ตอนที่ 58: วิกฤติ (1)
"เราไม่สามารถเสียเวลารออยู่ที่นี่ เราจำเป็นต้องช่วยเคดิร่าฆ่าผู้หญิงคนนั้น จิตวิญญาณสีเขียวเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนที่ดีที่สุดในพันธมิตรแดนเหนือ ตั้งแต่ที่เธอควบคุมจิตวิญญาณเธอจะต้องเป็นคนพิเศษ" ในที่สุดมาริลินก็ลุกขึ้นยืนขณะที่เธอพูดด้วยความกังวลใจ
"เจ้าสามารถไปได้ เราจะอยู่ที่นี่" หนึ่งในพ่อมดฝึกหัดผู้ชายพูด เขาไม่การต้องกลับไปที่นั่น
"เห็นได้ชัดว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ! ถ้าเคดิร่าตายเราจะไม่สามารถหลบหนีการโจมตีของผู้หญิงคนนั้นได้!" มาริลินตะโกน
"ถ้าเราไปเราจะจบด้วยการกลายเป็นกองขี้เถ้า!" พ่อมดฝึกหัดผู้ชายตอบ
"เคดิร่าบอกพวกเราให้ออกมาจากที่นั่นเพราะไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ แม้ว่าพวกเราจะกลับไปสถานการณ์ก็ไม่เปลี่ยน ข้าขอแนะนำให้พวกเรากลับไปที่ทางเข้าและแจ้งอัศวินของเคดิร่าว่าเกิดอะไรขึ้น" กริฟเฟียตอบด้วยท่าทางสงบ
"ใช่! ข้าเห็นด้วย" พ่อมดฝึกหัดผู้ชายพูด
แองเจเล่ไม่เคยพูดเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นขณะที่ฟังบทสนทนาของพวกเขา
"ดี ถ้าอย่างงั้นก็ไปที่ทางเข้ากันเถอะ" มาริลินพูด เธอเริ่มกลับเส้นทางเดิมที่พวกเขามาในขณะที่ส่วนที่เหลือของกลุ่มก็เดินตามมา ในเวลาสั้นๆพวกเขาก็มาถึงทางเข้า สถานที่นี้เริ่มมีความมืดปกคลุม ยังมีที่กั้นด่านโลหะอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีอัศวินที่คาดคะเนว่าจะปกป้องพื้นที่นี้อยู่ที่นี่ แม้แต่ร่องรอยของการต่อสู้ก็ไม่มี
"พวกเขาอยู่ไหน" มาริลินถาม เธอมีอุปกรณ์เวทมนต์และเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีใครถามเกี่ยวกับการเป็นผู้นำของเธอในกลุ่ม พวกเขาหาเบาะแสที่ทางเข้าแต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรสักอย่าง
ทันใดนั้นก็มีนกเริ่มร้องจากที่ไหนสักแห่ง พ่อมดฝึกหัดค้นหาแหล่งที่มาแล้วเห็นเพียงนกฮูกหิมะขาวยืนอยู่บนขอบหินของภูเขา ด้วยสายตาที่แคบของมันมันเป็นเพียงการเฝ้าดูพวกเขา อย่างไรก็ตามกลุ่มรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่นกฮูกที่เฝ้าดูพวกเขา ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นภายในตัวของแองเจเล่เมื่อเขามองไปที่นกฮูก เขารีบเอาลูกธนูขนนกสีดำออกมาจากซองลูกธนูทันที เขาแนบลูกธนูไปกับธนูและดึงสายธนู
"นกฮูกขาว!" มันทำให้มาริลินนึกถึงอะไรบางอย่างและเธอก็ตะโกนด้วยความตกใจ "พันธมิตรแดนเหนือ! มันเป็นพ่อมดจากพันธมิตรแดนเหนือ!"
