ตอนที่แล้วChapter 190: Fight with Oneself (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 192: Spirit Contract (2)

Chapter 191: Spirit Contract (1)


Chapter 191: Spirit Contract (1)


การเติบโตของสปิริตเป็นไปด้วยอย่างราบรื่น.

เรอิและเซร่าไม่ใช่สปิริตระดับกลางเพียงฝ่ายเดียวอีกแล้วตอนนี้มีกว่า10ที่ไปถึงขั้นนั้น.สปิริตได้พัฒนาตัวตนและไม่ได้พึ่งพาผมอีกต่อไป.

มีความแตกต่างระหว่างสปิริตด้วยคืออย่างน้อยขั้นต่ำสุด,ขั้นต่ำและขั้นกลาง.ไม่มีสปิริตตนไหนสามารถพัฒนามากไปกว่านี้.

ประสบการณ์คือประสบการณ์ แต่พวกเขาต้องผ่านโอกาศพิเศษเพื่อเข้าสู่กระบวนการพัฒนาการ มันเป็นเรื่องยากในการลำดับขั้นของสปิริต.

เมื่อมาคิดถึงค่าตอบแทนจากสกิล ‘การสื่อสารกับสปิริต’แล้วขั้นต่ำจะได้500แต้ม ขั้นกลาง5,000แต้ม และขั้นสูง500,000แต้ม.มันเพิ่มถึง100เท่าเมื่อมันเลยจากระดับกลาง.

หลังจากการฝึกที่สูญเปล่าของยิฮิแล้ว พวกสปิริตได้รู้วิธีการสื่อสารของพวกเขา ตอนแรกผมกำหนดให้มนุษย์ที่เหมาะสมทำสัญญาด้วย แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว.

อเวคได้เติบโตขึ้นจากต้นไม้แห่งชีวิตและความตายดังนั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมของสปิริตในทำสัญญา.

'สัญญาทั้งสองจะทำให้มนุษย์เคลื่อนไหวได้มากขึ้น.’

สปิริตว่าหนึ่งแสนตนก็พร้อมที่จะทำสัญญากับผมแล้ว.

มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ผมเดาว่าเป็นเพราะแก่นแท้เปลวเพลิงที่อยู่ในร่างกายของผม.

ดัวยเหตุผลนี้ผมจึงสามารถทำลายสัญญาครั้งที่สองของมนุษย์ได้ถ้าผมต้องการ

มันดีพอที่จะส่งสปิริตออกไปและเดินตามหลังมนุษย์อย่างเงียบๆ.

“พ่อ.โปรดให้เซราและผมเป็นผู้ทำสัญญา.”

“ใช่ ได้โปรด.”

เรอิและเซร่าที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมาหาผม

ทั้งสองตอนนี้กลายร่างได้เหมือนกับมนุษย์แล้ว เหมือนกับชื่อของพวกเขาร่างกายของพวกเขาเหมือนกับหนุ่มสาวตามปกติ แต่ต่างตรงที่ผมของพวกเขาเป็นเปลวไฟ.

ผมนั่งอยู่บนเก้าที่ทำด้วยหินใกล้ต้นไม้ดั้งเดิม.

มันเป็นครั้งแรกที่ผมนั่งลงโดยไม่มีความกังวลใดๆ.

ผมมักจะให้เวลาในการฝึก...แต่ผมรู้สึกไม่มีแรงบัลดาลใจเนื่องจากการกลืนกินโคลนของผม.

มันไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดี

อย่างไรก็ตามเรอิและเซร่าได้มากวนการหยุดพักผ่อนครั้งแรกของผม

"คุณกำลังขอให้ผมไปหาพวกเขาด้วยไหม?”

"นะ-นั่น...ไม่มีเด็กคนไหนได้ทำสัญญามาก่อน เราเลยอยากจะลองทำเป็นคนแรก...”

"ฉันขอโทษ...”

เรอิและเซร่ารู้สึกถึงความโกรธของผมและหกตัวลง.

ผมกลับลงมานั่งและลูบหน้าผากของผม.

“ดังนั้นคุณเลยต้องการทำสัญญา?”

“ใช่. มันเพียงพอที่เราจะแสดงให้เด็กๆเห็นเราเชื่อต่อกันเพื่อที่จะได้รับความรู้.”

"ถูกต้อง."

เรอิตอบอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้.

'นั่นเป็นอุปสรรค.’

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้วิธีสื่อสาร แต่สปิริตไฟไม่ได้ออกจากดันเจี้ยน การหาคนทำสัญญาเองก็ยากเหมือนกัน.

นั่งเป็นเหตุผลที่เรอิและเซร่ามาหาผมเพื่อที่จะขอความรู้คำแนะนำจากผม ที่กำลังนั่งนิ่งๆมองเอื่อยๆ

‘เรอิและเซร่าเป็นคนทำสัญญา...’

ทั้งสองพิเศษ พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่พัฒนาการและปฏิบัติต่อผมอย่างสุดยอด มีการเจริญเติบโตมากที่สุดในหมู่ขั้นกลาง ในอานาคตอันใกล้นี้พวกเขาอาจจะเป็นสปิริตขั้นสูง.

การทำสัญญาครั้งแรกมีความสำคัญมากดังนั้นมันจึงไม่เป็นอันตรายต่อการที่จะหาคนพิเศษสำหรับพวกเขา มีเหตุผลที่ดีในการกำหนดตัวอย่าง.

แต่ผมไม่คิดว่าจะมีสักคนที่เหมาะสม.

อึนเฮย์และเอ็ดเวิร์ด?

ทั้งสองคนจะได้รับประโยชน์อย่างมากหากพวกเขาได้รับสปิริตขั้นกลาง.

โดยปกติแล้วสปิริตควรจะเข้าหาคนที่พร้อมจะทำสัญญาและโตขึ้นพร้อมกับเมื่อการต่อสู้ร่วมกัน ทั้งสองคนที่ขัดเกลาเทคนิคขั้นพื้นฐานของพวกเขาแล้วดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ต่อสปิริต.

สปิริตยังกินพลังเวทย์มากมาย

‘ยูราและมินจี.’

ผมพยักหน้า.

พูดตามตรงพวเขาอยู่ถายใต้ผม แต่มนุษย์อยู่นอกดันเจี้ยน.

‘นี่อาจจะสามารถแกปัญหาจองมินจีได้.’

สปิริตได้ช่วยเหลืออย่างมากในการฟื้นฟูจิตวิญญาณยิฮิ มินจีก็ได้สูญเสียจิตวิญญาณเช่นกัน.

ทั้งสองเป็นอเวคและนักบุญที่แข็งแกร่งมาก ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาร่วมมือกันก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ผมรู้เรื่องนี้ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะใช้มัน

เพื่อที่จะทำแบบนั้นจำเป็นต้องให้ตัวตนของเธอฟื้นฟู

‘ตอนนี้พวกเขาอยู่นอกดันเจี้ยน ดังนั้นฉันต้องไปหาเขาก่อน.’

คิมยูราออกจากดันเจี้ยนเพื่อให้น้องสาวของเธอกลับมาเป็นปกติ เธอหวังว่าการเห็นสถานที่คุ้นเคยอาจจะกระตุ้นอะไรเธอได้บ้าง ผมหร้อมแล้วที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่ท่ามกลางฝูงชน.

เงื่อไขทั้งหมดครบถ้วน.

“ตามผมมา ผมจะพาคุณไปหาคนที่จะทำสัญญา.”

“ค่ะพ่อ.”

"ฉันตื่นเต้น!”

ผมหัวเราะและเริ่มเดินออกไป

เรอิและเซร่าเดินตามาข้างหลังของผม.

ยูราที่กำลังเดินไปรอบเกาหลีใต้เพื่อหาวิธีช่วยน้องสายของเธอ.

เธอมีความหวังว่าจะได้เดินกับน้องสาว.

หลังจากที่เธอกลายเป็นอเวค บาดแผลของเธอก็ฟื้นฟูและความแข็งแกร่งของเธอก็เยี่ยมมาจนสามารถเดินได้นานหลายชั้วโมง โชคชะตาของพวกเขาพลิกกลับและมินจีกลายเป็นคนนั่งรถเข็น.

"นี่ไม่ใช่สถานที่เยี่ยมไปเลยหรอกหรอ?”

อาคารถูกทำลายและรกร้างบางส่วน ยูราก็มีความยินดี แม้ว่าน้องสาวของเธอจะยังไม่อยู่ในสภาพที่ปกติแต่เธอยังมีชีวิตอยู่.

มันเป็นที่ปัญหาของเธอเท่านั้น ‘จิตวิญญาณ’

ผิวหนังส่วนร่างของเธอเป็นมาจากร่างกายเทียมแต่มันก็ดูไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ.

‘ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้ช่วยชีวิต.’

มันยากจะเชื่อได้ว่าเขาเป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์แต่...เขาเป็นผู้ที่มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอและยังช่วยชีวิตน้องสาวของเธอ.

นอกจากนี้่เขายังเป็นผู้ช่วยชีวิต

ยูราคิดว่ามันคงจะมีเหตุผลสำหรับเขาที่กลายเป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์.

เขาเป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระเพื่อช่วยโลกใบนี้.

ถ้าไม่ใช่ ยูราก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆถ้าเขาเป็นศัตรูของมนุษย์.

ตอนนี้น้องสาวของเธอต้องมาก่อน.

เธอไม่สงสัยเลยว่าน้องสาวของเธอจะต้องกลับมาเป็นปกติ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่สมควรถูกเรียกว่านักบุญ.

"ถึงเวลาที่เราต้องออกเดินทางแล้ว เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว”

ยูรามองไปรอบๆ

ผู้คนเดินผ่านไปมารอบๆข้างของเธอ

นอกจากนี้พวกเขายังคำนับเธอทุกครั้งที่พวกเขายูรา

“อาคุณนักบุญ คุณกำลังเดินเล่น?”

“คุณนักบุญ! ไหล่ของฉันสบายดีมากแล้ว ขอบคุณมาก.”

ยูราตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ.

นักบุญ.ในความเป็นจริงการรักษาของเธอแข็งแกร่งกว่าคนที่มีอาชีพเป็น ‘นักบวช’ เสียอีกเธอสามารถรักษาโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้กลับมาเป็นปกติ มันเป็นเหมือนกับปฏิหาร.

ตอนแรกเธอฟื้นฟูผู้ที่บาดเจ็บเพียงอย่างเดียว แต่ข่าวลือก็แพร่กระจายออกไปมีหลายคนมาหาเธอ ในขณะเดียวกันเธอก้ถูกเรียกว่านักบุญ.

ความเป็นจริงเธอก็เป็นนักบุญ

‘ไม่มีเวลามากพอที่จะมาทอดน่องอยู่ที่นี่...’

ตาของยูราหมองลง.

จากช่วงเวลานั้นบ้านของเธอคือดันเจี้ยน หน้าอกของเธอรู้สึกแน่นหลังจากที่เธอออกจากดันเจี้ยน เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอเดาว่ามันเกี่ยวกับผู้ช่วยชีวิต.

ยูราต้องแก้ปัญหาน้องสาวของเธอให้ได้โดยไวที่สุดเพื่อที่จะให้น้องสาวของเธอกลับมา

การใช้เวลาข้าวนอกนี้จะกลายเป็นความอับอาย เธอไม่สามารถพูดขอบคุณได้.

‘ฉันต้องออกไปอย่างเงียบๆในตอนเย็น.’

ยูราตัดสินใจ

เธออยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว.

ผู้คนเคนชินกับเธอ แต่พวกเขาจะเปลี่ยนไปเมื่อเธอออกไป

“มินจีท้องฟ้าสดใสหรือป่าว? ฉันได้ยินเสียงร้องของแมลงด้วย.”

คิมยูราตัดสินใจภายในใจของเธอและพูดคุยกับน้องสาวของเธอ ไม่มีคำตอบใดๆแต่เธอก็พูดต่อ.

ดวงอาทิดตย์กำลังตกและดวงจันทร์กำลังขึ้น.

มันเป็นตอนเย็นแน่นอน ถีงเวลาแล้วที่ทุกคนจะไปนอน

ยูราออกจากหมู่บ้านอย่างเงียบๆ

‘ฉันเสียใจเล็กน้อย.’

ชาวบ้านมีอารมณ์ที่ดี.

พวกเขาได้ยินข่าวลือว่าเธอเป็นนักบุญดังนั้นพวกเขาจึงให้บ้านและอาหารกับเธอ เธอต้องรักษาผู้ป่วยเป็นบางครั้ง เธอสามารถใช้เวลาอบู่กับน้องสาวของเธอได้อย่างสบายใจดังนั้นเธอจึงไม่ใส่กับการรักษาเท่าไรนัก.

“มินจีเราต้องข้ามภูเขา ระวังมันอาจจะไม่สะดวกสบายนัก.”

วิธีเดียวที่จะออกจากหมู่บ้านคือการข้ามภูเขา มันเป็นสถานที่ยากลำบากในการปีนขึ้นพร้อมรถเข็น แต่ยูราเป็นอเวคแล้ว.

เธอสามารถพามันไปด้วยแรงของเธอทั้งหมด

กึก! กรึก!

เสียงจากก้อนหินสะท้อนเข้ามาในหู

พวกเขากำลังปีนภูเขาและยูราขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นเลือด

‘แน่นอน...มันเป็นกลิ่นเเลือดที่ออกจากตัวคนเล้กน้อย'

แม้ว่าเธอจะไม่ชอบกลิ่นนี้แต่มันก็ไม่สามารถช่วยได้

ถ้ามีคนบาดเจ็บยูราจำเป็นต้องช่วยพวกเขา

เธอเดินต่อมาเป็นเวลาห้านาทีและมาถึงต้นตอของกลิ่นเลือด

ขณะเดียวกันยูราก็หมดคำพูด

"แกไม่ใช่แค่คนกระจอก?แกควรจะตาย.”

