ตอนที่ 139 เรือโดยสารที่ผิดปกติ 2
“อืม....ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่แน่ใจ”
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของธีโอดอร์ก็ได้มลายหายไป แรนดอล์ฟเป็นทหารรับจ้างในทวีปตอนกลางมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี แต่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรือลับนี้เลย
แรนดอล์ฟตอบกลับด้วยท่าทางผิดหวังขณะที่เขากำลังกินปลาย่าง กระเพาะอาหารของเขาว่างเปล่าหลังจากที่ถูกตามล่ามานานถึง2วันเต็ม เขาจึงเปลี่ยนปลาตัวนี้ให้เป็นพลังงานของเขา
แรนดอล์ฟกินเข้าไปอีกคำก่อนที่จะพูดต่อว่า “ฉันมาถึงทวีปตอนกลางก่อนหน้านายน้อยก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก อย่างมาก ฉันเคยเดินทางจากตะวันตกไปยังทางใต้ก็แค่นั้น ฉันไม่เคยเข้ามาใกล้ตะวันออกมากพอที่จะเห็นชายฝั่งเลย
“…ฉันเข้าใจ”
“อืม ถึงแม้ว่าฉันจะทำงานในเขตตะวันออกนี้ก็ตาม แต่ฉันก็ไม่น่าที่จะทราบข้อมูลนี้ ตามที่เบลฟ์กล่าว มันดูเหมือนจะเป็นเรือที่เป็นความลับอย่างมาก”
แรนดอล์ฟหัวเราะขณะที่เขาดื่มเบียร์ ในฐานะทหารรับจ้างแล้วไม่มีใครที่จะไว้วางใจบอกความลับแก่พวกเขา
มันเป็นธรรมชาติ เหล่าทหารรับจ้างคือผู้ที่จะฆ่าใครสักคนเพื่อเหรียญทองไม่กี่เหรียญหรือโยนตัวเองเข้าไปในสนามรบที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทหารรับจ้างประเภทเหล่านั้นจะไม่มีความรู้สึกยึดติดใดๆและจะถือว่าความลับไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผลงานเพื่อความเป็นอยู่ของพวกเขา ใครอยากที่จะบอกกล่าวความลับกับคนเช่นนี้กัน?
มันเป็นไปตามธรรมชาติโดยไม่ต้องบอกกล่าว เหล่าพ่อค้าตระหนักดีถึงนิสัยของเหล่าทหารรับจ้าง
“พวกเราต้องไปดูให้เห็นกับตา”ธีโอดอร์พึมพำขณะที่วางจานเปล่าของเขาลง
ไม่ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่บนเรือก็ตาม ทั้งสองคนก็จ้องการที่จะออกไปจากคาร์กาสให้เร็วที่สุด
พอมาคิดเกี่ยวกับมัน มันเป็นเวลาแค่สองวันเท่านั้น ทันทีที่พวกเขาออกจากซิโปโต พวกเขาถูกโจมตีโดยอันเดททั้งคืนและธีโอดอร์และแรนดอล์ฟเองก็แทบจะไม่ได้นอนหลับเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกนานนักหากพวกเขาเดินทางบนพื้นดิน
โดยไม่คำนึงถึงกับดัก ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่บนเรือมันจะเปรียบเสมือนการเล่นของเด็กเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นความคิดเห็นของทั้งสองคนจึงเป็นเอกฉันท์
กริ้ง
“อร่อยมาก”
พวกเขาจ่ายเงินสำหรับค่าอาหารเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน มันใกล้จะถึงเวลาที่เบลฟ์กล่าวเอาไว้แล้ว
ขอบคุณสิ่งนั้น ธีโอดอร์ไม่จำเป็นต้องรอและเดินตรงไปยังท่าเรือทันที กลิ่นคาวที่โดดเด่นของน้ำทะเลได้ปะทะกับจมูกของพวกเขาขณะที่พวกเขาเดินเข้าใกล้ทะเล มันเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับคนสองคนผู้ที่อาศัยอยู่บนพื้นดินมาตลอดชีวิตของพวกเขา
ธีโอดอร์เดินไปเรื่อยๆขณะที่จ้องมองหมายเลขบนตั๋วของเขา
‘นี่คือหมายเลข3....หากมันเป็นหมายเลข5 พวกเราต้องเดินต่อไปอีกเล็กน้อย’
โชคดี มันมีป้ายบอกอยู่ทั่วท่าจอดเรือดังนั้นพวกเขาจึงไม่หลงทาง ทั้งสองคนได้มาถึงท่าจอดเรือที่5 ที่ระบุไว้บนด้านหน้าของตั๋วที่ธีโอซื้อมาจากเบลฟ์ จากนั้นปากของพวกเขาก็เปิดออก
“…นายน้อย มันไม่ใหญ่ไปหน่อยหรอ?”
“…มันไม่ใช่แค่ใหญ่”
มันเป็นเรือที่ใหญ่โตมโหฬารท่ก ซึ่งแตกต่างจากเรือของทหารที่ต้องมีการเคลื่อนไหวที่ว่องไว เรือโดยสารจำเป็นต้องมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้โดยสาร นั่นเป็นเพราะมันจะทำให้พวกเขาสามารถรองรับแขกและสิ่งอำนวยความสะดวกได้มากมาย หากเป็นกรณีเช่นนี้ เรือที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาคงจะถือว่าเป็นหนึ่งในเรือที่ดีที่สุดในกลุ่มขนส่งแล้ว อะไรคือ’วัตถุประสงค์ลับ’ของเรือลำนี้?ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นนั้นเดือดปะทุอยู่ภายในธีโอ
แม้จะไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ทั้งสองคนก็ได้เดินเข้าไปหาผู้ตรวจสอบตั๋วตรงทางเข้าเรือ
ผู้ตรวจสอบถามพวกเขาแบบตรงๆ“ผู้โดยสาร?”
ธีโอดอร์ตอบกลับด้วยการแสดงตั๋วของเขาและผู้ตรวจสอบก็ได้หลีกทางให้พวกเขาหลังจากตรวจสอบตั๋วแล้ว ธีโอและแรนดอล์ฟเดินข้ามไม้กระดานที่เชื่อมต่อเรือเข้ากับท่าเรือและเดินเข้าไปในเรือโดยสารขนาดใหญ่ด้วยท่าทางเป็นกังวล
แรนดอล์ฟได้ต่อว่าการปฏิบัติที่ไม่เป็นมิตร “อะไรกัน ไม่มีคำนำทางหรือแนะนำสำหรับเรือใหญ่เช่นนี้เลยงั้นหรอ?พวกเขาจะไม่บอกพวกเราเกี่ยวกับห้องของเราเลยรึไง?”
“มันจะเป็นเช่นนั้นงั้นหรอ?”
“เอ๋?”
ธีโอดอร์ก้มลงมองไปที่หมายเลขที่สลักอยู่บนตั๋วขึ้นเรือของเขา มันมีตัวเลขสามหลักซึ่งไม่ใช่วันที่ขึ้นเรือหรือเวลาออกเดินทาง ในสถานการณ์เช่นนี้มีแนวโน้มได้อย่างเดียวว่า มันคือหมายเลขห้องของพวกเขา ด้วยแผนผังของเรือที่แปะไว้ทั่วเรือ ธีโอดอร์สามารถที่จะค้นหาห้องพักของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ห้อง306
แรนดอล์ฟก้าวไปข้างหน้าก่อนเพื่อมีเหตุร้ายใดๆและเปิดประตู ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างชื่นชม “โอ้”
ธีโอดอร์มองเข้าไปในห้องอย่างเคร่งเครียดและมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับแรนดอล์ฟ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรือ”
เรือโดยสารที่มีชื่อเสียงบางลำในราชอาณาจักรโซลดุนเองก็มีห้องพักอยู่ภายใน แต่ไม่ใช่ในเมลเทอร์ ที่ซึ่งการต่อเรือยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก อย่างไรก็ตาม อะไรคือการตกแต่งภายในห้องเบื้องหน้าพวกเขากัน?
เตียงโซฟาที่หรูหราสองเตียงและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ซึ่งจะไม่กัดกร่อนโดยง่ายจากลมทะเล โคมระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดานที่ไม่ได้ใช้ไฟจริงๆ แต่เป็นแสงจากเวทมนต์ซึ่งสามารถเปิดและปิดได้โดยการดึงเชือก
เรือลำนี้นั้นมีความหรูหราและการทำงานที่ดีกว่าเรือในทวีปตอนเหนือหลายเท่า อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งสองขุมอำนาจในทวีปตอนเหนือ แอนดราสและเมลเอร์ ไม่สามารถที่จะพัฒนาธุรกิจการเดินเรือได้ ในอดีตพวกเขาพยายามที่จะสร้างเส้นทางเดินเรือเพื่อบุกโจมตีกันทางทะเล แต่เรือเหล่านั้นก็ได้ถูกบดขยี้ด้วยกระแสน้ำที่รุนแรง พวกเขานั้นมีการพัฒนาเรือการค้าขนาดเล็กและเรือประมง แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะลงทุนได้มากกว่านี้เนื่องจากสงครามของพวกเขา
“ฟู่ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วตอนนี้ ”แรนดอล์ฟมองไปรอบๆห้องก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟา นั่นหมายความว่ามันไม่มีอะไรที่ก่อให้เกิดปัญหากับพวกเขา เช่นเดียวกับที่ธีโอดอร์ใช้ตาเหยี่ยวเพื่อตรวจสอบเรือ แต่เขาก็ไม่พบปัญหาใดๆ
อย่างไรก็ตามธีโอดอร์ยังคงรู้สึกสงัย “….มันปกติเกินไป”
“หืม?มันไม่ใช่เรื่องดีงั้นหรอ?”
“ไม่ มันปกติเกินไป”ธีโอดอร์ส่ายหัวและปฏิเสธคำพูดของแรนดอล์ฟ “ฉันเคยคิดว่านี่น่าจะเป็นเรือสำราญ เรือที่ไว้เล่นพนัน หรือแม้กระทั่งเรือที่ลักลอบสินค้าเข้ามา เหตุผลเหล่านั้นคือเหตุผลเดียวที่จำเป็นต้องใช้เรือลับเช่นนี้ แต่นี่เป็นเพียงเรือโดยสารเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม เรือลำนี้มันปกติเกินไป แต่มันก็ไม่ได้ดีหรือแย่นัก ธีโอดอร์สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้เนื่องจากเขาใช้เวทมนต์ในการสอดส่องบนเรือทั้งลำแล้ว
ผู้โดยสารทุกคนในห้องต่างสวมชุดหรูหรา และพวกเขาไม่ได้มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ พวกเขาเกือบทุกคนเป็นขุนนางไม่ก็บุคคลที่ร่ำรวย ถ้าเป็นเช่นนั้น บนเรือนี้ควรจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถรีดไถเงินในกระเป๋าพวกเขาได้
‘ไม่ ฉันได้มองไปรอบๆแล้วหลายครั้งและสถานที่ดังกล่าวนั้นไม่มีอยู่จริง’
ไม่มีสถานที่สำหรับการพนันหรือปาร์ตี้มั่วสุม โครงสร้างของห้องพักและห้องรับประทานอาหารนั้นถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารเท่านั้น นอกเหนือจากผู้โดยสารแล้ว มีเพียงลูกเรือเท่านั้นที่อยู่บนเรือ
ธีโอดอร์นั้นรู้ดีว่าโลกไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องนัก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยความสงสัยของเขาออกไปได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม วิธีคิดของแรนดอล์ฟนั้นต่างออกไปนิดหน่อย “อืม ทำไมนายน้อยถึงไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลังละ?”
เช่นเดียวกับจอมเวทย์ ทหารรับจ้างก็มีเหตุผลในแบบของพวกเขา
“นอกจากนั้น ไม่มีใครสักคนบนเรือที่สามารถคุกคามฉันหรือนายน้อยได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่ไม่มีคำตอบใดๆ”
“…นายไม่ปล่อยตัวเกินไปงั้นหรอ?”
“ฉันเป็นทหารรับจ้าง หัวของนายน้อยเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัย์ของคุณ คุณควรที่จะใช้เวลานี้เพื่อหยุดพัก”
คำพูดของแรนดอล์ฟนั้นไร้ความรับผิดชอบ แต่ในที่สุด ธีโอดอร์ก็เชื่อเขา เช่นที่เขาได้กล่าว มันไม่มีร่องรอยใดที่จะสานไปถึงคำตอบ มันไม่สายเกินไปหากจะค่อยคิดถึงเรื่องนี้หลังจากที่ตรวจสอบเรือสักสองสามวัน ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะพักฟื้นหลังจากที่ถูกตามล่ามาถึงสองวันเต็ม
‘…ฉันจะยอมปิดตาของฉันลงในครั้งนี้’
ธีโอดอร์ปีนขึ้นไปบนเตียงนุ่มๆและหลับตาของเขาลงพร้อมกับที่เขารู้สึกได้ถึงเรือที่เขย่าไปมา เสียงของผู้คนที่กำลังตะโกนและเสียงของการโยกย้ายเรือที่ระบุให้เห็นว่าเรือกำลังจะออกเดินทาง นั่นหมายความว่าพวกเขารอดพ้นจากกลุ่มการค้าออร์คุสแล้ว
ซุ่....ซุ่...
ขณะที่เขาฟังเสียงคลื่นที่กระทบกับเรือ ธีโอดอร์ก็ได้จมลงสู่ความมืดมิด
***
‘ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากที่จะเรียนรู้เวทย์มิติก่อน แต่...’
ธีโอดอร์มองไปที่หนังสือที่ซ้อนกันบางส่วนด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์
ระดับความยากของเวทย์มิตินั้นเกินไปกว่าคำว่าน่ากลัว เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะอยู่ในระดับเดียวกับผู้นำWhite Tower อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ศึกษาเวทย์เดินทางไกลให้ได้เช่นชูเกล เขาก็ต้องหมกตัวเองอยู่ในห้องเป็นปีเพื่อศึกษามัน
เขาไม่รู้ว่าผู้นำWhite Tower ได้เขียนหนังสือเล่มใดไว้บ้าง แต่ตอนนี้ความเข้าใจของธีโอดอร์ยังไม่ดีพอ ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือการขยายแก่นพลังของเขาอย่างราบรื่น
“…อืม”
ในขณะนั้น แรนดอล์ฟก็ได้ลืตาขึ้นจากที่ที่เขากำลังนั่งสมาธิ ในวันแรกเขาได้พักผ่อนโดยไม่คิดสิ่งใด อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น แรนดอล์ฟก็ไม่ได้พลาดโอกาสที่จะฝึกฝน
เขาได้กลายเป็นปรมาจารย์ในแง่ของเชิงดายและความสามารถทางกายภาพ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการปลุกความสามารถของพลังออร่าของเขา แรนดอล์ฟได้อธิบายอย่างรอบคอบว่าการทำสมาธิอย่างถูกต้องจะช่วยให้เขาได้รับภาพลักษณ์ของความสามารถนั้น
อย่างไรก็ตามการทำสมาธิในวันนี้ไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ
“บ้าจริง มันมองเห็นได้แต่ก็มองไม่เห็น ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันเกือบจะเข้าถึงมันแล้วแต่มันก็ยืดออกไป อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ชอบการทำสมาธิ”แรนดอล์ฟบ่นขณะที่เขาคลายกล้ามเนื้อที่แข็งตัวจากการนั่งเป็นเวลานาน
ทั้งสองคนไม่เคยออกจากห้องของพวกเขาเลยตั้งแต่ที่เรือออกเดินทางจนถึงตอนนี้ อาหารถูกเรียกให้มาเสิร์ฟที่ห้อง ดังนั้นนอกเหนือจากตอนที่พวกเขาไปห้องน้ำ พวกเขาเอาแต่ฝึกฝนเท่านั้น
แรนดอล์ฟเสร็จสิ้นการบ่นและหันไปหาธีโอดอร์
“อา นั่นทำให้ฉันนึกได้ นายน้อย”
“หืม?”
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่น่าสนใจตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นคุณ คุณต้องการออกกำลังหน่อยไหม?”
“...อืม” ธีโอดอร์หยุดคิดชั่วขณะ แต่เขารู้สึกได้ว่าเลือดของเขากำลังพลุ่นพล่าน เขาวางหนังสือที่เขากำลังอ่านลงก่อนที่จะตอบกลับแรนดอล์ฟ
“เอาสิ เบามือหน่อยละกัน”