"แฮรีอัส!" ด้วยใบหน้าที่เริ่มซีดเธอก็ร่ายคาถาไปทางนกฮูกด้วยคทาของเธอ แล้วก็มีแสงสีเขียวปรากฏบนปลายคทาของเธอ แสงสีเขียวออกมาจากปลายคทาและกลายเป็นทรงกลมสีเขียวเท่ากำปั้น เธอโบกคทาแล้วลูกทรงกลมก็ยิงไปทางนกฮูก ขณะที่มันพุ่งไปก็สร้างเส้นสายสีเขียว
แองเจเล่เล็งไปที่นกฮูกและปล่อยสายธนูเพื่อยิงธนู มีดสีเงินได้ถูกปาออกมาโดยใครบางคนที่เห็นช่วงเวลาที่แองเจเล่ยิง นกฮูกกางปีกแล้วเริ่มสะบัดปีก ทันใดนั้นก็มีทอร์นาโดเล็กๆปรากฏขึ้นข้างๆมันเพื่อปิดกั้นลูกธนูและมีด แม้แต่ลูกบอลสีเขียวคล้ายเมือกก็ได้รับผลกระทบทำให้มันตกลงไปที่เศษหินข้างนกฮูก ในสถานที่ที่ลูกบอลได้ตกลงไปแองเจเล่เห็นไอน้ำสีเขียวลอยออกมา
นกฮูกร้องและบินเข้าไปในหุบเขาก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป
"เราต้องไปแล้ว!" กริฟเฟียตะโกนแล้วอ้าปากหายใจเอาอากาศ มันดูเหมือนว่ามีดจะถูกเธอปา
"ถอยกลับไปที่โรงเรียน" แองเจเล่พูดด้วยเสียงจริงจัง
"ยามที่นี่ได้ถูกฆ่าตายแล้ว ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้แม้ว่าเราจะอยู่" เขาพูดต่อ นอกเหนือจากมาริลินที่ต้องการพูดอะไรบางอย่างทุกคนก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของแองเจเล่
"เราไม่ได้สนว่าเจ้ารักเคดิร่าหรือไม่เพียงแค่อย่าทำให้เราถูกฆ่า!" กริฟเฟียตะโกน มาริลินหน้าซีดถือคทาแน่น เธอกัดริมฝีปากแต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร
"ไปกันเถอะ เราได้ถูกตรวจพบโดยนกฮูกแล้ว ถ้าเราไม่ไปตอนนี้พวกเราจะตาย" แองเจเล่ตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาไปกับสิ่งอื่นๆแล้วรีบหยิบแผนที่ออกมาและค้นหาเส้นทางกลับไปโรงเรียนของพวกเขา เขาเริ่มมุ่งหน้ากลับไปที่โรงเรียนกับคนอื่น ไม่มีใครใส่ใจมาริลินอีกต่อไปขณะที่เธอยืนอยู่ที่นั่นไม่ได้เคลื่อนไหว
พวกเขาเดินเป็นเวลานานแต่ไม่เห็นมาริลินตามพวกเขามา ดูเหมือนว่าเธอจะเดินกลับเข้าไปในหุบเขาด้วยตัวเอง ป่ามีขนาดใหญ่ระหว่างหุบเขาและโรงเรียน ถ้าพ่อมดตัดสินใจไล่ล่าพวกเขากลุ่มของพวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีได้ อย่างไรก็ตามแม้กระทั่งไม่มีใครติดตามพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาออกไป
มันเป็นเวลากลางคืน ทุกคนผ่อนคลายเล็กน้อยหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครไล่ตามพวกเขา แต่เดิมมีคนประมาณสิบคนแต่ตอนนี้เหลือเพียงห้าคน กองไฟได้ทำให้สีหน้าของแองเจเล่เป็นสีแดงขณะที่เขากำลังอ่านแผนที่อยู่ข้างมัน เขาพยายามระบุตำแหน่งปัจจุบันตามเส้นทางแรกที่พวกเขามา คนอื่นๆก็อ่านแผนที่ของพวกเขา
หนึ่งในพ่อมดฝึกหัดผู้ชายได้เทบางอย่างเหมือนเมล็ดสีดำรอบกองไป
"พวกเราอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 10 วัน ข้าคิดว่าเราต้องใช้เวลายามค่ำคืนเพื่อป้องกันค่ายในกรณีที่พ่อมดมาหาเรา" กริฟเฟียพูดเสียงต่ำ
"มันไม่ใช่ภารกิจแก้แค้นอีกต่อไปเพราะพันธมิตรแดนเหนือมีส่วนเกี่ยวข้อง เราต้องกลับไปที่โรงเรียนและรายงานเรื่องนี้" หนึ่งในพ่อมดฝึกหัดผู้หญิงพูด
"ดูเหมือนว่าไม่มีใครไล่ตามเราแต่พวกเขาอาจจะทำเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง พวกเขาต้องการให้เราส่งข้อความไปให้โรงเรียนของเรา มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยพวกเราไป" เธอพูดต่อ แองเจเล่และพ่อมดฝึกหัดผู้ชายไม่ได้พูดเรื่องนี้
"ข้าเทเมล็ดสะเก็ดไฟไว้รอบๆ ถ้าหากมีผู้บุกรุกฝ่าฝืนในระยะรัศมี 100 เมตรมันจะระเบิดและเตือนเรา" พ่อมดฝึกหัดผู้ชายนั่งลงข้างกองไฟและพูด เขาเป็นคนที่เทเมล็ดเหล่านั้น
"ขอบคุณโอริโอ้" กริฟเฟียพยักหน้า
"หนทางยังอีกยาวไกล เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรามีอาหารและน้ำเพียงพอ" เธอพูดต่อ
"ใช่ มีเมืองเล็กๆอยู่ข้างหน้าแต่เราต้องล่าสัตว์ก่อนที่เราจะไปถึงที่นั่น" โอริโอ้พูด
"มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าได้ล่าสัตว์มามากเมื่อข้ายังอยู่ในตระกูลของข้า" พ่อมดฝึกหัดผู้ชายพูด พวกเขาหยุดคิดถึงเกี่ยวกับพ่อมดและเริ่มพูดคุยเรื่องอื่นๆ แองเจเล่เพียงนั่งอยู่ที่นั่นแล้วฟังบทสนทนาแต่ไม่ได้ไปเข้าร่วมคุยด้วย เขากำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบข้อมูลของชิปที่บันทึกจากเหตุการณ์ของวันนี้และเขากำลังจัดเตรียมข้อมูลส่วนบุคคลของเขาตามลำดับ
วันนี้เขาสามารถเห็นพลังที่แท้จริงของพ่อมด เขาคิดว่าเขาไม่มีพลังที่จะต่อกรกับพ่อมดได้ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา ชิปสามารถเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของเขาแต่มันจะไม่ช่วยในการต่อสู้ที่เหมือนกับจิตวิญญาณสีเขียว
การต่อสู้ระหว่างพ่อมดจะใช้คาถาของพวกเขา ถ้าเคดิร่าไม่ได้ทำลายภาพลวงตานั้นพวกเขาทั้งกลุ่มก็คงจะทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ในที่สุดแองเจเล่ก็มองเห็นช่องว่างระหว่างพ่อมดและพ่อมดฝึกหัด
'ข้าต้องเริ่มสร้างรูปแบบความสามารถทางจิต ด้วยเหตุนี้อย่างน้อยข้าก็สามารถป้องกันตัวเองได้' แองเจเล่คิด
'ซีโร่จำลองกระบวนการสร้างรูปแบบคาถา' เขาสั่ง
[ภารกิจสร้างขึ้น รู้จักรูปแบบคาถา: 1.มือดูดกำลัง 2.คาถาสับสน โปรดเลือก] ซีโร่รายงาน แองเจเล่ลุกขึ้นยืนและเดินไปต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ เขานั่งลงข้างต้นไม้ทำให้คนอื่นคิดว่าเขากำลังขบคิดอะไรบางอย่าง สายตาของเขายังคงอยู่ที่ทิศทางของพ่อมดฝึกหัดแต่จริงๆแล้วเขากำลังสื่อสารกับชิป
'ข้าจะเลือกคาถาสับสน' แองเจเล่คิด เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากการฝึกฝนเป็นประจำ อะไรที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรูปแบบคาถายังไม่ได้ถูกแตะต้อง ก่อนที่เขาจะสามารถสัมผัสถึงเรื่องนั้นได้เขาก็ต้องเรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับรูปแบบคาถา หลักสูตรสำหรับวิชาเหล่านี้เขาได้ซื้อและเก็บไว้ในชิป เมื่อแองเจเล่กำลังเดินทางส่วนใหญ่เขาใช้เวลาในการแก้ไขและปรับปรุงความรู้ทั้งหมดที่เก็บไว้และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
การสร้างรูปแบบคาถาจะต้องใช้ความสามารถทางจิตเป็นจำนวนมาก เมื่อเขาล้มเหลวในการสร้างความสามารถทางจิตก็จะเสียไป ดังนั้นแองเจเล่จึงตัดสินใจที่จะอดทนต่อการสร้างรูปแบบคาถา เขาคิดว่าชิปและทักษะการยิงธนูของเขาจะช่วยเขาให้รอดในภารกิจนี้ แต่เขาไม่เคยคาดหวังที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้
หลังจากที่เห็นการต่อสู้ระหว่างพ่อมดเขาก็ตระหนักได้ถึงความจำเป็นที่จะต้องรู้คาถาในการตอบโต้คาถาที่ใช้ใส่เขา เขาเข้าใจความรู้ที่จำเป็นสำหรับสองคาถานี้เมื่อพวกเขามาถึงหุบเขาหลังจากที่หนีออกมา แองเจเล่ตัดสินใจที่จะไม่รอจนพวกเขาหนีไป อย่างน้อยเขาก็ต้องการใช้คาถาแรกให้ได้ก่อน นอกจากนี้เขายังใกล้จะก้าวเข้าขั้นที่สามมาก เขาหวังว่าจะกลายเป็นพ่อมดในอนาคต
[เริ่มต้นการจำลอง ใช้ความสามารถทางจิต 2 จุด ระยะเวลา: 30 นาที] เสียงกลไกของซีโร่ดังอยู่ในหัวของแองเจเล่
เขาพิงต้นไม้และดึงคอเสื้อขึ้นมาเพื่อปกปิดคอของเขาไว้ ป่าได้อยู่ในความมืดมิด มีเสียงแปลกๆที่แมลงร้องออกมาให้ได้ยิน
แองเจเล่ลืมตาและเน้นสายตาของเขาบนพื้นหญ้า เขาเริ่มมองเห็นเส้นสีฟ้าบางๆกำลังก่อตัวเป็นแถวเวทมนต์ต่างๆอยู่ตรงหน้าเขา มีคลื่นที่มีเพียงพ่อมดเท่านั้นที่สามารถตรวจพบได้รอบๆเขาได้เข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตามพ่อมดฝึกหัดคนอื่นๆไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ แถวเวทมนต์ได้หายไปหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง แองเจเล่กระพริบตาหลังจากที่ผลออกมาเป็นเช่นนั้นเขารู้สึกโล่งใจ
[การจำลองเสร็จสมบูรณ์ ใช้ความสามารถทางจิต 2 จุด รูปแบบของคาถาสับสนได้ถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกครั้งที่คุณใช้มันจะใช้ทานาและความสามารถทางจิต 1 จุด] ซีโร่รายงาน แองเจเล่ได้ตั้งชื่ออนุภาคธาตุในร่างกายของเขาเป็นมานาซึ่งเป็นพลังงานพ่อมดที่ต้องใช้ในการร่ายคาถา
'ตรวจสอบสภาพปัจจุบันของข้า' แองเจเล่สั่ง