ตอนที่ 26: เหตุการณ์แทรกซ้อน
มันเป็นเวลาสี่วันตั้งแต่คาราวานของบารอนได้หลีกเลี่ยงสนามรบและเลือกเดินทางไปอีกเส้นทาง ต้นไม้รอบข้างเริ่มน้อยลงเมื่อพวกเขาเดินทางต่อไปเรื่อยๆมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังออกจากป่า
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงอย่างช้าๆ บารอนกำลังขับรถม้าของเขาเองและมีแองเจเล่คอยนั่งอยู่ข้างๆ เขากำลังบังคับม้าด้วยความระมัดระวังบางครั้งก็มองไปที่แผนที่ที่ทำจากหนังในขณะที่เขากำลังนำทางผ่านเส้นทางที่ได้สำรวจล่วงหน้า ดวงอาทิตย์เริ่มตกดินและความมืดและเงาเริ่มปกคลุมป่าทีละนิดๆ แองเจเล่เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ยังมีเมฆลอยอยู่และมีดวงอาทิตย์อยู่ข้างหลังมันทำเมฆเหล่านี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงยามพลบค่ำ
ลมได้พัดผ่านใบหน้าของแองเจเล่ กลิ่นหอมของดอกไม้ได้เข้าไปในจมูกของเขา ไม่ค่อยรู้สึกได้ความร้อนมากนักแต่มันก็ยังมีอยู่ แมลงเริ่มส่งเสียงร้องในเวลากลางคืน ฉากนี้ทำให้แองเจเล่นึกถึงโลกของเขา แองเจเล่เอนตัวลงนอนไปกับรถม้าความง่วงได้คืบคลานมาหาเขา
"ท่านพ่อตอนนี้พวกเรากำลังออกจากป่าใช่ไหม" เขาถาม
"ใกล้แล้ว พวกเราจะเข้าสู่ที่ราบแอนเซอร์พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ตอนนี้เราอยู่ที่ป่าวัลโซฟ" บารอนตอบคำถามของแองเจเล่ ขณะที่เขาทำเช่นนั้นเขาก็ยังคงมองตำแหน่งของพวกเขาในแผนที่
"ป่าวัลโซฟ? มันคือสถานที่แห่งนี้?" แองเจเล่เริ่มสงสัย
"หลังจากที่พวกเราเลี้ยวซ้ายที่นี่และมุ่งหน้าไปประมาณห้ากิโลเมตรพวกเราจะเริ่มเห็นกลุ่มต้นเมเปิ้ล มีคฤหาสน์ที่ถูกทอดทิ้งอยู่ที่นั่นซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าของเป็นขุนนางจากวัลโซฟ มันถูกเผาไหม้ในช่วงสงคราม มีข่าวลือว่ามีผีอยู่ที่นั่น ข้าไม่เคยเข้าไปที่นั่นแม้ว่าข้าจะเดินทางผ่านที่นี่หลายครั้ง" บารอนพูดด้วยความกลัว
"มีบางอย่างที่ผิดปกติกับคฤหาสน์ ข้าไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ข้าคิดว่ามันอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปที่นั่น" เขาพูด แองเจเล่รู้สึกว่าเขาเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือสักเล่ม แต่เขาจำไม่ได้ว่าเล่มไหน
"แล้วกองทัพของซาลาดินเดินทางผ่านที่นั่นเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร พวกเราไม้เห็นแม้แต่กองทัพพวกเขา" แองเจเล่ถาม
"พวกเขาเดินทางผ่านหลังดินแดนคฤหาสน์ บางคนที่เข้าไปลึกเกินไปก็จะถูกฆ่าตายแทนมันเป็นเช่นเดียวกับแกรนด์อัศวินที่ได้พบไปก่อนหน้านี้" บารอนอธิบายขณะที่เขาเก็บแผนที่เข้าไปในกระเป๋า แผนที่ที่ดีก็เปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าในยุคนี้
"จักรวรรดิวัลโซฟเคยเป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจ แต่ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่มีอะไรที่สามารถขัดแย้งกับกาลเวลาได้แม้แต่จักรวรรดิที่ทรงอำนาจก็ตาม....." บารอนถอนหายใจ
แองเจเล่หยุดพูด พวกเขานั่งอยู่ข้างกัน มีเพียงเสียงเดียวก็คือเสียงของม้า มันเริ่มมืดอากาศก็เริ่มเย็นลง มีวัตถุที่มีแสงเล็กๆขนาดเท่าตะปูบินรอบรถม้าแต่ละคัน ภาพฉากนี้มันราวกับว่าพวกเขากำลังเดินทางพร้อมกับแผ่รัศมีสีฟ้ารอบตัวพวกเขา
ตาของแองเจเล่เบิกกว้างขณะที่เขามองฉากที่น่าหลงใหลนี้
"มันคืออะไร" มันอดไม่ได้ที่เขาจะคว้าวัตถุเหล่านั้น วัตถุขนาดเท่าตะปูได้ตกลงบนฝ่ามือของเขา เมื่อเขามองใกล้ๆมันดูคล้ายเมล็ดแดนดิไลออน มันมีขนาดเล็กและมีแสงสีฟ้าส่องสว่างอยู่ ถ้ามันไม่ได้ส่องแสงเมล็ดนี้ก็จะเหมือนกับเมล็ดของต้นอื่นๆ แองเจเล่แทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยเมื่อเมล็ดอยู่บนฝ่ามือของเขา แสงสีฟ้ามันสะท้อนใบหน้าของเขามันทำให้ดูเหมือนมีผิวสีฟ้า
"มันเป็นมาซาหูเขียว ในภาษาวัลโซฟมันหมายถึง'ร่มเงาของทะเล' คนวัลโซฟคิดว่าตัวพวกเขาคือลูกทะเลและเมล็ดนี้ถูกส่งมาจากทะเลเพื่อปกป้องพวกเขาบนบก มันนานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็น'ฝนของมาซา' " ดูเหมือนว่ามาซาจะทำให้บารอนนึกถึงอะไรบางอย่าง
"ถนนสายนี้เวลามืดมันจะมองเห็นยาก วันนี้จะตั้งค่ายที่นี่" บารอนส่ายหัวขณะที่พูด
"ครับ" แองเจเล่พูด รถม้าเริ่มชะลอตัวลงแล้วก็จอดอยู่ข้างๆบริเวณที่พัก พวกเขาพบพื้นดินโล่งๆที่เหมาะสำหรับการตั้งค่ายและทหารยามบางคนก็เริ่มสำรวจพื้นที่ มีคนหลายคนกำลังกองไม้เพื่อก่อกองไฟในขณะที่คนบางส่วนเริ่มบังคับรถม้าเพื่อสร้างค่ายเป็นรูปสามเหลี่ยมรอบกองไฟ มันเป็นรูปแบบที่ดีสำหรับการป้องกันในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้น
ใช้เวลาตั้งค่ายประมาณสิบนาที กองไฟได้ถูกจุดขึ้นตรงกลางในขณะที่ทหารยามได้ถูกมอบหมายให้สลับกันเฝ้ายาม ผู้หญิงและคนงานก็เริ่มเข้ามาอยู่ตรงกลางพวกเขาเริ่มเอาอุปกรณ์ทำอาหารและอาหารเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอาหารมื้อเย็น ค่ายเริ่มมีชีวิตชีวาอย่างรวดเร็ว
บารอนเดินเข้าไปในรถม้าและแพทย์ได้ตรวจสอบบาดแผลที่ตาหลังจากนั้นก็ใช้ยาบนแผลของบารอน ในเวลานี้แองเจเล่ได้คว้าผ้าห่มมาวางไว้บนหินและนั่งทับลงไป ธนูและซองลูกธนูอยู่ข้างหลังของเขา ดาบก็ยังอยู่ที่เอวและมีมีดเงินในกระเป๋า นอกจากนี้เขายังผูกโซ่กรงเล็บไว้ที่ด้านหลังเอว แองเจเล่สวมชุดหนังล่าสัตว์เนื่องจากมันเหมาะกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ ชุดมีน้ำหนักเบาและพลังป้องกันอยู่ระดับปานกลาง การสวมเกราะหนักในป่ามันจะทำให้เขาเป็นเป้าได้ง่ายจากการเคลื่อนไหวที่ช้าลง
แองเจเล่นั่งบนหินและมองไปที่ท้องฟ้า
"สวย....." เขาพูดด้วยความผ่อนคลาย เขามองไปที่ช่องว่างของรถม้าและเห็นแม็กกี้กำลังจัดการของร่วมกับซีเลียและเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ มาร์คกำลังตรวจสอบสถานการณ์ของพื้นที่พร้อมกับทหารยาม ทหารยามหลายคนกำลังยื่นกิ่งไม้เข้าไปในไฟเพื่อจุดคบไฟ พวกเขาทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้คนในกองคาราวาน
ไม่มีใครตรวจสอบแองเจเล่เพราะพวกเขารู้ว่าเขาชอบนั่งอยู่คนเดียว เขาบอกให้ผู้คนไม่ต้องรบกวนเขาพวกเขาจึงทำตามคำขอของเขา แองเจเล่หยิบสร้อยคอที่ห้อยแหวนมรกตออกมา เขาเอามือจับไปที่แหวนและเริ่มเดินไปรอบๆค่าย เขายังจ้องไปทางพุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากที่เดินไปสักพักทันใดนั้นเขาก็ลดตัวต่ำลงข้างพุ่มไม้ขนาดเล็ก มีผลไม้ขนาดเล็กๆสีแดงอยู่หลายพวง เป็นพืชใบแข็งมีใบยาวและเขามองเห็นแมลงตัวเล็กๆกำลังขยับอยู่ นอกจากนี้ยังมีเมล็ดมาซาส่องแสงหลายเมล็ดที่ร่วงลงบนพุ่มไม้ แองเจเล่ดึงผลสีแดงออกมาหนึ่งลูกและโยนเข้าไปในปาก มันมีรสเปรี้ยวและก็ขมในเวลาเดียวกัน
[ข้อมูลได้จากการบันทึกของพืชป่า: ผลไม้ป่านี้มีพิษพอสมควร,ไม่มีผลเพิ่มเติม]
ซีโร่รายงาน แองเจเล่ไม่พอใจและถ่มผลไม้ทิ้งไป
'มันไร้ประโยชน์ ข้าต้องการสิ่งที่มีประโยชน์' แองเจเล่คิดและลุกขึ้นยืน เขาเดินไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็ไม่ได้พบอะไรเป็นพิเศษ ชิปไม่พบสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับเขา แองเจเล่ต้องการไปให้ก้าวหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากที่รู้ว่าร่างกายของเขามีขีดจำกัด เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นและวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความแข็งแกร่งคือการกินอาหาร เขาไม่ได้ต้องการกินมันจริงๆเขาเพียงแค่ใส่เข้าไปวิเคราะห์ในปากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ มิฉะนั้นเขาจะต้องกินพืชพิษไปหลายชนิดแล้ว
แองเจเล่ยังคงอยากรู้เกี่ยวกับโลกนี้อยู่เรื่อยๆดังนั้นเขาจึงสนใจทุกสิ่งทุกอย่าง เขารู้สึกสดชื่นเสมอเมื่อใดก็ตามที่เขาได้พบสิ่งใหม่ๆ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้และเช้าวันรุ่งขึ้นกองคาราวานของพวกเขาก็ออกจากที่นั่น แองเจเล่รู้สึกราวกับว่ากำลังจะออกจากป่าเพราะต้นไม้รอบๆเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ บารอนนั่งอยู่ในรถม้าคันแรกและเขาก็เปิดหน้าต่างเพื่อตรวจสอบ
"พวกเราเกือบจะออกจากป่านี้แล้ว ที่ราบแอนเซอร์อยู่ข้างหน้า" เขาพูด
"มันหมายความว่าอาจจะมีพวกโจรที่อยู่รอบๆมาขวางทางใช่ไหม" แองเจเล่ถามขณะที่เขาเช็ดดาบด้วยผ้าน้ำมัน
"ใช่ นี่คือเหตุผลที่พวกเราต้องตื่นตัวไว้" บารอนพูด
แองเจเล่พยักหน้าและเอาดาบใส่เข้าไปในฝัก ความว่องไวของเขาได้มาถึงขีดจำกัดด้วยความช่วยเหลือของชิปกับพลังงานลึกลับ
'สภาพร่างกายของข้าเป็นอย่างไร' แองเจเล่ถาม
[แองเจเล่ ริโอ:ความแข็งแกร่งประมาณ 2.1-2.6,ความว่องไว 4.1,ความอึด 2.2] ซีโร่รายงาน แองเจเล่รู้สึกท้อแท้เล็กน้อยแต่อย่างน้อยตอนนี้ความว่องไวของเขาก็สูงอย่างเห็นได้ชัด เขาควรจะแข็งแกร่งกว่าเขาเมื่อสิบวันก่อนเกือบถึงระดับของบารอนก่อนบาดเจ็บ เขามีทักษะดาบที่ดีกว่าดังนั้นเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าบารอนในบางสถานการณ์
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าเขายังถือว่าอ่อนแอในโลกนี้ แกรนด์อัศวินจากก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถอยู่รอดจากการระดมยิงของพลธนูได้ เขาคิดถึงแหวนมรกตและพลังลึกลับที่อาจจะมาจากพ่อมดในสมัยโบราณอีกครั้ง แองเจเล่ยังคงมีความรู้สึกไม่สบายใจกับแหล่งพลังนี้แต่เขาก็รู้ว่าเขาได้หลงใหลแหวนนี้แล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของคนต่อสู้กันข้างหน้าเขาก็หยุดคิดทันที
"มีเรื่องเกิดขึ้นบ้างหน้า!" บารอนบอกคนขับรถม้าให้ช้าลง รถม้าเริ่มช้าลงพยายามไม่ทำให้มีเสียง
"ท่านพ่อข้าจะไปดูเอง" แองเจเล่พูดและกระโดดออกจากรถม้า บารอนพยักหน้าเพราะเขารู้ว่าแองเจเล่ดีพอ แองเจเล่รีบวิ่งไปข้างหน้าไปทางออกจากป่าอย่างรวดเร็ว เขาซ่อนตัวอยู่พุ่มไม้และสำรวจข้างหน้า
กองคาราวานมีรถม้าห้าคันถูกโจรที่มีที่คาดผมสีเทาอยู่ที่ศีรษะล้อมรอบ ทหารยามของกองคาราวานกำลังต่อสู้กับพวกโจร อัศวินสามคนบนหลังม้าต่อสู้กับโจรห้าคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำในการล้อมรอบรถม้า แองเจเล่รู้สึกได้อย่างรวดเร็วจากการต่อสู้ในพื้นที่นั้นว่าคนที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆอยู่นอกวงล้อม
'ข้าขอดูข้อมูลของพวกเขา' แองเจเล่สั่ง
ซีโร่รายงานข้อมูลสีฟ้าข้างหน้าดวงตาของเขาทันทีและแองเจเล่ก็มองไปที่อัศวินคนหนึ่ง
[เป้าหมายที่ไม่รู้จัก:ความแข็งแกร่งมากกว่า 4,ความว่องไวมากกว่า 2,ความอึดมากกว่า 3] นี่คือข้อมูลที่อ่านได้
'อัศวินที่แข็งแกร่งเช่นนี้กำลังมีปัญหา.....พวกโจรเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน' แองเจเล่ตกตะลึง บารอนเคยบอกเขาว่ามีคนที่มีความแข็งแกร่งระดับอัศวินอยู่ในหมู่โจร ดังนั้นขุนนางจะจ้างนักรบที่มีระดับอัศวิน อัศวินมีชีวิตที่ดีกว่าการเป็นโจร
ระหว่างทางไปท่าเรือมารัวโจรมักจะอยู่เป็นกลุ่มสิบคนและคนที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะอยู่ใกล้กับอัศวิน แต่คนที่อยู่ข้างหน้าแองเจเล่ดูต่างออกไป แองเจเล่มองไปที่ผู้นำโจรคนหนึ่งแล้วเขาก็เห็นข้อมูลสีฟ้าออกมาด้านข้างสายตา
[เป้าหมายที่ไม่รู้จัก:ความแข็งแกร่งมากกว่า 4,ความว่องไวมากกว่า 4,ความอึดมากกว่า 3 ตรวจพบศักยภาพแฝงเร้นใกล้เคียงกับของคาร์ล ริโอประมาณ 72%] ซีโร่รายงาน