ตอนที่ 50: แรมโซด้า (1)
เปลี่ยนชื่อจาก 'โรงเรียนแรมโซด้า' เป็น 'วิทยาลัยแรมโซด้า' ตอนแรกทับไปแต่ดูเหมือนว่ามันต้องใช้แยกกัน เพราะอะไรก็น่าจะรู้หลังจากที่อ่านตอนนี้ ชื่อบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปในตอนหลังๆเพราะมันบอกแค่ชื่อผมก็แปลตามที่ผมเข้าใจไม่ได้ไปอ่านตอนหลังๆ อยากแปลแล้วสนุกไปพร้อมๆกันเลย
หลังจากที่ออกจากห้องของแนนซี่แองเจเล่ก็หายใจเข้าลึกๆ รอยยิ้มของเขาหายไปแทนที่ด้วยความจริงจัง เขาสำรวจทางเดินแล้วพบว่าไม่มีพ่อมดฝึกหัดคนอื่นอยู่รอบๆ เขาได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่อยู่เหนือเขาเท่านั้น แองเจเล่ปิดบาดแผลที่คอด้วยคอเสื้อและรีบลงบันได
'ซีโร่รังสีพลังงานที่เจ้าดูดซับดูดได้มากแค่ไหน' แองเจเล่ถาม
[จากสร้อยคอ 1.35% อุปกรณ์ได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นพลังงานที่เก็บภายในจึงไม่รั่วไหล] ซีโร่รายงาน
'นั่นก็พอแล้ว เธอจะค้นพบถ้าเราใช้เวลามากเกินไป' แองเจเล่คิด จากนั้นเขาก็มาถึงชั้นที่ห้า เขาเพิ่งถึงขั้นที่หนึ่งไม่นานมานี้ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาหลังจากที่ได้รับพลังงานจากอุปกรณ์เวทมนต์
'แนนซี่จะไม่มีความสุขกับเรื่องนี้แต่ข้าก็ไม่สนใจว่าเธอจะชอบข้าหรือไม่ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ข้าจะกลับไปที่เมือง อาจารย์อดอล์ฟบอกว่าจดหมายจะถูกส่งออกไปกับเรือเท่านั้น มันจะใช้เวลาประมาณสี่ปีสำหรับข้าในการสื่อสารกับคนในเมือง ตอนนั้นเธอคงลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว' แองเจเล่คิด
แองเจเล่กลับมาที่ห้องของเขาอย่างรวดเร็วและล็อคประตูไว้ เขารู้สึกตื่นเต้นมากแล้วนำหนังสือที่อดอล์ฟให้เขาออกมาทันที แองเจเล่เปิดไปหน้าที่เขาเปิดไว้ครั้งที่แล้ว เนื้อหาที่เขียนขึ้นไม่เกี่ยวกับการฝึกฝน มันเป็นชีวประวัติของผู้เขียน เขาต้องการที่จะสงบใจลงเพราะความตื่นเต้นมันจะไม่ช่วยให้เขาในการฝึกฝน
'อย่างไรก็ตาม ข้าต้องรอจนกว่าข้าจะรู้สึกได้ถึงพลังงานด้วยตัวเอง มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถฝึกฝนทักษะพื้นฐานของข้าได้' แองเจเล่คิด เขารู้ดีว่าพื้นฐานมันสำคัญกับเขาแค่ไหน
**********************
สิบห้าวันต่อมาเรือที่มีพ่อมดฝึกหัดทั้งหมดถูกแยกออกจากกองเรือและเปลี่ยนเส้นทางไปยังดินแดน จากนั้นก็หยุดลงที่ชายหาดและที่นั่นมีผู้ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำรออยู่ที่ข้างฝั่ง เขานำผู้ฝึกหัดทั้งหมดที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรของตนไปยังที่อื่น อลิ แนนซี่และจาเร็ดถูกทิ้งไว้ที่นี่ แลนโด้ ลุคก็ด้วยเช่นกันเพราะตำแหน่งขององค์กรที่เขาจะเป็นเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ชั้นเดียวกันที่เหลืออยู่บนเรือมีแองเจเล่ ยูริและเวลเว็ต เมื่อเรือออกเดินทางอีกครั้งก็เหลือพ่อมดฝึกหัดมากกว่า 10 คน
สายลมมีกลิ่นเหม็นคาวปลาและกลิ่นเค็มของมหาสมุทร ความร้อนของแสงแดดมีอยู่ที่ดาดฟ้า แองเจเล่สามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างความเย็นจากลมหลังไออุ่นจากแสงแดด พระอาทิตย์ใกล้ตกดินทำให้โลกทั้งโลกดูเป็นสีทอง แองเจเล่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเงียบๆดูแสงที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆหายไป ยูริยืนอยู่ข้างเขาด้วย แสงแดดสีทองสะท้อนทั่วทั้งคลื่นรอบๆเรือ
"เรือไม่มีใครจริงๆ ข้าไม่เห็นใครรอบๆนี้เลย" ยูริพูดขณะที่เขาเกาหัว
"พวกเราคงจะไม่เห็นพวกเขาอีกแล้ว" แองเจเล่พูดอย่างสงบ
"จริง ข้าได้ยินว่าจุดหมายปลายทางของเราห่างจากที่นี่ไปกว่าหมื่นกิโลเมตร" ยูริพูด เขารู้สึกยุ่งเหยิงเกี่ยวกับการจากไปของเพื่อนของเขา
"องค์กรไหนที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าไป เราอาจจะมีจุดหมายเดียวกัน" ยูริถาม
"วิทยาลัยแรมโซด้า" แองเจเล่ตอบ
"วิทยาลัยแรมโซด้า? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน..." ยูริสับสน
"เป็นไปได้ว่าเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้" พวกเขาได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่งจากทางด้านหลัง พวกเขาหันกลับไปและเห็นเวลเว็ตกำลังเดินมาหาพวกเขา เธอสวมชุดสีขาวและถือดาบยาวอยู่ในมือ ผมหางม้าสีดำสยายไปกับสายลม แม้ว่าเธอจะหายใจอย่างหนักเนื่องจากเธอเพิ่งฝึกทักษะดาบของเธอเสร็จเธอก็ยังดูดีและดูสวย
"มีองค์กรลับพ่อมดอยู่มากมายในโลกนี้ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เจ้าจะรู้ทั้งหมด นอกจากนี้หากมันเป็นชื่อวิทยาลัยมันก็อาจจะเป็นชื่อโบราณก่อนที่จะใช้เป็นองค์กรพ่อมด เป็นไปได้ว่าองค์กรนั้นได้เปลี่ยนชื่อแล้ว" เธอพูดต่อ
"เจ้ามีความรู้มาก" ยูริพูดด้วยรอยยิ้ม
"พ่อของข้าเป็นพ่อมดและเขาบอกข้ามากมายเกี่ยวกับโลกนี้ ปลายทางของข้าคือหอคอยหกวงแหวน" เวลเว็ตพูดเสียงเบา
"ข้ามุ่งหน้าไปปราสาทเขี้ยวขาวซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่ที่ราบสูงเขี้ยวขาว ข้าได้ยินมาว่าเป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง" ยูริพูดขณะที่เขาหัวเราะ เขาเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายแม้ว่าจะเป็นลูกของขุนนางก็ตาม เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องชื่อเสียงหรืออะไรมากนักและเขาก็เป็นคนที่ดีและซื่อสัตย์
"เราจะรู้ตราบเท่าที่ชายคลุมสีดำรู้เกี่ยวกับพวกเขา" แองเจเล่พูดก่อนที่เขาจะหัวเราะ
"แลนโด้ ลุคบอกข้าว่าหอคอยหกวงแหวนและปราสาทเขี้ยวขาวอยู่ที่เดียวกัน แม้แต่ชายในชุดคลุมสีดำก็บอกให้ข้าลงที่นั่นเช่นกัน เนื่องจากเราอยู่ใกล้กันและเราจำเป็นต้องติดต่อกันแล้วคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน" แองเจเล่พูดต่อ
"แน่นอน" ยูริพูด
"พวกเราทุกคนขึ้นเรือจากมารัวดังนั้นเราจำเป็นต้องรวมตัวกันหลังจากที่เราเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่" เขาพูดต่อก่อนที่จะยิ้มอย่างมีความสุข
"พวกเจ้าไม่สนใจว่าข้ามีพรสวรรค์เพียงแค่ระดับหนึ่งงั้นหรือ" เวลเว็ตกัดริมฝีปากเล็กน้อยขณะที่พูด
"พรสวรรค์เป็นเพียงแค่พื้นฐาน มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพ่อมด เราจำเป็นต้องศึกษา ค้นคว้าและทำทุกอย่างที่เราสามารถจินตนาการและสร้างสรรค์ได้ นั่นคือสิ่งที่พ่อมดต้องการ" ยูริพูดหลังจากที่ท่าทางของเขาดูเคร่งขรึม
"นี่เป็นคำพูดของปู่ของข้า ปู่เป็นพ่อมดในปราสาทเขี้ยวขาว" เขาพูดต่อ
เวลเว็ตมองเขาครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาของเธอ
'ยูริพูดถูกต้องตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับพ่อมด พรสวรรค์อาจจะเป็นเงื่อนไขพื้นฐานแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ตามหนังสือพรสวรรค์ของตัวเองจะเริ่มต้นได้ดีแต่หลังจากนั้นข้าก็ต้องเรียนรู้และค้นคว้า ความรู้คือพลังและสมบัติของข้า อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์ระดับหนึ่งมันจะทำให้เวลเว็ตใช้เวลาประมาณ 30 ปีในการไปถึงขั้นที่สามถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ข้าคิดไว้' แองเจเล่คิด เขาเห็นด้วยกับความคิดของยูริแต่เขาไม่แน่ใจว่ายูริเพียงแค่พูดเพื่อให้ความหวังเวลเว็ตหรือไม่
เขาไม่ได้พูดความคิดของเขาเพียงแค่บอกเวลเว็ตไม่กี่คำก่อนที่จะกลับไปในห้องโดยสาร เขากินอาหารอยู่ที่ชั้นสี่และกลับไปที่ห้องของเขา แองเจเล่ได้รู้สึกถึงพลังงานที่เขาไม่รู้จักแล้วเมื่อคืนแต่เขาไม่แน่ใจว่าพลังงานที่เขาต้องการเป็นอย่างไร
แองเจเล่นั่งขัดสมาธิบนเตียง เขาหลับตาและเริ่มฝึกฝน นาฬิกาคริสตัลบนโต๊ะยังคงเดินอยู่ เขาเริ่มฝึกฝนเวลาหกโมงเย็นและตอนนี้มันเป็นเวลาสี่ทุ่ม ห้องยังมืดแต่จู่ๆก็มีจุดสีเขียวปรากฏใกล้ใบหน้าของแองเจเล่ จุดของแสงมีขนาดเท่าเมล็ดงาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว จุดแสงสีเขียวยังคงปรากฏและหายไปรอบๆตัวแองเจเล่ประมาณครึ่งชั่วโมง เปลือกตาของแองเจเล่กระตุกอย่างรวดเร็วแม้แต่เหงื่อก็เริ่มออก เขาตื่นขึ้นมาทันทีที่แสงสีเขียวหายไปหมด ความเหนื่อยล้าเกือบจะทำให้เขาสลบเมื่อเขาลืมตา
"ในที่สุดข้าก็มาถึงขั้นที่สอง ความก้าวหน้าของข้าจะราบรื่นขึ้นหลังจากที่ข้าสามารถตรวจจับพลังงานได้ ตอนนี้ข้าจะต้องทำให้ร่างกายของข้าปรับตัวเข้ากับรังสีพลังงานดังกล่าว"
'ซีโร่ ใช้รังสีพลังงานที่เก็บไว้และปลดปล่อยมันในอัตราที่ร่างกายข้าสามารถรับมือได้' แองเจเล่บอก
[ภารกิจเริ่มต้น......กำลังใช้พลังงาน.....มันจะใช้เวลา 271 ชั่วโมง 43 นาที 12 วินาทีเพื่อใช้ทั้งหมด] ซีโร่ตอบ
'มากกว่าสิบวัน? เยี่ยมมาก' แองเจเล่พยักหน้าในขณะที่เขาพอใจกับผล เมื่อชิปเสร็จสิ้นการปล่อยเสียงก็มีแสงสีเขียวบางส่วนปรากฏขึ้นบนผิวของแองเจเล่ มันหายไปอย่างรวดเร็วและไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นแต่แองเจเล่รู้ว่าชิปยังคงปลดปล่อยรังสีพลังงาน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานชีวิตที่มาจากภายในร่างกายของเขาตลอดเวลา มันเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดเล็กในร่างกายที่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของมัน แองเจเล่รู้สึกสบายมากในขณะที่เขาไม่รู้สึกได้ถึงความเย็นจากภายในห้องของเขา เหมือนมีรสชาติของหญ้าในปากของเขาและให้ความรู้สึกสดชื่นทั่วร่างกายของเขา
"พลังงานเชิงบวกของพืช" แองเจเล่กำหนดแหล่งที่มาตามความรู้ที่ได้เรียนรู้จากหนังสือของอดอล์ฟ มีเพียงพลังงานจากพืชที่มีพลังเชิงบวก ตามหนังสือพ่อมดโลกเต็มไปด้วยพลังงานในอากาศ พลังงานดังกล่าวสามารถช่วยให้พืชเจริญเติบโตหรือรักษาด้วยพลังงานพืชของพ่อมด พวกเขายังระบุพลังงานที่แตกต่างกันออกเป็นสองประเภทนั่นก็คือพลังงานเชิงบวกและพลังงานเชิงลบ พ่อมดค้นพบพลังงานที่แตกต่างออกไปหลายประเภทและจำแนกพวกมันจากผลกระทบของมัน
พลังงานที่แองเจเล่ดูดกลืนจากสร้อยคอของแนนซี่เป็นพลังงานพืช ผลกระทบส่วนใหญ่เป็นบวก บางส่วนของพืชอาจจะมีผลเชิงลบเช่นการทำลายความสมดุลของธรรมชาติ มีพลังงานในอากาศจำนวนมากและพ่อมดก็ยังไม่เข้าใจพวกมันทั้งหมด พ่อมดมีปัญหาในการพิสูจน์การดำรงอยู่ของพลังงานเชิงลบจนมีพ่อมดคนหนึ่งค้นพบระหว่างการวิจัยของเขาเมื่อหลายร้อยปีก่อน
'ซีโร่ เจ้าสามารถจัดอันดับรังสีพลังงานได้หรือไม่' แองเจเล่ถาม
[กรุณาตั้งชื่อหน่วยและสมการ] ซีโร่รายงาน
'ชื่อหน่วยคือ: องศา รังสีพลังงานหนึ่งองศาเทียบเท่ากับจำนวนพลังงานหนึ่งหน่วย แสดงปริมาณพลังงานที่สะสมไว้โดยสมการนี้' แองเจเล่บอก องศาเป็นหน่วยปกติที่ใช้โดยพ่อมดและสมการมาจากหนังสือ แองเจเล่ตั้งค่าหน่วยให้เป็นสากลเพื่อช่วยให้ชิปคำนวณข้อมูลให้เขาอย่างถูกต้อง
[คำนวณเสร็จสิ้น มีการจัดเก็บพลังงาน 17.4 องศา กำลังใช้พลังงานอยู่] ซีโร่รายงาน
แองเจเล่พยักหน้าด้วยความพอใจ
'ในอัตรานี้ถ้าข้าสามารถรับได้ทั้งหมดครึ่งปีต่อมาข้าก็จะสามารถไหลเวียนพลังงานได้ ข้าจะเร็วกว่าตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในหนังสือ' แองเจเล่คิดในขณะที่เขาได้คำนวณอยู่ในใจของเขา