Chapter 191: Spirit Contract (1)
Chapter 191: Spirit Contract (1)
การเติบโตของสปิริตเป็นไปด้วยอย่างราบรื่น.
เรอิและเซร่าไม่ใช่สปิริตระดับกลางเพียงฝ่ายเดียวอีกแล้วตอนนี้มีกว่า10ที่ไปถึงขั้นนั้น.สปิริตได้พัฒนาตัวตนและไม่ได้พึ่งพาผมอีกต่อไป.
มีความแตกต่างระหว่างสปิริตด้วยคืออย่างน้อยขั้นต่ำสุด,ขั้นต่ำและขั้นกลาง.ไม่มีสปิริตตนไหนสามารถพัฒนามากไปกว่านี้.
ประสบการณ์คือประสบการณ์ แต่พวกเขาต้องผ่านโอกาศพิเศษเพื่อเข้าสู่กระบวนการพัฒนาการ มันเป็นเรื่องยากในการลำดับขั้นของสปิริต.
เมื่อมาคิดถึงค่าตอบแทนจากสกิล ‘การสื่อสารกับสปิริต’แล้วขั้นต่ำจะได้500แต้ม ขั้นกลาง5,000แต้ม และขั้นสูง500,000แต้ม.มันเพิ่มถึง100เท่าเมื่อมันเลยจากระดับกลาง.
หลังจากการฝึกที่สูญเปล่าของยิฮิแล้ว พวกสปิริตได้รู้วิธีการสื่อสารของพวกเขา ตอนแรกผมกำหนดให้มนุษย์ที่เหมาะสมทำสัญญาด้วย แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว.
อเวคได้เติบโตขึ้นจากต้นไม้แห่งชีวิตและความตายดังนั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมของสปิริตในทำสัญญา.
'สัญญาทั้งสองจะทำให้มนุษย์เคลื่อนไหวได้มากขึ้น.’
สปิริตว่าหนึ่งแสนตนก็พร้อมที่จะทำสัญญากับผมแล้ว.
มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ผมเดาว่าเป็นเพราะแก่นแท้เปลวเพลิงที่อยู่ในร่างกายของผม.
ดัวยเหตุผลนี้ผมจึงสามารถทำลายสัญญาครั้งที่สองของมนุษย์ได้ถ้าผมต้องการ
มันดีพอที่จะส่งสปิริตออกไปและเดินตามหลังมนุษย์อย่างเงียบๆ.
“พ่อ.โปรดให้เซราและผมเป็นผู้ทำสัญญา.”
“ใช่ ได้โปรด.”
เรอิและเซร่าที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมาหาผม
ทั้งสองตอนนี้กลายร่างได้เหมือนกับมนุษย์แล้ว เหมือนกับชื่อของพวกเขาร่างกายของพวกเขาเหมือนกับหนุ่มสาวตามปกติ แต่ต่างตรงที่ผมของพวกเขาเป็นเปลวไฟ.
ผมนั่งอยู่บนเก้าที่ทำด้วยหินใกล้ต้นไม้ดั้งเดิม.
มันเป็นครั้งแรกที่ผมนั่งลงโดยไม่มีความกังวลใดๆ.
ผมมักจะให้เวลาในการฝึก...แต่ผมรู้สึกไม่มีแรงบัลดาลใจเนื่องจากการกลืนกินโคลนของผม.
มันไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดี
อย่างไรก็ตามเรอิและเซร่าได้มากวนการหยุดพักผ่อนครั้งแรกของผม
"คุณกำลังขอให้ผมไปหาพวกเขาด้วยไหม?”
"นะ-นั่น...ไม่มีเด็กคนไหนได้ทำสัญญามาก่อน เราเลยอยากจะลองทำเป็นคนแรก...”
"ฉันขอโทษ...”
เรอิและเซร่ารู้สึกถึงความโกรธของผมและหกตัวลง.
ผมกลับลงมานั่งและลูบหน้าผากของผม.
“ดังนั้นคุณเลยต้องการทำสัญญา?”
“ใช่. มันเพียงพอที่เราจะแสดงให้เด็กๆเห็นเราเชื่อต่อกันเพื่อที่จะได้รับความรู้.”
"ถูกต้อง."
เรอิตอบอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้.
'นั่นเป็นอุปสรรค.’
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้วิธีสื่อสาร แต่สปิริตไฟไม่ได้ออกจากดันเจี้ยน การหาคนทำสัญญาเองก็ยากเหมือนกัน.
นั่งเป็นเหตุผลที่เรอิและเซร่ามาหาผมเพื่อที่จะขอความรู้คำแนะนำจากผม ที่กำลังนั่งนิ่งๆมองเอื่อยๆ
‘เรอิและเซร่าเป็นคนทำสัญญา...’
ทั้งสองพิเศษ พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่พัฒนาการและปฏิบัติต่อผมอย่างสุดยอด มีการเจริญเติบโตมากที่สุดในหมู่ขั้นกลาง ในอานาคตอันใกล้นี้พวกเขาอาจจะเป็นสปิริตขั้นสูง.
การทำสัญญาครั้งแรกมีความสำคัญมากดังนั้นมันจึงไม่เป็นอันตรายต่อการที่จะหาคนพิเศษสำหรับพวกเขา มีเหตุผลที่ดีในการกำหนดตัวอย่าง.
แต่ผมไม่คิดว่าจะมีสักคนที่เหมาะสม.
อึนเฮย์และเอ็ดเวิร์ด?
ทั้งสองคนจะได้รับประโยชน์อย่างมากหากพวกเขาได้รับสปิริตขั้นกลาง.
โดยปกติแล้วสปิริตควรจะเข้าหาคนที่พร้อมจะทำสัญญาและโตขึ้นพร้อมกับเมื่อการต่อสู้ร่วมกัน ทั้งสองคนที่ขัดเกลาเทคนิคขั้นพื้นฐานของพวกเขาแล้วดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ต่อสปิริต.
สปิริตยังกินพลังเวทย์มากมาย
‘ยูราและมินจี.’
ผมพยักหน้า.
พูดตามตรงพวเขาอยู่ถายใต้ผม แต่มนุษย์อยู่นอกดันเจี้ยน.
‘นี่อาจจะสามารถแกปัญหาจองมินจีได้.’
สปิริตได้ช่วยเหลืออย่างมากในการฟื้นฟูจิตวิญญาณยิฮิ มินจีก็ได้สูญเสียจิตวิญญาณเช่นกัน.
ทั้งสองเป็นอเวคและนักบุญที่แข็งแกร่งมาก ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาร่วมมือกันก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ผมรู้เรื่องนี้ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะใช้มัน
เพื่อที่จะทำแบบนั้นจำเป็นต้องให้ตัวตนของเธอฟื้นฟู
‘ตอนนี้พวกเขาอยู่นอกดันเจี้ยน ดังนั้นฉันต้องไปหาเขาก่อน.’
คิมยูราออกจากดันเจี้ยนเพื่อให้น้องสาวของเธอกลับมาเป็นปกติ เธอหวังว่าการเห็นสถานที่คุ้นเคยอาจจะกระตุ้นอะไรเธอได้บ้าง ผมหร้อมแล้วที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่ท่ามกลางฝูงชน.
เงื่อไขทั้งหมดครบถ้วน.
“ตามผมมา ผมจะพาคุณไปหาคนที่จะทำสัญญา.”
“ค่ะพ่อ.”
"ฉันตื่นเต้น!”
ผมหัวเราะและเริ่มเดินออกไป
เรอิและเซร่าเดินตามาข้างหลังของผม.
ยูราที่กำลังเดินไปรอบเกาหลีใต้เพื่อหาวิธีช่วยน้องสายของเธอ.
เธอมีความหวังว่าจะได้เดินกับน้องสาว.
หลังจากที่เธอกลายเป็นอเวค บาดแผลของเธอก็ฟื้นฟูและความแข็งแกร่งของเธอก็เยี่ยมมาจนสามารถเดินได้นานหลายชั้วโมง โชคชะตาของพวกเขาพลิกกลับและมินจีกลายเป็นคนนั่งรถเข็น.
"นี่ไม่ใช่สถานที่เยี่ยมไปเลยหรอกหรอ?”
อาคารถูกทำลายและรกร้างบางส่วน ยูราก็มีความยินดี แม้ว่าน้องสาวของเธอจะยังไม่อยู่ในสภาพที่ปกติแต่เธอยังมีชีวิตอยู่.
มันเป็นที่ปัญหาของเธอเท่านั้น ‘จิตวิญญาณ’
ผิวหนังส่วนร่างของเธอเป็นมาจากร่างกายเทียมแต่มันก็ดูไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ.
‘ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้ช่วยชีวิต.’
มันยากจะเชื่อได้ว่าเขาเป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์แต่...เขาเป็นผู้ที่มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอและยังช่วยชีวิตน้องสาวของเธอ.
นอกจากนี้่เขายังเป็นผู้ช่วยชีวิต
ยูราคิดว่ามันคงจะมีเหตุผลสำหรับเขาที่กลายเป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์.
เขาเป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระเพื่อช่วยโลกใบนี้.
ถ้าไม่ใช่ ยูราก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆถ้าเขาเป็นศัตรูของมนุษย์.
ตอนนี้น้องสาวของเธอต้องมาก่อน.
เธอไม่สงสัยเลยว่าน้องสาวของเธอจะต้องกลับมาเป็นปกติ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่สมควรถูกเรียกว่านักบุญ.
"ถึงเวลาที่เราต้องออกเดินทางแล้ว เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว”
ยูรามองไปรอบๆ
ผู้คนเดินผ่านไปมารอบๆข้างของเธอ
นอกจากนี้พวกเขายังคำนับเธอทุกครั้งที่พวกเขายูรา
“อาคุณนักบุญ คุณกำลังเดินเล่น?”
“คุณนักบุญ! ไหล่ของฉันสบายดีมากแล้ว ขอบคุณมาก.”
ยูราตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ.
นักบุญ.ในความเป็นจริงการรักษาของเธอแข็งแกร่งกว่าคนที่มีอาชีพเป็น ‘นักบวช’ เสียอีกเธอสามารถรักษาโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้กลับมาเป็นปกติ มันเป็นเหมือนกับปฏิหาร.
ตอนแรกเธอฟื้นฟูผู้ที่บาดเจ็บเพียงอย่างเดียว แต่ข่าวลือก็แพร่กระจายออกไปมีหลายคนมาหาเธอ ในขณะเดียวกันเธอก้ถูกเรียกว่านักบุญ.
ความเป็นจริงเธอก็เป็นนักบุญ
‘ไม่มีเวลามากพอที่จะมาทอดน่องอยู่ที่นี่...’
ตาของยูราหมองลง.
จากช่วงเวลานั้นบ้านของเธอคือดันเจี้ยน หน้าอกของเธอรู้สึกแน่นหลังจากที่เธอออกจากดันเจี้ยน เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอเดาว่ามันเกี่ยวกับผู้ช่วยชีวิต.
ยูราต้องแก้ปัญหาน้องสาวของเธอให้ได้โดยไวที่สุดเพื่อที่จะให้น้องสาวของเธอกลับมา
การใช้เวลาข้าวนอกนี้จะกลายเป็นความอับอาย เธอไม่สามารถพูดขอบคุณได้.
‘ฉันต้องออกไปอย่างเงียบๆในตอนเย็น.’
ยูราตัดสินใจ
เธออยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว.
ผู้คนเคนชินกับเธอ แต่พวกเขาจะเปลี่ยนไปเมื่อเธอออกไป
“มินจีท้องฟ้าสดใสหรือป่าว? ฉันได้ยินเสียงร้องของแมลงด้วย.”
คิมยูราตัดสินใจภายในใจของเธอและพูดคุยกับน้องสาวของเธอ ไม่มีคำตอบใดๆแต่เธอก็พูดต่อ.
ดวงอาทิดตย์กำลังตกและดวงจันทร์กำลังขึ้น.
มันเป็นตอนเย็นแน่นอน ถีงเวลาแล้วที่ทุกคนจะไปนอน
ยูราออกจากหมู่บ้านอย่างเงียบๆ
‘ฉันเสียใจเล็กน้อย.’
ชาวบ้านมีอารมณ์ที่ดี.
พวกเขาได้ยินข่าวลือว่าเธอเป็นนักบุญดังนั้นพวกเขาจึงให้บ้านและอาหารกับเธอ เธอต้องรักษาผู้ป่วยเป็นบางครั้ง เธอสามารถใช้เวลาอบู่กับน้องสาวของเธอได้อย่างสบายใจดังนั้นเธอจึงไม่ใส่กับการรักษาเท่าไรนัก.
“มินจีเราต้องข้ามภูเขา ระวังมันอาจจะไม่สะดวกสบายนัก.”
วิธีเดียวที่จะออกจากหมู่บ้านคือการข้ามภูเขา มันเป็นสถานที่ยากลำบากในการปีนขึ้นพร้อมรถเข็น แต่ยูราเป็นอเวคแล้ว.
เธอสามารถพามันไปด้วยแรงของเธอทั้งหมด
กึก! กรึก!
เสียงจากก้อนหินสะท้อนเข้ามาในหู
พวกเขากำลังปีนภูเขาและยูราขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นเลือด
‘แน่นอน...มันเป็นกลิ่นเเลือดที่ออกจากตัวคนเล้กน้อย'
แม้ว่าเธอจะไม่ชอบกลิ่นนี้แต่มันก็ไม่สามารถช่วยได้
ถ้ามีคนบาดเจ็บยูราจำเป็นต้องช่วยพวกเขา
เธอเดินต่อมาเป็นเวลาห้านาทีและมาถึงต้นตอของกลิ่นเลือด
ขณะเดียวกันยูราก็หมดคำพูด
"แกไม่ใช่แค่คนกระจอก?แกควรจะตาย.”
