ตอนที่ 121 ข้ามผ่านที่ราบรกร้าง 1
ณ เวลานี้เมืองมาน่า-วิลกำลังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเมื่อข่าวการแลกเปลี่ยนระหว่างเมลเทอร์และเอลฟ์เฮล์มได้แพร่กระจายออกไปทั่วเมือง
ในหมู่พวกเขาคนที่คึกคักที่สุดก็คือพ่อค้าจากกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ พวกเขาดีกว่าคนอื่นๆในการดูดเงินและพวกเขาจะไม่มีทางพลาดโอกาสเช่นนี้ บางึนบอกว่านี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตเลยด้วยซ้ำ
หนึ่งในกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ที่สุดของเมลเทอร์ โพโลเนลก็คิดเช่นเดียวกัน ‘ถ้าพวกเราเลือกสิ่งที่เหมาะสม เช่นนั้นพวกเราจะอาศัยได้อย่างดี’
อย่างไรก็ตามผู้นำของกลุ่มการค้า โพโลเนล นั้นไม่ได้โลภ หอคอยเวทมนต์หรือแม้กระทั่งขุนนางชั้นสูงรู้ดีกว่าเหล่าพ่อค้าจะต้องน้ำลายหกและอ้อยอิ่งเพื่อยื้อเวลาและโก่งราคา
ดังนั้นเขาจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในลำดับถัดไป ครั้งนี้ มันคือการสั่งซื้อวัตถุดิบจำนวนมากเนื่องจากการส่งออกของสิ่งประดิษฐ์และสินค้าที่จะส่งออกนั้นมีจำนวนมากกว่าเดิมถึงสามเท่า เช่นนั้นเขาก็ควรที่จะจัดหาสิ่งประดิษฐ์และสินค้าให้กับสมาคมเวทมนต์ และสิ่งที่เขาจะได้รับเพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินแล้วก็คือความสัมพันธ์อันดีกับหอคอยเวทมนต์
เป็นผลให้กลุ่มการชั้นนำ โพโลเนล ได้จัดขบวนมุ่งหน้าไปยังทวีปตอนกลางได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น
กึกกึกกึก เสียงรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนถนน
โดยปกติแล้ว พวกเขาจะเคลื่อนที่ช้าๆเนื่องจากมีสัมภาระมาก แต่วัตถุประสงค์ของพวกเขาก็คือการนำเข้าวัตถุดิบอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้สัมภาระจึงมีไม่มากนักและรถม้าจึงเคลื่อนที่รวดเร็วกว่าปกติ
นอกจากนี้รถม้าที่พวกเขานั่งนั้นไม่ใช่รถม้าธรรมดา มันเป็นรถที่ธีโอดอร์ได้นั่งตอนเขากลับบ้าน มันเป็นรถม้าชนิดพิเศษที่เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
ในรถคันที่สองนับจากด้านหน้า ชายวันกลางคนกำลังหัวเราะอย่างตื่นเต้น “ฮ่าๆ!จอมเวทย์ โชคดีจริงๆที่เธอได้เข้าร่วม!”
เขาเป็นชายที่มีผมหนา และให้ความรู้สึกราวกับหมี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงถูกเรียกว่าหมี หมีเป็นพ่อค้าที่มีประสบการณ์ซึ่งแตกต่างจากความคิดทั่วไปที่ว่าพ่อค้ามักจะเป็นงูเฒ่าหรือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ชายหนุ่มที่มีเรือนผลสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงหน้าหมีเงยหน้าขึ้น “โชคดี?”
“ใช่!”หมีพยักหน้าโดยไม่ลังเล“เธอไม่เพียงจะเข้าร่วมทันทีในวันเริ่มเดินทาง และเธอยังจะสามารถนั่งรถม้าเช่นนี้ได้งั้นหรือ?เช่นเดียวกัน พวกเราก็ไม่สามารถจ้างจอมเวทย์มากับพวกเราได้เพราะเป็นการเดินทางอย่างกะทันหัน ดังนั้นพวกเราจึงโชคดีจริงๆ!”
“อา อาจจะเป็นเช่นนั้น”
“นอกจากนี้เธอยังเป็นเด็กรุ่นเดียวกับวีรบุรุษ ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีงั้นหรอ?”
ธีโอดอร์ มิลเลอร์ รู้สึกโชคดีขณะที่เขาหัวเราะให้กับคำพูดของหมี การใช้ชื่อของเขานั้นเป็นการแนะนำได้เป็นอย่างดีว่าเขามีประสิทธิภาพแค่ไหน
ถูกต้อง ชายหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีน้ำตาลแทนที่จะเป็นสีดำและดวงตาสีเขียวแทนที่จะเป็นสีฟ้าก็คือธีโอดอร์ มิลเลอร์ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่รู้จักเขาในตอนนี้เพราะใบหน้าของเขานั้นแตกต่างออกไป
จากนั้นธีโอก็ได้นึกถึงข้อมูลของสร้อยคอที่ซ่อนอยู่ภายใต้หลังเสื้อผ้าเขา
[+6 ฉันคือใคร?(เครื่องประดับ)]
[-สิ่งประดิษฐ์นี้สร้างขึ้นจากความล้มเหลวที่ลึกลับ นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของสร้อย มันสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการรบรู้ของผู้อื่นได้โดยการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้สวมใส่อย่างละเอียด มันจะแสดงความสามารถของมันโดยไม่คำนึงถึงเจตจำนงของผู้ใช้ และเมื่อเวทมนต์ถูกปลดปล่อย สื่อกลางจะถูกทำลายทันที มันสามารถป้องกันเวทย์ที่ใช้มองทะลุได้ แต่ไม่สามารถปกปิดได้ว่าผู้ใช้กำลังซ่อนตัวอยู่ (แบบเวทย์ตรวจจับมองใบหน้าไม่ได้ แต่จับได้ว่าอยู่ไหน)
*ระดับของอุปกรณ์เวทย์ชิ้นนี้คือ ‘ล้ำค่า’
*เมื่อกินแล้วพลังเวทย์จำนวนมากจะถูกดูดซับ
*เมื่อกินแล้วระยะเวลาในการย่อยคือ 8 ชั่วโมง
*เมื่อกินแล้วความเข้าใจเกี่ยวกับเวทย์แปลงโฉมจะเพิ่มขึ้น]
ก่อนที่ธีโอจะออกเดินทาง วินซ์ได้นำอุปกรณ์เวทย์จากหอคอยเวทมนต์มาให้เขา มันเป็นอุปกรณ์ที่มักใช้ในการแทรกซึมเข้าสู่เขตแดนของข้าศึกหรือปฏิบัติการลับ
ต้องขอบคุณมัน ธีโอจึงสามารถที่จะปลอมตัวโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนหรือสถานะของเขา ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นวีรบุรุษ ธีโอดอร์ มิลเลอร์ แต่เป็นจอมเวทย์ขั้น4 ธีโอผู้ที่กำลังไปเยี่ยมฐาติห่างๆในคาร์กาส
‘พูดตรงๆนะชื่อปลอมของเธอนั้นมันชัดเจนเกินไป แต่...’
วินซ์หัวเราะและโยกหัวของเขา
“บางครั้งมันการทำเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าการปิดบังชื่อของเธออย่างละเอียด เธอจะเดินทางๆไปรอบๆอาณาจักรที่ไม่รู้จัก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเธอควรจะใช้ชื่อปลอม ”อาจารย์ของเขาอธิบายว่าการโกหกที่แนบเนียนเกินไปอาจจะดึงดูดสายตาของมนุษย์ได้
ในกรณีอื่นๆ ชื่อของเขาจะไม่มีความหมายถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ที่สามารถมองผ่านอุปกรณ์เวทย์ได้
“ฟู่....”
ในท้ายที่สุด นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเฝ้าระวังตัวเอง
ธีโอดอร์จ้องมองออกไปด้านนอกหน้าต่างขณะที่รถม้ายังคงเคลื่อนที่ รถได้เดินทางมาไกลพอสมควรแล้ว มากพอที่จะทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นเมืองหลวงหรือหอคอยเวทมนต์ได้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาอีกเท่าไรเพื่อที่จะกลับมาที่นี่ บางที4เดือนหรือแม้กระทั่งหลายปี ธีโอรู้ตัวดีว่าตอนนี้เขาตัวคนเดียวแล้ว
อาจารย์ของเขา ผู้ที่มักจะชี้ให้เห็นถึงส่วนต่างๆที่ขาดหายไปของธีโอ ซิลเวียที่เต็มไปด้วยหัวใจอันแสนบริสุทธิและความงดงาม ซึ่งเขาเคนทานอาหารกับเธอเพียงครั้งเดียวจนถึงตอนนี้ และเวโรนิก้าผู้ซึ่งเป็นห่วงเขาอย่างมากถึงแม้ว่าบางครั้งเธอจะเป็นห่วงเขามากเกินไป....ธีโอไม่สามารถที่จะทนเห็นคนที่เปรียบเสมือนครอบครัวที่สองของเขาได้ในตอนนี้
‘ไม่ ฉันไม่ควรที่จะมีหัวใจที่อ่อนแอ’เขาพยายามจะเอาความคิดที่น่ากลัวออกไปและหยิบหนังสือออกจากกระเป๋าของเขา
มันเป็น[ภาพรวมของเวทย์โบราณ ---บัลการ์ด]ซึ่งวินซ์ ไฮน์เดลได้ทำมันเสร็จหลังจากค้นคว้ามาอย่างหนักหลายสิบปี นี่เป็นหนังสือเวทย์ที่ธีโอไม่สามารถเข้าใจได้แม้จะอ่านหนังสือเล่มนี้ไปครึ่งวันแล้ว
พึบ
ภายในรถม้าที่เงียบสงบนั้นมีเพียงเสียงของการเปลี่ยนหน้ากระดาษเท่านั้น แม้หมีที่มักจะส่งเสียงดังยังรู้ว่ามันหมายถึงอะไรเวลาจอมเวทย์นั้นเปิดหนังสือ ดังนั้นเขาจึงปิดปากของเขาสนิท
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือจึงดี ขณะที่ธีโอได้ศึกษาเกี่ยวกับภูมิปัญญาที่ยากจะเข้าใจและแสนคลุมเครือ ความวิตกกังวลของเขาก็ได้สลายหายไป ความลังเลในดวงตาของธีโอนั้นหายไปนานแล้ว และสมองของเขาก็ได้ล่องลอยไปในความรู้ที่มีอยู่ในหนังสือ
ธีโอ ผู้ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้า นั้นเป็นภาพลักษณ์ของจอมเวทย์ที่แท้จริง โดยไม่คำนึงถึงอายุของเขา
***
เมื่อธีโอได้เริ่มต้นการเดินทางของเขา มันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากความคิดของเขาในหลายๆด้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบกับอารมณ์ของการผจญภัยเมื่อเขาได้นั่งอยู่บนรถม้ามาหลายชั่วโมงแล้ว บางครั้งเขาไม่สามารถที่จะพักผ่อนได้เลยในตอนกลางคืนหรืองีบหลับได้เพียงแปปเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้สำหรับธีโอดอร์ ในฐานะจอมเวทย์และแขกผู้ล้ำค่าเพียงคนเดียว เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เหล่าพ่อค้าและทหารรับจ้างจะต้องทำงานหนัก
[ฮู้!]
แน่นอนว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าธีโอดอร์กำลังนั่งอยู่เฉยๆ
‘...ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางประมาณ2กิโลเมตร?’
หลังจากความสามารถของมิตราได้รับการปลุกกระตุ้นในเกรทฟอเรสต์ ตอนนี้พวกเขาสามารถใช้มันได้ในทุกเขตไมได้จำกัดแค่ในเกรทฟอเรสต์ ขณะนี้พลังอำนาจของเธอกำลังบอกเขาว่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามา
ธีโอสัมผัสได้ว่าพวกมันมี23ตนจากน้ำหนักที่กระทบลงบนพื้นดิน พวกมันคือฮ็อปก๊อบลิน พวกมันเป็นศัตรูที่ขบวนการค้าสามารถรับมือได้ด้วยตัวพวกเขาเอง แต่มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ
ดังนั้น พลังเวทย์ของธีโอจึงแผ่กระจายออกไปในเส้นทางนั้น
-กรี้สส!
-กี้!
มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่การปรากฏตัวของจอมเวทย์ขั้น6 ซึ่งได้รับการพัฒนาด้วยสRing of Muspelheim ไม่สามารถเทียบได้กับออร์ค ธีโอเหนือกว่ามากนัก เหล่าฮ้อปก๊อบลินนั้นรู้เรื่องนี้โดยสัญชาตญษณและล่าถอยไป ด้วยวิธีนี้เขาจึงทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตที่พยายามเข้าใกล้รถม้าล่าถอยหนีไปทุกราย ขบวนเดินทางต่างคิดว่าพวกเขาโชคดีและเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำลายความเชื่อพวกนั้
จุดประสงค์ของธีโอดอร์คือการไปถึงคาร์กาสอย่างเงียบๆ และมันจะกลายเป็นปัญหาหากเขาดึงดูดความสนใจ
ต้องขอบคุณธีโอ รถม้านั้นสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องหยุดพักใดๆ เมื่อถึงเวลาที่ม้าเริ่มเหนื่อยหอบ ขบวนเดินทางก็ได้มาถึงปลายทางที่ตั้งใจไว้สำหรับหยุดพัก
มันคือที่ราบซิโปโต ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างอาณาจักรออสเต็นและอาณาจักรคาร์กาส ซึ่งแตกต่างไปจากทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยสีเขียว ทีนี่เป็นที่ราบที่กว้างขวางและมีพุ่มไม้กระจัดกระจายอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทันทีที่พวกเขามาถึงจุดแรกเริ่มของที่ราบ หมีก็ได้ตะโกนขึ้น “หยุด!พวกเราจะพักที่นี่ในวันนี้!ทหารรับจ้างควรจะเฝ้าระวังจนกว่าค่ายจะก่อสร้างเสร็จและพนักงานทุกคนควรออกจากรถม้าเพื่อตั้งเต็นท์และสร้างแคมป์ไฟ จากนั้นเราจะเริ่มกินข้าวกันหลังจากนั้น!”
เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่ใหญ่โตของหมี เสียงของเขากลับดังยิ่งกว่า เสียงเกือกม้านั้นดังมาก แต่เสียงตะโกนของหมีนั้นดังเสียยิ่งกว่า
ขณะที่ม้าหยุดเคลื่อนไหว เหล่าคนขับรถม้าต่างรีบราดน้ำใส่พวกมันและปลอบโยนพวกมันไอน้ำโชยขึ้นจากผิวหนังที่เปียกชื้นของม้า เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักหน่วงเป็นเวลา1สัปดาห์ อย่างน้อยในวันนี้พวกมันก็สามารถกินได้เท่าที่พวกมันต้องการและฟื้นฟูความเหนื่อยล้าโดยการนอนหลับ
หลังจากหมีได้ให้คำแนะนำ(สั่งการ) เขาก็หันไปมองที่ธีโอดอร์และถามว่า “ธีโอมันจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเตรียมอาหาร เธออยากจะทำอะไรก่อนงั้นหรือ ?”
ธีโอครุ่นคิดชั่วขณะ จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลย เป็นเพราะเขาได้เอาแต่ศึกษาเวทย์โบราณเพื่อสงบจิตใจที่สับสนของเขา
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการจดจ่อในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นเช่นนี้
[*ระดับความเข้าใจของคุณสูงมาก (84.5%)]
เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขาเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาสามารถใช้คำศัพท์ง่ายๆในการเรียกใช้เวทย์ภาษาโบราณได้ จากจุดนี้มันไม่ใช่แค่การเรียนรู้ แต่เป็นการใช้มันโดยตรง ดังนั้นนี้ไม่ใช่บางสิ่งที่เขาสามารถบรรลุได้จากการเกาะติดอยู่ในรถ
ธีโอดอร์คิดเรื่องนี้และกระโดดออกจากรถ “งั้นผมจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิเล็กน้อย”
“คนเดียวงั้นหรอ?”
“มีสิ่งมีชีวิตเล็กน้อยในเขตรอบนอกของซิโปโต ผมจะไม่ไปไกลนัก ดังนั้นไม่ต้องกังวลครับ” ธีโอรู้สึกโล่งใจกับการแสดงออกของหมี จากนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าโดยไม่คิดอะไร
เขาเดินไปจนกระทั่งเห็นรถม้าเป็นจุดเล็กๆ และเริ่มจ้องมองดวงจันทร์และดวงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้า
‘ถัดจากที่ราบซิโปโลก็คือตอนกลางของทวีป’
ที่ราบซิโปโตนั้นแตกต่างจากที่ราบสูงสีแดงที่น่าขนลุก มันมีบรรยากาศที่เยือกเย็นคล้ายกัน แต่สัญญาณของสิ่งมีชีวิตของที่นี่ดูแตกต่างจากที่ราบสูงสีแดง เมื่อเทียบในเรื่องของพื้นดิน พื้นดินที่นี่ดูอ่อนแอ แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถอาศัยได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาขาดแคลนอาหารและน้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก
ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆนั้นคือดินแดนที่อยู่ถัดไป ซึ่งก็คือราชอาณาจักรออสเต็น ที่ซึ่งเกิดความแห้งแล้งได้เริ่มแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ภัยแล้งได้แผ่กระจายและฆ่าพืชพรรณที่อยู่ในเขตนี้
ธีโอเคยได้ยินเกี่ยวกับราชอาณาจักรออสเต็นจากวินซ์ แต่เขาไม่สามารถชี้แจงเหตุผลดีๆที่พวกเขาลักพาตัวเอลโลน่าได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย ธีโอถอนหายใจออกมาขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเหล่านักรบที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรี
ดังนั้น ธีโอจึงถามขึ้น
“ความตะกละ อะไรคือสาเหตุของภัยแล้งที่ไม่มีจอมเวทย์หรือนักวิชาการคนใดในโลกที่สามารถค้นพบได้?”