ตอนที่ 104 ผู้มาเยือน 2
ท่าทางของธีโอที่แสดงออกมานั้นได้สร้างความสับสนให้กับออร์แลนโด้ เมื่อพิจารณาถึงความสูงของออร์แลนโด้ที่สูงกว่าสองเมตรและมีสายเลือดของสิงโต ธีโอดอร์นั้นดูเหมือนคนแคระที่ยืนอยู่ข้างๆเขา แม้เหล่าเอลฟ์จะมีพลังแปลกๆ แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถต่อกรกับพละกำลังเขาได้
ทำไมถึงไม่มีใครหยุดความอับอายขายขี้หน้าของมนุษย์นี่กัน?
‘ไม่ ข้าสัมผัสได้ถึงลางไม่ดีอย่างชัดเจน…’
ไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่ดุดันของเขา ออร์แลนโด้มีการรับรู้โดยสัญชาตญาณ ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้เขาอาจจะไม่สามารถอยู่ในฐานะผู้นำเผ่าสัตว์อสูร(ขอเปลี่ยนจากสัตว์ร้ายนะ) ในเกรทฟอเรสต์ ที่ซึ่งมีอันตรายทุกรูปแบบได้ ขณะที่ออร์แลนโด้พบว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายจริงๆ เขาก็จะหนีไปโดยปราศจากความลังเลใดๆ ในทำนองเดียวกันทันทีที่เขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถเอาชนะได้ เขาก็จะก้มหัวเพื่อให้เขาสามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้
แต่ทว่า ในตอนนี้ สัญชาตญาณของเขากลับสั่นเตือน
“…อย่ามาทำให้ข้าหัวเราะ!”
อย่างไรก็ตามออร์แลนโด้นั้นไม่สนใจการร้องเตือน ทำไมเขาต้องกลัวมนุษย์ชายที่ดูอ่อนแอเช่นนี้กัน?นอกจากนี้ยังมีเอลฟ์หลายตนที่กำลังเฝ้ามองอยู่ ออร์แลนโด้นั้นเติบโตขึ้นภายใต้ที่กำบังและเขารู้เกี่ยวกับมนุษย์จากผู้อาวุโสของชนเผ่าเท่านั้น ดังนั้นความเชื่อมั่นของเขาจึงอัดแน่นอยู่ในดวงตา
ปรึ ปรึ
กล้ามเนื้อขนาดใหญ่ของออร์แลนโด้พองตัวขึ้นขณะที่ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสัตว์ป่า เล็บที่แหลมคมและยาวนั้นมากพอที่จะฉีกกระชากเหล็ก ในสภาพปกติเขาก็สามารถที่จะล้มโทรลล์ได้แล้ว และในสภาพนี้ แม้กระทั่งออร์คสองหัวเขาก็ยังสามารถฆ่ามันได้ ก้อนหินขนาดใหญ่และต้นไม้ล้วนไม่อาจที่จะทนทานต่อกำปั้นเขาได้
นี่เป็นร่างสัตว์ที่แสนจะดุร้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งแห่งเผ่าสัตว์อสูร
“นี่คือคุณสมบัติของข้า!มนุษย์ที่อ่อนแอกล้าที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับข้าออร์แลนโด้ผู้นี้งั้นรึ!”ออร์แลนโด้ยกหัวของมันขึ้นขณะที่ตะโกนด้วยท่าทางข่มขู่ เส้นผมของเขาลดสั้นลงในร่างของสัตว์ แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลาในร่างนี้
ออร์แลนโด้คิดว่ามนุษย์ชายที่อยู่ด้านหน้าของเขาน่าจะเป็นจอมเวทย์ เขามั่นใจอย่างมากเพราะมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้เหน็บดาบไว้ที่เอวหรือปกป้องร่างกายด้วยโลหะ นี่เป็นแค่จอมเวทย์เท่านั้น ดังนั้นมันจึงก้าวไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ
‘ข้าจะจัดการมันให้ไม่สามารถเปิดปากร่ายเวทย์ได้!’
เขามองไปใบหน้าที่ยังคงรู้สึกเบื่อหน่ายของธีโอดอร์และตะโกนขณะที่ชี้นิ้ว “เผ่าสิงโตหินเป็นเผ่าที่จะใช้กำปั้นของพวกเราอย่างกล้าหาญ!หากเจ้าต้องการที่จะมีสิทธิ์ เจ้าต้องพิสูจน์มันด้วยร่างกาย!มันจะเป็นธรรมถ้าพวกเราแลกเปลี่ยนกันด้วยกำปั้น!”
แน่นอนว่ามันไม่ยุติธรรม นี่เป็นผลมาจากความคิดอันบ้าคลั่งของออร์แลนโด้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับคำท้าทายเขาก็จะเรียกพวกธีโอว่าเป็นพวกขี้ขลาดและเอาแต่หนี ถ้าธีโอยอมรับ เขาก็จะสามารถจัดการกับมนุษย์ได้ ออร์แลนโด้นั้นกลัวเวทมนต์เช่นไฟและสายฟ้า แต่เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้หากมีการแข่งขันกันด้วยกำปั้น
แต่ทว่าปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามของเขานั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
“….การแลกเปลี่ยนด้วยกำปั้นเพียงแค่อย่างเดียว? นั่นคือทั้งหมด?”ธีโอดอร์ถามและจอมเวทย์คนอื่นๆต่างไม่อาจที่จะกลั้นรอยยิ้มหรือเอามือบังปากไว้ได้
ไม่ใช่ว่าจอมเวทย์สงครามนั้นฆ่าอัศวินไปมากมายในสนามรบ?นอกจากนี้ ธีโอยังเป็นถึงคนที่สามาถเอาชนะรีเบคก้า อัจฉริยะผู้ใช้ออร่าแห่งจักรวรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ มันเป็นช่วงเวลาที่คำว่า’กล้าหาญและโง่เขลา’ดังขั้นในจิตใจ
ปฏิกิริยาของพวกเขาทำให้ออร์แลนโด้ถึงกับนิ่งงัน แต่ธีโอก็ได้ก้าวไปด้านหน้าและหันไปหาเอลโลน่า
เธอตระหนักถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อและพยักหน้า [ฉันเข้าใจ เราจะรับหน้าที่ผู้ตัดสินระหว่างพวกคุณทั้งสองในเอลฟ์เฮล์มเอง ผู้นำออร์แลนโด้เป็นผู้ท้าทายด้วยตัวคุณเอง ดังนั้นคุณจะไม่มาร้องเรียนใดๆในภายหลัง?]
“นะ-แน่นอนว่าไม่!” ออร์แลนโด้ตอบและเดินไปหาธีโอดอร์
เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของน้ำหนักแล้ว มันเป็นช่องว่างที่เขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยหมัดเดียว ออร์แลนโด้เป็นผู้ท้าทายด้วยตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่าเหงื่อของเขาชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง
‘ไม่!หมัดของข้าไม่สามารถที่จะหยุดได้!’เขาพยายามที่จะปรับความคิดของเขาขณะที่จ้องไปที่ธีโอ
“ฉันจะให้แกเริ่มก่อน ”ธีโอกล่าว
ด้วยคำพูดเหล่านั้น มันได้ทำร้ายความภาคภูมิใจของเขา ออร์แลนโด้โกรธอย่างมากและความกลัวก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมด จากนั้นเขาก็กำหมัดแน่น
โฮกกก!
พร้อมกับที่เกิดควันสีขาว มันเป็นเสียงคำรามที่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน เสียงคำรามของชายผู้ทรงพลัง ผู้ปกครองในฐานะผู้นำชนเผ่าในเกรทฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือหมัดของเขา มันไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินจริงเลยที่จะบอกว่าหมัดของเขาเต็มไปด้วยพลังที่สามารถทำลายเนินเขาเล็กๆลงได้
‘ตาย!’
หมัดของออร์แลนโด้พุ่งออกไปด้วยความมุ่งมั่นและ....
ปึก!
มือซ้ายของธีโอดอร์ได้ขวางกั้นมันเอาไว้
“….หมัดของแกเบากว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ตอนนี้ ตาฉันยัง?”
ต้องขอบคุณบทเพลงแห่งสงครามที่ธีโอได้รับมาจากผู้คิดโดยตรง ความสามารถทางกายภาพของธีโออยู่ในระดับใกล้เคียงกับออร์แลนโด้ แต่ถ้าเทียบกับศิลปะการต่อสู้ของธีโอดอร์นั้นเหนือกว่าผู้นำเผ่าสัตว์อสูรหลายเท่า ซึ่งมีเพียงหมัดที่มีอำนาจเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ออร์แลนโด้นั้นไม่รู้ถึงความแตกต่าง
ธีโอได้ก้าวไปด้านหน้าและปล่อยหมัดออกไป
จากนั้นเขาก็ใช้พลังเบาๆ อัก!
ร่างสัตว์ป่านั้นปลิวกระเด็นไปในอากาศ และออร์แลนโด้นั้นไม่สามารถที่จะกรีดร้องออกมาได้ ขณะที่เขากำลังพลิกคว่ำลงพื้น จิตใจของเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ได้เจาะทะลวงเข้าไปในกล้ามเนื้อและกระดูกของเขา มันเป็นความเสียหายภายใน ถ้าธีโอต้องการที่จะฆ่าเขา ออร์แลนโด้คงจะตายทันที ยังมีอะไรที่จะสามารถกล่าวได้อีกหลังจากที่เขาลอยอยู่เหนืออากาศกว่า10เมตร?
“อัก แค่กๆ...”ออร์แลนโด้สลบไป แต่ไม่มีใครสนใจเขา
[งั้นเราจะให้คำแนะนำต่อนะ]
ใบหน้าของเอลโลน่าสว่างขึ้นขณะที่กลุ่มคณะฑูตได้เดินผ่านร่างที่นอนอย่างอนาถของออร์แลนโด้และปีนขึ้นบันไดไม้ไป
จอมเวทย์บางคนเตะใส่ออร์แลนโด้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดที่หยุด ไม่หลงเหลือศักด็ศรีของสิงโตเลย
***
“เขาเป็นคนโง่ๆ”ธีโอดอร์หัวเราะขณะที่เดินเข้ามาในห้องและนึกถึงสัตว์อสูรที่เขาพึ่งสู้ไป
พลังของออร์แลนโด้นั้นถือว่าไม่เลว ไม่สิ มันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ถ้าหากธีโอต่อสู้กับอัศวินด้วยพลังดังกล่าว มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากในหลายๆด้าน ยกตัวอย่างเช่นรีเบคก้า ความแข็งแกร่งที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีทำให้เธอกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่า
เมื่อเทียบกับหมัดของออร์แลนโด้แล้วมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย
“ปราศจากเทคนิคหรือพลังออร่า เขาไม่สามารถที่จะจัดการกับฉันได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเผ่าสัตว์อสูรจึงถอยหนีจากทวีป”
เสียงได้ตอบสนองต่อคำถากถางของธีโอ –โอ้ อย่าพึ่งท้อใจ มันมีเหตุผลอยู่สำหรับการลดลงของเผ่าสัตว์อสูร
“มันคืออะไร?”
-มันยังคลุมเครือ มันเป็นการผสมของข้อมูลที่ไม่สามารถกล่าวและเป็นข้อมูลที่อยู่ระหว่างกลาง เจ้าอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเจ้าต้องการฟัง ข้าจะบอกเจ้า
นี่ดูเหมือนจะเป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ถ้านักประวัติศาสตร์อยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะมอบทุกสิ่งให้แก่มัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นของธีโอ ผู้ที่พยักหน้า
จากนั้นความตะกละก็ตอบกลับด้วยคำอธิบายเพียงบรรทัดเดียว –เป็นเพราะกษัตริย์ของสัตว์อสูร เฟนริล นั้นถูกฆ่าโดยใครบางคน
“...ฉันไม่รู้จักชื่อนั้น”
-ข้ารู้
ธีโอไม่ได้ถามอะไรอีก แต่ความตะกละก็ได้ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็น
แม้ว่าธีโอจะได้อ่านหนังสือมาหลายเล่มในห้องสมุดของหอคอยเวทมนต์ แต่เฟนริลนั้นเป็นชื่อที่ไม่เคยผ่านตาเขาเลย เมื่อ500ปีก่อนเผ่าสัตว์อสูรก็ได้เริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม ตามที่ความตะกละได้กล่าว มันมีเบื้องหลังที่มากกว่านั้น
แต่ทว่า ความกังวลของธีโอดอร์นั้นอยู่ไม่นานนัก
-นี่ถือเป็นป่าที่น่าสนใจ ต้นไม้โลกที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยพลังของสายเลือดโบราณ เป็นที่หลบภัยสำหรับเผ่าพันธุ์ที่พ่ายแพ้.....เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ที่อาณาจักรเอลฟ์นั้นตั้งอยู่ตรงใจกลางของมัน
“แกกำลังพูดถึงเอลฟ์เฮล์ม?”
-ถูกต้อง เดิมทีเอลฟ์นั้นอาศัยอยู่ในเขตของหลายๆอาณาจักร แต่พวกเขาไม่ใช่สายพันธุ์ที่ผูกติดกันนัก เอลฟ์ชั้นสูงถือเป็นศูนย์รวมของพวกเขา แต่อาณาจักรนั้นกลับต่อต้านตัวตนของพวกเขา
มันเป็นเรื่องยาก ธีโอนั้นอายุแค่20ปีไม่ว่าเขาจะฉลาดแค่ไหนแต่ทว่าความตะกละนั้นเป็นหนังสือเวทย์โบราณที่อยู่มานานจนไม่สามารถนับได้ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับความตะกละ แต่มันก็ถูกบังคับให้ต้องพูดหลายๆคำเพื่ออธิบาย
เอลฟ์นั้นไม่ควรที่จะสร้างอาณาจักร?หรือบางทีพวกเขาไม่สามารถสร้างมันได้?เอลฟ์เฮล์มละ
ขณะที่เขากำลังคิดถึงคำถามเหล่านี้
-ข้าไม่รู้ว่าจะมีหนังสือเวทย์โบราณอยู่ในป่านี่ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เบื่อหน่ายนักที่จะอยู่ในป่าแห่งนี้
“อะไร หนังสือเวทย์โบราณ?ในเกรทฟอเรสต์?!”
ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาหรืออาจจะหลายศตวรรษ เหล่าจอมเวทย์ได้รวบรวมและจัดร่างรูปลักษณ์ของหนังสือเวทย์โบราณลงบนหน้าประวัติศาสตร์ หนังสือเวทย์โบราณบางอันดูเหมือนจะเป็นหนังสือ หรือบางอันจะเลือกเจ้าของอย่างอิสระ
ความรู้โดยธรรมชาติของพวกมันนั้นมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีหลายจุดที่ตรงกันเมื่อหนังสือเวทย์นั้นจะเลือกผู้ใช้ตามนิสัยของมัน มีผู้ที่ข้ามมิติได้โดยไม่มีข้อจำกัด ผู้ที่เลือกเจ้าของโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของเจ้าของ ผู้ที่ไม่รู้จักวิธีการสื่อสารด้วยความรู้ และผู้ที่ควบคุมร่างกายของเจ้าของ ความจริงที่ว่าหนังสือเวทย์โบราณนั้นไม่ค่อยพบเห็นได้ในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่พวกมันเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามความตะกละบอกกับเขาว่ามันสัมผัสได้ถึงหนังสือเวทย์โบราณในเกรทฟอเรสต์ มันพูดด้วยน้ำเสียงที่พึงพอใจ ราวกับคาดหวังถึงปฏิกิริยาของธีโอ
-ถูกต้อง ข้าจำคลื่นพลังนี้ได้อย่างชัดเจน ข้ารู้สึกถึงพลังของหนังสือเวทย์โบราณที่เป็นผู้เริ่ม แร็คนาร็อค สงครามที่สิ้นสุดไปแล้วในยุคโบราณ
“แร็คนาร็อค…!”
-ในช่วงเวลานั้น เซิร์ทจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ถือครองหนังสือเวทย์โบราณเล่มหนึ่งและเผาทำลายต้นไม้โลกแรกเริ่ม ชื่อของมันก็คือ[ลิเวียธาน]
หลังจากที่ความตะกละได้พูด ข้อมูลของหนังสือเวทย์โบราณก็ได้ปรากฏด้านหน้าธีโอ
[ลิเวียธาน]
[หนังสือเวทย์โบราณที่กักเก็บเปลวเพลิงที่แท้จริง Muspelheim เอาไว้ ในช่วงสงครามแร็คนาร็อค เซิร์ทได้ปลดปล่อยพลังของหนังสือเวทย์โบราณอย่างเต็มที่และเผาต้นไม้โลกโดยการปลดปล่อย Muspelheim ออกมา อย่างไรก็ตามในทางกลับกันเขาได้กลายเป็นขี้เถ้า และที่อยู่เกี่ยวกับมันหลังจากนั้นไม่มีใครที่รู้
*ระดับของหนังสือเวทย์โบราณคือ ‘ตำนาน’
*เมื่อกินแล้ว ???
*เมื่อกินแล้ว ???
*เมื่อกินแล้ว ???]
....หนังสือเวทย์โบราณระดับตำนาน เทียบเท่ากับ Death’s Worship!ดวงตาของธีโอดอร์สั่นไหวขณะที่เขาอ่านข้อมูล
มันอยู่ในระดับเดียวกับหนังสือเวทย์ที่ได้สร้างเอลเดอร์ลิชภายในสามเดือน?เหนือสิ่งอื่นใด ข้อมูลเกี่ยวกับลิเวียธานนั้นกลับแย่กว่า ลิเวียธานเป็นหนังสือเวทย์โบราณที่แผดเผาต้นไม้โลก และเวลานี้ดูเหมือนมันจะมุ่งเป้าไปที่เอลฟ์เฮล์ม
ธีโอดอร์ร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ “ความตะกละ แกบอกว่าสัมผัสถึงมันได้?แกรู้มั้ยว่าตอนนี้หนังสือนั่นอยู่ที่ไหน?”
อย่างไรก็ตามคำตอบจากความตะกละนั้นน่าผิดหวัง
-ข้าไม่รู้ ระยะทางมันไกลเกินไปและพลังนั้นปรากฏเพียงชั่วขณะ มันเป็นความบังเอิญที่ข้าคิดว่านั่นคือลิเวียธาน
“งั้นฉันจะหามันได้ยังไง?”ธีโอถามอย่างกระวนกระวาย
ความตะกละเพียงหัวเราะ –อย่ากังวล มันจะเข้าใกล้เราในเร็วๆนี้
“อะไรนะ?”
-หนังสือเวทย์โบราณนั้นต้องการเครื่องสังเวยเพื่อปลดผนึกและใช้พลังอย่างถูกต้อง และอาหารที่ชื่นชอบของลิเวียธานนั้นอยู่รอบๆตัวเรา
หนังสือเวทย์โบราณที่ใช้ไฟแผดเผาต้นไม้โลก......ความคิดชั่ววูบไหลผ่านหัวของธีโอดอร์
ความตะกละเปิดปากของมันและกล่าวด้วยเวลาที่เหมาะเจาะ –ถ้ามันจุดไฟขึ้นในป่าที่แน่นหนานี้ มันจะปลดผนึกได้อย่างน้อย2อัน....ป่าแห่งนี้มีเครื่องบูชาที่ดีกว่าสิ่งอื่นใด
“…ต้นไม้โลก”
-ถูกต้อง ความตะกละยืนยันด้วยเสียงหวานและดำมืดราวกับปีศาจ –สงบและรอคอย วันนั้นจะมาถึงเมื่อ[ลิเวียธาน]มาถึงปากของเรา