ตอนที่แล้วAST บทที่ 402 - ก้าวพสุธาเอราวัณ ปราณวชิระ การยั้วยวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 404 - ภัยคุกคามจากหอคอยกระบี่ นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา  ผู้แสนงดงาม

AST บทที่ 403 - กวาดล้างตระกูลเสี่ยว  ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 403 - กวาดล้างตระกูลเสี่ยว  ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว

ตระกูลเสี่ยวตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเยียน และอยู่ไม่ไกลตระกูลเยียนเท่าไร ไม่ว่าตระกูลเสี่ยว ตระกูลเยียน ตระกูลกั่ว ตระกูลหลาย และตระกูลหลัว เป็นเพียงไม่เกี่ยวตระกูลที่แข็งแกร่ง และได้สืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยหลายพันปี พวกเขานั้นมีรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเยียนและไม่มีมหาอำนาจได้ที่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้

ทั้งหมดนั้นมีส่วนร่วมที่ทำให้เมืองเยียนเป็นเมืองที่ทรงอำนาจ  แต่ในบรรดาตระกูลทั้งหมดมีเพียงสองตระกูลที่เป็นผู้ควบคุมกฎในเมืองนี้นั้นได้แก่ ตระกูลเยียนและตระกูลเสี่ยว  โดยที่ตระกูลเสี่ยวนั้นได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยวที่เป็นผู้อยู่ในตำแหน่งอาวุโสแห่งนิกายหอคอยกระบี่ และเป็นหนึ่งในอาวุโสคนสำคัญของนิกาย

ตระกูลกั่ว ตระกูลหลาย และตระกูลหลัว พวกเขานั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน โดยลูกสาวของผู้นำตระกูลกั่วและตระกูลหลาย นั้นเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลหลัว จึงไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นมีความสัมพันธ์กันโดยการแต่งงาน นั้นเป็นวิธีการที่ตรงไปและตรงมาและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเชื่อมสายสัมพันธ์เข้าหากัน

ตระกูลกั่ว ตระกูลหลาย และตระกูลหลัว มักจะร่วมมือกันแข่งขันหรือต่อสู้กับตระกูลเยียนและตระกูลเสี่ยวอยู่เสมอ พวกเขานั้นมีผลต่อการถ่วงดุลอำนาจระหว่างตระกูลเยียนและตระกูลเสี่ยว  ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะพ่อของกั่วโผหลู  กั่วหยางหลง เขานั้นเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลฉินแห่งเมืองจิ๋วซงที่แข็งแกร่งจึงเป็นที่ยำเกรงในเมืองเยียนแห่งนี้

แต่อย่างไรก็ตามตระกูลฉินนั้นเป็นมหาอำนาจที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่า ราชวังเทวโลกและหอคอยกระบี่  แต่หาเกิดการต่อสู้กันขั้นเอาเป็นเอาตาย  พวกเขานั้นจะไม่นิ่งดูดาย  เพราะตระกูลฉินนั้นมักให้ความสำคัญและเข้าข้างคนของพวกเขาอยู่เสมอ

นี้เป็นเหตุผลว่าที่ทำให้ตระกูลเสี่ยวนั้นไม่กล้าลงมือกับ กั่วโผหลู

ตระกูลเสี่ยวนั้นมีบริเวณที่กว้างขวาง เมื่อมองมาจากวิหคเพลิง แต่เมื่อชิงสุ่ยและคนอื่นๆมองเข้าไปภายที่ตระกูลเสี่ยวโดยตรงกับพบว่ามันนั้นมีขนาดที่เล็ก  ภายในเต็มไปด้วยสวนที่เต็มไปด้วยศาลาและรูปแกะสลักที่งดงามมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการตกแต่งทั้งหมดถูกออกแบบอย่างประณีต พวกมันนั้นสามารถเปล่งประกายได้ท้ามกลางแสงแดดในช่วงฤดูหนาว พวกมันช่างงดงามและตระการตา

หิมะตกที่ตกอย่างหนักจากคืนก่อนได้ย้อมโลกทั้งใบให้เป็นสีขาว  แต่อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยนั้นจะเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นสนามรบในเร็วๆ นี้   ทุกอย่างที่งดงามในที่นี้อาจจะต้องถูกทำลายไปในไม่ช้า

