ตอนที่ 27: เหตุการณ์แทรกซ้อน (2)
แองเจเล่มีความยากลำบากในการสืบสถานการณ์ในปัจจุบันให้แน่ใจ ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบสถานะของผู้นำคนอื่นๆ คนที่อ่อนแอที่สุดของผู้นำโจรอยู่ระดับอัศวินขั้นกลางในขณะที่คนที่เหลือเป็นอัศวินขั้นสูงทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีโจรระดับอัศวินอีกสิบคนกำลังต่อสู้กับทหารยามของคาราวาน ในทางด้านของคาราวานมีอัศวินขั้นสูงเพียงสองคนเท่านั้นและเป็นอัศวินปกติหนึ่งคนซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าหายนะกำลังใกล้เข้ามา
แองเจเล่ได้สังเกตเห็นว่าพวกโจรเหล่านี้ไม่ได้ดูเหมือนโจรทั่วไปที่เขารู้จัก พวกเขาได้รับคำสั่งอย่างถูกต้องและการต่อสู้ต่างออกไปเมื่อเทียบกับโจรปกติซึ่งคล้ายกับการต่อสู้ของกองทัพ มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นทหารจริงที่ปลอมตัวเป็นโจร ดังนั้นแองเจเล่จึงสามารถสรุปสถานะของพวกเขารวมไปถึงแรงจูงใจในการทำเช่นนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาขาดแคลนอุปกรณ์ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาเข้าปล้นอุปกรณ์จากนักเดินทางและคาราวาน ด้วยการคาดคะเนนี้แองเจเล่คิดว่ามันเป็นไปได้สูง จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปที่คาราวานของเขา มันไม่ได้ใช้เวลานานมากนักในการแจ้งให้บารอนทราบถึงสถานการณ์ บารอนตกใจหลังจากที่ได้ยินสถานการณ์ปัจจุบัน จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับ'โจร'เหล่านั้น
"มันต้องเป็นกองทัพชายแดนของจักรวรรดิอุคูซัส!" บารอนพูด
"พวกเขาต้องได้ยินแผนการรุกรานของจักรวรรดิซาลาดินพวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะบุกจู่โจมขุนนางรูดิน คาราวานนั้นแต่เดิมต้องมาจากเมืองใหญ่เนื่องจากพวกเขามีอัศวินขั้นสูงสามคน แต่พวกเขาก็ยังมีปัญหาในการหลบหนี" เขาพูดต่อ แองเจเล่รู้สึกกังวลใจแม้ว่าจะรู้สึกแบบนี้เขาก็พยายามฟังเสียงทุกเสียงที่เขาได้ยิน เขาต้องการทำให้แน่ใจว่ากลุ่มโจรเหล่านั้นจะไม่รู้ถึงคาราวานของพวกเขา
แองเจเล่ก็ยังไม่ลืมกลุ่มโจรที่อ่อนแอในขณะที่เขากำลังสังเกตการณ์ภายในพุ่มไม้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ทำเพียงแค่ปล้นอย่างเดียวแต่พวกก็ยังฝึกอีกด้วย อัศวินทั่วไปสามารถรับมือคนที่ใกล้ถึงอัศวินได้ประมาณห้าคน ถ้าพวกโจรเหล่านี้พบตำแหน่งคาราวานของแองเจเล่พวกเขาก็สามารถกวาดล้างคาราวานด้วยความช่วยเหลือของผู้นำโจร
ในที่สุดแองเจเล่ก็ตระหนักได้ว่าในดินแดนชนบทแบบดินแดนริโอนักรบที่อยู่ระดับอัศวินพบว่าหาได้ยาก แต่ตระกูลใหญ่ในเมืองใหญ่ๆสามารถฝึกคนระดับใกล้ถึงอัศวินได้เป็นร้อยและกว่าครึ่งของพวกเขาอาจกลายเป็นอัศวินที่แท้จริง นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างพวกเขา
