ตอนที่ 35: เงื่อนงำ (2)
บารอนกระโดดออกจากรถม้ามองไปที่ฟิลิปและโยนอัศวินทั้งสองลงบนพื้น สิ่งที่แองเจเล่ทำทำให้เขาเสียใจ ทุกคนรอบๆก็ตกใจและทุกคนหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
"นายน้อย บารอน....เกิดอะไรขึ้น" หัวหน้ามาร์คเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางตกใจ
"ทุกคน! มาที่นี่!" แองเจเล่ตะโกนแทนการตอบคำถามของเขา เขาจับฟิลิปด้วยแขนของเขาและโยนไปใกล้ๆกับอัศวินทั้งสองคน
"เจ้า! เจ้าอยากตายงั้นหรือ! พ่อของข้าคือมาร์ควิสไซเรียส เขาจะตามล่าทุกคนถ้าเจ้าฆ่าข้า!" ฟิลิปกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แองเจเล่หัวเราะก่อนที่จะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าของฟิลิป เขาซ่อนมันไว้ในฝ่ามือเพื่อให้ไม่มีใครเห็นมันและใส่มันไว้ในกระเป๋าของเขา
แองเจเล่มองไปที่บารอนและเห็นความรู้สึกเศร้า พวกเขาจ้องมองกันครู่หนึ่งและเริ่มหัวเราะหลังจากนั้น
"ข้าคิดว่าเจ้ามีแผนแล้ว" บารอนพูดเสียงเข้ม
"ครับท่านพ่อ" แองเจเล่พยักหน้าและยิ้ม
ผู้คนเดินเข้ามาและล้อมรอบทั้งสามคน ไม่มีใครพูดอะไร การฆ่าเคานต์ไปสิ่งที่หนักเกินไปสำหรับพวกเขา
แองเจเล่มองไปรอบๆและปรบมือ
"เอาล่ะ พวกเราอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว การเดินทางเป็นเรื่องลำบากแต่มันทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ข้ามีวิธีที่ดีสำหรับเราที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราลึกซึ้งยิ่งขึ้น" แองเจเล่มองไปรอบๆและพูดในขณะที่ปรบมือ บารอนมองอย่างผ่อนคลายแล้วโยนมีดเหล็กไปให้ลูกชายของเขา
"มาร์ค!" แองเจเล่คว้ามีดและเรียกหัวหน้าทหารยาม
"ครับ!" หัวหน้ามาร์คตะโกนและจับมีดที่แองเจเล่ส่งให้เขา
"พวกเจ้าแต่ละคนจะแทงพวกเขาคนละที อย่าเล็งไปจุดสำคัญ" แองเจเล่ยิ้มและพูด มาร์คมองไปที่แองเจเล่และรู้สึกหนาวสันหลังจากรอยยิ้มของเขา เขาพยักหน้าและหลังจากนั้นก็ลดร่างกายต่ำลง มาร์คแทงบนแผลลึกของฟิลิป
"อา! เจ้า! เจ้าบัดซบ!" ฟิลิปกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
"พ่อของข้าจะมอบความยุติธรรมให้ข้า!" เขาพูดต่อ
"ต่อไป" แองเจเล่ตะโกนด้วยความสงบ ทหารยามคนอื่นๆคว้ามีดและทั้งสามคนก็ยังคงกรีดร้องและสาปแช่งอยู่บนพื้นดิน หลังจากนั้นห้านาทีทุกคนรวมทั้งผู้หญิงและเด็กคนอื่นๆก็ได้ฟันพวกเขาไปคนละครั้ง
"ดี ตอนนี้พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว" แองเจเล่ปรบมือและยิ้ม ฟิลิปและอัศวินทั้งสองของเขามีแผลเต็มร่างกายและสูญเสียเลือดมากเกินไป พวกเขาไม่ได้สาปแช่งอีกต่อไปและพวกเขาร้องขอชีวิตด้วยเสียงอ่อนแอ
"เผาพวกเขาซะ พวกเราต้องเดินทางต่อไป" แองเจเล่พูดขณะที่เขาเหลือบมองไปที่สมาชิกในกองคาราวานของพวกเขาแต่ผู้คนกลัวที่จะมองเขา
"ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าจึงตัดสินใจที่จะฆ่าพวกเขาแต่ผลมันก็ออกมาดี ขอให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้" บารอนถอนหายใจและยืนอยู่ข้างๆ
"ข้าทำให้แผนของท่านพ่อยุ่งเหยิง ข้าขอโทษ" แองเจเล่ลดศีรษะต่ำลงและขอโทษ