"เฮ้ นี่มันเป็นความพยายามที่ไร้สาระ ความพยายามที่ไร้สาระ อเวคสามารถใช้ดาบได้ดีกว่า ฉันเจ็บขา”

"คนที่บาดเจ็บจะไปหานักบุญในตอนเช้า คุณนักบุญของเราจะช่วยรักษาคุณ"

ร่างกายคนนึงกำลังนอนอยู่ที่พื้นในขณะที่อกคนอยู่ด้านบนตัวเขา

พวกเขาเป็นคนจากหมู่บ้าน.

พวกเขาดูเหมือนจะล่ามนุษย์ด้วยกัน

เป๊าะ!

รถเข็นที่เดินเข้ามาเหยียบกิ่งไม้

ในเวลาเดียวกันขาวบ้านก็หัวมามองที่ยูรา

“หืม? คุณนักบุญ?”

"คุณจะไปไหนตอนกลางคืน?”

ตาของพวกเขาลอยๆ พวกเขากำลังเมายา.

ยูราคมวดคิ้วแล้วพูด

“นี้...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงสู้กันเอง?”

แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้แต่ความคิดของเขาก็สบายๆ

พวกเขายักไหล่และหัวเราะยูรา

“นั่น? เราต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ มันไม่สามารถช่วยได้”

"ถึงอย่านั้นคุณนักบุษก็จับพวกเราได้แล้ว คุณนักบุญเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อัตราการตายลดลงอย่างมากหลังจากที่คุณนักบุญมา.”

“คิคิ! คุณนักบุญส่วนนี้ฉันได้รับบาดเจ็บดังนั้นคุณสามารถรักษามันได้หรือไม่?”

พวกเขาไม่ลังเลที่จะพูดเรื่องตลกหื่นๆออกมา.

‘บ้า.’

แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังเมา

ขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นอันตราย

เธอไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร

แปดคน เธอสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้หรือไม่?

‘ฉันต้องทำ.’

เธออาจจะตายแต่น้องสาวของเธอไม่อาจหนีไปได้.

‘ดังนั้น..นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่เชื่อในตัวผู้คน.’

คนที่ดูดีอาจจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายได้.

ยูราผูกรถเข็นไว้กับต้นไม้อย่างแน่นหนาและกัดปากของเธอ

พวกเขายังคงพูดต่อ

"มันเป็นเรื่องลำบากเล็กน้อยถ้าจะสู้กับคุณ ถ้าขาของคุณถูกตัดคุณจะยังรักษามันได้อยู่หรือไม่?”

"เรากำลังจะตัดมัน?”

“คุณโง่ แน่นอน เซลจะตายก่อนหรือว่ามันต่อได้ก่อน?”

"เด็กนั่นมีสีแปลกๆ...ฮุฮุฮุ ในขณะเดียวกันฉันได้เรียนรู้วิธีป้องกันจากความตาย ความจริงแล้วมันก็แค่คนที่มีชื่อเสียงคนนึง?”

"ฉันจะเริ่มก่อน ควรให้เกรียติผู้สูงอายุก่อน.”

มันเป็นการพูดการเหมือนกับคนเหนื่อย พวกเขากำลังเข้ามาใกล้ในทุกขณะ

ยูราได้เอามีดเล็กๆออก เธอไม่มีสกิลอื่นและนำมันมาใช้ป้องกันตัว แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไร.

การเป็นอเวคทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าคนที่เป็นอเวคจะเป็นเธอแต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ง่าย มันจะเป็นปัญหาถ้าเธอจะถูกจับ แต่เธอไม่สามารถให้พวกเขาแตะต้องน้องของเธอได้

"มันกระตุ้นฉัน.”

"คุณจะแทงฉันเมื่อฉันเข้าใกล้?”

“ไอกู ~ ฉันกลัว!”

ในสายตายูราเป็นเหมือนกับของเล่น

'ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกทำร้ายได้.’

ยูราทำจิตใจให้สงบมากที่สุด เธอเคยประสบความเลวร้ายมากที่สุดมาแล้วในชีวิตเธอดังนั้นเธอจึงไม่หวาดกล้ว ในตอนนี้มันจะเป็นการดีที่เธอจะโจมตีก่อนที่เธอจะรอ.

อัค!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด