เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 14 ความลับที่ซ่อนอยู่ในรอยแยกของภูเขา (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 14 ความลับที่ซ่อนอยู่ในรอยแยกของภูเขา
แปลโดย iPAT
วิญญาณสุราอยู่ในรูปลักษณ์ของหนอนไหมสีขาวบริสุทธิ์ตัวอ้วนกลมที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู
หนอนสุราสีขาวดื่มสุราเป็นอาหารและสามารถบินได้ เมื่อมันบินไปรอบๆมันจะขดตัวเป็นบอลแสงสีขาวนวลราวกับไข่มุก ความเร็วในการบินของมันสูงมาก แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณระดับหนึ่งแต่มันสามารถแข่งขันกับวิญญาณระดับสองบางดวง
นั่นจึงทำให้มันมีคุณค่ามากกว่าวิญญาณแสงจันทร์
และในเวลานี้หนอนสุราก็กำลังเกาะอยู่บนต้นไผ่สีเขียวที่อยู่ห่างจากฟางหยวนออกไปประมาณห้าสิบก้าว ฟางหยวนกลั้นลมหายใจแต่ไม่ได้เข้าไปใกล้มัน ตรงข้ามเขากลับค่อยๆก้าวเท้าถอยห่างออกมาอย่างช้าๆ
ฟางหยวนรู้ว่าแม้เขาจะอยู่ไม่ไกลจากมัน แต่การจับวิญญาณสุรายังเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่พึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณเช่นเขา กล่าวอีกอย่าง เขาไม่มีความหวังที่จะจับหนอนสุราตัวนี้
ฟางหยวนตระหนักว่าหนอนสุราตัวนี้กำลังเฝ้าระวังเขาอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงค่อยๆถอยห่างออกมาและพยายามที่จะไม่รบกวนมัน
มิฉะนั้นหากหนอนสุราหนีไป เขาจะไม่สามารถไล่ล่ามัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงรอให้หนอนสุราดื่มสุราไผ่เขียวจนเมามายเสียก่อน เมื่อเวลานั้นมาถึงความเร็วในการบินของมันจะลดลงและเขาจะมีโอกาสจับมันได้สำเร็จ
เมื่อฟางหยวนถอยห่างออกไป หนอนสุราก็เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากทั้งหมดกลิ่นหอมของสุราไผ่เขียวน่าหลงใหลเกินไป หากมันมีน้ำลาย ร่างกายของมันคงเปียกชุ่มไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงกระนั้นหนอนสุราก็ยังระวังตัวมันเป็นอย่างมาก เพียงเมื่อฟางหยวนถอยห่างออกไปสองร้อยก้าว มันจึงบินลงสู่พื้นหญ้าที่ถูกอาบย้อมไปด้วยสุราไผ่เขียว
ด้วยความเย้ายวนใจของอาหารอันโอชะ มันปีนขึ้นไปบนดอกไม้ตูมที่เต็มไปด้วยสุราไผ่เขียวก่อนจะดื่มด่ำกับสุราเลิศรสอย่างเพลิดเพลินและลืมการคงอยู่ของฟางหยวนไปอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันฟางหยวนก็เฝ้ามองมันดื่มกินอยู่อย่างอดทน
เดิมทีฟางหยวนยังสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นมันนิ่งเงียบและไม่เคลื่อนไหว แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เริ่มกระดิกหางของมันอย่างมีความสุข
นี่ทำให้ฟางหยวนตระหนักว่ามันเมาแล้ว!
เมื่อเห็นฉากนี้ฟางหยวนแทบไม่สามารถกั้นหัวเราะ เขาไม่ได้เดินหน้าแต่ยังอดทนรออยู่ที่จุดเดิม หากเขาเข้าไปตอนนี้เขาอาจจะจับหนอนสุราได้ แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เขาต้องการให้มันนำทางไปยังสุสานของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้
ในเวลาที่หนอนสุราคลานออกมาจากดอกไม้ ร่างกายของมันดูอ้วนกลมมากขึ้นขณะที่หัวของมันส่ายไปมาราวกับผู้คนที่กำลังเมาสุราอยู่จริงๆ โดยไม่สนใจการคงอยู่ของฟางหยวนอีกต่อไป มันปีนขึ้นไปบนดอกไม้อีกดอกและทิ้งตัวลงสู่บ่อสุราที่อยู่ภายในเพื่อดื่มด่ำสุราไผ่เขียวอีกครั้ง
หลังจากเสร็จสิ้นการดื่มกินครั้งนี้ ดูเหมือนมันจะอิ่มหนำดีแล้ว ดังนั้นมันจึงขดตัวเป็นไข่มุกแสงสีขาวนวลอีกครั้งและค่อยๆบินจากไป มันบินสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตรและหายเข้าไปในส่วนลึกของป่าไผ่
ฟางหยวนรีบติดตามมันไป
หนอนสุราที่กำลังเมาอย่างเต็มที่ทำให้ความเร็วในการบินของมันลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ยังต้องวิ่งตามมันไปอย่างสุดฝีเท้าเพื่อไม่ให้คลาดสายตามันไปจากมัน
เด็กหนุ่มโลดแล่นผ่านป่าไผ่สีเขียวตามไล่ล่าไข่มุกหิมะที่โบยบินอยู่ภายใต้แสงจันทร์และสายลมที่พัดผ่าน
เงาของฟางหยวนทอดตัวลงบนพื้นหญ้าสีเขียวขณะที่เขากำลังจับตามองดวงแสงสีขาวที่อยู่ท่ามกลางความมืดในยามดึกสงัดพร้อมกับกลิ่นสุราบางๆที่ลอยมาจากระยะไกล
หนอนสุราบินออกจากป่าไผ่ขณะที่ฟางหยวนติดตามออกไป ป่าไผ่มรกตพลันเลือนหาย มีเพียงกลีบดอกไม้สีขาวที่ร่วงหล่นลงจากต้นไม้และปลิ้วไปตามสายลม
เสียงจิ้งหรีดขับร้องราวกับบทกวีดังขึ้นข้างใบหู หมอกสีแดงกระจัดกระจายออกไปและเผยให้เห็นดวงแสงสีแดงของฝูงหิ่งห้อยที่ประดับอยู่ท่ามกลางความมืดมิดขณะที่ฟางหยวนเคลื่อนผ่าน
ภูเขาอันเงียบสงบปูด้วยกรวดหินและผิวน้ำที่สะท้อนเงาจันทร์เสี้ยวในยามค่ำคืน
ฟางหยวนเคลื่นอที่ข้ามลำธารเล็กๆและทิ้งระลอกคลื่นสีเงินเอาไว้เบื้องหลัง
เขายังติดตามหนอนสุราไปอย่างใกล้ชิด ผ่านลำธารขึ้นไปบนภูเขาก่อนจะได้ยินเสียงน้ำตกที่ค่อยๆดังขึ้น เมื่อเขากวาดตามองไปรอบๆ เขาก็พบว่าหนอนสุราบินเข้าไปในรอยแยกของหน้าผาหินขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาหยุดเคลื่อนไหวทันที
“เป็นที่นี้” เขาอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเขาแทบกระโดดออกมานอกหน้าอกขณะที่เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก ร่างกายของเขาร้อนผ่าว โลหิตไหลผ่านเส้นเลือดด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว
เขามองไปรอบๆและพบว่าที่นี่ปกคลุมไปด้วยกรวดทรายโดยมีน้ำตื้นๆที่ไม่แม้แต่จะสูงขึ้นมาเหนือระดับก้อนหินขนาดเล็ก
ด้านหลังภูเขาชิงเหมา ปรากฏน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น กระแสน้ำที่ทิ้งตัวลงมาก่อให้เกิดสระน้ำธรรมชาติและลำธารที่เป็นเส้นแบ่งเขตของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลกับหมู่บ้านตระกูลไป่
ลำธารใหญ่แตกกิ่งก้านสาขาไปในหลากหลายเส้นทาง และด้วยฝนที่ตกหนักมาหลายวัน มันจึงทำให้น้ำในลำธารเอ่อล้นออกมาในบริเวณใกล้เคียง
อย่างไรก็ตามน้ำที่อยู่ใต้เท้าของฟางหยวนในขณะนี้ ชัดเจนว่ามันไหลออกมาจากรอยแยกของภูเขาหินที่หนอนสุราบินเข้าไป
น้ำตกขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาจากน้ำตกสายหลักสาดเทลงมาราวกับม่านสีขาวอันบางเบาที่ปิดบังรอยแยกดังกล่าวเอาไว้
หลังจากสังเกตสภาพแวดล้อมแล้ว ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะวิ่งเข้าไปในรอยแยกของภูเขา
มันเป็นช่องว่างขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ชายวัยฉกรรจ์สองคนสามารถเดินเคียงข้างเข้าไปพร้อมกันได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลถึฟางหยวนที่อยู่ในร่างของเด็กหนุ่มอายุสิบห้าเพียงผู้เดียว
ฟางหยวนวิ่งเข้าชนม่านน้ำสีขาวขณะที่สายน้ำที่เย็นฉ่ำสาดเทลงบนศีรษะจรดปลายเท้าของเขา ฟางหยวนต้องต่อสู้กับแรงดันน้ำขณะที่ก้าวข้ามมันไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาก้าวผ่านน้ำตก เส้นทางภายในกลับค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ หูของเขายังถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามของน้ำตกที่ปะทะพื้นหิน
ลึกเข้าไปในความมืดมิด มีบางสิ่งซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ
อาจเป็นกิ่งก่าหรืออาจเป็นอสรพิษ อาจเป็นกับดักที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ หรืออาจเป็นเพียงความว่างเปล่าและจินตนาการของมนุษย์เท่านั้น
ฟางหยวนค่อยๆเดินลึกเข้าไปอย่างระมัดระวังขณะที่ร่างของเขากลืนหายไปในความมืด เส้นทางสายนี้ค่อยๆแคบลงกระทั่งฟางหยวนก็ไม่สามารถขยับศีรษะได้อย่างอิสระอีกต่อไป แต่เขายังกัดฟันและมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ยี่สิบก้าวต่อมาเขาพบแสงสีแดงสลัวส่องประกายขึ้นท่ามกลางความมืด เขากระพริบตาสองสามครั้งก่อนที่จะแน่ใจว่ามันคือดวงแสงจริงๆ
การค้นพบนี้เขย่าจิตใจของเขาเล็กน้อย
เขาเดินหน้าต่อไปอีกประมาณห้าสิบหรือหกสิบก้าวขณะที่ดวงแสงสีแดงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ฟางหยวนเหยียดแขนออกไปสำรวจเบื้องหน้าและพบว่ามันไม่มีกำแพงหินอยู่ด้านข้างอีกต่อไป
เขารู้สึกยินดีที่พบว่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเร่งเดินหน้าต่ออย่างรวดเร็ว
พื้นที่ภายในเผยตัวขึ้นในที่สุด ห้องโถงที่มีรัศมีประมาณแปดสิบตารางเมตรปรากฏขึ้นต่อหน้าฟางหยวน
“ข้าเดินเข้ามานานแล้ว ด้วยระยะทางที่ข้าผ่านมา ที่นี่สมควรเป็นใจกลางของภูเขาลูกนี้”
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแสงสีแดงจางๆ แต่เขากลับไม่สามารถบอกได้ว่าแสงเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด กำแพงหินค่อนข้างชื้นและถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ แต่อากาศภายในกลับค่อนข้างแห้ง
เถาวัลย์ที่เหี่ยวแห้งเกี่ยวพันกันและปกคลุมกำแพงหินเอาไว้มากกว่าครึ่ง มันมีกระทั่งดอกไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวแห้งอยู่มากมาย
แต่ฟางหยวนกลับรู้สึกคุ้นเคยกับดอกไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวแห้งเหล่านี้อย่างน่าประหลาด
“พวกมันคือวิญญาณสุราดอกไม้และวิญญาณหญ้าถุงข้าว” เขานึกขึ้นได้อย่างฉับพลันว่าพวกมันคือสิ่งใด
วิญญาณจะอยู่ในรูปลักษณ์และรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปมากมาย บ้างก็อยู่ในรูปลักษณ์ของผลึกอัญมณีเช่นวิญญาณแสงจันทร์ บ้างก็เป็นหนอนไหมเช่นวิญญาณสุรา นอกจากนั้นยังมีบางชนิดที่อยู่ในรูปแบบของดอกไม้ใบหญ้าเช่นเดียวกับวิญญาณสุราดอกไม้และวิญญาณหญ้าถุงข้าวที่อยู่เบื้องหน้าของฟางหยวนในขณะนี้
วิญญาณสายพฤกษาทั้งสองชนิดนี้ต่างเป็นวิญญาณระดับหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ด้วยการดูดซับพลังงานสวรรค์พิภพ หลังจากพวกมันเติบโตขึ้น เกสรดอกไม้ของวิญญาณสุราดอกไม้จะผลิตสุราทิพย์ออกมากักเก็บเอาไว้ภายในดอกตูมของมัน ขณะที่วิญญาณหญ้าถุงข้าวจะสร้างถุงเก็บเมล็ดข้าวที่ส่งกลิ่นหอมราวกับดอกมะลิเอาไว้ภายใน
ฟางหยวนเลื่อนสายตาไปยังกำแพงด้านหนึ่งที่มีเถาวัลย์เหี่ยวแห้งเลื้อยคลานลงมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนทรงกลมขนาดใหญ่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันหนอนสุราก็กำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่นั่น
ฟางหยวนเดินเข้าไปและประคองหนอนสุราขึ้นมาเก็บไว้ในอกได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ชันเข่าลงและแหวกเถาวัลย์ที่แห้งเหี่ยวเหล่านั้นออกไปเพื่อที่จะได้พบกับโครงกระดูกที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายใน
“สุดท้ายข้าก็ได้พบนักบวชปีศาจสุราดอกไม้” มุมปากของฟางหยวนยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะกำจัดเถาวัลย์ที่เหลือ...
“หยุดอยู่เพียงแค่นั้น!” เสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารดังขึ้นจากด้านหลังฟางหยวนโดยไม่คาดคิด