"เฮ้ นี่มันเป็นความพยายามที่ไร้สาระ ความพยายามที่ไร้สาระ อเวคสามารถใช้ดาบได้ดีกว่า ฉันเจ็บขา”
"คนที่บาดเจ็บจะไปหานักบุญในตอนเช้า คุณนักบุญของเราจะช่วยรักษาคุณ"
ร่างกายคนนึงกำลังนอนอยู่ที่พื้นในขณะที่อกคนอยู่ด้านบนตัวเขา
พวกเขาเป็นคนจากหมู่บ้าน.
พวกเขาดูเหมือนจะล่ามนุษย์ด้วยกัน
เป๊าะ!
รถเข็นที่เดินเข้ามาเหยียบกิ่งไม้
ในเวลาเดียวกันขาวบ้านก็หัวมามองที่ยูรา
“หืม? คุณนักบุญ?”
"คุณจะไปไหนตอนกลางคืน?”
ตาของพวกเขาลอยๆ พวกเขากำลังเมายา.
ยูราคมวดคิ้วแล้วพูด
“นี้...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงสู้กันเอง?”
แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้แต่ความคิดของเขาก็สบายๆ
พวกเขายักไหล่และหัวเราะยูรา
“นั่น? เราต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ มันไม่สามารถช่วยได้”
"ถึงอย่านั้นคุณนักบุษก็จับพวกเราได้แล้ว คุณนักบุญเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อัตราการตายลดลงอย่างมากหลังจากที่คุณนักบุญมา.”
“คิคิ! คุณนักบุญส่วนนี้ฉันได้รับบาดเจ็บดังนั้นคุณสามารถรักษามันได้หรือไม่?”
พวกเขาไม่ลังเลที่จะพูดเรื่องตลกหื่นๆออกมา.
‘บ้า.’
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังเมา
ขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นอันตราย
เธอไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร
แปดคน เธอสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้หรือไม่?
‘ฉันต้องทำ.’
เธออาจจะตายแต่น้องสาวของเธอไม่อาจหนีไปได้.
‘ดังนั้น..นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่เชื่อในตัวผู้คน.’
คนที่ดูดีอาจจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายได้.
ยูราผูกรถเข็นไว้กับต้นไม้อย่างแน่นหนาและกัดปากของเธอ
พวกเขายังคงพูดต่อ
"มันเป็นเรื่องลำบากเล็กน้อยถ้าจะสู้กับคุณ ถ้าขาของคุณถูกตัดคุณจะยังรักษามันได้อยู่หรือไม่?”
"เรากำลังจะตัดมัน?”
“คุณโง่ แน่นอน เซลจะตายก่อนหรือว่ามันต่อได้ก่อน?”
"เด็กนั่นมีสีแปลกๆ...ฮุฮุฮุ ในขณะเดียวกันฉันได้เรียนรู้วิธีป้องกันจากความตาย ความจริงแล้วมันก็แค่คนที่มีชื่อเสียงคนนึง?”
"ฉันจะเริ่มก่อน ควรให้เกรียติผู้สูงอายุก่อน.”
มันเป็นการพูดการเหมือนกับคนเหนื่อย พวกเขากำลังเข้ามาใกล้ในทุกขณะ
ยูราได้เอามีดเล็กๆออก เธอไม่มีสกิลอื่นและนำมันมาใช้ป้องกันตัว แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไร.
การเป็นอเวคทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าคนที่เป็นอเวคจะเป็นเธอแต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ง่าย มันจะเป็นปัญหาถ้าเธอจะถูกจับ แต่เธอไม่สามารถให้พวกเขาแตะต้องน้องของเธอได้
"มันกระตุ้นฉัน.”
"คุณจะแทงฉันเมื่อฉันเข้าใกล้?”
“ไอกู ~ ฉันกลัว!”
ในสายตายูราเป็นเหมือนกับของเล่น
'ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกทำร้ายได้.’
ยูราทำจิตใจให้สงบมากที่สุด เธอเคยประสบความเลวร้ายมากที่สุดมาแล้วในชีวิตเธอดังนั้นเธอจึงไม่หวาดกล้ว ในตอนนี้มันจะเป็นการดีที่เธอจะโจมตีก่อนที่เธอจะรอ.
อัค!