ตอนที่ 66: การพบปะกันโดยบังเอิญ (1)
บาดแผลอยู่ที่เอวนะครับ ตอนที่แล้วอิ้งน่าจะแปลผิด
_____________________________________________________
ในที่สุดแองเจเล่ก็หยุดคิดแล้วเขาก็ลูบขมับของเขาและค่อยๆหลับตา ฝนยังคงตกลงมาโดนเต็นท์ทำให้เขาแทบไม่ได้ยินเสียงม้า ภายในเต็นท์มันมืดแองเจเล่ค่อยๆสงบใจลงและเริ่มฝึกฝน เขาเริ่มหายใจให้เป็นจังหวะ
[คำเตือน! คำเตือน!] ทันใดนั้นซีโร่ก็รายงาน แองเจเล่ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อเขารู้สึกว่าคันที่บาดแผลของเขา
'ติดเชื้อ?' แองเจเล่ลืมตาและมองไปที่บาดแผล
เขาเห็นว่ายังมีของเหลวของยาเหลืออยู่ บาดแผลไม่ได้มีเลือดออกแต่ผิวรอบๆบาดแผลเป็นสีแดงเข้ม
'ข้าควรจัดการกับมันอย่างไร' แองเจเล่ถามอย่างใจเย็น
[กำลังวิเคราะห์....] ซีโร่รายงาน
[วัสดุที่ต้องการ: ดอกไม้ทอง 15 กรัม ตาของกวางตาเดียว 180 กรัม ปลาหัวโต 520 กรัม....] ซีโร่ยังคงบอกรายชื่อส่วนผสมที่จำเป็นของยาที่สามารถหยุดยั้งการติดเชื้อได้ แต่แองเจเล่ผิดหวัง
'ข้าอยู่ในป่าข้าจะไปหาของพวกนี้จากที่ไหน' แองเจเล่ตรวจดูบาดแผลของเขาอีกครั้งและเห็นก้อนกรวดเล็กๆกำลังลุกลามอย่างรวดเร็วรอบๆบาดแผล พวกมันมีขนาดเท่าเมล็ดงา บางก้อนเป็นสีขาวและบางก้อนเป็นสีดำ การติดเชื้อเริ่มแย่ลงทุกวินาที
ก้อนกรวดเล็กๆเกือบจะปกคลุมทั่วบาดแผล มันดูน่ารังเกียจแม้แต่แองเจเล่ก็ไม่ต้องการจ้องมองที่มัน
'ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง' แองเจเล่กัดปากและยกของขึ้น เขาจำเป็นต้องหาวัสดุเหล่านี้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าการติดเชื้อไม่หายขาด
***********************************
ห้าวันต่อมา
ตอนเที่ยงวัน
ม้าทั้งสองตัวที่แข็งแรงกำลังวิ่งอย่างช้าๆระหว่างต้นไม้ไปตามเส้นทาง แองเจเล่ยังคงสวมชุดล่าสัตว์แล้วนอนลงไปที่หลังม้าตัวแรกแต่จิตใจของเขาต่ำลง มันเป็นเวลาห้าวันตั้งแต่ที่บาดแผลของเขาติดเชื้อ สีหน้าของเขาซีดและเขาแทบหมดแรงและไม่มีกำลังควบคุมม้าของเขา
"อย่างน้อยข้าก็พบบางอย่างที่ชะลอการติดเชื้อ แต่ข้ายังต้องการรักษา" เขาพึมพำ แองเจเล่ปิดแผลด้วยมือที่มีสารสีดำเพื่อป้องกันไม่ให้ก้อนกรวดแผ่กระจายไปนอกพื้นที่
แองเจเล่ออกจากม้าหลังจากที่ตัดสินใจที่จะพักผ่อน เขานำม้าไปผูกกับต้นไม้แล้วเขาก็นั่งลงบนหญ้าและหยิบอาหารออกมากิน
'แบคทีเรียเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน.....อย่างน้อยพวกมันก็แข็งแกร่งกว่าอันดับหนึ่งบนโลก' แองเจเล่คิดขณะที่เขาดื่มน้ำจากกระติกน้ำ เขาเริ่มคิดถึงโลกที่มียาปฏิชีวนะที่ทุกคนต้องการ
"ข้าคิดว่าข้าได้ข้ามพรมแดนแล้วดังนั้นตอนนี้ข้าควรจะอยู่ในจักรวรรดิแรมโซด้า แผนที่ไม่มีข้อมูลอีกต่อไปและข้าไม่สามารถวางใจได้อีก ข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจะไปถึงเมืองที่ใกล้ที่สุด" แองเจเล่พึมพำ เขาจ้องไปข้างหน้าแต่เขาเห็นได้เพียงต้นไม้และเส้นทางที่อยู่ระหว่างพวกมัน
แองเจเล่หันหัวของเขาและเห็นเส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านช่องว่างในพุ่มไม้ แต่เขาไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้
ทันใดนั้นต้นไม้ก็อยู่ภายในหมอกและในขณะเดียวกันวิสัยทัศน์ของแองเจเล่ก็เริ่มเลือน
***********************************
มีเสียงของกีบม้าดังขึ้นภายในป่าเป็นรถม้าขนาดใหญ่ปรากฏจากหมอกหนา รถม้าแต่ละคันมีม้าสีขาวสองตัวอยู่ข้างหน้า หนึ่งในสองรถม้ามีคนขับรถม้าผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปี เขาเป็นคนอ้วนกำลังสวมหมวกสีเทาบนหัว ผู้ชายคนนี้กำลังถือบังเหียนไว้เพื่อแสดงความสามารถในการควบคุมรถม้าของเขา
รถม้าทั้งสองคันถูกทาสีขาวแต่บางส่วนสีมันลอกทำให้เห็นไม้สีแดงเข้ม
"พ่อ อีกนานแค่ไหนกว่าเราจะถึงเมืองเลนน่อน" ผู้หญิงจากรถม้าคันแรกถาม เสียงของเธอดูเหมือนว่าจะเป็นหญิงสาว
"ประมาณสิบวันเราได้มาถึงครึ่งทางแล้ว เจ้าถามทำไม" ผู้ชายถาม
"สิบวันงั้นหรือ!" เสียงของหญิงสาวดูผิดหวัง
"ใช่ ดินแดนของเราอยู่ห่างจากเมืองเลนน่อน ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้" ชายคนนั้นพูด
"แต่เราสามารถ....." หญิงสาวพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ถูกขัดโดยคนขับรถม้า
"นายท่านข้ามองเห็นชายหนุ่มกำลังนอนอยู่ที่พื้น ข้าคิดว่าเขากำลังจะตาย" คนขับรถม้าตะโกน
"ชายหนุ่มงั้นหรือ ที่ไหน" ชายคนนั้นถามแล้วเปิดหน้าต่างเพื่อดู ชายคนที่อยู่ในรถม้าสวมชุดขุนนางสีขาว เขาดูดีและน่านับถือ
"ตรงนั้น" คนขับรถม้าพูดขณะที่เขาชี้ไปทางซ้าย ชายคนนั้นหันไปจ้องมองทิศทางที่คนขับรถม้าชี้และเห็นชายหนุ่มนอนอยู่ที่พื้นข้างม้าสีดำสองตัว
"มาร์คเกิดอะไรขึ้น" ผู้หญิงคนหนึ่งถาม
"พวกเราเห็นชายหนุ่มนอนอยู่ที่พื้น เขาดูไม่สบาย" ผู้ชายที่ชื่อมาร์คตอบ
"ชายหนุ่มงั้นหรือ ไปดูกัน!" หญิงสาวตะโกน
"เขามาจากดินแดนของเราหรือ ข้าไม่เห็นคนจากอาณาจักรอื่นนานแล้ว" ผู้หญิงคนนั้นพูดต่อ
"หยุด! ไปช่วยเขากันเถอะ!" หญิงสาวยังคงตะโกน รถม้าทั้งสองคันเริ่มช้าลง ผู้ชายที่แข็งแรงสวมชุดเกราะสีดำออกจากรถม้าคันที่สองและเดินไปทางรถม้าคันแรก เขาช่วยหญิงสาวลงจากรถม้า หญิงสาวสวมชุดสีขาวและมีหน้าตาน่ารัก
"ดันเลวี่เจ้าไปกับข้าได้ไหม" ผิวของหญิงสาวเป็นสีขาวและผมสีบลอนด์ของเธอก็เรียบเนียนราวกับว่าเธอมาจากเทพนิยาย
"ครับ" ผู้ชายที่ชื่อดันเลวี่ตอบกลับ ด้วยเคราหนาๆเขาก็เริ่มเดินไปทางชายหนุ่มที่ไม่ได้สติขณะที่จับมือซ้ายของหญิงสาว
"ดันเลวี่ระวังตัวให้ดี" ผู้ชายขุนนางพูด เขาช่วยขุนนางหญิงที่สวยออกจากรถม้า
"ไม่ต้องห่วงนายท่าน" ดันเลวี่พยักหน้า
พวกเขาเดินไปทางชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขามาใกล้เขาดันเลวี่ก็ก้มตัวลงเพื่อตรวจสอบชายหนุ่มและเห็นบาดแผลที่เอวของชายหนุ่ม มันมีสีดำและมีกลิ่นเหม็น
"เขาติดเชื้อจากอาการบาดเจ็บ" ดันเลวี่พูดเสียงจริงจัง
"เขาไม่เป็นไรหรือ" หญิงสาวผมบลอนด์ถามอย่างกะทันหันหลังจากที่เดินมาหาดันเลวี่ รูปลักษณ์ของเธอคล้ายกับเจ้าหญิง
"ข้าคิดว่าคนจะกรีดร้องหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ ทำไมเขาถึงไม่กรีดร้อง" หญิงสาวพูดขณะที่เธอพยายามผลักชายหนุ่มที่ไม่ได้สติ
"บาดแผลของเขาติดเชื้อ ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีสติ การหายใจของเขาอ่อนแอและเขากำลังจะตาย" ดันเลวี่ยิ้มก่อนที่จะอธิบาย
"เขากำลังจะตาย" หญิงสาวถามด้วยใบหน้าที่เป็นห่วง
"ใช่" ดันเลวี่ตอบ
"เราต้องช่วยเขา! เราใกล้จะถึงเมืองเลนน่อนแล้ว" หญิงสาวพูด
"ข้าเกรงว่าเราไม่สามารถ.......ถามพ่อของท่าน" ดันเลวี่พูด ขุนนางผู้ชายกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาพร้อมกับภรรยาอย่างช้าๆ
"เราไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร ถ้าเขาเป็นไส้ศึกเราจะมีปัญหา" ผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"นอกจากนี้เขายังได้รับบาดเจ็บ ใครก็ตามที่ทำให้เขามีบาดแผลอาจจะกำลังมองหาเขา ถ้าเราช่วยเขาเราจะกลายเป็นเป้าแทน" เขาพูดต่อ
"แต่ท่านพ่อ....." หญิงสาวพยายามพูดอะไรบางอย่าง
"ไม่ก็คือไม่!" ชายคนนั้นพูด
"กลับเข้าไปในรถม้าแอวริล!" เขาเกือบจะตะโกน
"แต่ท่านพ่อถ้าเขาเป็นเจ้าชายของอีกอาณาจักรล่ะ ถ้าเราช่วยเขา เขาก็จะ....เขาก็จะ...." หญิงสาวตอบ
"เจ้าบอกเรื่องเช่นนั้นกับข้ามาหลายครั้งแล้ว! เจ้าชายที่ได้พบกับคนรักของเขา!" ผู้หญิงตะโกน
"เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง" ผู้ชายพูดไม่ออก
"แอวริลฟังพ่อของเจ้า กลับไปในรถม้า เราต้องรีบ" ผู้หญิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อแทรก
"ไม่!" แอวริลปฏิเสธที่จะขยับ
"ข้าสามารถรับประกันได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เจ้าชาย ไปกันเถอะ" ขุนนางผู้ชายพูด
"ถ้าท่านไม่ช่วยเขาข้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไป!" หญิงสาวตะโกนขณะที่เธอจ้องไปที่คนทั้งสาม
สิบนาทีต่อมา....
มีม้าสีดำสองตัวกำลังตามรถม้าสีขาวอยู่ข้างหลัง
"ข้าอยู่ที่ไหน..." แองเจเล่ลืมตาอย่างช้าๆและมองไปรอบๆ เขาอยู่ภายในรถม้าและมีนักดาบในชุดเกราะสีดำกำลังนั่งอยู่ข้างๆเขา แอวริลกำลังนั่งฝั่งหนึ่งของนักดาบแล้วมองมาที่แองเจเล่อย่างแปลกใจ
"เราเห็นเจ้าหมดสติอยู่ใกล้พุ่มไม้ดังนั้นข้าจึงช่วยเจ้า" แอวริลพูด สีหน้าของเธอแสดงออกว่า'ต้องขอบคุณข้า'
"จริงหรือ ขอบคุณ" แองเจเล่พูดหลังจากที่เขายิ้ม ในความเป็นจริงเขามีสติอยู่ตลอดเวลาและยังสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงต่างๆได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ เขาต้องการเดินทางต่อแต่เขามีไข้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนอนลงสักพักหนึ่ง แองเจเล่ต้องการขยับหลังจากที่เขาตื่นขึ้นแต่ไข้ของเขาได้แย่ลงและบาดแผลของเขาเริ่มปวดมาก เขารู้ว่ามีรถม้าสองคันกำลังใกล้เข้ามาและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเหล่านั้นพูดแต่เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนและขยับริมฝีปากได้ในเวลานั้น
แองเจเล่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดไข้ มันอาจจะเป็นการติดเชื้อแต่ก็อาจจะเป็นสภาพอากาศ แม้ว่าเขาจะมีชิปแองเจเล่ก็ยังต้องค้นหายาด้วยตัวเอง เขาโชคดีที่มีคนหยุดช่วยเขา