"เจ้าคงมีเหตุผลของเจ้า อย่างไรก็ตามตอนนี้ตระกูลเราอ่อนแอและมีขุนนางชั้นสูงมากมายในเมืองใหญ่เช่นมารัว ตามที่ข้าได้พูดไปก่อนหน้านี้ คิดให้แน่ใจก่อนที่จะทำ" บารอนกอดไหล่ของแองเจเล่และพูด
"เข้าใจแล้วครับ" แองเจเล่พยักหน้า พวกเขาเริ่มก่อไฟและโยนทั้งสามคนเข้าไป ทั้งสามคนกรีดร้องสักครู่จากความเจ็บปวดที่ถูกเผาจนพวกเขาถูกไฟไหม้ตายอย่างรวดเร็ว ชุดเกราะของอัศวินกลายเป็นสีแดงและร้อนขึ้นจากเปลวไฟ
"ไปกันเถอะ" บารอนมองไปที่กองไฟและจากไป ไม่มีใครพูดอะไรสักคำขณะที่พวกเขากลับไปที่รถม้าของพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันน่ากลัวเกินไปและผู้คนจะต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจ เด็กเช่นแม็กกี้และซีเลียได้ใช้มีดเช่นกัน สีหน้าของพวกเธอซีดจากความกลัว
คนได้ยินเสียงหอนของหมาป่าจากพื้นที่ที่พวกเขาเพิ่งออกมา
"หมาป่า พวกมันจะกินร่างกายศพที่อยู่ที่นั่น พวกมันไม่กลัวแม้แต่เปลวไฟ" บารอนเปิดหน้าต่างเพื่อดูและพูด แองเจเล่พยักหน้า เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับหมาป่าจากหนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุดพิเศษและพวกมันต่างจากตัวที่อยู่บนโลก หมาป่าที่นี่มักอาศัยอยู่ตัวเดียวและมีขนาดเท่าควาย มันมีขนสีดำและไม่กลัวเปลวไฟ
"พวกเราทิ้งรถม้าไว้ที่นั่น มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม" แองเจเล่ถาม
"ไม่ต้องห่วง มีขุนนางรูดินมากมายที่ถูกฆ่าในที่ราบ ผู้คนจะคิดว่าเป็นการกระทำของโจรและพวกเราก็ทิ้งเงินไว้ในรถม้า โจรที่ผ่านมาจะปล้นมันจนสะอาดและพวกเขาก็จะกลายเป็นเป้าหมายหลักของใครก็ตามที่พยายามค้นหาฟิลิป" บารอนพูดราวกับว่าเขาเคยมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้
"พวกเราจะปลอดภัยหลังจากที่ข้ามพรมแดนในอีกครึ่งเดือน" เขาพูดต่อ แองเจเล่มองออกไปนอกหน้าต่าง มันมืดแล้วมีเพียงดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและหญ้าบนพื้นใกล้ๆรถม้าก็สามารถมองเห็นได้
"ท่านพ่อท่านเคยได้ยินชื่อโรงเรียนพันธมิตรแอนดีสหรือไม่" ทันใดนั้นแองเจเล่ก็ถามขึ้นมา
"เจ้ารู้ได้อย่างไร แทบทุกคนไม่รู้เรื่องนี้" บารอนพูดด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
"ข้าได้ยินมันจากเคานต์" แองเจเล่พูด
"ดี สำหรับเขามันสามารถเป็นไปได้" บารอนพูดหลังจากที่เขาดื่มน้ำจากกระติกน้ำของเขา
"โรงเรียนพันธมิตรแอนดีสเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในแอนดีส หน้าที่ของมันคือการฝึกอบรมชนชั้นสูงในอาณาจักร มีเพียงนักเรียนจำนวนไม่กี่คนในแต่ละปี ผู้คนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนทั้งหมดจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของอาณาจักร พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นขุนนางชั้นสูง โรงเรียนนี้แตกต่างจากโรงเรียนขุนนางทั่วไปเนื่องจากมีมาตรฐานที่สูง นอกจากนี้ก็ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นชาวนาหรือขุนนาง ตราบเท่าที่เจ้ามีพรสวรรค์เจ้าก็จะมีโอกาส ข้าคิดว่าจะส่งเจ้าไปที่โรงเรียนนี้แต่ร่างกายของเจ้าไม่สามารถรับเมล็ดพันธุ์พลังงานชีวิตได้....." บารอนพูดด้วยความท้อแท้บนใบหน้า
"ข้าพบแหวนนี้ไม่นานมานี้และฟิลิปพูดว่าแหวนนี้สามารถช่วยให้ข้าถูกรับเข้าไปในโรงเรียนได้โดยไม่ต้องสอบ" แองเจเล่หัวเราะและเอาแหวนออกมา บารอนรู้สึกตกใจและคว้ามันไปตรวจสอบ
"ถ้ามันเป็นความจริงนี่ก็จะเป็นความหวังเดียวของตระกูลของพวกเรา" บารอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้น
"ข้าคิดว่ามันเป็นความจริง ปัญหาคือเราต้องค้นหาที่ตั้งของโรงเรียนและวิธีที่ทดสอบนักเรียน" แองเจเล่พูด
"ฟิลิปเห็นแหวนนี้และพยายามเอาไปจากข้า ข้าคิดว่าเขาจะฆ่าพวกเราทุกคนหลังจากที่เราไปถึงท่าเรือมารัวเพียงเพื่อทำให้แน่ใจว่าข้าจะไม่ทำลายแผนของพวกเขา" แองเจเล่พูดความคิดของตัวเอง
"มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขุนนางชั้นสูงมีแนวโน้มว่าจะทำอะไรแบบนี้ ข้าคิดว่าเจ้าแสดงแหวนนี้ให้เขาเห็นใช่ไหม หรือเจ้าพยายามคิดให้ออกว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน เดี๋ยวเจ้าได้ทำมันเพื่อผู้หญิงใช่หรือไม่ แองเจเล่ข้าไม่สามารถเดาได้จริงๆว่าเจ้ากำลังคิดอะไร" บารอนพูด
"ข้าจะคิดให้ดีก่อนทำอะไรในอนาคต" แองเจเล่ลดศีรษะต่ำลงและพูด บารอนรู้จักเขาเป็นอย่างดี
"ข้าตัดสินใจแล้ว เมื่อพวกเราไปถึงมารัวข้าจะถามป้าของเจ้าเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนพันธมิตรแอนดีส ถ้าเจ้าถูกยอมรับว่าเป็นนักเรียน....." บารอนพูดยังไม่จบประโยคเขาก็เริ่มยิ้ม
***************************
สิบวันต่อมาคาราวานก็เข้าไปในชายแดนของแอนดีส
ด้านนอกของที่ราบแอนเซอร์มีเนินเขาหลายลูกและมีต้นไม้เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีพืชและสัตว์แตกต่างกันหลายชนิด บางครั้งแองเจเล่มองเห็นเหมืองเหล็กที่ถูกทิ้งร้างและเขาเริ่มมองเห็นคาราวานคันอื่นๆเดินทางไปมารัว ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าในขณะที่บางคนเป็นขุนนางรูดินที่พยายามเข้าร่วมกับญาติของพวกเขาในมารัว
แองเจเล่วิเคราะห์สายพันธุ์ต่างๆและเก็บข้อมูลไว้ในชิป แม้ว่าค่าสถานะของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไปแต่ข้อมูลยังเป็นประโยชน์ในอนาคตถ้าเขาเข้าไปในโรงเรียน ด้วยความช่วยเหลือของชิปเขาจะเรียนรู้เร็วกว่าคนอื่นและเขาจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เขาเห็น การศึกษาหาความรู้จะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับเขา หลังจากนี้สิ่งที่เขาต้องการก็คือแหล่งที่มา คนอื่นๆอาจจะต้องผิดพลาดหลายครั้งเพื่อค้นหาความจริง แต่แองเจเล่ต้องการชิปเพียงตัวเดียวเพื่อขจัดข้อมูลผิดๆทั้งหมด เขาจะสามารถหาวิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าใจวัสดุ
"ถ้าข้าสามารถเข้าโรงเรียนได้ข้าอาจจะหาวิธีเข้าโรงเรียนแรมโซด้าที่พูดในแหวนได้ โรงเรียนนี้เชื่อมต่อกับพ่อมดอย่างแน่นอน" แองเจเล่ตื่นเต้นมาก เมื่อเร็วๆนี้เขายังคงมองไปที่แหวนอย่างน้อยหลายครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าจะหายากมากๆดังนั้นแองเจเล่จึงสงสัยว่าดิ๊กได้มาได้อย่างไร แองเจเล่อยากรู้และเขาอยากรู้ว่าจริงๆแล้วดิ๊กเป็นใคร