ชิงสุ่ยเหลือบไปเห็นผู้บ่มเพาะของตระกูลเสี่ยวที่อยู่ด้านล่าง  ขณะที่ชิงสุ่ยจ้องลงมาที่พวกเขา  พวกเขานั้นสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมลงมาจากฟากฟ้า ทำให้พวกเขานั้นต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง

"ดูนั้นสิ! มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่บนนั้น! "ผู้บ่มเพาะของตระกูลเสี่ยวที่ตะโกนออกประหลาดใจ

"นั้นมันสัตว์อสูรหงเพลิง !"

“และนั้นมัน ราชันย์วิหคเพลิง”

“รีบไปรายงานท่านปรมาจารย์ลำดับที่สอง  ว่าอสูรของตระกูลชิงนั้นอยู่ที่นี้  รีบไปซะ”

ชิงสุ่ยและคนอื่นๆในตระกูลชิงกำลังจ้องมองลงไปที่ข้าล่าง

"ท่านปู่ท่านอยู่ที่นี่และไม่ได้ลงมา!" ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขายิ้มให้กับชิงหลัว  ชิงอี่และคนอื่น ๆ

"ชิงสุ่ย ... ระวังตัวด้วย" ชิงอี่ กล่าวอย่างกังวล

"ชิงสุ่ยระวังตัวด้วย !" ลิ่วลี่ จับไปที่มือของชิงสุ่ยและกล่าวว่า

...

ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้ากับทุกๆคน  ทุกคนที่อยู่ที่นั้นได้กล่าวให้เขานั้นระวังตัว เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและสนับสนุนเขา…..ชิงหลัว ชิงอี่ ชิงเห้อ สือฉิงจวง ชางห่าย หมิงเยวี่ย และ ลิ่วลี่  พวกเขาได้กล่าวคำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกับชิงสุ่ย

มีเพียงชิงชิงคนเดียวที่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยท่าทีจริงจัง และกังวลแตกต่างจากคนอื่นๆ

ชิงสุ่ยได้มองไปที่ชิงชิงที่กำลังกังวลอยู่   เท่านี้เขาก็รับรู้ได้แล้วว่าพี่สาวของเขานั้นเป็นห่วงมากขนาดไหน  ชิงสุ่ยได้ยิ้มให้กับเธอ ก่อนที่จะเตรียมกระโดดลงไป

"ชิงสุ่ย!" ในตอนนั้นชิงชิงได้ตะโกนออกมาเบา ๆ

ชิงสุ่ยค่อยๆหันไปทางนั้นและพบว่าพี่สาวของเขานั้นค่อยๆเดินเข้ามาหาเขา  ท่ามกลางความตระหนกชิงชิงค่อยๆกอดลงไปที่ตัวของชิงสุ่ย โดยไม่พูดจา

ในขณะนั้น มีความรู้สึกลึกลับมากมายถาโถมเข้ามาในใจของเขา   มันทำให้เขานั้นรู้สึกอบอุ่น และทำให้หัวใจของเขานั้นรู้สึกสงบ   ตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับการตัดสินใจที่จะมาที่ ตระกูลเสี่ยววันนี้

หลังจากเพียงแค่สองลมหายใจ ชิงชิงได้ปล่อยชิงสุ่ยออก  ริมฝีปากของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อย มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมาก รอยยิ้มของเธอนั้นแตกต่างไปจากตอนแรกที่เขาเจอกันอย่างมาก

ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้มก็ตาม  แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็แน่ใจว่าตอนนี้ชิงชิงนั้นกำลังมีความสุขอยู่

เธอนั้นมีความสุขอย่างมาก รอยยิ้มที่สดใสจะคงอยู่ตลอดไปหัวใจของชิงสุ่ย  ดังแสงแดดที่สาดส่องลงมาท่ามกลางเมฆฝน มันเป็นภาพที่หน้าประทับใจอย่างมาก  แต่ก็น่าเสียดายที่มีเพียงชิงสุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมัน

ตำแหน่งของวิหคเพลิงนั้นอยู่ห่างจากพื้นไม่มาก ชิงสุ่ยได้กระโดดลงมาจากหลังของมันโดยตรง ด้วยความสามารถที่เขามีอยู่ในตอนนี้  มันก็ไม่ใช่เรื่องลำบากหากว่าเขาจะกระโดดจากตำแหน่งที่สูงกว่านี้

ชิงสุ่ยนั้นไม่ต้องการให้ทุกคนที่อยู่บนวิหคเพลิงนั้นลงมาก เขามั่นใจทุกๆคนนั้นจะปลอดภัยเมื่ออยู่บนหลังวิหคเหลิงของเขา และเขาก็มั่นใจว่าไม่มีสัตว์อสูรชนิดบินตัวใดในตระกูลเยียนและตระกูลเสี่ยวที่เร็วไปกว่าวิหคเพลิงของเขา  แม้แต่ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยวก็ไม่มีทางที่จะมีสัตว์อสูรชนิดบินที่ดีกว่าเขา นอกจากนั้นชิงสุ่ยยังให้วิหคเพลิงบินสังเกตอยู่รอบ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเขานั้นสามารถหนีได้ด้วยวิหคเพลิงและสามารถใช้ระฆังสะท้านจิตในการหลบหนี้

ชิงสุ่ยได้กระโดดลงมายื่นบนพื้นอย่างนุ่มนวลโดยไร้เสียงตกกระทบ แต่หิมะที่อยู่รอบๆจุดที่เขาร่อนลงนั้นได้ลอยกระเด็ดไปทุกทิศทาง

ขณะนั้นมีผู้คนจำนวนมากวิ่งออกมา หนึ่งในนั้นมีชายชราที่สวมใสชุดเกราะสีน้ำเงิน ความสูงของเขานั้นสูงกว่าชิงสุ่ยเพียงเล็กน้อย เขามีปากที่กว้างและมีจมูกที่ใหญ่เหมือนสิงโต รูปทรงใบหน้าของเขานั้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เขานั้นมีคิ้วที่หนามาก ดวงตาของเขานั้นคล้ายระฆังทองสัมฤทธิ์  ในตอนนี้เขานั้นได้กำกระบี่ขนาดใหญ่ยาวเป็นพิเศษอยู่ในมือของเขา

กระบี่เล่มนั้นเป็นสีดำสนิทมันมีความยาวกว่า 2เมตร เท่าๆกับความสูงของเขา กระบี่เล่มนั้นมีความกว้างประมาณ2ฝ่ามือของคนทั่วไป และความหนาของมันก็หนาประมาณ1นิ้ว และไม่มีคม

เขาได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่กดดันไปทางชิงสุ่ย   ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ว่าเขานั้นคือเสาหลักของตระกูลเสี่ยว เขาคือปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว หรืออีกชื่อว่า คุณชายเสี่ยว   และเมื่อชิงสุ่ยได้มองไปที่กระบี่เล่มนั้น  ชิงสุ่ยก็สามารถยืนยันได้ว่าเขานั้นเป็นอาวุโสของหอคอยกระบี่สวรรค์แห่งนิกายหอคอยกระบี่

จากการพบเจอกันในครั้งแรก  เมื่อชิงสุ่ยเห็นคุณชายเสี่ยว  เขานั้นก็รู้สึกไม่ชอบใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก นั้นเพราะชิงสุ่ยรู้ว่าคุณชายเสี่ยวคนนี้เป็นเจ้าชู้และเป็นเจ้าสำราญอย่างมากในเมืองเยียน  ชิงสุ่ยนั้นเกลียดคนประเภทนี้ที่สุดในชีวิตของเขา

เมื่อชิงสุ่ยได้กระโดดลงมา ผู้บ่มเพาะทั้งหมดของตระกูลเสี่ยวได้เข้าล้อมรอบตัวของเขาในทันที   ทามกลางกองหิมะขนาดใหญ่ที่ปกคลุมอยู่บนพื้นดิน  มีมือธนูไม่ต่ำกว่า100คนที่เล็งมาที่เขาจากภายนอก

พวกเขาได้ถือธนูสีเงินที่มีขนาดใหญ่มาก แต่มีความหนาเท่ากับแขนของผู้ชายคนหนึ่ง  ธนูเหล่านั้นลูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกของสัตว์อสูร ส่วนเส้นเอ็นของคันธนูนั้นก็ถูกทำมาจากเส้นเอ็นของอสูรชนิดพิเศษ มันนั้นมีสีดำทมิฬ

ลูกศรอาบยาพิษ !

ชิงสุ่ย รู้แล้วว่าทำไม  ตระกูลเสี่ยวถึงได้สงบอยู่ได้  เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอการ มาถึงของเขา  ชิงสุ่ยไม่ค่อยมั่นใจในความแข็งแกร่งของธนู และลูกศรเหล่านนั้น  แต่เขานั้นก็รู้ดีว่าพวกมันนั้นไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย

แต่ชิงสุ่ยก็มั่นมั่นใจในพลังป้องกันของเขาเช่นเดียวกับที่เขานั้นมันใจในชุดเกราะสัตตะดาราของเขา  เหตุผลที่เขาไม่ได้มาที่ ตระกูลเสี่ยวเมื่อวันก่อนเป็น  เพราะชุดเกราะสัตดาราของเขานั้นถูกใช้ออกมาแล้ว  มันนั้นสามารถใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น

และหลังจากที่เขาได้ใช้ “แก่นแท้แห่งเต่าลึกลับทองคำบริสุทธิ์” พลังป้องกันของเขานั้นก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง  นอกจากนี้แล้วชิงสุ่ยนั้นยังมั่นใจในเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็บอกกับตัวเองว่าอย่าประมาทเด็ดขาด เขานั้นบอกกับตัวเองว่าอย่าได้ล้มเหลวแม้แต่เรื่องที่เล็กน้อยเด็ดขาด

“ช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆ   เด็กรุ่นใหม่มักเป็นแบบนี้จริงๆรึ  เจ้านั้นคิดจริงรึว่าสามารถต่อกรตระกูลเสี่ยวได้ ตระกูลเยียนนี้ช่างตลกจริงๆที่ปล่อยเขารอดมาได้” อาวุโสคนนั้นกล่าว ขณะมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความสนใจ

“ตระกูลเยียน นั้นได้ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่พวกเจ้า   ฮ่าๆๆ แต่ตระกูลเสี่ยวของพวกเจ้านั้นกลับไม่ได้ช่วยพวกเขาแต่อย่างใด  ข้าละสงสัยจริงๆว่าในอนาคต จะมีใครกล้าร่วมมือกับตระกูลเสี่ยวของพวกเจ้าอีก” ชิงสุ่ยพูดกระตุ้นจิตสำนึกของพวกเขาและในขณะเดียวกันก็ได้นึกถึงวิธีการต่อสู้กับศึกครั้งนี้

“นั้นมันเรื่องของตระกูลเยียนของเจ้า  พวกเราจะสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างไร  ที่จริงเจ้านั้นต้องขอบคุณ ข้าถึงจะถูก  ที่ข้านั้นไม่เข้าไปก้าวก่ายปัญหาดังกล่าว?  ไม่งั้นเจ้าจะโอกาสได้มาเหยียบตระกูลเสี่ยวของเราในขณะนี้หรือ?” อาวุโสดังกล่าวได้พูดออกมาอย่างมั่นใจอย่างมาก

ตอนนี้ชิงสุ่ยเข้าแล้วว่าใจว่าทำไมคนของตระกุลเสี่ยวทั้งหมดถึงได้อยู่ที่นี้  ในขณะนี้และ พวกเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ไกลจากตัวของชิงสุ่ย  เพราะตั้งแต่แรกพวกเขานั้นไม่เคยประมาทในตัวชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยได้คิดอยู่ช่วงครู่ก่อนที่จะยิ้มไปให้ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว และกล่าวว่า "พวกเรานั้นสามารถต่อสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้หรือไม่?"

ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยวยิ้มแล้วส่ายหน้าขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ย  "ถึงแม้ว่าข้าจะมีความมั่นใจ ว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้  แต่ข้าก็ไม่อาจจะผิดพลาดได้  มีหลายคนที่ยังคงพึ่งพาข้า  นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในวันนี้คือข้าต้องฆ่าเจ้า และนั้นก็อีกเป็นเหตุผลข้านั้นจะไม่เสี่ยง  ข้าก็จะใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการสังหารเจ้า"

ชิงสุ่ยตกตะลึง “เกี่ยวกับคิดของอาวุโสคนนี้ ความคิดของเขาค้อนข้างฉลาดและน่ากลัว  นั้นเป็นเพราะเขา สามารถมองข้ามถึงวิธีการ หลักคุณธรรม  เขานั้นมองหาแค่เฉพาะเป้าหมายของเขาเท่านั้น ตราบเท่าที่เขาสามารถบรรลุเป้าหมายของเขาได้   เขาจะไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งอื่นใด”

“เจ้า คิดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้องหรือไม่ ?” ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว เขาหัวเราะและพูดออกมา

"ใช่  ถูกต้อง!"  ชิงสุ่ย พยักหน้ายิ้มและพูด

หลังจากที่กล่าว ชิงสุ่ยเคลื่อนกายของเขา!

ชุดเกราะสัตตะดารา !

เท้าข้างขวาของเขาได้กระทืบลงไปอย่างรุนแรงบนพื้น !  มันทำให้พื้นที่บริเวณนั้นสั่นสะเทือน สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยหิมะ และวิสัยทัศน์ของทุกคนที่อยู่ที่นั้นได้รับผลกระทบ จากแรงกระแทกดังกล่าว

ก้าวพสุธาเอราวัณ !

“ยิงลูกธนูออกไป”ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว รีบสั่งในทันที และรีบเข้าไปหาชิงสุ่ย  แต่ความเร็วของเขานั้นไม่อาจเทียบได้กับตัวของชิงสุ่ย

เนื่องจากตัวเขานั้นยังไม่เชี่ยวชาญในทักษะ  “ก้าวพสุธาเอราวัณ”  เขาจึงไม่สามารถแสดงผลที่แท้จริงของมันออกมา  เขานั้นต้องการเพียงแค่ทำให้มือธนูนั้นเสียสูญ และละสายตาไปจากตัวเขา เท่านั้น

หลังจากนั้น เขาได้กระโจนเข้าหามือธนูที่อยู่ตรงข้ามด้านหน้าของเขา และกระแทรกก้อนหินขนาดใหญ่ไปทางทิศด้านหลังของเขา

ถึงเวลากวาดล้าง !

ชิงสุ่ยได้เพิ่มความเร็วและพลังของเขาเข้าไปอีก กระบี่ดารายุพฆาตของเขา ในตอนนี้กระบี่ของเขาได้กลายเป็นอาวุธที่น่าหวาดกลัว  มันได้สังหารสมาชิกของตรูกลเสี่ยวไปมากมายในขณะนี้

ในตอนนั้น มือธนูกว่าสิบคนได้ตายลงไปด้วยฝีมือของเขา  แต่ถึงอย่างมือธนูที่เหลือก็ได้ระดมยิ่งไปที่ชิงสุ่ย  แต่อย่างก็ไม่ได้อาจตามความเร็วที่มากมายของชิงสุ่ยได้ทัน เขาได้ทิ้งเงาของเขาไว้ตรงนั้นและมุ่งตรงไปจัดการมือธนูที่เหลือ มือธนูส่วนมากถ้าไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่สองลมหายใจเท่านั้น

สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเสี่ยวอยู่ในสภาวะสับสนและวุ่นวาย มีนักรบเกือบครึ่งหนึ่งที่ถูกสังหารในตอนนี้

เสียงกรีดร้องแห่งความหวาดกลัวได้ถูกเปล่งออกมาเสียงดัง  ทั่วทั้งบริเวณฟุ้งไปด้วยกินของเลือดสด  ในตอนนี้หิมะได้ตกลงมาอย่างหนักอีกครั้ง สีขาวของพวกมันได้ถูกย่อมไปด้วยสีแดงจากเลือดของสมาชิกตระกูลเสี่ยว

เคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์  !

เมื่อกระบี่ของอาวุโสของตระกูลเสี่ยวได้ฟาดลงมาที่หัวของชิงสุ่ย ด้วยกลิ่นอายที่น่ายำเกรง  ชิงสุ่ยได้ใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยมของวังเทวโลกออกมา  ตอนนี้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของอาวุโสของตระกูลเสี่ยวที่ฟาดลงมาที่ศีรษะของเขาโดยตรง

ขณะนั้นชิงสุ่ยได้ใช้กระบี่ดารายุพฆาตในมือของเขา จู่โจมส่วนกลับไปที่คอของอาวุโสของตระกูลเสี่ยวเช่นเดียวกัน

เมื่อเห็นแสงสีทองอ่อนๆ ที่ปรากฏบนร่างกายของชิงสุ่ย  อาวุโสของตระกูลเสี่ยวได้ถอยกลับไปโดยไม่ลังเล และเหวี่ยงกระบี่ของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีของชิงสุ่ย

เขานั้นรู้ดีว่านั้นคือทักษะเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ แห่งราชวังเทวโลก  นั้นเป็นทักษะที่มักจะใช้ในเวลาที่จนตรอกหรือเมื่อถึงเวลาความเป็นความตายเท่านั้น

ในตอนนั้นชิงสุ่ย ได้กลับไปสังหารสมาชิกที่เหลือของตระกูลเสี่ยว  แม้ว่ามือธนูเหล่านั้นจะอยู่ในระดับเซียนเทียนทั้งหมด แต่พวกเขาก็พึ่งทะลวงเข้ามาได้ไม่นาน   นอกจากนั้นคนที่อยู่รอบๆตัวของเขานั้นก็ไม่มีใครเลยที่อยู่ในระดับเทวะกษัตริย์ ส่วนใหญ่นั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนระดับสูงหรือไม่ก็อยู่จุดสูงสุดของระดับเซียนเทียน

อำนาจต่างๆของตระกูลตระกูลเสี่ยวนั้นล้วนเกิดมาจาก ปรมาจารย์ลำดับที่สองแห่งตระกูลเสี่ยว ถ้าไม่มีเขาตระกูลเสี่ยวนั้นคงเป็นได้แค่ตระกูลอันดับที่สามในเมืองเยียนเท่านั้น นี้คืออำนาจของผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง  เขานั้นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันตระกูลหรือนิกายต่างๆ

ระยะเวลาคงอยู่ของเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์  นั้นมีผลเพียงเวลาสั้นๆเท่านั้น  มันเป็นเวลาที่น้อยกว่าสองลมหายใจด้วยซ้ำ แต่มันก็เพียงพอสำหรับชิงสุ่ยที่จะกวาดล้างพวกเขาทั้งหมด  เขานั้นถูกยิ่งโดยมือธนูเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆนั้นเพราะผลจากชุดเกราะปราการศึกของเขาที่สามารถลบล้างผลที่เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบในตอนนี้

ภายในช่วงเวลาสองลมหายใจ ชิงสุ่ยได้สังหารมือธนูไปหลายสิบคน ไม่ว่าใครก็ตามที่ถือธนูหรือลูกศรอาบยาพิษจะไม่ได้รับความเมตตาจากเขา เช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ ที่อยู่เพียงลำพังในขณะนี้ไม่สามารถสงบจิต สงบใจได้เมื่อมองไปที่ชิงสุ่ย

หลังจากที่ลงมือฆ่ามือธนูคนสุดท้ายไป ชิงสุ่ยได้ได้ตรงเข้าไปหาลูกหลานของตระกูลเสี่ยว  แต่ถึงอย่างไรเขานั้นได้ถูกหยุดไว้ด้วยปรมาจารย์ลำดับที่สองผู้นั้น

"ถ้าไม่มี" เคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์  "ลองดูสิว่า เจ้าจะมีดีอะไรอีกบ้าง ที่สามารถใช้ในการสังหารข้า " ปรมาจารย์ลำดับที่สองผู้นั้นไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ  แม้ว่าจะมีคนที่อยู่ในระดับเซียนเทียนของเขานั้นได้ตายไปร้อยกว่าคนก็ตาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด