ตอนที่ 113 รางวัลจากต้นไม้โลก 2
นอกเหนือจากคำเชิญนั้น ธีโอดอร์ก็ถูกบังคับให้ใช้เวลาพักผ่อนอีกสองสามวัน
ไม่มีใครถูกฆ่าตายหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้กับลิเวียธาน แต่นี่เป็นศึกที่เหล่าปรมาจารย์เวทย์ที่อยู่เหนือขั้น5 ต้องใช้อำนาจเวทมนต์อย่างมากในเวลาอันสั้น มันจึงเป็นปกติที่จะรู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลใดต่อวงกลม มีเพียงจอมเวทย์จากRed Tower เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
วินซ์นั่งลงข้างๆธีโอดอร์และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ฉันอดที่จะรู้สึกละอายใจไม่ได้ เนื่องจากงานของฉันง่ายกว่าศิษย์มากนัก”
“มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมาสเตอร์งั้นหรอครับ?”
“มันไม่สามารถเทียยบกับสิ่งที่เธอได้ผ่านมา”
ในศึกครั้งสุดท้ายจอมเวทย์จากRed Tower นั้นได้รับการละเว้นอย่างไม่เต็มใจ เป็นเพราะเวทย์ไฟนั้นไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าลิเวียธาน แม้กระทั่งเวโรนิก้าก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไรได้
ดังนั้นออร์ต้าจึงได้สั่งให้พวกเขาไปจับกุมกลุ่มคนที่นำลิเวียธานเข้ามาในเกรทฟอเรสต์ ผลลัพธ์ก็คือกลุ่มก่อการร้ายนี้ได้ถูกจับกุมโดยเหล่าจอมเวทย์จากRed Tower
จอมเวทย์จากRed Tower ไม่ได้ต่อสู้อย่างสมควรนัก!ความไม่พอใจของพวกเขาที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ระดับประวัติศาสตร์ได้ถูกระบายไปกับกลุ่มก่อการร้าย เหล่าคนโง่ที่โชคร้ายบางคนต้องจบชีวิตไป กลุ่มทหารรับจ้างที่มัวเมาไปกับอำนาจเงินได้จบสิ้นเมื่อปะทะกับจอมเวทย์สงครามจากRed Tower กองกำลังที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมลเทอร์
แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนที่พยายามต่อต้าน แต่พวกเขาต่างกลายเป็นกลุ่มก้อนถ่าน ‘มันเป็นการต่อสู้ที่ไร้ค่า’วินซ์เล่า
“ดังนั้นฉันจึงเริ่มคิดถึงเรื่องนี้และฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีที่จะรวบรวมเวทมนต์ธาตุอื่นๆ ในยุคนี้ ฉันตระหนักได้ว่าฉันยังคงอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่และมีหลายเส้นทางที่ลึกซึ่ง”
“ฮ่าๆๆ...”
ธีโอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าให้กับความคิดนี้
วินซ์นั้นได้ก้าวสู่ขั้น6ด้วยอายุ50ปีขณะที่ศึกษาภาษาโบราณไปด้วย และตอนนี้ เขาต้องการที่จะเรียนรู้เวทมนต์ธาตุอื่นๆ?ธีโอคิดว่าวินซ์คงจะได้นอนแค่สามหรือสี่ชั่วโมงต่อวัน หัวใจที่อยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่เหล่าจอมเวทย์ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
ในขณะนี้ทั้งสองคนได้มีโอกาสพูดคุยกันส่วนตัว การสนทนาที่จริงจังได้เกิดขึ้นมาสองสามคืนที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขากำลังรอให้คนมารับพวกเขาอยู่
ตั้งแต่การต่อสู้กับลิเวียธานได้จบลง เหล่าเอลฟ์ก็ได้เตรียม ‘งานฉลอง’ พร้อมกับที่อพยพเหล่าเอ็นท์และไดรแอดไปที่อื่น มันเป็นเรื่องที่คนที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่รับรู้
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนมาเคาะประตูพวกเขา
เอ็ดวินปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าประตูและพูดขณะคำนับให้ “เหล่าผู้ปกครองของพวกเราได้สั่งให้เรามารับตัวท่านทั้งสอง”
***
เช่นเดียวกับการประชุมครั้งสุดท้าย เหล่าเอลฟ์ได้เป็นผู้นำทางกลุ่มพวกเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่แตกต่างจากตอนนั้นก็คือ ทัศนคติของเอ็ดวินต่อคณะฑูตคนอื่นๆนอกจากธีโอดอร์ เดิมทีเหล่าเอลฟ์นั้นไม่ได้หยาบคาย แต่พวกเขานั้นมีมารยาทมากเกินไป ท่าทางที่เย็นชาตอนนี้ได้รับการปลดปล่อยออกมาเป็นมิตรที่แสนอ่อนโยน
ธีโอดอร์คาดเดาเหตุผลนั้นและพยักหน้า’ดูเหมือนว่าเรื่องที่พวกเราได้ทำลายลิเวียธานจะถูกประกาศไปแล้ว ถ้านี่เป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์และไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของเอลฟ์เฮล์ม สิ่งต่างเหล่านี้จะไม่ไหลลื่นเช่นนี้’
มันเป็นความคิดที่เหยียดหยาม แต่ก็ไม่ได้ผิด ไม่เหมือนกับเหล่าเอลฟ์ มนุษย์มักจะสนใจตัวเองเป็นอันดับแรกเสมอ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรออสเต็นพวกเขาอาจจะส่งธีโอเป็นเหยื่อแทนที่จะเป็นกองกำลังสนับสนุน จากนั้นเมื่อจบลง พวกเขาอาจจะพยายามเอ่ยอ้างว่างานของธีโอในการเอาชนะลิเวียธานเป็นของพวกเขา
เช่นนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาอาณาจักรที่จะประกาศต่อสาธารณะและปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะผู้กอบกู้
อย่างไรก็ตามอารมณ์ที่รื่นรมย์ไม่ได้จบลงแค่นี้
[รอ......ดะ.....เดี๋ยว....]เสียงที่ว่างเปล่าดังขึ้น
เป็นรอยเท้าขนาดใหญ่และเสียงก้าวเดินที่ดัง
พวกเขาคือเหล่าเอ็นท์ที่อาศัยอยู่ในป่าตะวันออก เด็กชายและเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งก็คือเหล่าแฟรี่ได้นั่งอยู่บนกิ่งไม้และหัวเราะขณะพูดคุยกัน
‘เอ็นท์ที่ฉันเห็นในตอนนั้น....และเหล่าไดรแอดด้วยงั้นหรือ?’ธีโอนึกถึงทัศนคติที่ไม่เป็นมิตรของพวกเขาและต้องการที่จะก้าวถอยหลัง
อย่างไรก็ตามผู้นำของเหล่าเอ็นท์ก็ได้พูดขึ้น [คน.......ยิ่งใหญ่.....ท่าน...]
“…ผม?”
[…ตาม...ความ..เป็นจริง..]คำตอบฟังดูสับสน แต่เอ็นท์ก็ได้โค้งคำนับต่อธีโอดอร์
กิ้งไม้ได้โค้งลงต่ำมาแต่ก็ยังสูงอยู่สองสามเมตร
[ขอ..อภัยและ....ป่า...ปกป้อง.....ขอบคุณ]
จากนั้นเหล่าไดรแอดบนกิ้งไม่ก็ได้เริ่มพูดขึ้นในลักษณะช่างคุย
[ขอบคุณ!ขอบคุณ!]
[ขอบคุณและขอโทษ!เราขอโทษและขอบคุณ!]
[แอปเปิ้ลนั้นอร่อย!]
[มันฝรั่งนั้นหวานอร่อย!]
มีหลายคำที่ธีโอไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจของพวกเขา มันไม่เหมือนกับสังคมของมนุษย์ที่ใช้การโกหกเป็นอาวุธ ธีโอดอร์ยิ้มและเอื่อมมือออกไปสัมผัสกับกิ่งไม้ด้านหน้าเขา “ที่ผมหยาบคายใส่ในตอนแรก ผมขอโทษ”
[…ข้า...ก็...เช่นกัน]
“งั้น พวกเราก็คืนดีกันเถอะ”
เอ็นท์ได้หยุดชะงักชั่วขณะก่อนที่จะยื่นนิ้วของเขาที่ราวกับกิ่งไม้ออกไป มันเป็นช่วงเวลาที่สายพันธุ์ที่แตกต่างกันสองสายพันธุ์ได้จับมือกัน หลังจากการพูดคุยได้จบลง ทั้งสองสายพันธุ์ก็ได้กลับสู่ป่าทางตะวันออก ขณะที่เอ็ดวินกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง
เป็นอีกครั้ง ที่หลุมมืดขนาดใหญ่ได้ทักทายพวกเขา ความสนใจของเขาต่อประตูมิตินั้นยังคงประทับใจ ดังนั้นผู้นำWhite Tower จึงก้าวไปข้างหน้าและถามว่า“เราจะผ่านมันไปเช่นครั้งนั้นใช่มั้ย?”
อย่างไรก็ตามเอ็นวินกลับก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม หลุมที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาได้ส่งเสียงร้องออกมา
“ใช่แล้ว แต่เส้นทางนั้นไม่ใช่สถานที่เช่นเดียวกับเมื่อตอนนั้น มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ดังนั้น เราคิดว่าคุณควรที่จะเข้าไปมากกว่าจะได้ยินจากเรา”
“อืม ฉันเห็นด้วย”ออร์ต้าลูบคางของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวเข้าไปโดยปราศจากความลังเลใดๆ
เป็นภาพของเสื้อคลุมสีขาวที่ถูกกลืนหายไปในความมืดเช่นเดียวกับครั้งก่อน ธีโอไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังนั้น แต่เขาก็เดินไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาสงสัยว่าอะไรคือสิ่งที่เอ็ดวินเรียกว่า ‘ประสบการณ์ที่ดี’
ขณะที่ร่างกายของเขาเดินผ่านหลุม.....
วูบบบ!
ลมที่รุนแรงทำให้เสื้อคลุมสีแดงของเขายับเยิน มันเป็นลมแรงที่หาได้ยากในที่ราบ อย่างไรก็ตาม มันเย็นและเงียบสงบ และมันรู้สึกสดชื่น ธีโอได้สูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น จากนั้นเขาก็รู้สึกคุ้นเคยแปลกๆและนึกถึงมิลเลอร์ บารอนี่
‘สถานที่แห่งนี้....มันเป็นภูเขา?’
นี่คล้ายกับลมที่เขาเคยสัมผัสเมื่อตอนเขาปืนขึ้นไปบนยอดเขาในช่วงวัยเด็กของเขา ธีโอดอร์ขยับมือไปมาและมองไปรอบๆ เขาคาดหวังว่าด้วยมุมมองที่ดีเช่นนี้จะทำให้เขานึกถึงความทรงจำอันยาวนานของเขา
จากนั้นดวงตาและปากของเขาก็เปิดเปิดกว้างขึ้นในเวลาเดียวกัน
“…ว้าว”
ทิวทัศน์ที่ปรากฏถือเป็นเรื่องไร้สาระ เขาทำได้เพียงชื่นชมโลกที่อยู่ด้านหน้าเขา
เมฆสีขาวที่ลอยอยู่ในระดับสายตาและทำให้มือของเขารู้สึกชื้นเมื่อสัมผัสกับพวกมัน ทิวทัศน์เบื้องล่างของเขาทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังมองลงไปที่พื้นดินจากสวรรค์ นี่คือมุมมองที่ทำให้คำว่า ‘เทพเจ้า’หลุดออกมาจากปากของเหล่านักบุญ?
ธีโอดอร์ มิลเลอร์ กำลังเดินอยู่บนท้องฟ้าอย่างแท้จริง หลังจากพยายามที่จะใช้เวทมนต์ในการคำนวณความสูง ก่อนที่จะได้คำตอบที่น่าทึ่ง
‘…11กิโลเมตรเหนือพื้นผิว?!’
เขาคำนวณมันอีกครั้งและอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เปลี่ยนแปลงออร์ต้าที่มาถึงก่อนเขาก็มีคำตอบที่คล้ายๆกัน
“11กิโลเมตร หรือจะให้แม่นยำก็คือ 10กิโลเมตรและ824เมตร ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของต้นไม้โลก มันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะแข็งตายไปกับความสูงเช่นนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะหายใจ แต่พวกเรากลับไม่มีปัญหาเลย”
“ผมเห็นด้วย...อืม?”
ขณะที่ผู้คนปีนขึ้นไปบนภูเขา อากาศจะเบาบางลงทำให้หายใจไม่ออก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจเลยแม้ว่าจะอยู่ในระดับที่สูงอย่างมากเหนือพื้นผิว มันเป็นไปได้เนื่องจากนี่อาจจะเป็นพลังของต้นไม้โลก การดำรงอยู่ของพลังชีวิต
ธีโอดอร์ตกใจเมื่อเขาตระหนักได้ถึงความหมายของคำพูด “ตะ-ต้นไม้โลก?!ผู้นำหอคอย งั้นที่นี่ก็....!”
“ใช่แล้ว ถูกต้อง”
ขณะที่คนที่เหลือได้มาถึง ก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นกล่าวทักทายพวกเขา ก้อนเมฆที่ปิดบังมุมมองไปขยับตัวและรูปลักษณ์ของเธอก็ได้เปิดเผยขึ้น ลูเมียเอลฟ์ชั้นสูงที่มีผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับเปลือกต้นไม้ และดวงตาสีเขียวที่มีประกายอ่อนโยน เธอยิ้มอย่างสดใสขณะที่เธอตอบคำถามพวกเขา
“นี่คือหนึ่งในกิ่งก้านของต้นไม้โลกรวมถึงสถานที่ที่พวกเธอไม่สามารถเข้าไปได้เว้นแต่พวกเราจะเปิดทางให้”
“ต้นไม้โลก ที่นี่....?”
“....มันน่าเหลือเชื่อ”
พื้นดินที่มีขนาดกว้างหลายสิบเมตรเป็นเพียงกิ่งไม้เดียวเท่านั้น?ขณะที่จอมเวทย์ได้ชื่นชมกับความเป็นจริงนี้ ลูเมียก็ได้โบกแขนเธอไปทางก้อนเมฆ เมฆที่ปิดกั้นเส้นทางที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็ได้ถูกนำออก เผยให้เห็นห้องจัดเลี้ยง
เอลฟ์ชั้นสูงที่เหลืออยู่อีก4ตนต่างนั่งอยู่ที่นั่น
“อะไรกัน พวกเธอมาช้า!”อลิซ่าบ่นขณะที่เธอกินอะไรบางอย่างไปแล้ว
ขณะเดียวกันเอลโลน่าก็ได้โบกมือเมื่อเธอพบกับธีโอ ไนอาร์กำลังหลับอยู่ด้วยใบหน้าที่ฟุบลงกับโต๊ะตลอดเวลา ขณะที่การแสดงออกของอลูการ์ดดูสว่างขึ้นกว่าปกติ นี่เป็นงานเลี้ยงแบบทั่วไปและลูเมียก็บอกกับพวกเขาว่าให้นั่งตรงไหนก็ได้
“การจัดงานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงระหว่าง เมลเทอร์และเอลฟ์เฮล์ม แต่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับเหล่าผู้กอบกู้แห่งเกรทฟอเรสต์ ดังนั้นไม่ต้องแบ่งแยกสถานะและนั่งลงตรงไหนก็ได้”
“ตะ-แต่…”
“เอาน่า มันไม่ได้เป็นเรื่องยากมาก โปรดคิดซะว่าพวกเราเป็นเพื่อนนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธหลังจากได้ยินเช่นนั้น กลุ่มคณะฑูตต่างถูกบังคับให้นั่งลงรอบๆโต๊ะและซิลเวียรีบนั่งลงทางขวามือของธีโอ เมื่อทุกคนนั่งลงในที่นั่งของพวกเขา อลูการ์ดก็ตัดสินใจที่จะรับบบทบาทเป็นเจ้าภาพและเปิดปากขึ้น
บางทีอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ แต่เสียงของเขาดูตื่นเต้นกว่าปกติเล็กน้อย
“เอาละ เราขอประกาศเริ่มงานเลี้ยงเฉลิงฉลอง ต้นไม้โลกได้อวยพรให้กับการพบปะครั้งนี้ และเราหวังอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเปลี่ยนจากเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไกลเป็นมิตรสหายที่แท้จริง เช่นเดียวกับที่ทุกคนได้ช่วยเราจากวิกฤต พวกเราจะไม่อยู่เฉยหากพวกคุณตกอยู่ในอันตราย!”
“ด้วยความกรุณาและคำอวยพรจากต้นไม้โลกและทุกท่าน เมลเทอร์จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับข้อตกลงนี้”
ขณะที่พวกเขายกถ้วยของพวกเขา เสียงของเอลฟ์ชั้นสูงและมนุษย์ก็ได้รวมเป็นหนึ่ง
“เฮฮฮ!”