***********************
ผู้นำโจรกำลังดูการต่อสู้ในขณะที่พูดคุยกับคนอื่น
"หัวหน้าซีลอนมีชายหนุ่มสังเกตการณ์อยู่ในพุ่มไม้อยู่พักหนึ่ง เขาอาจจะเป็นหน่วยสอดแนมของศัตรู!" หนึ่งในกลุ่มโจรที่มีผ้าโพกหัวสีเทาอยู่บนหัวเข้ามารายงาน
"ชายหนุ่ม? พวกโง่รูดินไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า แคสเตอร์เจ้าอยากไปดูไหม มิฉะนั้นข้าจะไปเอง" ชายคนที่ชื่อซีลอนหัวมาพูดกับผู้ชายอีกคน
"เจ้าไปเถอะ แต่เร่งหน่อยเพราะเราไม่มีเวลาเหลือมากนัก เรายังต้องพบกับหัวหน้าและเราไม่สามารถหลบหนีจากกองทัพหลวงจากรูดินได้ พวกเราจะมีปัญหาถ้าพวกเราล้มเหลวภารกิจที่แท้จริง" ชายคนที่ชื่อแคสเตอร์ที่มีท่าทางอ่อนโยนพูดอย่างใจเย็น
"แน่นอน! ข้าจะเสร็จภายใน 20 นาที มันเป็นเพียงแค่ชนบทเท่านั้นชายหนุ่มจากชนบทจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า" ซีลอนเช็ดศีรษะที่ล้านของเขาด้วยเศษผ้าห่มและคว้าดาบใหญ่ของเขา
"ข้าต้องการคนห้าคน แอนเคอร์ ฮาซิส มากับข้า!" ตะโกน
"ครับ! หัวหน้าซีลอน!" อัศวินสองคนที่สวมชุดหนังสีเขียวก้าวออกมา พวกเขาทั้งสองคนถือดาบใบกว้างอยู่ในมือ
"ข้าจะไปกับเจ้า ที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว" ผู้นำอีกคนก้าวออกมา
"โอริซิสทำไมเจ้าต้องไปกับข้าด้วย" ซีลอนพูดในขณะที่เขามองไปที่ชายที่ชื่อโอริซิส เขายิ้มโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร โอริซิสห้อยธนูโลหะยาวไว้ข้างหลังและแขวนซองลูกธนูไว้ที่อานของม้า
"มันไม่ได้มีอะไรหัวหน้าซีลอน ท่านก็รู้ว่าข้าชื่นชมความแข็งแกร่งและทักษะของท่าน" โอริซิสพูดด้วยรอยยิ้ม
"อะไรก็ช่าง! ไปกันเถอะ!" ซีลอนตัดการสนทนาแล้วโบกมือ มีอัศวินตามเขาสองคนจากเบื้องหลังในขณะเดียวกันก็นำคนขี่ม้าตามไปด้วยประมาณสิบคน กลุ่มของซีลอนเริ่มเดินทางไปทิศตะวันออกพร้อมกับคนของเขาอย่างรวดเร็ว
"หัวหน้าซีลอนเรามีอัศวินขั้นสูงสองคนอยู่นี่ ทำไมท่านถึงอารมณ์ไม่ดี ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากลูกธนูของข้าได้ท่านก็รู้นี่" โอริซิสพูดด้วยเสียงต่ำและเสียงของเขาคล้ายผู้หญิงเล็กน้อย มันเป็นเสียงที่ทำให้ผู้คนอึดอัด
ซีลอนไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาก็ได้เพิ่มความเร็วของเขา
**********************
ภายในป่า
รถม้าสามคันกำลังเคลื่อนที่ระหว่างต้นไม้อย่างช้าๆ ช่องว่างระหว่างต้นไม้กว้างพอที่จะผ่านไปได้ บรรยากาศในคาราวานค่อนข้างตึงเครียดเนื่องจากไม่มีใครพูดแม้แต่คนเดียว มันมีเพียงแค่เสียงของม้าที่ดังออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกกระวนกระวายในสถานการณ์ปัจจุบัน ทหารยามอยู่รอบๆรถม้าคอยมองรอบๆอย่างรอบคอบตลอดเวลาซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังตื่นตัว
มีเด็กหนุ่มกำลังสวมอุปกรณ์เต็มตัวมีผมสีน้ำตาลสั้นกำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งของคนขับรถม้า มีธนูไม้ยาวอยู่ในมือของเขา ดาบกางเขนสีเงินกำลังห้อยอยู่ที่เอวและซองลูกธนูห้อยอยู่ข้างหลังของเขา เขาสวมชุดเกราะหนังและยังมีบางอย่างอยู่ในกระเป๋าของเขา แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เด็กหนุ่มคนนี้กำลังสอดส่องสภาพแวดล้อมรอบๆในลักษณะที่ระมัดระวัง
การเดินทางของพวกเขาไม่ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป แต่ความเร็วสูงสุดก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว ชายคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปนั่งข้างเด็กหนุ่ม ชายคนนี้มีผมสีน้ำตาลยาวพาดไปถึงไหล่ ชายคนนี้คือบารอนคาร์ล ริโอที่ตาข้างขวาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล
"แองเจเล่อีกสิบนาทีพวกเราจะกลับเส้นทางและเข้าสู่ที่ราบแอนเซอร์ ตำแหน่งปัจจุบันของเราอยู่ใกล้ๆขอบของแผนที่ที่วาดแล้ว นอกจากนั้นเราก็ไม่มีทางสำรวจเส้นทางได้ดังนั้นเราจึงไม่สามารถออกจากเส้นหลักได้" บารอนพูดด้วยเสียงลึก
"ครับท่านพ่อ" แองเจเล่พูดในขณะที่เขาพยักหน้ายืนยัน เขามองไปที่ด้านในของรถม้าและเขาก็เห็นผู้หญิงดูกังวลมาก ทหารยามรอบคาราวานก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
*******************
ที่แยกระหว่างที่ราบและป่า
มีเสียงกีบม้ากระทบพื้นและกลุ่มโจรได้มาถึงตำแหน่งที่คาราวานของแองเจเล่เพิ่งผ่านไป
"ดูเหมือนจะมีคนที่นี่มีร่องรอยของรถม้าบนพื้น พวกเจ้าไปค้นหาพวกเขา!" ซีลอนตะโกนหลังจากที่ได้มองไปที่พื้น
"ไม่จำเป็น ข้าสามารถแกะรอยทิศทางได้" โอริซิสตะโกน เขาได้กระโดดลงจากหลังม้าและเริ่มสังเกตร่องรอยที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง
"พวกเขาได้พบพวกเราและพยายามเปลี่ยนเส้นทาง ตามไป!" เขาพูดในขณะที่เขาชี้ไปทิศทางที่บารอนได้เลือก
"เหอะ! ทักษะแกะรอยที่ดี ไป!" ซีลอนต้องยอมรับว่าโอริซิสมีทักษะการแกะรอยที่ดีแม้ว่าเขาจะยังไม่พอใจกับโอริซิสก็ตาม
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
"กลุ่มใหญ่! รถม้าประมาณสิบคัน! พวกเราจะได้รับของมากมายจากพวกเขา!" โอริซิส ซีลอนและทุกคนที่มากับทั้งสองคนดูตื่นเต้น
"ฮาซิส แอนเคอร์ พวกเจ้าทั้งสองคนไปจัดการลูกปลาตัวเล็กๆ! ส่วนที่เหลือตามข้ามา!" เขายกดาบใหญ่และมุ่งไปข้างหน้า
"ข้าจะไปด้วย!" โอริซิสพูด ฮาซิส แอนเคอร์และโจรอีกสี่คนได้เงียบลงหลังจากที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
"ดี ไปจัดการลูกปลาตัวเล็กๆกันเถอะ ข้าหวังว่าเราจะไม่ปะทะกับคนที่แข็งแกร่ง" ฮาซิสพูดหลังจากที่ส่ายศีรษะ
"เจ้ากลัวอะไร พวกเรามีอาวุธที่ดีที่สุดในคลังแสงของเราเจ้าก็รู้" แอนเคอร์หัวเราะและหยิบหน้าไม้ออกมา
ส่วนเหลือของโจรได้ดึงหน้าไม้ออกมาจากประเป๋าของอานม้า
"ไม่มีใครจะรู้ว่ามันเป็นเราถ้าพวกเราทำความสะอาดที่เกิดเหตุอย่างถูกต้อง" แอนเคอร์พูด
"แผนนี้ดูเข้าท่า ไปกันเถอะ" ฮาซิสพยักหน้าและพูด
พวกเขาเริ่มไล่ตามเสียง
*******************
[ตรวจพบศัตรู โจรขี่ม้าหกคนกำลังใกล้เข้ามา] ซีโร่รายงาน แองเจเล่ได้สังเกตเห็นพวกเขาจริงๆ
'ในท้ายที่สุดพวกเราก็ยังถูกติดตาม' แองเจเล่คิดขณะที่เขากระโดดลงจากรถม้า
"ไปต่ออย่าหยุด!" เขาตะโกน ทหารยามเริ่มตึงเครียดมากขึ้นและไม่มีใครทำเสียงใดๆ พวกเขาได้รับการฝึกเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามคำสั่ง
"แองเจเล่เกิดอะไรขึ้น" บารอนเห็นแองเจเล่กระโดดลงจากหลังม้าดังนั้นเขาจึงถาม
"ท่านพ่อมีคนกำลังไล่ตามพวกเรา ข้าจะหยุดพวกเขาเพื่อให้เรามีเวลามากขึ้น พวกเจ้าไปต่อ" แองเจเล่พูดอย่างใจเย็น
"ไม่ เจ้าไปกับพวกเขา ปล่อยให้ข้าจัดการพวกเขาคนเดียว!" บารอนกระโดดลงจากรถม้าและเดินมาทางแองเจเล่
"ไม่เป็นไร ข้าจะยิงลูกธนูใส่พวกเขา ข้าจะไปในไม่ช้า" แองเจเล่พูดด้วยรอยยิ้ม
"ท่านพ่อต้องดูแลคาราวาน มันเป็นเรื่องง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะหลบหนีถ้าข้าอยู่คนเดียว นอกจากนี้ข้าจะไม่โจมตีพวกเขาโดยตรง" แองเจเล่พูด บารอนมองแองเจเล่ เขารู้ว่าแองเจเล่มีทักษะที่ยอดเยี่ยมในการยิงธนูและมันจะเป็นเรื่องดีถ้าเขาพบตำแหน่งที่ดีในการเล็ง
"ข้าจะอยู่กับเจ้า" บารอนพูดเสียงเข้ม
"ท่านพ่อทั้งครอบครัวของเราอยู่ในรถม้า มันจะดีกว่าถ้าพ่ออยู่กับพวกเขา ข้าจะไปในไม่ช้าไม่ต้องห่วง" แองเจเล่พูด
บารอนมองลูกชายของเขาครู่หนึ่ง ในไม่ช้าเสียงของรถม้าที่กำลังหลบหนีก็เริ่มห่างขึ้นเรื่อยๆ
"ข้าจะให้เวลาเจ้า 15 นาที ถ้าข้าไม่เห็นเจ้ามาข้าจะกลับมาค้นหาเจ้า" บารอนพูด
"วางใจได้เลยท่านพ่อ!" แองเจเล่พยักหน้า
บารอนรู้ว่าลูกชายของเขามีพลังพอที่จะจัดการด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามตำแหน่งของศัตรูยังไม่แน่นอนเขาจึงรู้สึกกังวล
แองเจเล่ต้องแน่ใจว่าพ่อของเขาไปกับรถม้าก่อนที่จะหันหลังกลับ ในเวลานี้เขาเห็นโจรออกมาจากป่าแล้ว เขาแนบลูกธนูกับธนูยาวและดึงสายเต็มที่ แสงแดดส่องลงบนหัวลูกศรซึ่งทำให้มีแสงสะท้อนสีฟ้าบนพื้นผิว