ตอนที่ 79: การล่า (2)
หนึ่งเดือนต่อมา
ในห้องสมุดของปราสาทเจ้าเมืองเลนน่อน
พื้นกระเบื้องหินอ่อนเรียบเนียนที่มีสีสันสดใสและมีลวดลายเป็นวงกลมสีน้ำตาล วงกลมขนาดเล็กทั้งหมดอยู่ภายในวงกลมสีแดงขนาดใหญ่ ภายในห้องมีตู้หนังสือมากกว่าสิบตู้และตะเกียงน้ำมันสีเหลืองกำลังลุกไหม้อยู่ที่กำแพง ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวกำลังยืนอยู่ข้างตู้หนังสือกำลังอ่านหนังสือเล่มหนาอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆและผิวองเขาก็ซีดเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลสั้นของเขาแทบจะปิดหูและเขาดูคล้ายขุนนางหนุ่มเจ้าสำราญแม้ว่าชุดที่เขาสวมก็ไม่สามารถปกปิดความแข็งแรงของร่างกายของเขา
ชายหนุ่มคนนี้คือแองเจเล่ที่ดูป่าเถื่อนแต่ก็อ่อนโยน
เขาได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสมุดของเจ้าเมืองและอ่านหนังสือที่เจ้าเมืองรวบรวมไว้ เขาพยายามหาหนังสือที่เหมือนหนังสือของพ่อมดที่เขามี
"เฮ้อ...." แองเจเล่ถอนหายใจและปิดหนังสือ "เล่มนี้ไม่ได้ถูกสร้างโดยพ่อมด"
แองเจเล่ผิดหวังและเขาก็หยิบหนังสือเล่มสุดท้ายที่เขาต้องการตรวจสอบ
แอ๊ดดด
มีใครบางคนเปิดประตู
"ท่านแองเจเล่ท่านได้พบอะไรที่เป็นประโยชน์กับท่านหรือไม่"
ชายหนุ่มหน้าตาสวยเดินเข้ามาในห้อง มันเป็นไทนอสและเขาก็ยังสวมชุดหนังสีดำ ผมสั้นสีบลอนด์ของเขาถูกหวีไปด้านหนึ่ง
แองเจเล่ยังคงไม่เชื่อว่าไทนอสเป็นผู้ชาย เขาไม่สามารถนึกภาพว่าได้ว่าผู้ชายคนนี้จะน่าดึงดูดแค่ไหนถ้าเขาพยายามสวมเสื้อผ้าผู้หญิง แองเจเล่คิดอยู่ชั่วครู่และวางหนังสือกลับไปที่ชั้นของมันอย่างระมัดระวังบนตู้จากนั้นเขาก็หันกลับมาและยิ้ม
"ไทนอสอะไรนำเจ้ามาที่นี่ แม้ว่าจะมีหนังสือมากมายอยู่ที่นี่แต่ข้าก็ไม่สามารถหาหนังสือเล่มที่ข้าต้องการได้" แองเจเล่พูด
ไทนอสปิดประตูและเดินเข้ามาหาแองเจเล่อย่างช้าๆพร้อมกับแส้หนังสีแดงในมือ
"ท่านแองเจเล่ท่านเปลี่ยนทรงผมของท่านใช่หรือไม่ ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นท่านท่านยังผมยาวอยู่และข้าคิดว่าท่านดูดีมาก" ไทนอสพูดคำพูดของเขาเน้นไปเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องบางอย่างก่อน "คนของข้าได้รายงานว่าเขาได้พบกับอสูรเรืองแสงในป่าใกล้เมืองเลนน่อน มันได้โจมตีกลุ่มของพ่อค้าหลายกลุ่มและยังทำให้นักล่าจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ พ่อและพี่ชายของข้าจะไปตามล่ามันข้าสงสัยว่าท่านสนใจหรือไม่"
"อสูรเรืองแสงงั้นหรือ" แองเจเล่ลดศีรษะลงและเริ่มคิด
ชื่อของอสูรเรืองแสงมาจากรูปลักษณ์ของมัน มันเป็นอสูรสีน้ำเงินและหนังของมันก็เรืองแสงตลอดเวลา ตามคำอธิบายที่พบในหนังสืออสูรเรืองแสงที่โตเต็มวัยมีความสูงสามเมตรและยาวสามถึงสี่เมตร มันมีขนาดน้อยกว่าช้างเอเชียทั่วไป อสูรนี้เป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับพ่อมดและพ่อมดฝึกหัดเนื่องจากคุณค่าของหัวใจของมัน ทั้งพ่อมดและพ่อมดฝึกหัดสามารถทำให้มันกลายเป็นอุปกรณ์เวทมนต์พื้นฐานได้อย่างง่ายดาย
พ่อมดหรือพ่อมดฝึกหัดสามารถใช้อุปกรณ์เวทมนต์เพื่อร่ายลูกไฟเรืองแสงและคูลดาวน์ของอุปกรณ์คือหนึ่งวัน หนังของอสูรเรืองแสงยังสามารถทำเป็นชุดเกราะหนังคุณภาพสูง อสูรนั้นหายได้ง่ายในดินแดนนี้
"ข้ายังไม่เคยเห็นอสูรเรืองแสงในชีวิตจริงมาก่อนดังนั้นข้าจะเข้าร่วมกับพวกเขา" แองเจเล่พยักหน้า
"พวกเขาจะออกไปบ่ายวันนี้ ข้าจะบอกให้พวกเขารู้ว่าท่านสนใจ" ไทนอสยิ้มและหันกลับไปแล้วออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเร็วๆนี้ไทนอสเริ่มพยายามหาเหตุผลที่สามารถใช้เวลาอยู่กับแองเจเล่และแองเจเล่รู้ว่าไทนอสต้องการให้เขาเข้าร่วมกับไทนอส แองเจเล่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเหตุผลแต่ไทนอสและฮาร์แลนด์ไม่ชอบหน้ากันและไทนอสก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยหลังจากที่รู้ว่าฮาร์แลนด์กำลังสร้างมิตรภาพกับแองเจเล่
อย่างไรก็ตามแองเจเล่ชอบฮาร์แลนด์มากกว่าเพราะเขาแข็งแกร่งกว่าไทนอส
'อสูรเรืองแสง...' แองเจเล่มีความสุข 'ถ้าข้าได้หัวใจของมันข้าก็จะสามารถทำอุปกรณ์เวทมนต์พื้นฐานได้'
**************************
ข้างนอกป่าทางตะวันตก
มีกลุ่มของทหารขี่ม้าในชุดเกราะสีขาวออกมาจากเมืองทางประตูตะวันตกของเมือง ประตูนี้ไม่ได้ยุ่งเหมือนประตูหลักและมีคนไม่มากนักรอบๆนี้
มีกลุ่มคนประมาณยี่สิบคนและหัวหน้าเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลากำลังขี่ม้าสีขาว ชายหนุ่มผมบลอนด์มีร่างกายที่ดูสมดุลและแข็งแรง ผิวของเขาเรียบเนียนเหมือนประติมากรรมหินอ่อน เขาเป็นผู้นำกลุ่มและมีผู้ชายสองคนกำลังตามหลังเขาบนม้าสีดำ ผู้ชายทางด้านซ้ายกำลังสวมชุดล่าสัตว์สีดำและผู้ชายทางด้านขวามีใบหน้าที่สวย
หลังพวกเขาทั้งสามคนมีอัศวินที่สวมชุดเต็มตัวสี่คนและมีทหารขี่ม้าอีกประมาณสิบคนในชุดเกราะสีขาว กลุ่มกำลังมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งสุดท้ายที่อสูรเรืองแสงปรากฏตัว
ผู้นำอัศวินเป็นฮาร์แลนด์ รี้ดและมีแองเจเล่และไทนอสกำลังตามหลังเขา อัศวินที่สวมชุดเต็มตัวเป็นนักรบระดับอัศวินและทหารในชุดเกราะสีขาวเป็นกลุ่มที่ดีที่สุดในกองทัพของเจ้าเมือง
ฮาร์แลนด์ยังคงตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆในขณะที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ประมาณอ่างล้างหน้าอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ๆสะพานและเขายังเห็นคราบเลือดบนหญ้า
"เมื่อคืนที่ผ่านมาอสูรเรืองแสงได้ไปทางประตูตะวันตกของเมืองและโจมตีคนบนถนนหลายคนนั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าไม่เห็นคนมากนักรอบๆประตู รอยเท้าหาได้ง่ายและมีเพียงสิ่งเดียวที่เราต้องการคือการตามรอย" ฮาร์แลนด์พูดเสียงเข้ม "หนังของอสูรเรืองแสงนั้นแข็งมากและข้าได้นำหอกเหล็กที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถหาพบได้ในเวลานี้มา หลังจากเริ่มด้วยหอกอัศวินทั้งสี่คนต้องก้าวไปข้างหน้าและป้องกันการโจมตีของมัน ส่วนพวกเจ้าที่เหลือสามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระขึ้นอยู่กับสถานการณ์และข้าจะป้องกันไม่ให้มันหลบหนีไป"
"แล้วข้าล่ะท่านพี่ ข้าก็เป็นอัศวินด้วยเช่นกัน คำสั่งสำหรับข้าอยู่ไหน" ไทนอสถาม
"ไทนอสเจ้าอยู่กับท่านแองเจเล่ แม้ว่าผู้คนเหมือนท่านแองเจเล่จะแข็งแกร่งมากแต่พวกเขาก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมคาถาของพวกเขาและเจ้าต้องทำให้แน่ใจว่าอสูรไม่ได้เข้ามาใกล้เขา"
ฮาร์แลนด์ไม่ได้คาดหวังให้ไทนอสมีส่วนร่วมในกลุ่มดังนั้นเขาจึงบอกให้ไทนอสอยู่กับแองเจเล่และรู้ว่าแองเจเล่สามารถปกป้องเขาได้
"ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความช่วยเหลือของเจ้าไทนอส" แองเจเล่ยิ้ม
"ข้าได้ฆ่าอสูรเรืองแสงหลายครั้งในช่วงสงคราม พวกมันไม่น่ากลัวแต่เราก็ต้องระวังเรื่องลมหายใจไฟ" ฮาร์แลนด์ตบเบาๆไปที่โล่ยาวที่ห้อยอยู่บนอานม้าของเขา โล่ยาวดูหรูหราพร้อมกับสัญลักษณ์'ดอกทานตะวันและนกสีขาว'อยู่ตรงกลาง
แองเจเล่ยังคงยิ้ม เขาดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตราย เขาห้อยดาบกางเขนไว้ที่เอวและไม่ได้ใส่ใจกับแกรนด์อัศวินหลังจากที่มาถึงขั้นที่สาม ครั้งสุดท้ายที่ซีโร่บอกเขาว่าอย่างน้อยมีโอกาส 50% ที่จะชนะการต่อสู้กับฮาร์แลนด์แต่ตอนนี้มันเพิ่มเป็น 70% แองเจเล่รู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น
ฮาร์แลนด์โบกมือขวาและอัศวินคนหนึ่งก็ไปหาเขาทันที พวกเขาเริ่มพูดเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาควรรับมือกับการโจมตีต่างๆจากอสูรเรืองแสง
ไทนอสกำลังพูดกับอัศวินคนอื่นแต่พวกเขาพูดในภาษาที่แองเจเล่ไม่เข้าใจและมันทำให้แองเจเล่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
กลุ่มได้เข้าไปในป่าและตามรอยเท้าขนาดใหญ่บนพื้นดิน
แองเจเล่ตามหลังฮาร์แลนด์ที่ยังพูดอยู่กับอัศวินที่ชื่อว่าแอนโทนี่ แองเจเล่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน พวกเขากำลังวางแผนฝึกทหารขี่ม้าและพวกเขาพยายามขจัดภัยคุกคามที่เป็นไปได้ทั้งหมดภายในอาณาเขต
ไม่มีใครรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการล่าอสูรเรืองแสง อัศวินสองคนที่อยู่ข้างหลังแองเจเล่กำลังพูดเกี่ยวกับสถานเริงรมย์ที่เปิดใหม่ในเมือง
"ท่านแองเจเล่!" ไทนอสคุยกับอัศวินของเขาจบและหันกลับมา "อัศวินของข้าเพิ่งบอกข้าว่ามีเรือที่เต็มไปด้วยสินค้าหายากเพิ่งมาถึงท่าเรือริคกี้เช้านี้และพวกเขากำลังประมูลสมุนไพรบางอย่างในวันพรุ่งนี้ ข้าสงสัยว่าท่านสนใจหรือไม่"
"การประมูลงั้นหรือ" แองเจเล่คิดชั่วครู่ "จะมีอะไรที่เหมือนกับดอกเกล็ดมังกรงั้นหรือ"
"ข้าเกรงว่าไม่...." ไทนอสมีรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้า "ดอกเกล็ดมังกรนั้นหายากมากมีเพียงคนที่เหมือนท่านเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงมันได้ อย่างไรก็ตามข้าได้ยินถึงเกราะในตำนานของเผ่าดวงอาทิตย์จะถูกประมูลวันพรุ่งนี้"
"เผ่าดวงอาทิตย์งั้นหรือ มันเป็นไปได้อย่างไร" แองเจเล่ตกใจ "มันคือชุดเกราะที่สวมโดยดยุคสแต็กเกอร์ แพลท"
"มันคงไม่ใช่ของแท้แน่นอน มันคงเป็นแบบจำลอง" ไทนอสอธิบาย "ชุดของแท้คงจะไม่มาเมืองแบบเลนน่อน พ่อค้าจะนำมันไปยังเมืองหลวงถ้าพวกเขาได้รับมัน แต่จะมีสินค้าหายากจากเมอร์โฟล์คและมีทาสแฟรี่น้ำหลายตนในการประมูล ข้าแน่ใจว่าท่านจะได้พบสิ่งที่ท่านต้องการ"
ไทนอสยิ้มและเขาก็อายเล็กน้อย ด้วยริมฝีปากสีม่วงของเขาทำให้แองเจเล่พบว่ามันดูตุ้งติ้งเล็กน้อย
'แฟรี่เหล่านั้นดูสวยกว่าเจ้าใช่ไหม' แองเจเล่อยากจะถามจริงๆ
แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ถามคำถามเหล่านี้และมันก็ฟังดูแปลกๆ
ไทนอสไม่ได้สังเกตว่าแองเจเล่กำลังคิดอะไร
"ครั้งที่ผ่านมาข้าบอกท่านเฮนรี่แห่งสมาคมพ่อค้าริคกี้ให้นำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณบางอย่างมาให้ข้าและข้าได้ยินว่าเป็นของโปรดของเจ้าหญิงเมอร์โฟล์ค ข้าหวังว่าของที่ข้าสั่งจะมาถึงพร้อมกับเรือลำนี้ เมื่้อเร็วๆนี้ผิวของเขาแห้งมาก" ไทนอสพูดต่อและเขาฟังมีความสุข
แองเจเล่ตัดสินใจที่จะไม่ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ต้องการถามรสนิยมทางเพศของตัวเอง
"นอกจากนี้ไวเคานต์สปาร์คจากเมืองโลแรนได้ส่งอาวุธที่ดีมาให้พวกเราเมื่อเดือนที่ผ่านมาบางชิ้นดูคมและสวยมาก หลังจากที่พวกเราจัดการอสูรเรืองแสงเสร็จท่านสามารถมาที่ปราสาทของข้าและใช้เวลากับพวกมันได้ถ้าท่านต้องการ ข้าไม่ได้มีโอกาสส่งของขวัญไปให้ท่านตั้งแต่ที่เราพบกันในขณะที่ข้าได้ยินว่าพี่ข้าได้ส่งรวงผึ้งราตรีไปให้ท่านและข้าคิดว่าข้าต้องเตรียมบางอย่างด้วยเช่นกัน" ไทนอสพูด
"ขอบคุณสำหรับความกรุณาของเจ้าแต่ข้าชอบดาบของข้า" แองเจเล่ปฏิเสธข้อเสนอ "เราเข้าใกล้อสูรเรืองแสงแล้วดังนั้นตอนนี้เราต้องตื่นตัว"
ไทนอสกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็หยุดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแองเจเล่ "แน่นอน เราสามารถคุยได้ในภายหลัง"
กลุ่มได้มาถึงพื้นที่ตัดไม้ สถานที่นี้มันดูว่างเปล่าโดยไม่เห็นต้นไม้สักต้น มีตอไม้นับไม่ถ้วนอยู่บนพื้นดิน
มันเป็นช่วงบ่ายแสงอาทิตย์ได้เบาลงและพื้นที่นี้ก็เงียบมาก
"นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ตัดไม้ของเมืองเลนน่อนและโรงเลื่อยมันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันเป็นตำแหน่งแรกที่ถูกโจมตีโดยอสูรเรืองแสง" ฮาร์แลนด์พูดเสียงดัง "แหล่งรายได้หลักของเมืองคือการส่งออกไม้เพราะฉะนั้นถ้าพวกเราล้มเหลวในการฆ่าอสูรตัวนี้เราก็จะต้องทำให้แน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่ในดินแดนของเรา คนงานกลัวมันและถ้าพวกเขาไม่ได้ตัดไม้สถานการณ์ทางการเงินของเราจะแย่ลง"
เสียงของฮาร์แลนด์ดังและชัดเจน นกหลายตัวกลัวเสียงของเขาและบินหนีไป
"เข้าใจแล้วครับ!" ทหารทั้งหมดตะโกน
"มันกำลังใกล้เข้ามา!"
ฮาร์แลนด์จับขวานสีเงินแน่น