ตอนที่ 4: ชีวิต (1)
กลุ่มอัศวินมาถึงปราสาทอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็เข้าไปในปราสาทหลังจากผ่านสะพานแขวนที่ลดตัวลงมาแล้ว
เย่ซ่งมองพวกเขาจนพวกเขาเดินผ่านทางเข้าและเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง เย่ซ่งได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพ่อของเขาผ่านความทรงจำของแองเจเล่ แม้ว่าผู้คนจะคิดว่าบารอนเป็นเจ้านายที่โหดร้ายแต่ก็ดูแลแองเจเล่อย่างดี เขาเป็นคนที่เข้มงวดเกี่ยวกับกฎแต่เขาก็ไม่เคยทุบตีแองเจเล่แม้แต่ครั้งเดียว
'ข้าควรไปพบพ่อของข้า' เย่ซ่งคิด ก่อนที่เขาจะยืนขึ้นก็มีคนเคาะประตูห้องเขา
"นายน้อยแองเจเล่บารอนเรียกท่านไปพบ" แม่บ้านแม็กกี้พูดนอกประตู
"รู้แล้วข้ากำลังจะไป" เย่ซ่งตะโกน
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเขาก็เปิดประตู แม่บ้านแม็กกี้กำลังรออยู่ข้างนอกขณะที่กำลังถือเชิงเทียนอยู่ เย่ซ่งเดินตามแม็กกี้ตามทางเดินและพวกเขาก็ลงบันได พวกเขาเดินมาถึงบันไดชั้นสองเดินไปสุดทางเดินมีห้องที่ประตูเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เย่ซ่งมองเห็นแสงที่ส่องออกมา
"ข้าจะรอนายน้อยอยู่ที่นี่" แม็กกี้พูดหลังจากที่โค้งให้เย่ซ่งอย่างสุภาพ
เย่ซ่งพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้อง
เสียงต่ำของบารอนได้ดังขึ้นเมื่อเย่ซ่งเดินเข้าไปใกล้
"...ในดินแดนไม่มีใครที่ไม่สนใจคำสั่งของข้า อาชญากรเหล่านั้นต้องเป็นคนนอก" บารอนพูดแต่เย่ซ่งจับใจความได้เฉพาะครึ่งหลังเท่านั้น
มีเสียงต่ำอีกเสียงมาจากภายในห้องและมันเป็นเสียงของอัศวินอูดิส
"ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ของอาชญากร พวกมันอาจจะมาจากทางตะวันออกและมันจะต้องเป็นจักรวรรดิซาลาดิน รูปแบบเสื้อผ้าของพวกมันและอาวุธทั้งหมดคล้ายกับทางตะวันออก การต่อสู้ของพวกมันเหมือนกับกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนไม่ใช่อาชญากรที่รวมตัวกันโดยบังเอิญ ข้าคาดว่าพวกมันกำลังแก้แค่นสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน" อูดิสพูด
"พวกมันจะใช้ม้าที่ดีที่สุดเดินทางจากจักรวรรดิซาลาดินมายังดินแดนของข้าภายในครึ่งปีและมีป่าขนาดใหญ่ในระหว่างทาง เป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ อย่างไรก็ตามข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นกลุ่มพังก์เก่าของแคนเดีย" บารอนคาร์ลพูดและเสียงของเขาฟังดูเย็นชา "มันคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำได้"
"ที่จริงมันเป็นไปได้สูง เมื่อเร็วๆนี้พวกเราได้ลงโทษเขาหนักเกินไป..." อูดิสพูด
เย่ซ่งไม่ได้เคาะประตูและเขาเพียงยืนอยู่ข้างนอก เขารู้ว่าพ่อของเขาและอูดิสได้ยินเสียงรองเท้าของเขาแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือรอข้างนอก
"อย่างไรก็ตามมันมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือลาสก้า" อูดิสเดา
"ลาสก้า? ข้าเคยอยู่ที่นั่นประมาณสิบปีก่อนแล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ยังมีผู้หญิงบ้าที่ตีฝ่าวงล้อมอยู่หรือไม่" คาร์ลถาม
"ข้าคิดว่าเธอยังอยู่ที่นั่นปล่อยเรื่องนั้นไปก่อน แองเจเล่เข้ามาได้แล้ว" อัศวินอูดิสพูดเสียงดัง
"กำลังเข้าไป" เย่ซ่งพูดและเขาก็เปิดประตู
มันเป็นห้องศึกษามีชั้นวางหนังสืออยู่สองชั้นมีหนังสืออยู่เต็มกำแพงและเย่ซ่งมองเห็นเปลวไฟกำลังสั่นไหวอย่างช้าๆในเตาผิง
บารอนและอัศวินอูดิสกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและทั้งสองคนมีถ้วยสีขาวอยู่ข้างหน้า
เย่ซ่งได้มองไปด้านในถ้วยและถ้วยเต็มไปด้วยของเหลวสีดำมันมีกลิ่นมิ้นท์
"พ่อและลุงอูดิสข้ามาแล้ว" เย่ซ่งทักทายพวกเขาอย่างสุภาพขณะที่ความทรงจำในอดีตของแองเจเล่ได้อยู่ในหัวของเขา
คาร์ลและอูดิสเป็นสองในสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนริโอ บารอนคาร์ลไม่ถือว่าอูดิสเป็นอัศวินแต่เป็นเหมือนเพื่อนของเขามากกว่า พวกเขาเป็นนักดาบหัวกะทิที่อยู่รอดจากสงครามเรดบัด
ไม่มีการจัดอันดับนักรบในโลกนี้และมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นสำหรับอัศวินเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน นั่นก็คือการต่อสู้ในสงคราม
"นั่งสิ" บารอนพูดขณะที่ชี้ไปที่เก้าอี้ใกล้ๆ
เย่ซ่งพยักหน้าและนั่งลงอย่างเงียบๆ
"สถานการณ์ภายนอกไม่ค่อยดีนัก จักรวรรดิซาลาดินอาจจะสู้รบกับเราจักรวรรดิรูดิน ดินแดนของพวกเราอยู่ระหว่างอาณาจักรทั้งสองและสถานที่นี้จะเป็นแนวหน้า ข้าถามคนของข้าที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเก่าของข้าที่ท่าเรือและได้สั่งอุปกรณ์ใหม่จากเขา เกราะและอาวุธกำลังอยู่ระหว่างทางมาที่นี่...." บารอนเริ่มคุยกับอูดิสอีกครั้ง
เย่ซ่งนั่งด้านข้างและเริ่มตรวจสอบคนทั้งสองที่อยู่ข้างหน้าเขา
เขาคุ้นเคยกับบารอนอยู่แล้วและไม่มีอะไรที่พบสามารถพบได้เกี่ยวกับเขา
แต่เขาไม่เคยวิเคราะห์อูดิสมาก่อน อูดิสดูเหมือนหมีและเขาตัวใหญ่มากแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม เขาสูงประมาณสองช่วงตัวของผู้ชายที่โตเต็มที่แล้ว ชุดเกราะเหล็กที่เขาใส่มันสีดำทั้งหมดและเงางาม เขาหัวล้านและศีรษะของเขาคล้ายหลอดไฟ เขายังมีตุ้มหูเงินใส่อยู่หูข้างซ้ายและเมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันมันทำให้เขาดูป่าเถื่อนเพราะเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่เขาสวมใส่
'วิเคราะห์ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาแล้วขึ้นข้อมูลทางประสาทสัมผัสของข้า' เย่ซ่งสั่งให้ซีโร่ทำตามความคิดของเขา
ทันใดนั้นเย่ซ่งก็มองเห็นข้อมูลวิ่งลงมาเหมือนน้ำตกทางสายตาของเขา คำของข้อมูลมีสีฟ้าและพวกมันมีข้อมูลมากมายทำให้ดูสับสน
เย่ซ่งรู้ดีว่าความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนมีความสำคัญมากในโลกนี้ เขาได้เรียนรู้จากความทรงจำของแองเจเล่ว่าพลังที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเขาทำเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้ การกลายเป็นคนที่ทรงพลังจะช่วยเย่ซ่งปกป้องตัวของเขาเองได้เขาจึงตัดสินใจที่จะวิเคราะห์ทักษะการต่อสู้ของทั้งสองคน
บารอนและอูดิสยังคงพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก แต่เย่ซ่งสังเกตเห็นว่าบางครั้งบารอนมองตาของเขาและบารอนก็แสดงความผิดหวังเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นว่าเย่ซ่งไม่ได้ฟังอย่างจริงๆจังๆ
พวกเขาพยายามจะทำให้เย่ซ่งเข้าร่วมการสนทนาเพื่อช่วยให้เย่ซ่งเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้นำคนต่อไป แต่สีหน้าของเย่ซ่งขณะที่กำลังวิเคราะห์ผลทำให้ดูเหมือนเขาไม่สนใจและทำให้พวกเขาทั้งสองคนผิดหวังมาก
เย่ซ่งไม่เข้าใจจุดนี้แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ผลวิเคราะห์
[ผลจากข้อมูลทางประสาทสัมผัสของคาร์ล ริโอ: ความแข็งแกร่งมากกว่า 2,ความว่องไวมากกว่า 2,ความอึดมากกว่า 2, ผลจากข้อมูลทางประสาทสัมผัสของอูดิส: ความแข็งแกร่งมากกว่า 3,ความว่องไวประมาณ 1,ความอึดมากกว่า 3] ซีโร่รายงานในสมองของเย่ซ่ง
เย่ซ่งตกตะลึง....
1 จุดในคุณสมบัติเท่ากับมีความสามารถของผู้ใหญ่เพศชายปกติและข้อมูลนี้อ้างอิงจากข้อมูลของโลก
ตามผลของพ่อของเย่ซ่งและอัศวินอูดิสเกือบจะมากพอกับซูเปอร์แมนที่เขารู้มาจากหนัง ความแข็งแกร่งของพวกเขามากกว่าสองและสามจุดนั่นหมายความว่าพวกเขามีพลังผู้ใหญ่เพศชายปกติสองถึงสามคน ความอึดหมายถึงความสามารถในการปะทะ ความต้านทานพิษ การฟื้นฟูและความอดทน
'ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าข้าได้ออกจากโลกแล้ว....' เย่ซ่งพูดไม่ออก
'ซีโร่วิเคราะห์ตัวข้า' เย่ซ่งสั่ง
ข้อมูลสีฟ้าปรากฏข้างหน้าของเย่ซ่ง
[ผลการวิเคราะห์ความสามารถแองเจเล่ ริโอ:ความแข็งแกร่งต่ำกว่า 0.3,ความว่องไวต่ำกว่า 0.4 และความอึดต่ำกว่า 0.7] ซีโร่รายงาน
'....' เย่ซ่งพูดไม่ออกอีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นข้อมูลร่างกายสำหรับอายุสิบสี่ปีมันก็ต่ำเกินไป วัยรุ่นธรรมดาในยุคนี้บนโลกจะมีความแข็งแกร่งที่ 0.5 และความว่องไวที่ 1.2 แองเจเล่ได้ฝึกวิชาอัศวินแต่ข้อมูลของเขาก็ยังต่ำกว่าค่ามาตรฐาน มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
บางทีอาจจะเป็นเพราะเย่ซ่งบาดเจ็บอยู่และเขาควรจะรอให้ฟื้นตัวเต็มที่ก่อน
บารอนหยุดพูดกับอูดิสเกี่ยวกับแผนของพวกเขา พวกเขาหันไปมองเย่ซ่ง
"แองเจเล่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เจ้าจะต้องเรียนรู้ทักษะพื้นฐานการต่อสู้กับอูดิส จะมีเด็กผู้ชายคนอื่นๆในปราสาทฝึกกับเจ้า" บารอนพูด
"เข้าใจแล้วท่านพ่อ" เย่ซ่งพูด
"เจ้าอ่อนแอเกินไปในทางด้านร่างกาย ข้าต้องการให้เจ้าถึงอย่างน้อยระดับปานกลางข้าจึงให้เจ้าเรียนรู้ทักษะพื้นฐานการต่อสู้" เย่ซ่งมองเห็นความกังวลจากสายตาของบารอน
เย่ซ่งรู้ว่าถ้าร่างกายของแองเจเล่แข็งแกร่งเขาคงจะไม่ตกม้าตาย
"ข้าเข้าใจแล้ว" เย่ซ่งพยักหน้า
"การฟื้นตัวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าดีขึ้นหรือยัง" อูดิสถามอย่างจริงใจ
"ข้าคงไม่เป็นอะไรกับการฝึกขั้นพื้นฐาน" เย่ซ่งตอบ
"นั่นเป็นเรื่องที่ดี" อูดิสพยักหน้า
"ไปพูดกับแอนเกอร์ถ้าเจ้าต้องการกินอะไรเธอเป็นหัวหน้าแม่บ้าน พวกเราวัวมีเขาไม่กี่วันก่อนเจ้าอาจจะฟื้นตัวเร็วขึ้นถ้าเจ้ากินมัน ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะ" บารอนพูด
เย่ซ่งลุกขึ้นยืนและบอกลาก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้อง
แม็กกี้ยังคงรออยู่ข้างบันไดขณะที่กำลังถือเชิงเทียน เธอยืนรอออยู่ตรงพื้นที่มืดมิดคนเดียวจนกว่าเย่ซ่งจะทำธุระเสร็จ
เย่ซ่งเดินไปหาเธออย่างรวดเร็ว
"ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรือทำไมมันถึงไม่มีไฟ" เย่ซ่งถาม
"มันเป็นพื้นที่อาศัยที่ผู้คนส่วนใหญ่ในปราสาทอยู่ที่สนามฝึกและบาร์ มีคนไม่มากนักพวกเราจึงไม่มีเชิงเทียนที่นี่" แม็กกี้ส่ายหัวและตอบ
"เอาเถอะ" เย่ซ่งพยักหน้า
ตามความทรงจำของแองเจเล่ปราสาทถูกแบ่งออกเป็นหลายๆพื้นที่
ที่อยู่อาศัย พื้นที่กิจกรรมและพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่นๆ
พื้นที่กิจกรรมรวมถึงสนามฝึกซ้อมและสังเวียน ส่วนอื่นๆของพื้นที่มีบาร์ ร้านช่างตีเหล็กและคอกม้า ฯลฯ
ปราสาทมีขนาดประมาณมหาวิทยาลัยหนึ่งที่บนโลก แต่มีเพียงประมาณสองร้อยคนเท่านั้น มีเพียงอัศวิน นักดาบและกลุ่มนางรำเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในปราสาทและมีเพียงประมาณหนึ่งร้อยคนเท่านั้น
"กลับกันเถอะ" เย่ซ่งหยุดคิด
แม็กกี้นำเย่ซ่งกลับห้องนอนของเขา
เย่ซ่งเห็นเซซิเลียซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องเมื่อเขาเปิดประตู
"ยัยหนูสกปรกเจ้าเข้ามาในห้องของนายน้อยแองเจเล่ได้อย่างไร!" แม็กกี้เห็นเธอและเธอก็เริ่มตะโกน
เซซิเลียขยับเข้าไปใกล้ๆมุมพยายามซ่อนตัว
"ไม่เป็นไรเจ้าออกไปได้แล้ว" เย่ซ่งหยุดแม็กกี้จากการวิ่งเข้าไปในห้องของเขา
"ค่ะนายน้อย" แม็กกี้หยุดวิ่งทันทีและเธอก็ออกจากห้อง
ประตูของห้องนอนปิดลง
เย่ซ่งเดินเข้าไปหาเด็กสาวที่มุม เขามองที่เธอชั่วครู่หนึ่ง
เธอสวมชุดเดรสสีเทาและไหล่ของเธอก็โล่ง ผิวของเธอสีขาวนวลและผมยาวของเธอสีดำ ถ้าเธอไม่ร้องเธอก็จะเป็นสาวสวยคนหนึ่ง
เย่ซ่งไม่ได้อยากทำอะไร เขาหยิบผ้าห่มบนเตียงและโยนให้เธอ เย่ซ่งนอนลงเพราะหลังจากเรื่องทั้งหมดนี้เขาเหนื่อยมาก
"ฮ่าาาาา" เย่ซ่งหายใจเข้าลึกๆแล้วถอนหายใจทางปาก
'สถานการณ์ปัจจุบันข้าอยู่ในตำแหน่งที่ดี ตราบเท่าที่บารอนยังอยู่ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร แต่ข้าไม่สามารถทำนายอนาคตได้และข้าต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดฝันกับโลกที่ไม่สงบสุขนี้' เย่ซ่งคิดและเขาก็หลับไปทันที