ตอนที่ 119 จอมเวทย์ผู้กลืนกินหนังสือ 2
หนังสือต้นฉบับนั้นไม่ใช่หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนต์คัดลอก แต่เป็นฉบับที่ถูกเขียนโดยผู้เขียนโดยตรง จนถึงตอนนี้ธีโอได้กินหนังสือต้นฉบับไปสามเล่ม :กระสุนเวทย์ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเวทย์สายธรรมชาติ และบทเพลงแห่งสงคราม ทั้งสามเล่มนี้ได้ทำหน้าที่ก่อสร้างพื้นฐานความสามารถของธีโอขึ้น
อย่างไรก็ตามหนังสือต้นฉบับจะช่วยแก้ไขปัญหาของเขาได้อย่างไร?
“….ฉันไม่เข้าใจ แก่นพลังของฉันมาถึงขีดจำกัดแล้วไม่ใช่หรอ?”
-ใช่
“แล้วการกินหนังสือต้นฉบับจะไม่เหมือนกับการเทน้ำเพิ่มงั้นหรือ?”
-อืม มันขาดคำอธิบาย ความตะกละหยุดคิดชั่วขณะก่อนที่จะเปิดปากอีกครั้ง –คำถามของเจ้าไม่ได้ผิดไปทั้งหมด ความสามารถที่เจ้าเรียนรู้จากหนังสือต้นฉบับนั้นจะเติมเต็มแก่นพลังของเจ้า แต่ในกระบวนการนี้เจ้ายังสามารถได้รับสิ่งอื่น
“มันคืออะไร?”
-เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของผู้เขียนที่อยู่ภายในหนังสือต้นฉบับ
ความตะกละบอกว่ามันมีขนาดเล็ก ชิ้นส่วนจิตวิญญาณของผู้เขียนนั้นดำรงอยู่ในหนังสือต้นฉบับ จนถึงปัจจุบัน ธีโอเคยมีประสบการณ์พบกับผู้เขียนของหนังสือต้นฉบับที่เขากิน เขาได้มีประสบการณ์ร่วมกับอัลเฟรดในสนามรบและได้เห็นลี ยองซุกใช้ศิลปะการต่อสู้ของเขา กรณีของไมน์ดัลมันต่างกันเล็กน้อย แต่ชายชราควรได้รับการยกเว้น
ธีโอดอร์ตระหนักถึงความหมายในคำพูดของความตะกละและถาม “เช่นนั้น การดูดซับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณจะสามารถขยายแก่นพลังของฉันได้?”
-ถูกต้อง ในความจริงแล้ว แก่นพลังของเจ้าได้เต็มไปตั้งแต่เจ้าดูดซับอัมบรา ถ้าหากเจ้าไม่ได้ใช้ ‘การถ่ายทอด(Transmission)’กับอัลเฟรดละก็ เจ้าคงจะตายไปแล้ว
“….การถ่ายทอด”ธีโอได้สังเกตถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
การกินธรรมดาไม่สามารถที่จะดูดซับความสามารถทั้งหมดของหนังสือได้ มันไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์หรือความถนัดของเขาเช่นเดียวกับที่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับธีโอดอร์ที่จะยิงกระสุนเวทย์ได้เฉกเช่นอัลเฟรด มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับความสามารถจากผู้เขียน100%
อย่างไรก็ตาม ธีโอได้เอาชนะขีดจำกัดดังกล่าวด้วยการถ่ายทอด ธีโอเคยคิดว่าการถ่ายทอดนั้นเป็นเพียงคุณสมบัติที่จะยอมรับความสามารถของผู้เขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้เข้าตระหนักได้ว่ามันต่างกัน การถ่ายทอดคือความสามารถในการขยายแก่นพลังของเขาให้เกินขอบเขตของขีดจำกัด
ในช่วงเวลานั้นถ้าหากจิตของธีโอดอร์ไม่แข็งแกร่งพอและอัลเฟรดไม่เต็มใจที่จะช่วย สมองของเขาอาจจะตายทันทีหลังจากที่ต่อสู้กับอัตตา จากการถ่ายทอด
-ไม่ นั่นผิดพลาดเล็กน้อย
“...อะไร?”
ขณะที่มันอ่านความคิดของธีโอความตะกละก็ได้แทรกความคิดเขา –การถ่ายทอดไม่ได้ใช้ด้วยวิธีเช่นนั้น ในเวลานั้น มันเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม กระบวนการดั้งเดิมนั้นจะช่วยให้ดูดซับทีละเล็กน้อย
“กระบวนการ?”
-อย่างที่เจ้าเข้าใจ บางครั้งความปั่นป่วนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เอง แน่นอน มันไม่ใช่ปัญหาถ้าหากผู้ใช้นั้นแข็งแกร่งกว่า แต่ถ้าหากผู้เขียนที่เจ้าทำการถ่ายทอดนั้นเหนือกว่า เจ้าอาจจะถูกกลืนกินได้ เจ้าโชคดีในหลายๆด้าน ในครั้งนั้น
กล่าวอีกนัยนึง ถ้าหากอัลเฟรดเป็นคนไม่ดี เขาก็สามารถที่จะยึดร่างกายของธีโอได้เลย อย่างไรก็ตาม หลังจากตอนนั้น ธีโอก็ไม่สามารถเรียกอัลเฟรดได้อีกแล้ว
ธีโอได้จัดเรียงข้อมูลที่เขาได้รับในหัว มีสามวิธีในการหลีกเลี่ยงเส้นตายสามปี ในสามวิธี ธีโอได้ตัดข้อแรกโดยไม่แม้แต่จะคิดมัน การใช้มนุษย์เป็นเครื่องสังเวย มันเป็นเวทมนต์แห่งความมืดและถือเป็นข้อห้ามในเมลเทอร์ เขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงถ้าถูกขับได้ ธีโอดอร์จะไม่ได้รับการยกเว้นโทษแม้เขาจะมีเหรียญแห่งความดีก็ตาม
วิธีที่สอง อย่างไรก็ตาม มันควรค่าแก่การพิจารณา ‘ทำบางอย่างที่ดีหรือร้าย’
มันแปลกที่จะนึกถึง จนถึงขณะนี้ธีโอได้จัดการกับสองเวทย์โบราณและทำลายเอลเดอร์ลิชไปแล้ว เป็นผลให้จำนวนชีวิตที่เขาช่วยเหลือไว้นั้นมากพอสมควร แต่น่าเศร้า ความตะกละได้กล่าวอ้างว่าการกระทำที่กล้าหาญของเขาไม่เป็นประโยชน์ใดๆเลย
-เวทย์โบราณนั้นไม่นับ พวกเขาอยู่นอกเหนือความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและไม่ส่งผลต่อบาปกรรม การจับโจรมันยังมีความหมายมากกว่าเสียอีก
มันโชคร้าย แต่มันก็เป็นที่เข้าใจได้ ธีโอดอร์เข้าใจถึงเรื่องนี้และจ้องมองไปที่ความมืดด้านนอกหน้าต่าง
เมืองหลวงของอาณาจักรเมลเทอร์ มาน่า-วิล.....จากด้านบนของหอคอยเวทมนต์ ทัศนียภาพของเมืองหลวงนั้นงดงามอย่างยิ่ง แต่มันไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้กับทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมที่เขาได้พบเห็นกับเอลโลน่าบนกิ่งก้านของต้นไม้โลก
ยังมีสถานที่มากมายในโลกที่เขายังไม่เห็น บนชั้นวางหนังสือในห้องแคบๆอาจจะมีความลึกลับซ่อนอยู่ เหล่าจอมเวทย์ควรที่จะหาพวกมันในแบบฉบับของตัวเอง
‘ฉันต้องละทิ้งความสะดวกสะบายบนถนนที่คุ้นเคยเพื่อก้าวสู่ถนนที่ยากลำบากและไม่คุ้นเคยสินะ?’ธีโอถามกับตัวเอง
“เอาละ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันต้องทำจะได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
ขณะที่ความตะกละได้หลับไป ธีโอก็ได้กำหมัดแน่น
เขาต้องการที่จะประสบกับความยากลำบากเพื่อที่จะพัฒนาตนเอง เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เขาทำลายกองทัพอันเดท เมื่อตอนที่เขาเผชิญหน้ากับอัตตา และตอนที่เขากระโดดเข้าไปในเปลวไฟของลิเวียธานโดยปราศจากความกลัวใดๆ.....เหมือนเคย เขาเพียงต้องเชื่อมั่นในตัวเองและก้าวไปข้างหน้า
โดยไม่คำนึงถึงว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษหรือไม่ ธีโอดอร์ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ขณะที่เขามองไปที่ภาพตอนกลางคืนของมาน่า-วิล
***
วันรุ่งขึ้น ทันทีที่ธีโอดอร์ลืมตาเขาก็เริ่มดำเนินการทันที ความมุ่งมั่นของผู้คนจะกร่อยลงหากปล่อยให้เวลาผ่านไป ดังนั้นเขาจึงรีบดำเนินการมัน
ธีโอแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมที่คุ้นเคยและตัดสินใจที่จะบอกอาจารย์ของเขาถึงตัวเลือกที่เขาเลือก มันไม่ได้เป็นปัญหาทางกระบวนการแต่มันเป็นเรื่องของศีลธรรม
‘เขาอาจจะเป็นห่วง แต่...ฉันไม่สามารถปกปิดมันจากเขาได้’
แม้ว่าเขาจะมาถึงวงกลมที่6แล้ว วินซ์ ไฮน์เดลก็ยังคงเป็นอาจารย์ของเขาธีโอดอร์ และเป็นคนที่เขาได้บอกถึงความลับของความตะกละ ความสัมพันธ์ระหว่างชายสองคนนั้นแข็งแกร่งกว่าศิษย์และอาจารย์ทั่วๆไปนัก เขาไม่สามารถเก็บรักษาความลับที่เกี่ยวถึงชีวิตเขาได้ และวินซ์อาจจะให้คำแนะนำแก่เขาได้
ในที่สุด ธีโอดอร์ก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของวินซ์
ก็อก ก็อก
ขณะที่ธีโอสูดหายใจเข้าลึกๆและเคาะประตู เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของอาจารย์เขา
“ธีโอ นั่นเธอหรอ?มันเปิดอยู่ เข้ามาสิ”
“ครับ มาสเตอร์”
ขณะที่วินซ์กล่าวว่าประตูไม่ได้ล็อค กลิ่นที่คุ้นเคยของกาแฟก็ได้ทักทายธีโอหลังจากที่เขาเปิดประตู
มันเป้นกาแฟที่วินซ์ทำด้วยตัวเอง เขาดื่มมันมาตั้งแต่สถาบันเบอร์เก้น ธีโอยิ้มขณะที่เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่วินซ์ยกมาให้ ใบหน้าของอาจารย์ ผู้ที่มีเส้นผมสีเทาปนอยู่เล็กน้อย ปรากฏด้านหน้าเขา
ธีโอรู้สึกผ่อนคลายขณะที่เขาเปิดปากพูด
เรื่องราวนั้นไม่นานนัก เมื่อถึงเวลาที่เรื่องราวของธีโอได้จบลง ไอน้ำที่ลอยขึ้นจากที่ต้มกาแฟของวินซ์ได้จางหายไป และมุมของแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างก็ได้เปลี่ยนไปไม่กี่องศา
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของวินซ์นั้นไม่ได้ง่ายดั่งเรื่องราวที่เขาได้ฟัง วินซ์กลืนน้ำลายลงและพยายามทำตัวให้สงบขณะที่ศิษย์ของเขากล่าวถึงเส้นตายของเขา มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาจากชายหนุ่มผู้ที่มีอายุเพียง20ปีเท่านั้น
“…ฟู่ ฉันมีหลายสิ่งที่อยากจะพูด แต่ฉันจะไม่พูด ดูเหมือนว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์นี้มันรุนแรงแค่ไหน”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน รอเดี๋ยวนะ ฉันพึ่งทำของขวัญที่ฉันจะมอบให้กับเธอเสร็จเมื่อเร็วๆนี้”
ของขวัญที่เขาจะมอบให้ธีโอ?ธีโอดอร์มองอย่างสับสนขณะที่วินซ์หยิบหนังสือจากลิ้นชักของเขา
หมึกบนหน้าปกยังคงเปียกอยู่ เป็นข้อบ่งบอกว่าวินซ์พึ่งทำมันเสร็จ เขาใช้เวทมนต์ง่ายๆเพื่อทำให้มันแห้งและส่งมันให้กับธีโอ มันเป็นบทสรุปของการวิจัยในปีที่ผ่านมา
[ภาพรวมของเวทย์โบราณ ---บัลการ์ด] ได้ถูกเขียนลงบนหน้าปก
‘ประเมิณ’
[ภาพรวมของเวทย์โบราณ-บัลการ์ด]
[หนังสือเล่มนี้เกี่ยวข้องกับเวทย์แห่งบัลเซีย ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีอยู่ในสมัยโบราณ จอมเวทย์ในยุคนั้นได้ใช้เวทมนต์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบเวทมนต์ในยุคปัจจุบันหลายเท่า หลังจากหลายปีของการวิจัย ผู้เขียน วินซ์ ไฮน์เดล ได้ฟื้นฟูระบบนี้ขึ้น ความลึกซึ่งของภูมิปัญญานั้นเหนือกว่าหนังสือเวทมนต์ธรรมดา
*ระดับความเข้าใจของคุณต่ำอย่างมาก (0%)
*ระดับของหนังสือเล่มนี้คือ ‘หายาก’
*เมื่อกินแล้วจะได้รับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ‘ภาษา บัลการ์ด’
*นี่คือหนังสือต้นฉบับที่เขียนโดยผู้เขียนโดยตรง คุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้เขียนอย่างมาก มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะสามารถดูดซับความชำนาญของวินซ์ได้บางส่วน]
ธีโอดอร์มองไปที่ข้อมูลจาก การประเมิณที่ใช้โดยไม่รู้ตัวและรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
‘ฟื้นฟูระบบเวทมนต์ที่ใช้ในสมัยโบราณ!’ ถ้าหากความสำเร็จนี้แพร่กระจายผ่านสมาคมเวทมนต์ละก็ เป็นที่ชัดเจนว่าวินซ์ ไฮน์เดลจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสทันทีรวมถึงได้รับการยกย่องชมเชยและรางวัล
วินซ์ยิ้มอย่างประทับใจให้กับธีโอและกล่าว “ถ้าหากเธอต้องการหนังสือต้นฉบับนี้ งั้นฉันคงจะเป็นประโยชน์ แม้ว่าฉันจะไม่ทราบว่ามันจะช่วยแก้ไขปัญหาของเธอได้หรือไม่”
“…ไม่ครับ มันยอดเยี่ยมจริงๆ”
“เอาละ มันต้องขอบคุณเธอเช่นกันที่ทำให้ฉันเสร็จสิ้นการวิจัยนี้ ฉันดีใจอย่างยิ่งที่มันสามารถใช้กับเธอได้ในวิธีนี้”
ธีโอเก็บหนังสือเวทย์ลงในช่องเก็บของ ขณะที่ท่าทางของวินซ์กลายเป็นหนักอึ้ง
‘ออกผจญภัยเพื่อหาหนังสือต้นฉบับ....มันไม่ใช่เรื่องง่าย’วินซ์คิด
ธีโอได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ว่าจะออกจากอาณาจักรที่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษที่ไม่ได้ได้มาง่ายๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องมองของจักรวรรดิ เขาต้องปกปิดตัวตนของเขาและไม่สามารถทำอะไรอย่างที่เขาต้องการได้ในอาณาจักรอื่นๆ
บางทีเขาควรจะบอกธีโอให้ลืมคำแนะนำของไมน์ดัลไป มันอาจจะเป็นเรื่องน่าอับอายในฐานะอาจารย์ของธีโอ แต่เขาอาจจะไม่ให้คำแนะนำแก่ธีโอถ้าหากเขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับไมน์ดัล
แกร๊ก!
เขาหยิบแผนที่ออกมาและขยับนิ้วมือของเขาขณะที่เริ่มอธิบาย “ถ้าเป้าหมายของเธอคือการค้นหาหนังสือต้นฉบับเธอคงต้องไปที่ตอนกลางของทวีปก่อนเป็นที่แรก”
เมลเทอร์เป็นที่รู้จักกันในฐานะอาณาจักรเวทมนต์ และถ้าด้วยชื่อของมัน มันคงเต็มไปด้วยหนังสือเวทมนต์ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันต่างไปจากหนังสือต้นฉบับ สมาคมเวทมนต์นั้นได้ปฏิบัติต่อหนังสือต้นฉบับและฉบับคัดลอกเหมือนกัน มันเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการเห็นคุณค่าของความรู้ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเนื่องจากเหล่านักสะสมที่น่าขยะแขยง
ดังนั้นคนที่เก็บหนังสือต้นฉบับจึงไม่ได้มาจากเมลเทอร์ แต่พวกเขาเป็นขุนนางหรือพ่อค้าที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอื่นๆและต้องการตกแต่งห้องทำงานของพวกเขา
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาณาจักรแห่งการค้า คาร์กาส ที่ศูนย์กลางของทวีปตอนกลาง ผู้คนทุกประเภทจะไปรวมตัวกันที่นั่น หนังสือต้นฉบับมีขายที่นั่นในราคาที่แสนแพง ซึ่งหมายถึงมีเฉพาะคนที่มีเงินถึงจะซื้อมันได้”
“คาร์กาส ในทวีปตอนกลาง.....ผมจะเก็บมันไว้ในหัว”
“ถ้าเป็นไปได้อย่าก่อให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทักษะของเธอนั้นไม่มีปัญหา แต่มีพวกนอกกฏหมายจำนวนมากในทวีปตอนกลาง”
คำแนะนำที่มาจากประสบการณ์นั้นมีค่าเสมอ ธีโอได้รับการสอนจากอาจารย์ของเขาเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง เช่นการข้ามเขตแดน กฏหมายของอาณาจักรต่างๆและวิธีปฏิบัติกับพวกเขา
โชคดีที่ธีโอมีความสามารถในการจดจำที่ดี ดังนั้นเขาจึงจำมันได้ทั้งหมดโดยไม่ยากลำบาก
“โอ้ ฉันลืมไป”หลังจากคำอธิบายที่แสนยาว วินซ์ก็ได้จิบกาแฟที่เย็นแล้ว“ตอนนี้เธอเป็นวีรบุรุษของเมลเทอร์ สมาคมเวทมนต์และราชวงศ์จะต้องไม่ชอบแน่ที่เธอออกไปนอกอาณาจักร เธอวางแผนที่จะเดินทางไปอาณาจักรอื่นๆอย่างไร?”
มันเป็นเรื่องจริงที่สมเหตุสมผล สถานะของธีโอเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ชื่ออัตตาและกลายเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเอลฟ์เฮล์ม ไม่มีทางที่จะรับประกันความปลอดภัยของเขาได้หากเขาออกนอกราชอาณาจักรไป
ถ้าอัศวินแห่งเงามืดของแอนดราส มีอันดับรายชื่อลอบสังหาร ธีโอดอร์ มิลเลอร์ น่าจะติด1ใน5ของอันดับบนสุด
ด้วยเหตุนี้ธีโอจึงมีเพียงคนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้ เขาเป็นจุดศูนย์รวมของทุกขุมพลังในเมลเทอร์ และเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถสั่งผู้นำหอคอยทั้งสี่ได้
“ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปขอร้องฝ่าบาทโดยตรง”