ตอนที่ 33 -- ค่ำคืนใต้แสงจันทร์ ตอนกลาง
แปลโดย Mikky
Edit โดย check2534
Re: Master Magic - ย้อนเวลาเพื่อเป็นจ้าวแห่งจอมเวทย์
ตอนที่ 33 -- ค่ำคืนใต้แสงจันทร์ ตอนกลาง
ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะที่เคนนั่งอยู่แล้วมองลงไปที่เขา ส่วนพวกเขาก็จ้องขึ้นมาที่ผม
ในตอนที่เหล่าลูกน้องกำลังจะลุกขึ้น เคนก็เอ่ยปากขึ้นมา
“เธอคือ...เพื่อนของโคล้ดใช่ไหม?”
“ใช้เงินน้องสาวตัวเองมาเลี้ยงเหล้าทุกคนแบบนี้ ดูเหมือนว่านายจะใช้ชีวิตสุขสำราญมากเลยนี่นา”
อัศวินที่ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องต่างก็เริ่มซุบซิบกันเสียงดัง จนเคนหยุดดื่ม
“....นั่นไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ช่วยหยุดกระจายข่าวลือที่มันไม่จริงนี่ซะ…..”
เคนเอนหลังพิงโซฟาอย่างช้าๆ แล้วกระดกแก้วขึ้นอีกครั้ง
แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาดัง *ฟู่~*
เมื่อได้ยินเรื่องโกหกคำโตกับท่าทีผ่อนคลายของเขา นั่นก็ทำให้บางอย่างในตัวผมขาดสะบั้นลง
“นายไม่ยอมพูดออกมาดีๆสินะ”
ผมยกมือขึ้นแล้วร่ายเรดแครชออกมา
ก้อนเปลวเพลิงได้ก่อตัวขึ้นด้านหน้าฝ่ามือผม มันหมุนวนด้วยความรุนแรงและรวดเร็วพร้อมกับที่ผมเล็งไปที่เคน
บรรดาลูกน้องกับพวกผู้หญิงที่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบวิ่งหนีพร้อมกับกรีดร้องออกมาทันที นั่นทำให้แก้วที่อยู่ในมือของเคนสั่นไหว
นี่มันรู้สึกดีจริงๆ
ที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแบบนี้
-เรดแครช!
ภายในร้านเหล้ากระหึ่มไปด้วยเสียงระเบิดที่รุนแรง ทั้งขวดเหล้า โต๊ะ และโซฟา ต่างก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
ก้อนเพลิงที่กระจายออกได้เผาผนังกับพื้นของร้านเหล้า
ควันที่ฟุ้งกระจายออกมาได้เข้าปกคลุมทุกอย่างที่อยู่ด้านใน
-ในตอนนั้นเอง
ผมก็ขยับร่างกายหลบไปด้านข้าง แล้วดาบที่ส่องประกายเล่มหนึ่งก็ฟังลงมายังที่ที่ผมเคยยืนอยู่
จะบอกว่าตัวเองสามารถหลบเรดแครชของผมแล้วโต้กลับได้อย่างงั้นหรอ?
ตอนนี้หัวที่ร้อนระอุของผมพอจะเย็นลงบ้างแล้ว ผมจึงรีบใช้สเกาท์สโคปทันที
ไม่มีอะไรเกิดขั้น!?
เป็นไปไม่ได้…
เขากวัดแกว่งดาบอย่างต่อเนื่องจนควันที่อยู่รอบๆพัดออกไป
ควันก็ลอยออกไปครู่หนึ่งจนทำให้อีกฝ่ายมองเห็นผม ดาบที่เคยกวัดแกว่งมั่วซั่ว….จู่ๆก็กลับแม่นยำขึ้น!
“ชิ!?”
ผมโดนฟังเข้าอย่างจังจนเซฟโปรเทคชั่นสลายไป
ผมถอยออกไปด้านหลังแล้วยิงแบล็คช็อตเข้าไปในควัน
แรงอัดอากาศของกระสุนเวทย์ได้พัดเอาควันกระจายออกไปจนผมมองเห็นเคน แต่ทว่าเวทย์ของผมกลับสลายไปก่อนที่จะถึงตัวเคน
(แบบนี้นี่เอง…..!)
ในเวลาเดียวกัน เคนก็เข้ามาใกล้ผมแล้ววาดดาบลงมา
ผมพยายามเทเลพอร์ตหลบ แต่จู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาจากเท้า
“อึก…!”
เคนเหยียบเท้าของผมอย่างแรง
เคนสวมบูทเหล็กส่วนผมใส่แค่รองเท้าหนังเท่านั้น
รองเท้าของผมจึงเปลี่ยนรูปไปโดยไร้แรงต้าน ผมล่ะสงสัยว่ากระดูกเท้าของผมจะแตกรึเปล่า
(ขัดขวางการเทเลพอร์ต….ไอ้หมอนี่รู้วิธีสู้กับนักเวทย์!)
ในตอนที่กำลังจะเทเลพอร์ต หากคุณไปสัมผัสกับสิ่งของหรือใครเข้าล่ะก็ ของสิ่งนั้นก็จะตายคุณไปด้วย (แต่สำหรับพวกพื้นหรือผนังที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็ไม่สามารถนำไปได้ด้วย)
เพราะหากคุณเทเลพอร์ทไม่ว่าใครที่คุณสัมผัสก็จะตามไปกับคุณ ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ของคุณยังสัมผัสคุณอยู่ คุณก็ไม่สามารถหนีไปได้และเทคนิคนั้นก็จะถูกขัดขวางอย่างชะงัดเพราะหากคุณเทเลพอร์ทไม่ว่าใครที่คุณสัมผัสก็จะตามไปกับคุณ ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ของคุณยังสัมผัสคุณอยู่ คุณก็ไม่สามารถหนีไปได้และเทคนิคนั้นก็จะถูกขัดขวางอย่างชะงัด
เคนเหยียบที่เท้าผมจากนั้นเตรียมดาบของเขาทันที แล้วฟันลงมา
แคล้งงง!!!
ดาบที่ฟันลงมาถูกหยุดโดยเด็กสาวผมบลอนด์
ดาบของพวกเขาทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันส่องแสงประกายลอยออกมาในขณะที่ทั้งสองจ้องกันอย่างคุ่นเคืองใจ
“ถอยออกไปซะ….โคล้ด”
“ไม่ค่ะ….ท่านพี่”
เป็นโคล้ดที่หยุดการโจมตีของเคน
แม้ว่าเธอใส่ลงไปด้วยกำลังทั้งหมดของเธอ ดาบของโคล้ดก็ยังถูกผลักกลับมา
“เซฟคุง! ข้องร้องล่ะหนีไปเถอะ! เวทมนต์ใช้ไม่ได้ผลกับพี่หรอก”
อย่างที่คาดนั่นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย
ทั้งเคนและโคล้ดมีทักษะสกรีนพ้อยท์ที่เป็นเวทมนต์ติดตัว สกิลนี้อาจมีความสามารถที่ลบล้างผลของเวทมนต์ที่อยู่ในขอบเขต
เพียงแค่ก่อนหน้านี้สักครู่หนึ่งที่เวทมนต์ของผมถูกหักล้าง และแม้กระทั่งสเกาสโคปก็ใช้ไม่ได้ผลอย่างที่ควร เพราะเหตุนี้ผมเริ่มที่จะสงสัยเรื่องนี้อาจเป็นอย่างในกรณีนั้น
เวทมนต์ของผู้ใช้เวทมนต์ถูกทำให้ไม่เป็นผลเปรียบเหมือนการที่มือของเขาได้ถูกมันและปล่อยให้ถึงเวลาสำหรับการจับ
‘ทักษะการฆ่าจอมเวทย์’
ผมได้รู้ความจริงแล้วว่ามีการดำรงอยู่ของเวทมนต์ชนิดนี้ แต่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมันในเร็ว ๆ นี้
“โคล้ด แกตั้งใจที่พูดเท่านี้สินะ? ซักกี่ครั้งที่แกตั้งใจทรยศตระกูลเลออนฮาร์ทก่อนที่แกจะพอใจ!!”
ใบหน้าของเคนขมวดและขึงตึงด้วยความความโกรธ โคล้ดถูกไล่ต้อนมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เธอฝืนทน เคนได้ป้องกันการโจมตีที่เจตนาทำให้เขาล่าถอยไปได้อย่างง่ายดาย
ดาบส่งเสียงอีกเมื่อมันกระทบกัน ร่ากายของโคล้อค่อย ๆ ถอยกลับหลัง
มันชัดเจนแล้วว่าเคนชำนาญมากกว่า ทั้งในเทคนิคและพลังของดาบ
มันชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว ดูเหมือนจะใช้เวลาไม่นานที่จะจบเรื่อง
“เซฟคุง! รีบหนีไปจากที่นี่! ผมไม่อาจต้านไว้ได้นาน…!”
“ยัยบ้า! ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมันไป! มันได้ทำให้ตระกูลเลออนฮารทเสียชื่อเสียง และมันรู้ความลับของพวกเราอีกด้วยแล้วที่แย่ที่สุดไอ้เด็กเวรนี่มันทำให้ฉันอับอายในที่สาธารณะ!!”
ดาบหนักของเคนโจมตีมายังโคล้ดและกระทบกับดาบของเธอ
ดาบของเธอสั่นและโค้งงอ มันดูเหมือนว่ามันอาจหักได้โดยทันที
“จบกันเสียที!!”
เขาตะโกนและเหวี่ยงดาบลงอย่างรุนแรง
ใบดาบหมุนขว้างผ่านอากาศและแทงเข้าไปในกำแพงลึกลงไป เคนหัวเราะราวกับแน่ใจในชัยชนะของตนเอง
“อึก…!”
“พอแล้ว การต่อสู้จบลงแล้ว แต่ เพราะแกเป็นญาติทางสายเลือดของชั้น ชั้นไม่คิดจะยกโทษให้แกหรอกนะ…...เสียแต่ว่าแกต้องฆ่าไอ้สารเลวนี้ซะตอนนี้”
การต่อสู้จบลงแล้ว
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ความสามารถแท้จริงของพวกเขาอยู่ในระดับที่แตกต่าง อย่างมาก เพราะอย่างนั้นไม่ว่ากี่ครั้งก็ตามที่เธอพยายามต่อสู้ มันอาจจะจบลงด้วยผลเหมือน ๆ กัน
ถ้าหากคนนอกอย่างผมสามารถเข้าใจเรื่องนี้ โคล้ดก็ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ทั้งหมดเหมือนกัน
แม้ด้วยเรื่องเหล่านี้...
โคล้ดไม่ได้ผ่อนคลายท่าทางของเธอเลย
เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสั่นเครือ กำดาบหักอย่างหมดท่าไว้ในมือของเธอ
“ทำไมแกถึงทำอย่างนี้ล่ะโคล้ด? ไอ้สารเลวนั่นโดยพื้นฐานแล้วเกือบเป็นคนแปลกหน้าอย่างโดยสิ้นเชิงต่อแกใช่มั้ย?”
“เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อหนูเลย...เขาเป็นเพื่อร่วมกิลด์และสหายอันมีค่า”
“ไม่ใช่ว่ามันก็เหมือนกันหมด?”
“ไม่ค่ะ มันต่างกัน”
เคนมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่โคล้ดมองกลับไปที่เขาขณะที่มองดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้
เสียงของเธอสั่นสำลัก ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ล้นออกมา
“หนูมักจะอยู่คนเดียวเสมอ….แม่แต่ในบ้าน แม้หลังจากที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านมา...ในฐานผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้พวกเขาได้ปฏิบัติกับหนูอ่อยโยนในตอนแรก สุดท้ายหนูมักจะถูกหักหลังเสมอ…”
เคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ บางทีเขาอาจรู้สึกผิด?
“นั่นเป็นเหตุผลว่าตอนนั้นหนูคิดว่าบางทีหากหนูดูเหมือนผู้ชายมันอาจดีกว่า...หนูแต่งตัวเป็นผู้ชาย และเมื่อหนูเริ่มออกเดินทางโดยไม่มีใครโจมตีหรือทรยศหนู...แต่หนูไม่ได้ติดต่อกับใครอื่นเลย…”
ฮิมม ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว เพราะงั้นเธอเลยแต่งตัวเหมือนผู้ชายเพราะเหตุผลอย่างนั้น?
“เพื่อที่จะทำให้ตัวเองไขว้เขวจากความเด็ดเดี่ยวได้อย่างเด็ดขาดหนูถึงได้สู้ สู้ แล้วก็สู้ จนมอนสเตอร์ได้ล้อมรอบตัวหนู และเมื่อหนูคิดว่าคงไม่สามารถจัดการได้อีกต่อไปและได้ยอมแพ้ไปแล้ว มิลลี่ซังก็ได้เข้ามาช่วยหนู….มิลลี่ซังโจมตีเหล่ามอนสเตอร์กลับขณะที่ยิ้มอยู่...หนูไม่เคยลืมสิ่งนั้นที่ได้เห็นสำหรับชีวิตที่เหลือของหนู”
เทพธิดาแห่งสงคราม
ผมผิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
คุณสามารถบอกได้ว่านี่เป็นอีกสิ่ง ที่เป็นความทรงจำที่สำคัญสำหรับโคล้ดสินะ?
“เซฟคุงกับมิลลี่ซัง หลังจากที่ได้พบหนูทันที ก็ปฏิบัติกับหนูด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น….มันเป็นครั้งแรกในชีวิตทั้งหมดของหนูที่ได้ถูกเรียกว่าสหายหรือเพื่อนโดยใครบางคนดังนั้นเพื่อประโยชน์ของพวกเขา...หนูจะเสี่ยงชีวิตของหนูและทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้…”
โคล้ดแผดเสียงออกมา
“โฮวว~แกมีสีหน้าที่ดูดีนี่โคล้ด แม้ว่าแกมักจะมองลงต่ำอย่างอดสูที่บ้าน...นี่แกตกหลุมรักกับไอ้สารเลวนี่?”
“เซฟตุงเป็นคนแรกที่ได้โกรธเพื่อประโยชน์ของหนู”
เคนและโคล้ดจ้องซึ่งกันและกัน
ดวงตาของโคล้ดไม่มีน้ำตาอีกต่อไป
บนใบหน้าของเธอเผยให้เห็นสีหน้าที่พร้อมจะเผชิญกับความตาย
“นั่นแหละคือเหตุผล….เซฟคุงได้โปรดวิ่งหนีไป…”
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมจะสามารถทิ้งเด็กสาวแบบนี้ไปได้
“โคล้ด…”
“ผมไม่เป็นไรหรอกฮะเพราะงั้น…!”
ดูเหมือนว่ายัยเด็กนี่จะเข้าใจผิด
ผมกุมมือของโคล้ดที่กำลังกำดาบอยู่
“นายจะทำอะไร…”
ผมร่ายไทม์สแควร์จากนั้นร่ายเรดบลาสเตอร์กับเรดเวพอนในเวลาเดียวกัน ด้ามจับดาบที่หักของโคล้ดมีแสงของเวทมนต์ที่แพร่ออกมาจากมันได้สร้างใบมีดของดาบ….โคล้ดตกใจ เธอพูดกับผมในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ
“นี่คือ…???”
“ผมจะให้ชื่อเวทย์นี้ว่า คริมสันเบลด?”
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/