ตอนที่ 67: การพบปะกันโดยบังเอิญ (2)
แองเจเล่นอนลงตรงเส้นทางที่ค่อนข้างวุ่นวายและเห็นรถม้าคันอื่นๆอีกหลายคันได้ผ่านไปแต่ไม่มีหยุดช่วยเขา เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะให้คนหยุดช่วยคนแปลกหน้าอย่างเขาจนกระทั่งกลุ่มของแอวริลมาถึง หญิงสาวมีความสุขหลังจากที่ได้เห็นแองเจเล่ตื่นขึ้นมา
"ที่จริงแล้วคนอื่นๆเห็นข้านอนอยู่ที่นั่นแต่ไม่มีใครหยุดเพื่อข้า มีเพียงเจ้าหญิงที่น่ารักเหมือนเจ้าที่ช่วยคนแปลกหน้า" แองเจเล่ยิ้มขณะที่เขาพูด หญิงสาวดูดีใจหลังจากที่ได้ยินเขาพูดอย่างนั้น
"ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ข้าควรทำ....." มีใบหน้าที่เขินอายขณะที่เธอพูด แองเจเล่พูดคุยกับหญิงสาวอักสักระยะหนึ่ง เธออายุประมาณ 11-12 ปี ระหว่างที่คุยกับแองเจเล่เธอก็สังเกตเห็นว่าเขาอ่อนแอเกินไป
"เจ้าบาดเจ็บและบาดแผลของเจ้าติดเชื้อ นอกจากนี้เจ้ายังมีไข้อยู่ควรพักผ่อนดีกว่า เราพูดคุยกันทีหลังก็ได้" แอวริลพูดอย่างสุภาพและจากนั้นเธอก็ขอให้นักดาบสองคนออกจากรถม้า เธอต้องการทำให้แน่ใจว่าแองเจเล่จะพักผ่อนได้สบาย
รถม้าเงียบหลังจากที่แอวริลปิดประตู แองเจเล่นอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
'ตรวจสอบสภาพของข้า' แองเจเล่หายใจเข้าและเขาก็สั่ง
[คุณติดเชื้อด้วยแบคทีเรียที่ไม่รู้จัก เชื้อถูกควบคุมด้วยยาที่มีประสิทธิภาพ คุณเป็นไข้หวัดที่ไม่รู้จักและร่างกายของคุณอ่อนแอ คุณต้องใช้เวลาประมาณ 5 วัน 14 ชั่วโมงเพื่อฟื้นฟู] ซีโร่รายงาน
'เมื่อไหร่ที่ข้าจะสามารถขยับได้' แองเจเล่ถามบางสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับเขา เขาจำเป็นต้องมีความสามารถในการตอบโต้เมื่อถูกคุกคาม เมื่อมาถึงจุดนี้เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะหยิบอาวุธ แองเจเล่รู้สึกไม่สบายใจเพราะการติดเชื้อและไข้ทำให้เขาอ่อนแอกว่าคนปกติ
[ถ้าคุณได้รับอาหารและพักผ่อนอย่างเพียงพอมันจะใช้เวลา 41 ชั่วโมง 23 นาที] ซีโร่รายงาน
'มันนานมาก....' แองเจเล่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
'การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สามทำให้ข้าเกือบตาย ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น...' แองเจเล่คิด
****************************************************
หลังจากที่รถม้าของแอวริลออกไป
มีกวางตัวเมียเล็กๆค่อยๆเดินไปทางที่แองเจเล่นอนพักและลดหัวลงสูดกลิ่นของแองเจเล่ นกฮูกสีขาวบินตรงไปยังกวางและยืนอยู่บนกิ่งไม้ข้างๆ ร่างกายของมันเป็นสีขาวแต่ดวงตาของมันดูมืดมิด
"แม่มดเรเน่นี่คือจุดสิ้นสุด การติดตามจะไม่ทำงานอีกต่อไป" นกฮูกเริ่มพูดด้วยเสียงของชายชรา กวางเดินไปรอบๆสถานที่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองนกฮูก
"จากกลิ่นนั้นเขาเป็นพ่อมดฝึกหัดของวิทยาลัยแรมโซด้า ข้าคิดว่าเขาเพียงแค่โชคดี มิฉะนั้นจะไม่มีทางที่เขาสามารถฆ่าบาฮามุทได้ ถ้าเราไม่สามารถติดตามเขาได้อีกต่อไปมันก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ การตายของบาฮามุทไม่ได้ส่งผลอะไร" กวางเริ่มพูดเช่นกัน
"เราต้องหยุดจดจ่อกับเรื่องไม่สำคัญ" นกฮูกพูด
"มันยังไม่ใช่เวลาที่จะทำลายสนธิสัญญากริมการ์ แคทเธอรีนและคนของเธอได้ไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราต้องไม่ปล่อยกำลังหลักของแรมโซด้าไป" มันพูดต่อ
"วากิส่งข้อความถึงเราจากอะคริลิกบอกว่าลิเลียโด้กำลังสร้างรอยแตกใหม่" กวางพูด
"ใช่ เราจำเป็นต้องช่วยพันธมิตรแดนเหนือเพื่อทำงานให้เสร็จเร็วๆ ข้าคิดว่าลิเลียโด้ได้สังเกตเห็นสถานการณ์แล้ว ซานเตียโก้ยังส่งพ่อมดบางส่วนมาที่นี่" นกฮูกพูด
"ครั้งนี้เราจะได้ไข่มุกเงา! ไม่สำคัญว่าฝ่ายตรงข้ามของเราจะมีมากแค่ไหน!" ตาของกวางส่องประกาย
***********************
ดวงจันทร์สองดวงลอยอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน เมฆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆตามท้องฟ้าและมีดาวที่มองเห็นได้อยู่หลายดวงข้างๆ แองเจเล่ยังคงนอนอยู่ที่เตียงกำลังกินเนื้อตากแห้งของเขาอย่างช้าๆแล้วดื่มน้ำตาม
เขาได้ยินเสียงของกองไฟด้านนอกและมองเห็นแสงไฟผ่านหน้าต่าง แองเจเล่ได้กลิ่นหอมของสตูว์เนื้อที่กำลังทำ เขาจ้องไปที่เนื้อตากแห้งในมือแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ขออาหาร คนเดียวที่รักษาเขาในกลุ่มนี้ก็คือแอวริล
คนอื่นๆยังไม่ยอมให้แองเจเล่อยู่ในกลุ่มของพวกเขา พวกเขาเย็นชาใส่เขาและแองเจเล่รู้เหตุผลว่าทำไมขณะที่เขาพวกเขาซุบซิบกัน ถ้าแอวริลไม่ได้ยืนยันที่จะใช้ยาต้านการติดเชื้อที่มีราคาแพงกับเขาเขาก็จะไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาควรจะถูกทิ้งข้างถนนหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา
ด้านนอกรถม้า ทันใดนั้นนักดาบที่นั่งอยู่ใกล้กองไฟลุกขึ้น
"เฮ้ คานธีเจ้าจะไปไหน" ชายคนหนึ่งถาม
"เกือบจะถึงเวลาข้าที่ต้องไปลาดตระเวน" คานธีตบเบาๆไปที่ดาบยาวที่อยู่ข้างเอวและยิ้ม
"อย่าไปไกลนัก" ดันเลวี่พูด เขานั่งอยู่ข้างกองไฟและใช้น้ำมันกับดาบกางเขนของเขา
คานธีเดินไปทางด้านหลังของรถม้าและมองไปที่กองไฟและรถม้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเขา เขาได้เดินช้าลงและเดินไปรอบๆก่อนที่จะเดินไปหาม้าสีดำที่แข็งแรงสองตัว สีหน้าของเขาดูดีใจหลังจากที่เห็นสัมภาระหลายชิ้นที่ม้าบรรทุกมาและคิดว่าอาจมีของที่มีค่าอยู่ภายใน
คานธีตรวจสอบกระเป๋าและเห็นกระเป๋าขนาดเล็กแต่มันประณีตมาก มันเป็นกระเป๋าที่มีอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของแองเจเล่ ภายในมีถุงไข่มุกสีแดง ยาห้ามเลือด หนังสือของพ่อมดเล่นแรกที่เขาได้รับมาและยาควบคุมดำ ในตอนนี้ยาควบคุมดำเป็นของที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
คานธีลูบคลำกระเป๋าขนาดเล็กแล้วหัวเราะ
"พบแล้ว!" เขาพึมพำเสียงต่ำ
*******************************
ภายในรถม้าคันแรก
"ท่านพ่อข้าจะไปเดินเล่นรอบๆ" แอวริลพูด เธอพยายามที่จะผูกหางม้าดังนั้นเธอจึงมองหาที่รัดผมบนโต๊ะ
"อยู่ในรถม้าอย่าไปไหน" ขุนนางผู้ชายมองไปที่เธอและพูดด้วยเสียงกังวาน
"ข้าจะกลับมาภายใน 10 นาที" อย่างไรก็ตามแอวริลไม่สนใจ เมื่อเธอพบที่รัดผมเธอก็ผูกผมเป็นหางม้าและออกจากรถม้า
"แอวริล...." ขุนนางผู้ชายพูดขณะที่มองไปที่ภรรยาของเขา ลูกสาวของพวกเขาทำให้พวกเขาปวดหัว
แอวริลเห็นคนรวมตัวคุยกันรอบกองไฟดังนั้นเธอจึงเข้าไปร่วมการสนทนา แต่ทันใดนั้นเธอก็หยุดเมื่อเธอคิดถึงแองเจเล่ที่มีอายุประมาณ 15 ปีและยังถูกเธอช่วยชีวิตไม่นานมานี้
"เขาไม่หล่อแต่เขาก็ดูฉลาด" เธอพูด
"มันเป็นครั้งแรกที่ข้าออกจากบ้าน ข้ารู้สึกเหมือนข้าเป็นเจ้าหญิงในนิยาย" เธอกำลังอารมณ์ดีดังนั้นเธอจึงเริ่มร้องเพลง แอวริลหันไปทางรถม้าคันที่สองและเดินไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็เห็นใครบางคนไปรอบๆม้าสีดำสองตัวแต่ไม่ทราบว่าผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่
"คานธี" แอวริลรู้จักผู้ชายคนนั้น
"เจ้ากำลังทำอะไร!" เธอตะโกน
คานธีรู้สึกกลัวหลังจากที่มีใครบางคนเรียกชื่อเขา เขาหันไปและเห็นแอวริลกำลังเดินเข้ามา สีหน้าของเขาได้ซีดลงเนื่องจากเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้านายพบว่าเขากำลังขโมย แอวริลตระหนักว่าคานธีกำลังพยายามจะทำอะไรดังนั้นสีหน้าของเธอจึงเย็นชา
"คานธี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไร" เธอถาม
"ข้าเพียงแค่ลาดตระเวน" คานธีพยายามยิ้ม
"ทำไมเจ้าถึงเข้ามาใกล้ค่ายแทนที่จะเดินไปรอบๆ" แอวริลยิ้ม
"ข้าจะไม่รายงานพ่อถ้าเจ้าออกไปตอนนี้" เธอพูดต่อ
"ขอบคุณ.....ข้าจะไป" คานธียังไม่ได้เปิดกระเป๋า เขายิ้มและไปทันที
แอวริลจัดกระเป๋าไว้บนม้าและเดินไปทางรถม้าคันที่สอง
แองเจเล่รู้ว่าคานธีกำลังพยายามจะขโมยของของเขา เขาได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างแต่เขาไม่อยู่ในสภาพที่จะขยับได้ เขาต้องรอเวลาสองวันเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติอันมีค่าของเขา มันจะสายเกินไปถ้าแอวริลไม่ได้หยุดคานธี
"เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง" แอวริลเปิดประตูและเข้ามาภายในรถม้า
"เริ่มดีขึ้นแล้ว ขอบคุณเจ้ามาก" แองเจเล่ชอบผู้หญิงแบบนี้ดังนั้นเขาจึงขอบคุณเธอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขา
"เจ้าบอกชื่อเต็มของเจ้าได้หรือไม่ ข้าแองเจเล่ แองเจเล่ ริโอ" แองเจเล่พูด
"ชื่อของข้าคือแอวริล โซโลต้า แฮสริม ชื่อกลางของเจ้าคืออะไร" หญิงสาวถาม
"เราไม่มีชื่อกลาง มันเป็นธรรมเนียมบ้านเกิดของข้า" แองเจเล่พูดขณะที่ยักไหล่ นั่นคือหนึ่งในการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่เขาสามารถทำได้
"ข้าคิดว่าเจ้ามาจากแรมโซด้าซะอีก" แอวริลพูด
"ไม่ ข้ามาจากอีกฟากหนึ่งของทะเล เจ้ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน" แองเจเล่ยิ้ม
"เมืองเลนน่อน เราต้องไปนำปู่ของข้ากลับไปที่ดินแดนของเรา เขาป่วยและมันแย่ลงเรื่อยๆ" แอวริลตอบด้วยท่าทางเศร้าไม่ได้ซ่อนอะไรจากเขา พวกเขาพูดคุยกันสักพัก แองเจเล่บอกเธอว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากโจร เขาบอกว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปเมืองเลนน่อนและเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้านเกิดของเขา พวกเขาเพลิดเพลินกับการสนทนา
แอวริลอยากจะอยู่กับแองเจเล่ให้นานกว่านี้แต่มีใครบางคนมาเรียกเธอจากด้านนอกรถม้าดังนั้นเธอจึงออกไป ในที่สุดแองเจเล่ก็มีโอกาสฝึกฝน มันจำเป็นที่เขาจะต้องฝึกฝนทุกวันและไม่สามารถบอกคนอื่นได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
สิ่งที่ดีคือเขาไม่จำเป็นต้องมีท่าทางที่จะฝึกฝน เขาสามารถนอนบนเตียงแล้วทำให้คนอื่นคิดว่าเขากำลังพักผ่อน เขาไม่แน่ใจว่าคนทั่วไปจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับพ่อมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามาจากวิทยาลัยแรมโซด้าที่มีชื่อเสียงในเรื่องศาสตร์แห่งความตาย ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะไม่บอกใครว่าเขาเป็นพ่อมดฝึกหัดเนื่องจากเขายังต้องฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