แองเจเล่รู้สึกดีมากในขณะที่ตอนนี้เขาเก็บรูนไว้ในใจของเขาได้ 8 รูน จิตใจของเขาแจ่มใสแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอน
*****************************
ภายในห้องอาคารหอพักสามในโรงเรียน
นักเรียนหลายคนกำลังคุยกัน
"เฮ้! ซีซาร์ข้าไม่รู้ว่าแองเจเล่อยู่ในโรงเรียนนี้ด้วย!" ชายคนหนึ่งพูด
"แองเจเล่? แองเจเล่ ริโอ? ไอ้เด็กเจ้าสำราญโง่นั่นหรือ" ชายหนุ่มที่ชื่อซีซาร์ดูแปลกใจ
"ใช่ เขา" ชายคนนั้นหัวเราะ
"ผู้ชายที่โชคดี เขาไม่ได้ถูกฆ่าตายในขณะที่หลบหนีไปงั้นหรือ เขาอ่อนแอเหมือนกับหอยทาก" ผู้หญิงผมสั้นพูดและหัวเราะ เธอกินอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเมล็ดทานตะวันที่น่าอร่อย
"เคทลินเจ้าและพี่ชายของเจ้าจะเรียนวิชาไหน ค่าธรรมเนียมที่นี่มีราคาแพงมากดังนั้นข้าจะเรียนวาดภาพ" เธอถามขณะที่หันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเธอ สาวสวยที่มีผมบลอนด์ยาวถึงหัวไหล่กำลังนั่งอยู่ข้างหลังเธอและดื่มชาอย่างช้าๆ
"แองเจเล่ ริโอ? ข้าได้ยินมาว่ามีนักเรียนที่มีความสามารถที่ชื่อแองเจเล่ มันเป็นเขางั้นหรือ" ผู้หญิงผมบลอนด์ไม่ตอบคำถาม เธอกังวลเกี่ยวกับหัวข้อก่อนหน้านี้มากขึ้น
"ใช่ มันเป็นเขา" ผู้ชายคนแรกหัวเราะ
"เจ้าทึ่มนั่นทำได้ดี ข้าได้ยินมาว่าเขากำลังเรียนภายใต้อาจารย์อดอล์ฟ เขาเป็นเพียงคนที่โชคดีคนหนึ่ง เขานึกว่าเขาเป็นใคร บัดซบ!" เขาพูดต่อราวกับว่าเขาไม่สนใจแต่คนที่รู้จักเขารู้ว่าเขาเป็นคนขี้อิจฉา
"ใช่ แองเจเล่ไม่เคยเป็นคนฉลาด" เคทลินพูดขณะที่เธอหัวเราะ
*****************************
ห้าวันต่อมา....
"แองเจเล่เจ้ารู้จักผู้หญิงที่ชื่อเคทลินหรือไม่" ทันใดนั้นโรเจอร์ที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆแองเจเล่ในหอพักก็ถามขึ้นมา ตอนนี้เขากำลังทานข้าวเย็นกับแองเจเล่
แองเจเล่ไม่ได้รู้จักโรเจอร์เป็นอย่างดีแต่บางครั้งพวกเขาก็รับประทานอาหารค่ำด้วยกันและคุยกันสักพัก โรเจอร์เป็นคนเดียวที่คุยกับแองเจเล่นอกเหนือจากโซเฟียในโรงเรียนแห่งนี้ เขาเป็นคนเดียวกันกับที่บอกแองเจเล่เกี่ยวกับตารางเของหลักสูตรที่หอพัก
"เคทลิน? เจ้าถามทำไม" แองเจเล่คิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ เขาจำได้ว่าลูกสาวของไวเคานต์ชื่อเคทลิน แองเจเล่คนเดิมได้ตายไปแล้วเมื่อเขาตกจากม้าระหว่างการแข่งขันซึ่งสาเหตุทางอ้อมเกิดจากเธอ โรเจอร์ทาเนยบนขนมปังของเขาและคว้าแยมสตรอเบอร์รี่ไว้ข้างๆ
"เธอเพิ่งลงทะเบียนแต่ข้าได้ยินมาว่าเธอและพี่ชายของเธอไปมีปัญหา พวกเขาไปยุ่งกับวิแว้กดังนั้นพวกเขาจึงถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มของเขา พวกเขาไม่มีทางออกเคทลินจึงบอกว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของเธอต่อหน้าทุกคน วิแว้กไม่เต็มใจที่จะสู้กับเจ้าดังนั้นเขาจึงปล่อยพวกเขาไป" โรเจอร์พูดก่อนที่เขาจะหัวเราะ
"ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักเธอเลย ข้าเดาว่าสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องตลก" โรเจอร์พูดต่อ เขาไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่แต่เขาก็ดีกว่าขุนนางรูดินทั่วไปที่หนีออกจากอาณาจักรของตัวเอง
"งั้นหรือ" แองเจเล่ไม่อยากพูดมากนักดังนั้นเขาจึงหัวเราะ เขาคว้าผลที่เหมือนแอปเปิ้ลและกัดมัน ตระกูลของแคนเดียไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการรุกรานของซาลาดิน ดังนั้นกองกำลังหลักของพวกเขาจึงถูกฆ่าระหว่างการหลบหนี ตอนนี้พวกเขาสูญเสียดินแดนแล้ว แองเจเล่เคยเห็นหนึ่งในศพของพวกเขาระหว่างทางแต่เขาไม่สามารถจำชื่อคนนั้นได้ ไวเคานต์แคนเดียโชคดีพอที่จะมาถึงมารัวแบบมีชีวิต
"ชื่อเต็มของผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร" แองเจเล่ถาม
"เคทลิน แคนเดีย" โรเจอร์พูดจากนั้นก็กัดไปที่ขนมปังคำใหญ่ๆ
'นั่นคือเธอ' แองเจเล่คิด เขายิ้มให้กับโรเจอร์แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร