ตอนที่ 144 หมู่เกาะโจรสลัด 4
มีเพียงสองทางเลือก แต่ธีโอดอร์มีเหตุผลสำหรับการตัดสินใจของเขา
เป็นเพราะการใช้ การถ่ายทอดกับลี ยองซุก จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเขาใช้กับซาโตเมอร์ เนื่องจากเขามีความชำนาญเกี่ยวกับบทเพลงแห่งสงครามที่สูง ซึ่งแตกต่างจากซาโตเมอร์ซึ่งเป็นความรู้ที่เขาพึ่งได้รับมาไม่นาน แน่นอนว่าการมีอยู่ของเทคนิค เจตนาซ่อนเร้น ที่ซึ่งแรนดอล์ฟได้แสดงให้เขาเห็นบนเรือมีบทบาทในการตัดสินใจนี้
เสียงของความตะกละตอบกลับสนองต่อคำขอของธีโอดอร์
-ข้าเข้าใจ
ในขณะเดียวกัน เสียงการแจ้งเตือนก็ดังขึ้นในหัวของธีโอดอร์
[เปิดใช้งานคุณสมบัติซ่อนเร้น ‘การถ่ายทอด’ ได้เปิดใช้งานแล้ว]
[ยืนยันคำร้องขอสำหรับเควส วัตถุที่ถูกเรียก ‘ลี ยองซุก’กำลังตรวจสอบภารกิจ.....สำเร็จ วัตถุนาม ‘ลี ยองซุก’ได้ยอมรับการเรียกของคุณ]
[เขาจะซิงโครความรู้สึกกับผู้ใช้ชั่วคราว]
ภาพการมองเห็นของธีโอดอร์แปรเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนที่เสียงของระบบจะถูกตัดออก เขาเตรียมพร้อมสำหรับการสูญสิ้นสติตามปกติ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป ทุกคนคงจะสับสนที่เห็นภาพรอบๆตัวเป็นสีดำทั้งหมด แต่ธีโอดอร์เคยชินกับเรื่องนี้และรออย่างสงบ
ไม่น่าแปลกใจ อนุภาคของแสงเริ่มมารวมตัวกันตรงหน้าของเขา ในตอนแรกแสงนั้นมีรูปร่างเป็นชายผู้หนึ่งก่อนที่ลักษณะอันโดดเด่นของเขาจะปรากฏขึ้น เขาเป็นคนจากทิศตะวันออกซึ่งทำให้เขาดูแตกต่างจากคนอื่นๆในทวีป
“มันผ่านมาสักพักแล้ว”ลี ยองซุก ทักทายธีโอดอร์ด้วยรอยยิ้ม เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับธีโออีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงทักทายธีโอดอร์ด้วยความยินดี
“ครับ ผมรู้สึกดีมากที่ได้พบกับคุณอีกครั้ง”ธีโอดอร์ตอบด้วยความรู้สึกยินดี
เมื่อตอนที่เขาเรียกอัลเฟรด สถานการณ์นั้นมันเร่งด่วนมากจนเขาไม่มีโอกาสได้ทักทาย อย่างไรก็ตามธีโอดอร์ยังคงอยากพูดคุยกับอัลเฟรด ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วอายุก่อนหน้าเขา มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จอมเวทย์ต่างใฝ่ฝัน?
ทั้งสองคนได้พูดคุยกันสั้นๆก่อนที่จะตัดบทสนทนามาถึงช่วงที่ถูกไล่ล่า ไม่นานนัก ลี ยองซุก ก็ได้เข้าใจถึงความตั้งใจของเขา และกล่าวขึ้น “ฉันรู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เธอจะปลดปล่อยความปราถนาที่ไม่สัมฤทธิ์ผลของฉันและฉันจะมอบทุกอย่างให้แก่เธอ”
“....ใช่แล้วครับ”ธีโอดอร์เงียบให้กับคำพูดที่ตรงไปตรงมาชั่วขณะก่อนที่จะตอบกลับ
แม้ว่าลี ยองซุก จะตายไปแล้ว แต่การถ่ายทอดของความตะกละจะทำให้ตัวตนของลี ยองซุก ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาหายไปอย่างถาวร ธีโอไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าอะไรคือสิ่งที่คอยฉุดรั้งเขาเอาไว้
“หากเป็นเช่นนั้น โปรดถามมาได้เลย”
แต่ทว่า คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เขาคาดไม่ถึง
“คุณพูดจริงงั้นหรอ?”
“เฮ้ ฉันแค่คิดว่าเธอต้องการมัน เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อถามฉันงั้นหรอ?ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม มนุษย์ที่ชื่อ ลี ยองซุก ได้ตายจากไปแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องกังวล”ลี ยองซุก แนะนำของเขาด้วยดวงตาอ่อนๆ ทำให้ธีโอดอร์ยิ้มให้เขาอย่างเคารพ
ใบหน้าของลี ยองซุก เงียบสงบแม้กระทั่งตอนที่เขาพูดถึงความตายของตัวเอง จากนั้นเขาก็แสดงความเสียใจออกมาเมื่อเขานึกถึงตอนที่เขาตาย
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“คุณหมายถึง....”
“หุบเขาเบี๊ยกคุน บ้านเกิดของฉัน”
ธีโอดอร์อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ความปราถนาเพียงอย่างเดียวของเขาคือการกลับบ้าน แต่ในกรณีของ ลี ยองซุก ปัญหาก็คือระยะทาง ตามความทรงจำของเขา หุบเขาเบี้ยกคุนตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของทวีป มันไกลเกินไปสำหรับการเดินทางบนทะเล ดังนั้นมันจึงหมายถึงการข้ามครึ่งทวีป
นี่เป็นการเดินทางที่จะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
แม้ว่า ลี ยองซุกจะไม่ได้แสดงอารมณ์ของเขาออกมาบนใบหน้า แต่เขาก็เกาหัวด้วยท่าทางทุกข์ใจและเริ่มพูด “ฉันขอโทษ แต่นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ฉันต้องการทำให้มันง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ การถ่ายทอด ไม่ได้ทำงานเช่นนั้น”
“อ่า แน่นอน”ธีโอดอร์เข้าใจมัน แต่เขาก็อดที่จะเดาะลิ้นใส่ความตะกละไม่ได้ หากเขาสามารถประนีประนอมกับเนื้อหาของภารกิจได้ ลี ยองซุก ก็จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่เขาทันที
อย่างไรก็ตาม ความตะกละได้กำหนดภารกิจเป็นความปราถนาที่แท้จริงจากใจ ดังนั้น ธีโอดอร์จึงถูกบังคับให้ทำภารกิจโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก
‘เห้อ มันคงจะง่ายหากเป็น อัลเฟรด หรือ ซาโตเมอร์’
ภารกิจของทั้งสองคนเขาสามารถที่จะทำได้เมื่อเขากลับไปยังเมลเทอร์ เมื่อเทียบความยากลำบากกับภารกิจของลียองซุกแล้ว มันก็เหมือนความแตกต่างระหว่าง ท้องฟ้าและพื้นดิน
ลี ยองซุก สังเกตเห็นถึงความท้อแท้ของธีโอดอร์และตบบ่าเขาเบาๆ “ฉันขอโทษด้วย หากมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ลืมมันไปซะ คนตายไม่ควรที่จะฉุดรั้งคนเป็นเอาไว้”
อย่างไรก็ตาม ภาพมากมายก็ผุดขึ้นในหัวของเขาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ลี ยองซุก เรียกธีโอดอร์ว่าผู้มีพระคุณของเขา แต่ความเป็นจริงมันตรงกันข้าม หากปราศจากบทเพลงแห่งสงครามและความสามารถทางกายภาพที่เพิ่มขึ้น ธีโอดอร์คงจะตายไปแล้วเมื่อสู้กับอัตตา
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ลี ยองซุก บอกว่า คำขอของเท่านั้นยากเกินไป ไม่ใช่ว่าธีโอดอร์ลืมความเมตตาที่เขามอบให้งั้นหรอ?
ธีโอดอร์นึกมองตัวเองอย่างรังเกียจและเปิดปากของเขาขึ้น “ผมจะรับฟังคำขอของคุณ”
“หืม?”
“ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ แต่ผมจะพาคุณกลับไปยังบ้านของคุณ หุบเขาเบี้ยกคุน”
ลี ยองซุกรู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวของธีโอ แต่ก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักในเสียงของธีโอดอร์ เขาก้มหัวขอบคุณธีโอดอร์หนึ่งครั้งและหายเข้าไปในแสง
จากนั้นความมืดได้กลืนกินเข้ามาอีกครั้ง
-เราจะย้ายไปยังบุคคลถัดไปหรือไม่? เสียงของความตะกละได้ทำลายความเงียบ
“ถัดไป?”
-ยังคงมีอีกหนึ่งคน ซาโตเมอร์ คำขอของเขายังหลงเหลืออยู่
“…ใช่ เรียกเขาเลย”ธีโอดอร์ยอมรับเพื่อที่จะตรวจสอบภารกิจทั้งหมด
จากนั้นเขาก็ได้ยินคำบอกกล่าวเกี่ยวกับการขออนุญาติ
[ยืนยันคำร้องขอสำหรับภารกิจ วัตถุที่ถูกเรียก ‘ซาโตเมอร์’กำลังตรวจสอบภารกิจ.....สำเร็จ วัตถุนาม’ซาโตเมอร์’ได้ยอมรับการเรียกของคุณ]
การปรากฏตัวของซาโตเมอร์ไม่ได้แตกต่างจากลี ยองซุก แสงได้รวมตัวกันในอากาศและรูปร่างของคนก็ปรากฏต่อหน้าธีโอดอร์ บุคคลผู้มีผมยาวและยุ่งเหยิง
รูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนกับตอนที่ซิงโคร ชายผู้ที่มองในครั้งแรกราวกับจอมเวทย์อัญเชิญผู้อยู่บนจุดสูงสุดในยุคสมัยใหม่ ซาโตเมอร์
เช่นเคย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ทำไมเรียกหาข้าเร็วนัก....ข้าพึ่งส่งมอบความรู้ของข้าให้ และเจ้าต้องการที่จะได้รับส่วนที่เหลือแล้วงั้นหรอ?”
“ผู้อาวุโส”
“ข้ารู้เรื่องแล้ว ดังนั้นมาเริ่มกันเถอะ”
ซาโตเมอร์นั่งลงและจับจ้องมายังธีโอดอร์ด้วยดวงตาสีแดงราวกับเลือด
คนที่มีจิตใจอ่อนแอจะไม่สามารถเผชิญกับการจ้องมองของเขาได้ อย่างไรก็ตามธีโอดอร์สังเกตเห็นว่าการจ้องมองของเขาแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ความหงุดหงิดซึ่งอยู่เต็มดวงตาของเขาได้จางหายไป
ซาโตเมอร์สังเกตเห็นถึงท่าทางของธีโอดอร์ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาและเปิดปากขึ้นเพื่อพูด “จิ๊ มันยากที่มุ่งเน้นดวงตาของข้าในตอนนี้ นี่เป็นเพราะเจ้า เจ้าเด็กหนุ่มที่หน้าด้าน”
“ครับ?”
“ไม่เป็นไรหากเจ้าไม่รู้ ฮิวกิ้นเป็นยังไงบ้าง?เจ้าได้ใช้งานเขาไหม?”
‘ฮิวกิ้น’ขณะที่ธีโอดอร์ได้นึกถึงชื่อของอีกา....
กา?
ทันใดนั้น ฮิวกิ้นก็ได้โผล่ออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า นี่คือความรู้สึกของธีโอดอร์ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เชื่อมต่อกับเขาจึงสามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม ฮิวกิ้นไม่ใช่ตัวเดียวที่ถูกเรียกเข้ามาในโลกแห่งจิตใจนี้ มิตรา เด็กสาวที่กำลังหลับอยู่บนหลังของฮิวกิ้นก็เช่นกัน เธอร้องออกมาอย่างสับสนจากการเรียกตัวที่กระทันหัน
[ฮู้ว?!ใบเรือฉีดำ ไหน?ใบเรือฉีดำ!]
มันจะไม่เป็นไรหากเธอแค่ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก แต่ด้วยความสับสนมิตราได้กระชับขารัดคอของฮิวกิ้นแน่น
กา!
ฮิวกิ้นพยายามดิ้นรนเพื่อให้เธอหยุดรัดคอมัน มันหมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อจะสลัดเธอให้หลุดจากหลังของมัน ในท้ายที่สุด ดวงตาของมิตราก็แปรเปลี่ยนเป็นหมุนติ้ว และล้มลงไปบนพื้นขณะที่ฮิวกิ้นล้มตัวตามลงมา มันถือเป็นเรื่องตลกระหว่างจิตวิญญาณธาตุและสัตว์อัญเชิญ
“…อืม เขาดูดีมาก”
“…ครับ ดีจริงๆ”
ชายทั้งสองคนเปลี่ยนสีหน้าก่อนที่จะหันไปมองทางอื่น ด้วยความพยายามที่จะฟื้นฟูบรรยากาศที่พังทลายจากภาพของมิตราและฮิวกิ้น ซาโตเมอร์กะแอมออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเข้าจุดประสงค์หลัก
“อืม ข้าเสียใจ.......เจ้าพอจะเดาได้ไหม?”
ใบหน้าของธีโอดอร์เยือกเย็น ความฝันที่โง่เขลาและดื้อรั้นของจอมเวทย์อัญเชิญ ซาโตเมอร์.....เขาใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาไปกับความพยายามที่สูญเปล่า และตอนนี้ความสิ้นคิดนี้ถูกส่งต่อมายังธีโอดอร์
ธีโอดอร์พยักหน้าอย่างหนักแน่นและเปิดเผยความปราถนาซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับซาโตเมอร์ที่จะพูดออกมา
“การอัญเชิญ สิ่งมีชีวิตระดับสูง ใช่มั้ยครับ?”
“ใช่แล้ว”ซาโตเมอร์ตบมือให้กับการคาดเดาของธีโอ
จุดเริ่มต้นของความบ้าบื่นนี้เกิดจากหนังสือที่เขาได้อ่านในตอนเด็กของเขา มันเป็นภาพของจอมเวทย์อัญเชิญผู้ที่เรียกยักษ์น้ำแข็งออกมาเพื่อต่อกรกับจอมเวทย์สายฟ้า จอมเวทย์อัญเชิญผู้นั้นคือตัวตนที่เคยอาศัยอยู่ในยุคเก่าแก่ อย่างไรก็ตาม มันได้จุดไฟขึ้นในใจของซาโตเมอร์ ไฟที่รุนแรงมากพอจะเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“แค่ครั้งเดียวก็พอ หากเจ้าสามารถเรียกสิ่งมีชีวิตระดับสูงออกมาได้เพียงครั้งเดียว ข้าก็จะตายตาหลับ หลังจากใช้เวลาทั้งหมด ข้าไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้จนกระทั่งตาย แต่เจ้าสามารถทำมันได้”
“ผมจะประสบความสำเร็จ?”
“แน่นอน เจ้าได้สืบทอดความรู้ในชีวิตทั้งหมดของข้าและมีส่วนหนึ่งของข้าในตัวเจ้า ไม่สิ ข้าคือส่วนหนึ่งของเจ้า”
ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ดังนั้น ซาโตเมอร์ จึงอดที่จะรู้สึกขมขื่นไม่ได้
ในท้ายที่สุด มันก็เป็นเช่นนี้ เขากำลังถ่ายทอดสิ่งที่เขาทำไม่ได้ไปให้ผู้อื่น ซาโตเมอร์รู้สึกว่ามันน่าอับอายอย่างมาก อย่างไรก็ตามธีโอดอร์ไม่ได้หัวเราะเยาะเขาเลยขณะที่เขาพยักหน้าให้
“ใช่ ผมจะประสบความสำเร็จ”
“….ชะ-ใช่แล้ว ขอบคุณ?”ซาโตเมอร์กำลังเสียสติไปกับท่าทางอันมุ่งมั่นของธีโอ เขาไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนหัวเรื่องทันที “เอาละ ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะอยู่ในสถานที่แปลกๆ”
“หืม?”
“เจ้ากำลังอยู่ในอาณาเขตของใครบางคน หากเจ้าอยู่ใจกลางมหาสมุทร มันก็อาจจะเป็น คราเคน เมกะโลด้อน หรืองูทะลยักษ์”
‘อาณาเขต’เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขา แต่ธีโอดอร์ก็ได้ตรวจสอบความรู้ทั้งหมดของซาโตเมอร์ทันที
การดำรงอยู่ของตัวตนระดับสูงที่สามารถทำลายโลกนี้และเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือไปกว่ามอนสเตอร์ทั้งปวง.....สิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณจะมีอาณาเขตของมัน มังกร ที่กล่าวขานกันว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทรงอำนาจมากที่สุด ก็มีอาณาเขตของมัน
ธีโอดอร์รู้สึกแปลกๆและถามว่า “งูทะเลยักษ์....?”
“อ่า มันเป็นภาษาท้องถิ่น มันเป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตผู้ไร้ปีก กล่าวอีกนัยหนึ่ง...”
…..มังกรฟ้า หรืออีกชื่อหนึ่ง มังกรแห่งผืนทะเล
‘...อ่า!’
ในขณะนั้นเองชิ้นส่วนปริศนาที่กระจัดกระจายอยู่ในใจของธีโอดอร์ก็ผสานเข้ากันเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ โครงสร้างของหมู่เกาะโจรสลัดไม่อาจรักษาไว้ได้ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้ปกครองแห่งหมูเกาะโจรสลัด เทพแห่งท้องทะเล.....
การดำรงอยู่ของเหล่ามังกรที่เป็นผู้ปกครองมาตั้งแต่สมัยโบราณ
มันมีอยู่ชื่อหนึ่งที่ธีโอพบโดยบังเอิญจากตำนานเก่าแก่ในห้องสมุด มันเป็นชื่อของมังกรผู้ชั่วร้ายผู้ที่ปลอมตัวเป็นนางเงือกไปหลอกลวงเหล่าลูกเรือให้ช่วยมันพังทลายเรือ และมันสามารถที่จะเรียกคลื่นขนาดใหญ่ยักษ์ได้(สึนามิ)
“มังกรสมุทร อควาโล่….?”ธีโอดอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะเทือน