ตอนที่แล้วตอนที่ 35: เงื่อนงำ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37: โรงเรียน (2)

ตอนที่ 36: โรงเรียน (1)


แองเจเล่รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่พวกเขาข้ามชายแดนมา มันไม่ได้ใช้เวลาสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงท่าเรือมารัว ด้านนอกเมืองใหญ่มีพ่อค้ารวมตัวกันอยู่รอบๆ มันดูเหมือนว่านี่จะเป็นความเชื่อของพ่อค้าที่สร้างตลาดเล็กๆล้อมรอบมารัว มีคนมากมายเดินไปเดินมาแสดงให้เห็นว่าที่ตลาดกำลังวุ่นวาย

มันเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงเมื่อคาราวานของแองเจเล่มาถึง อากาศมีท้องฟ้าแจ่มใสและภายใต้ท้องฟ้าก็มีรถม้าค่อยๆเคลื่อนที่ผ่านตลาดที่วุ่นวาย พวกเขาอยู่ร่วมกับคาราวานพ่อค้าขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกลือทะเล ประมาณสองวันก่อนที่พวกเขาได้เข้าร่วมกับขบวนนี้ บารอนจ่ายเหรียญทองไป 50 เหรียญแก่หัวหน้าคาราวานพ่อค้าดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือของพ่อค้า

บารอนนั่งอยู่ภายในรถม้าคันแรกและมองไปที่เมืองใหญ่ เขาพบกับกำแพงเมืองสีเทาที่สูงตระหง่านและจากมุมมองของเขามันราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด ประตูทางเข้ามันเปิดกว้างทำให้เขาสามารถมองเห็นผู้คนที่วุ่นวายในการทำกิจกรรมของตัวเองได้อย่างชัดเจน รถม้าบางคันมุ่งหน้าออกจากเมืองด้วยสินค้าหนักบนเกวียนในขณะที่ด้านหลังมีคนกำลังสนทนากับทหารยามเพื่อเข้าไปในเมือง ทหารยามเอาได้รับการเอาใจใส่อย่างเต็มที่ ชุดเกราะเหล็กดำปกคลุมและปกป้องตัวพวกเขา แต่ละคนมีหอกอยู่ในมือ

"นี่คือเมืองมารัวงั้นหรือ" แองเจเล่ถาม เขาออกจากรถม้าและนั่งข้างพ่อของเขา

"ใช่ เราสามารถมุ่งหน้าไปเมืองด้านนอกได้เมื่อพวกเราผ่านที่นี่ ด้วยความช่วยเหลือของคาราวานพ่อค้าเราสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายเพื่อไม่ให้พวกเราถูกตรวจสอบเป็นรายบุคคล" บารอนยิ้มเมื่อพูดแบบนี้

"ถ้าพวกเราไม่ได้เข้าร่วมกับพ่อค้ามันจะใช้เวลานานในการเข้าไป แม้ว่าเราจะมีบัตรผ่านแต่กระบวนการคัดกรองก็วุ่นวาย" เขาพูดต่อ

แองเจเล่พยักหน้าก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆ รถม้าทุกคันที่เขาเห็นก็คล้ายๆกับของพวกเขา ทหารยามเก็บอุปกรณ์และใส่มันไว้ในเกวียนขนส่ง เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าก็มีชายหนุ่มอ้วนคนหนึ่งได้ลงจากรถม้าไม้สีแดงที่อยู่แถวหน้า ชายคนนี้สวมเสื้อคลุมสีดำและแทนที่จะดูเหมือนนักธุรกิจเขาดูคล้ายพ่อครัว

ชายคนนี้คุยกับทหารยามสักครู่ก่อนที่จะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากที่วางกระเป๋าเล็กๆไว้ในมือของทหารยาม จากนั้นทหารยามก็หัวเราะแลโบกมือให้สัญญาณว่าถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามแองเจเล่สังเกตเห็นว่าทหารยามมองกองคาราวานของพวกเขาสักระยะหนึ่ง ทหารยามอาจจะรู้ตัวตนของพวกพวกเขาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน

คาราวานได้เข้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่สายตาของพวกเขาเห็นก็คือถนนที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งมีขยะอยู่เล็กน้อยที่อยู่บนพื้น ทั้งสองด้านของถนนเต็มไปด้วยผู้ขายสินค้าที่ขายสินค้าแตกต่างกันมากมายเช่นเกลือ อาหารทะเลและมีแม้แต่บางคนที่ซื้อสินค้ามือสองที่อยู่สภาพดี ไข่มุกก็ยังถูกขายแล้วก็มีสินค้าที่แองเจเล่ไม่เคยเห็นมาก่อนที่ถูกขาย บางครั้งเขาเห็นคนกำลังทะเลาะกับเจ้าของร้าน

คาราวานของแองเจเล่กำลังเคลื่อนที่อยู่กลางถนน มีเพียงไม่กี่คนที่มองไปที่ถนนด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าหน้าที่บางส่วนของท่าเรือกำลังเดินไปรอบๆคอกม้าและร้านค้าเพื่อรวบรวมค่าธรรมเนียม มีหลายครั้งที่เกวียนบรรทุกเกลือจำนวนมากผ่านรถม้าของแองเจเล่

พวกขาเดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านถนนหลายสายก่อนที่จะถึงสี่แยก ด้านข้างมีตึกหินสีเทามีขุนนางหญิงวัยกลางคนตัวอวบอ้วนกำลังยืนอยู่กับคนงานทั้งสามคน

"น้องสาวมาเรียที่น่ารักของข้า ไม่ได้เจอกันนานแล้ว มันรู้สึกดีมากที่ได้เห็นเจ้าอยู่ดี" เขาตะโกน

"พี่ชายข้าดีใจที่ได้พบท่านเช่นกัน" ผู้หญิงคนนี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพวกเขาก็กอดกัน จากนั้นบารอนก็บอกให้แองเจเล่ก้าวออกไป

"นี่คือแองเจเล่ลูกชายคนที่สองของข้า เขาเกิดหลังจากที่เจ้าแต่งงานแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน" บารอนพูดขณะที่ตบเบาๆไปที่ไหล่ของแองเจเล่ มาเรียมองไปที่แองเจเล่อยู่ครู่หนึ่งราวกับว่ากำลังตรวจสอบเขา

"เด็กดี ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ด้วยกันกับลูกชายของข้าบัสเตอร์ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าได้" มาเรียยิ้มและพูด

"ขอบคุณครับป้ามาเรีย" แองเจเล่ลดศีรษะและตอบอย่างสุภาพ

"เอาล่ะ ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงสำหรับพวกเจ้าที่คฤหาสน์ นอกจากนี้สวนกุหลาบก็ยังแห้งเหี่ยวหมดแล้วดังนั้นพวกเจ้าสามารถไปได้ตามที่ต้องการ แต่ท่านพี่ข้าคิดว่าท่านจะนำคนมามากกว่านี้ ผู้เฒ่าเหว็ดอยู่ที่ไหน" มาเรียพยักหน้าและถาม

"เราจะพูดเรื่องนี้ทีหลัง กลับกันก่อนเถอะ" บารอนพูดเสียงเศร้า

"เอาล่ะกลับกันเถอะ แองเกอร์นำทางให้บารอน" มาเรียหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

"ครับมาดาม" หนึ่งในคนงานได้ตอบ แองเจเล่ไม่ได้ตามพ่อของเขาไปรถม้าคันแรกแต่เขาได้เข้าไปคันที่สองแทน เขารู้ว่าพ่อของเขาไม่ได้เห็นน้องสาวของเขามาหลายปีแล้วดังนั้นพวกเขาจึงมีเรื่องพูดมากมาย แม็กกี้ ซีเลีย ญาติทุกคนและหัวหน้ามาร์คดูกังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตามความกระวนกระวายใจของพวกเขาได้หายไปหลังจากที่ได้เห็นแองเจเล่เข้ามาภายในรถม้า

"นายน้อยแองเจเล่มีงานอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ที่ท่าเรือ ข้าไม่รู้อะไรนอกจากการฆ่า..." มาร์คพูด

"ไม่ต้องห่วง เจ้าอยู่กับท่านพ่อมานาน พ่อจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าได้งานตามที่ต้องการ" แองเจเล่ยิ้ม

แม็กกี้และซีเลียนั่งอยู่ข้างเขาด้วยท่าทางกังวลใจ ตอนนี้พวกเธอกำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ บารอนต้องการสร้างรากฐานของพวกเขาที่นี่ หลังจากที่เขาได้รับสิ่งที่เขาต้องการเขาต้องการเขาก็จะดูแลแองเจเล่ในขณะที่คนอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีพรสวรรค์ปานกลางจะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อีกต่อไป นอกจากนี้บารอนยังสูญเสียอาณาเขตและแหล่งรายได้ของเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถใช้ชีวิตแบบที่เคยมีแล้วบางคนก็เริ่มกังวลกับอนาคตของพวกเขา

แองเจเล่นั่งอยู่ในรถม้ากำลังคิดเกี่ยวกับการลดความกังวลของพวกเขา ทันใดนั้นรถม้าก็ช้าลง

"แองเจเล่ออกมาจากรถม้า" บารอนตะโกนจากด้านนอก แองเจเล่กำลังสับสนแต่เขาก็ยังออกมาจากรถม้า เขาเห็นป้ามาเรียและพ่อของเขากำลังยืนอยู่ด้านข้างทั้งสองคนดูตื่นเต้น

"เกิดอะไรขึ้นท่านพ่อ ป้ามาเรีย" แองเจเล่ถาม รถม้าได้หยุดลงด้านข้างมีคนเริ่มขนอุปกรณ์ในรถม้าลง แองเจเล่เดินไปทางทั้งสองคน

"พ่อของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องการเข้าโรงเรียน ข้าคิดว่ามันดีสำหรับเจ้าและพ่อของเจ้าก็สนับสนุนการตัดสินใจนี้เช่นกัน เจ้าโชคดีมากที่เวลานี้โรงเรียนท่าเรือมารัวกำลังรับนักเรียนใหม่ เจ้าสามารถลงทะเบียนได้ตราบใดที่เจ้าผ่านความต้องการ" มาเรียพูดด้วยรอยยิ้ม

"โรงเรียนท่าเรือมารัว?" แองเจเล่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เขามองไปที่พ่อของเขา

"โรงเรียนนี้มีประวัติยาวนานและสอนเกือบทุกอย่างเช่นทักษะการต่อสู้ ประสบการณ์ภาคสนาม ดนตรี วรรณกรรม การเต้นและการวาดภาพ นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณสมบัติที่จะแนะนำนักเรียนจำนวนมากให้เข้าร่วมโรงเรียนพันธมิตรแอนดีสในแต่ละปี" บารอนยิ้มขณะที่เดินเข้ามาใกล้แองเจเล่

"ถ้าเจ้าต้องการรู้เกี่ยวกับโรงเรียนพันธมิตรและวิธีการเข้าขั้นตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็น!" เขากระซิบข้างหูของแองเจเล่

"มันมีราคาแพงหรือไม่" แองเจเล่ถาม

"100 เหรียญทองสำหรับการลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหลักสูตรที่เจ้าต้องการลงทะเบียน แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับทุกสิ่งที่เจ้าสามารถเรียนรู้ได้" บารอนพูด

แองเจเล่รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเพราะพวกเขาได้ปล้นทรัพย์สมบัติของพวกโจรที่พวกเขาตลอดทางและยังมีสมบัติของเคานต์ฟิลิปอีก พวกเขาได้มาประมาณ 200 เหรียญทองจากโจรและ 1,000 เหรียญทองจากฟิลิปดังนั้นในปัจจุบันแองเจเล่จึงรวยมาก

"วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการลงทะเบียน เจ้าจะต้องได้รับการยอมรับอย่างแน่นอนถ้าเจ้าไปพื้นที่ลงทะเบียนตอนนี้" มาเรียอธิบาย

"พ่อของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องการไปโรงเรียนพันธมิตรแอนดีส ถ้าเจ้ามีผลการเรียนดีที่โรงเรียนท่าเรือเจ้าก็จะได้รับการแนะนำให้เข้าร่วมโรงเรียนพันธมิตร" เธอพูดต่อ

"ป้าได้โปรดพาใครสักคนนำทางข้าไปที่นั่น ข้าจะไปลงทะเบียนตอนนี้เลย!" แองเจเล่พูด

"ท่านซิวาทำงานอยู่ที่สำนักงานลงทะเบียน ไม่นานที่ผ่านมาลูกชายของเขาอยากให้โบว์เอเตอร์ทำบางอย่างให้เขา ข้าจะบอกให้เขารู้ว่าข้าส่งเจ้าไปที่นั่น" มาเรียพูดหลังจากที่พยักหน้า โบว์เอเตอร์เป็นสามีของเธอและยังเป็นลุงของแองเจเล่ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่แผนกตรวจการของท่าเรือ

"ขอบคุณครับป้า!" แองเจเล่รู้สึกเบิกบานใจเมื่อได้รู้เรื่องนี้จึงพูดสุภาพกับเธออย่างจริงใจ

"อย่างไรก็ตามมันเป็นโรงเรียนกินอน เจ้าจะต้องนำของตัวเองไปที่นั่นด้วย" มาเรียพูด

"เข้าใจแล้วครับ ข้าจะรีบไปทันที" แองเจเล่พูด จากนั้นมาเรียก็บอกคนงานที่ชื่อแอนเดอร์สันให้นำทางแองเจเล่ ก่อนที่จะออกมาบารอนตบไหล่แองเจเล่เบาๆ เขาไม่ได้พูดอะไรแต่แองเจเล่สามารถมองเห็นความหวังในดวงตาของเขา แม็กกี้และซีเลียได้ออกจากรถม้าเพื่ออวยพรให้แองเจเล่โชคดี แองเจเล่จูบพวกเธอต่อหน้าทุกคนเพื่อบอกว่าพวกเธออยู่ภายใต้เขาก่อนที่จะออกมาพร้อมกับแอนเดอร์สัน

แองเจเล่รู้สึกว่าเขากำลังรีบร้อนแต่มันก็มีโอกาสที่นั่น เขารู้ว่าร่างกายของเขาได้มาถึงขีดจำกัดนานแล้วและรู้ว่าเขาต้องการอะไรในโรงเรียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด